วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 10

ตอนที่ 10

ไตรภูมิขับรถเปิดประทุนมาหาปลายฉัตร ระหว่างทางเขาเหลือบมองห่อพระข้างๆ พลางพรายยิ้มอย่างตื่นเต้นที่จะได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ ปลายฉัตรลองชุดอยู่ที่บ้าน เปลี่ยนหลายชุดกว่าจะพอใจ ตามด้วยแต่งหน้าและทำผม

ส่วนอโนกำลังตื่นเต้นไม่แพ้กัน ที่จู่ๆรามโทร.มานัดออกไปดินเนอร์ เมื่อมายารู้ เธอแอบตามรามไป

รถไตรภูมิแล่นเข้ามาจอด จ่าดอนที่ดูต้นทางรีบบอกทุกคน ลุงฉิ่ง สิงห์ และมหากำลังจะพุ่งมาดูเป้าหมาย แต่ปลายฉัตร ร้องห้าม เธออาสาเดินออกไปรับไตรภูมิเอง

ไตรภูมิลงรถมาพร้อมกับกล่องผ้ากำมะหยี่ในมือ เมื่อเห็นปลายฉัตรในชุดสวยกว่าวันธรรมดา ก็อมยิ้มนิดๆ

"พอดีวันนี้เป็นวันเกิดลุงฉิ่ง วันพิเศษ ฉันก็เลยแต่งหน้า แต่งตัว...นิดๆหน่อยๆอ่ะ...แหะๆๆ"

"ฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไรสักหน่อย ตอบซะยาวเลย"

ปลายฉัตรพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ไตรภูมิยิ้ม แล้วก็ถามว่าจะยืนอยู่อีกนานเท่าใด เพราะญาติๆเธอคงอยากรู้ว่าทำอะไรกันอยู่ ปลายฉัตรนึกได้ มองตามไตรภูมิเข้าไปในบ้าน แล้วก็เห็นสิงห์ ลุงฉิ่ง มหา และจ่าดอนคอยชะเง้อชะแง้มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอส่งยิ้มเก้อ แล้วเชิญชายหนุ่มเข้าบ้าน

ลุงฉิ่งเงยหน้ามองยันต์สารพัดชนิดที่ติดอยู่เหนือประตูบ้าน แล้วบอกกับพรรคพวกอย่างมีความหวัง

"เอาวะ...เดี๋ยวก็รู้ว่ามันเป็นคนหรือเป็นอะไรกันแน่... ถ้าไม่ใช่คน ไอ้หน้าหล่อเข้ามาไม่ได้แน่"

"มาแล้วๆ" จ่าดอนกระซิบ

ลุงฉิ่งรีบละสายตาจากของขลัง หันมามองปลายฉัตรกับไตรภูมิที่กำลังเดินมา ท่าทางปลายฉัตรเงอะๆงะๆเหมือนพาแฟนมาเที่ยวบ้าน เธอแก้เขินด้วยการแนะนำให้ไตรภูมิรู้จักกับทุกคนอีกครั้ง ไตรภูมิก้มหน้านิดๆเป็นการทักทาย

"เราว่าพาเข้าบ้านกันเลยดีกว่า" สิงห์โพล่งออกมา

ปลายฉัตรเดินนำไตรภูมิเข้าไปในบ้าน ไตรภูมิขยับจะเดินตามแต่เห็นสายตาทั้ง 4 คู่จับจ้องมาที่ตนก็รู้สึกแปลกๆแต่พยายามจะไม่สนใจ

พวกลุงฉิ่งจ้องเขม็งลุ้นไตรภูมิที่กำลังก้าวผ่านกรอบประตูที่ติดสารพัดยันต์ แต่ไตรภูมิเดินเข้ามาในบ้านอย่างหน้าตาเฉย ทั้งสี่ยืนอึ้งรีบดึงกันออกไปสุมหัวเพราะด่านแรกพลาดไปแล้ว

แต่ยังมีด่านสองนั่นคือ วงล้อมสายสิญจน์ ทั้งหมดตามไปที่โต๊ะอาหารเพื่อดูท่าทีของไตรภูมิ เมื่อต้องเข้าไปนั่งในวงล้อมสายสิญจน์ที่โยงรอบโต๊ะและแต่ละมุมยังมียันต์ติดไว้อีกด้วย แต่แล้วไตรภูมิก็ก้าวเข้าไปนั่งในวงล้อมสายสิญจน์ และพูดคุยกับเฉิดอย่างสบายๆ

"ไม่มีกรีดร้องสักแอะ ดูท่าทางจะไม่ปวดแสบปวดร้อนสักกะนิด" ดอนเอ่ย

ลุงฉิ่งหันขวับมาทางดอน ดอนรีบหุบปาก สิงห์ลากลุงฉิ่งออกไปที่ห้องครัว มหากับดอนมองหน้ากันแล้วตามไป

"สี่คนนี้เขาเป็นอะไรของเขา ทำตัวแปลกๆ" ปลายฉัตร บ่น แล้วมองไปที่กล่องผ้าในมือไตรภูมิถามว่าอะไร

ไตรภูมิยิ้มๆแต่ไม่ตอบ

ooooooo

คณะพิสูจน์ผีดูดเลือดหลบมาปรึกษากันที่หน้าห้องครัว เพราะทั้งผ้ายันต์ทั้งสายสิญจน์ทำอะไรไตรภูมิไม่ได้

"ข้าว่า...จัดหนักเลยแล้วกัน...นี่...มันต้องเจอ...ชุดคอมโบ้" ลุงฉิ่งล้วงพระเครื่องที่ห้อยอยู่ประมาณยี่สิบองค์ออกมา
ทันใดนั้นเสียงปลายฉัตรก็ดังขึ้น

"ลุงฉิ่ง เลิกจับกลุ่มนินทากันได้แล้ว...คุณไตรภูมิเขามีของขวัญวันเกิดมาให้ลุงน่ะ" ปลายฉัตรเดินเข้ามา

ลุงฉิ่งหันมามองเห็นไตรภูมิเดินตามมาด้วย ในมือถือพระพุทธรูปองค์งาม

"เฮ้ย" ลุงฉิ่งสะดุ้งมองพระพุทธรูปในมือไตรภูมิ แล้วก็ก้มลงมองพระเครื่องที่ห้อยอยู่ ถึงกับหน้าเสีย

"อัญเชิญมาองค์เบ้อเร่อเหิ่มขนาดนี้...ผมว่าของพี่ฉิ่งเก็บไปเลยดีกว่า" ดอนออกความเห็น

ไตรภูมิเดินมาหาลุงฉิ่ง พร้อมกับส่งพระพุทธรูปให้ เป็นของขวัญวันเกิด

"ขอบคุณครับ..."

ลุงฉิ่งยิ้มแห้งๆ รับพระพุทธรูปมา เขาอึ้งเมื่อพิจารณาพระแล้ว เพราะเป็นพระเก่าสมัยสุโขทัยแท้ๆ มหากับดอนอดชื่นชมด้วยไม่ได้ ภาพนั้นขัดตาสิงห์ เขารีบเปลี่ยนเรื่องชวน ทุกคนทานอาหารแล้วเรียกจ่าดอนกับมหาตามไป

ลุงฉิ่งนึกได้หันมาทางไตรภูมิ "ขอบใจนะ...มาซะงามเลย...ขอวางไว้ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวมา" ฉิ่งวางพระพุทธรูปไว้ที่หิ้งข้างๆ แล้วก็เดินตามพรรคพวกเข้าไปในครัว

ปลายฉัตรหันมายิ้มให้ไตรภูมิ เธอดีใจที่ของขวัญของเขาถูกใจลุงฉิ่ง ไตรภูมิยิ้มตอบ แล้วสิงห์ก็โผล่หน้ามาเห็นพอดี เขาถึงกับจ๋อย

ขณะที่สิงห์กำลังจ๋อยอยู่นั้น อโนเดินเริงร่ามาหาสิงห์ที่ห้องทำงาน ตั้งใจจะมาบอกให้ไปรับที่ร้านอาหารหลังจากดินเนอร์กับราม แต่เมื่อไม่พบพี่ชาย อโนก็ยืนเซ็ง แล้วพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกองหนังสือที่มีเรื่องเกี่ยวกับผีดูดเลือดและแวมไพร์วางอยู่บนโต๊ะ อโนหยิบมาดูพลางบ่นพึมพำ

"พี่สิงห์เขากำลังทำคดีอะไรของเขา" แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภาพที่ติดอยู่บนบอร์ดด้านหน้ามีรูปไตรภูมิแปะอยู่ ตรงกลาง และมีภาพกร กัณฑ์ พาลี คีรี และเหยื่อบางส่วนติดอยู่รอบๆ

"ไตรภูมิ...ผีดูดเลือด...มันเกี่ยวอะไรกัน" อโนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ooooooo

ไตรภูมินั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปลายฉัตรนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เฉิดนั่งหัวโต๊ะ สามคนนั่งเงียบๆยิ้มกันไปมา ไม่รู้จะคุยอะไรกัน ปลายฉัตรชะเง้อๆไปในครัวเพราะยังไม่มีอะไรออกมา เธอเริ่มบ่นแล้วขอตัวเข้าไปดูพวกในครัว ปล่อยให้ไตรภูมินั่งอยู่กับเฉิด ไตรภูมินั่งเงียบไม่รู้จะคุยอะไร เฉิดจึงเป็นฝ่ายชวนคุย

เธอขอบคุณไตรภูมิที่ช่วยรับปลายฉัตรเข้าทำงาน และถามถึงสาเหตุที่เขาสะสมสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะ

ไตรภูมินิ่งคิดแล้วตอบว่า "ผมทำตามคำสั่งของคุณพ่อ... ก่อนเสียชีวิต ท่านสั่งให้ผมรวบรวมสมบัติทั้ง 117 ชิ้นที่หายไปจากถ้ำมังกรอมตะ ผมแค่ทำตามคำสั่งของท่าน...ก็เท่านั้นเอง" ไตรภูมิพูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่มีนัยแฝงเร้น เฉิดรับฟังและเชื่อตามนั้น

พวกสิงห์ ฉิ่ง ดอน และมหาที่สุมหัวกันอยู่ในครัว เมื่อเห็นว่าวิธีแบบไทยของลุงฉิ่งไม่ได้ผลก็ตกลงใช้วิธีแบบอินเตอร์ ของมหากับสิงห์แทน

"ไม้กางเขนปราบผีฝรั่ง น้ำมนต์จากโบสถ์ ข้าไปขอมาจากบาทหลวง ทำพิธีเรียบร้อย ถ้าโดนตัวรับรองปวดแสบ ปวดร้อน ร้องกรี๊ดๆเหมือนในหนังแน่นอน" มหาหยิบไม้กางเขนกับขวดน้ำมนต์ขึ้นมาโชว์

"ส่วนเรื่องกระเทียม ผมจัดเตรียมไว้เรียบร้อย ชุดใหญ่" สิงห์พูดต่อ

"อะๆ ลองดูกันอีกสักที จะได้หายค้างคาใจ" ลุงฉิ่งสรุป

แล้วปลายฉัตรโผล่หน้าเข้ามาถามว่าทำอะไรกัน คณะพิสูจน์ทราบตกใจไปตามๆกัน

"ไอ้ปลาย วันนี้เป็นอะไร ชอบย่องมาไม่บอกไม่กล่าว" ลุงฉิ่งรีบกลบเกลื่อน

"แล้ววันนี้ลุงเป็นอะไร ว่างเป็นจับกลุ่มเม้าท์ เป็นเจ้าของวันเกิดไม่ใช่เหรอ หายเฉย ปล่อยให้ฉันรับหน้าอยู่กับแม่แค่
สองคน สิงห์ก็เหมือนกัน เป็นคนเอ่ยปากชวนเขามา แล้วทำไมไม่ไปดูแล ถ้าชวนมาทิ้งๆขว้างๆแบบนี้ ทีหลังก็ไม่ต้องชวน แล้วนี่อาหารเรียบร้อยหรือยัง" ปลายฉัตรใส่เป็นชุด

"สะ...เสร็จแล้ว กำลังจะยกไป" สิงห์รีบบอก แล้วไล่ให้ปลายฉัตรออกไปรอข้างนอก

ปลายฉัตรพยักหน้ารับ และเดินกลับออกไป

"ทุกคนพร้อมหรือเปล่า ด่านสุดท้าย...เดี๋ยวก็รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่" สิงห์ให้กำลังใจ

สิงห์ ลุงฉิ่ง มหา และจ่าดอนช่วยกันลำเลียงอาหารเกือบ สิบอย่างมาวางบนโต๊ะ ปลายฉัตรเห็นเข้าก็โวย

"ทำไมมีแต่กระเทียม นี่ก็ไก่ทอดกระเทียม หมูทอดกระเทียม ผัดต้นกระเทียม แล้วนี่ก็กระเทียมดิบเป็นถ้วยเลย กะว่ากินแล้วไม่ต้องคุยกันเลยหรือไง เหม็นปากแย่"

สิงห์อึกๆอักๆอ้างว่าลุงฉิ่งเป็นโรคความดัน หมอเลยสั่งให้กินกระเทียมเยอะๆ ก็เลยจัดให้

ลุงฉิ่งเลิ่กลั่กแล้วก็รับมุก "เอ้อ...ใช่ เพิ่งไปตรวจ อู้ยยย... ความดันสูงมาก สูงปรี๊ดทุบสถิติโลก...หมอเลยให้กินกระเทียมเยอะๆ มาๆกินๆกันดีกว่า กินกระเทียมจะได้สุขภาพดี กินๆ" ลุงฉิ่งเปลี่ยนเรื่องไปอย่างแนบเนียน

ทุกคนเริ่มลงมือกิน สิงห์จับจ้องอยู่ที่ไตรภูมิ ไม่เห็นเขาแตะอะไรก็ถามแบบกวนๆว่าทำไมไม่กิน

ไตรภูมิมองอาหาร แล้วก็มองหน้าสิงห์ แต่ไม่ตอบ ปลายฉัตรพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ

"คุณ...ถ้าไม่อยากกินก็ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ..."

"ไม่ได้ ต้องกิน เราอุตส่าห์ตั้งใจทำ แล้ววันนี้ก็...วันเกิด ลุงฉิ่งด้วย ถ้าไม่กินก็ไม่ให้เกียรติ" สิงห์อ้าง

"เล่นกระหน่ำใส่กระเทียมขนาดนี้ ถ้าไม่กินลุงฉิ่งก็เข้าใจ ดีซะอีกจะได้ไม่มีคนแย่งกินกระเทียม ใช่ไหมลุง" ปลายฉัตรหาพวก

ฉิ่งจำต้องพยักหน้ารับแล้วเข้าแผนใหม่ ด้วยการลุกไปรินน้ำมาให้ไตรภูมิดื่มแทน มหา จ่าดอน และสิงห์มองอย่างลุ้นๆเพราะรู้ว่าเป็นน้ำมนต์ และในจังหวะที่ใกล้ที่สุด ลุงฉิ่งก็แกล้งทำเป็นสะดุดขาตัวเองแล้วเทน้ำมนต์ลงบนตัวของไตรภูมิ ไตรภูมิเบี่ยงหน้านิดๆ พร้อมกับหลับตาด้วยสัญชาตญาณ

วินาทีนั้นเอง...ดอนกับสิงห์ก็หยิบถ้วยกระเทียมขึ้นมาแล้วก็สาดเข้าใส่ไตรภูมิพร้อมกัน ส่วนลุงมหาก็ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับชูไม้กางเขนใส่หน้าไตรภูมิและพูดขึ้นว่า "เจ้าปิศาจร้ายจงปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้"

ไตรภูมิค่อยๆลืมตา มองดูตัวเองที่เปียกปอน แถมยังมีกระเทียมบางส่วนติดอยู่ตามตัว

"คุณไตรภูมิ" ปลายฉัตรตกใจ

สิงห์ จ่าดอน มหา และลุงฉิ่ง ยังค้างอยู่ท่าเดิม เพราะแปลกใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไตรภูมิเลย ไตรภูมิสบตากับทั้งสี่คน

"ลุงฉิ่ง สิงห์ ลุงมหา จ่าดอน...ทำอะไรกันหะ" ปลายฉัตรตวาดลั่น

คณะสี่แสบมองหน้ากันจ๋อยๆ เฉิดนั่งหน้าเสีย ถึงแม้ ไม่เห็นแต่พอจะเดาออกว่าน่าจะแย่มาก

ไตรภูมิดูน้ำเปียกเสื้อผ้า กระเทียม และไม้กางเขน...ก็พอจะเข้าใจ แต่ไม่มีอาการตื่นตระหนกใดๆ ผิดกับปลายฉัตรที่มองหน้าสิงห์ ฉิ่ง ดอนและมหาด้วยความโกรธอย่างแรง

ooooooo

ปลายฉัตรออกมาส่งไตรภูมิที่รถ เธอขอโทษชายหนุ่มแทนทุกคน และรับปากว่าจะจัดการทั้งสี่คนให้

"ขอบใจมากที่เดือดร้อนแทนฉัน"

"ก็...คุณทำเพื่อฉันมาตั้งเยอะแล้ว ฉันก็อยากทำอะไรเพื่อคุณบ้าง คอยดูนะ...ฉันจะต้องถามให้รู้เรื่องให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" ปลายฉัตรตาวาว

ไตรภูมิแอบหวั่นเมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเธอ เมื่อไตรภูมิกลับไปแล้ว ปลายฉัตรก็เข้ามาจัดการกับสี่แสบทันที ลุงฉิ่ง มหาและจ่าดอนอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่ปลายฉัตรไม่เชื่อ จ่าดอนจึงโยนมาให้สิงห์เป็นคนอธิบาย

สิงห์อึกๆอักๆแล้วก็โพล่งออกมาว่า ทุกอย่างในวันนี้ พวกเขาตั้งใจ เพราะต้องการพิสูจน์ว่า ไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด แต่ปลายฉัตรไม่เชื่อ

"แต่เรามีอะไรให้ปลายดู ถ้าเห็นแล้ว...ปลายอาจจะเปลี่ยนความคิด" สิงห์สวนกลับ

ปลายฉัตรหันมาทางสิงห์ ถึงแม้จะยังเคืองอยู่แต่ก็อยากรู้ ทั้งสองสบตาแบบวัดใจกัน แล้วสิงห์ก็พาปลายฉัตรมาที่ห้องทำงานของเขาและนำบอร์ดคดีผีดูดเลือดมาให้ดูพร้อมอธิบายเรื่องราว ปลายฉัตรก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี

"เรารู้ว่ามันฟังดูแปลกๆแต่มันจริง" สิงห์ยืนยัน

"แต่คดีมันก็ยังไม่สมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นแค่การสันนิษฐาน แค่เห็นลูกน้องอยู่ในสถานที่ที่เคยมีการฆาตกรรมไม่ได้หมายความว่าเจ้านายจะเป็นฆาตกรสักหน่อย แล้วอีกอย่าง...

มีอะไรยืนยันได้ว่า...ผีดูดเลือดฆ่าผู้หญิงพวกนี้ แล้วมีอะไรยืนยันได้ว่า...คุณไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด" ปลายฉัตรถามกลับ

สิงห์ได้แต่ส่ายหน้า แล้วอ้างถึงคำสาปของถ้ำมังกรอมตะ

"ฉันรู้...แต่มันก็ยังพิสูจน์ไม่ได้อยู่ดี ว่าจะมีถ้ำนี้จริงๆ แล้วไอ้คำสาปที่ทำให้คนเป็นอะ-มะ-ตง...อมตะ มันเหลวไหล มันไม่มีจริง...เป็นตำรวจภาษาอะไร จับคนร้ายไม่ได้ ก็โยนให้เป็นความผิดของผี ไม่เอาแล้ว พอที ทั้งเรื่องผีดูดเลือด ฆาตกรรม แล้วยังจะมาคำสาปอีก... มันอยู่ไกลความจริงเกินไป...ไร้สาระ" ปลายฉัตรระอาใจ

"แต่ปลายก็เคยบอกลุงฉิ่งเองว่าไตรภูมิมีอะไรแปลกๆเหมือนไม่ใช่คน ปลายลืมไปแล้วเหรอ" สิงห์อ้าง

ปลายฉัตรชะงัก หยุดคิด แล้วเหตุการณ์ตอนเจอกับไตรภูมิครั้งแรกๆก็แวบเข้ามา เธอเริ่มมีแววตาหวั่นไหวแต่แล้วก็กำจัดออกไปได้อย่างรวดเร็ว

"ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้จักเขานี่"

"แล้วตอนนี้...รู้จักดีแล้วเหรอ"

"ก็ดีพอจะรู้ว่า...คุณไตรภูมิเป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นผีหรือปิศาจ หรือว่าอมนุษย์อะไรทั้งนั้น" ปลายฉัตรสรุปพลางหันไปหยิบกระเป๋าก้าวพรวดๆออกไป

"ถึงปลายไม่เชื่อเรา แต่เราอยากให้ปลายระวังตัว เราไม่อยากให้ปลายต้องเป็นแบบผู้หญิงพวกนี้" สิงห์ตะโกน

ปลายฉัตรชะงักนิดๆ แววตาเริ่มมีความหวาดหวั่น

ooooooo

อโนออกมาดินเนอร์กับรามตามนัด รามสั่งอาหารราคาแพง แต่ตัวเองกลับนั่งดู อโนถามดักคอเรื่องปลาย-ฉัตร รามหยอดคำหวานทำนองว่า วันนี้เขาไม่อยากรู้จักปลายฉัตร แต่อยากรู้จักอโนมากกว่า

"อยากรู้จักฉันจริงๆเหรอ" อโนยิ้มดีใจ

"ใช่...ผมอยากรู้จักคุณแล้วก็...ครอบครัวของคุณ โดยเฉพาะพี่ชายคุณคนที่เป็นตำรวจ" รามเข้าเรื่อง

อโนหลงกล เล่าเรื่องพี่ชายให้รามฟัง ครั้นรามซักเรื่องคดีที่สิงห์ทำอยู่ เธอก็หลุดปากบอกข้อมูลผีดูดเลือดที่เห็นในห้องทำงานของสิงห์ และภาพไตรภูมิที่อยู่บนบอร์ดออกไป

รามตาวาวแล้วออกตัวว่า "ฮืม เดี๋ยวผมจะไปสืบกับเพื่อนๆที่อยู่แวดวงค้าของเก่าให้ เผื่อจะมีคนรู้ ผมว่าถ้าจะให้ดี คุณน่าจะนัดพี่ชายคุณให้มาเจอกับผม เผื่อผมจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ไม่ทราบว่าพี่คุณจะสะดวกหรือเปล่า"

"โอ้ย...ไม่ยุ่งเลยค่ะ ถึงยุ่งก็ต้องเคลียร์ ไม่ว่ายังไง ฉันจะต้องพาพี่สิงห์มาเจอกับคุณให้ได้" อโนยิ้มสดใส

รามยิ้มด้วยความพอใจ ห่างออกไป มายาแอบดูทั้งคู่ อยู่ด้วยความริษยา และเธอก็แอบตามอโนไปจนถึงบ้าน อโนกลับมาบอกสิงห์เรื่องจะให้ไปพบราม เธออ้างว่ารามรู้จักไตรภูมิ และอยากจะช่วยสิงห์สืบประวัติไตรภูมิด้วย

สิงห์แปลกใจถามน้องสาวว่า รามรู้เรื่องที่เขากำลังสืบได้ยังไง อโนอึกอักไม่กล้าตอบ

ooooooo

ปลายฉัตรกลับมาถึงบ้านด้วยความสับสน ลุงฉิ่ง มหา และเฉิดเข้ามาตอกย้ำเพื่อให้ปลายฉัตรเชื่อว่า ไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด แต่เธอไม่รับฟัง

"ปลายไม่เชื่อ...หรือปลายไม่กล้าที่จะเชื่อกันแน่ลูก" เฉิดถามแทงใจ

ปลายฉัตรอึ้งคิดถึงเหตุการณ์ตอนไปญี่ปุ่นกับไตรภูมิแล้วตอบแม่

"ปลายไม่เชื่อค่ะ จริงอยู่ที่ตอนแรกเขาอาจจะดูเย็นชา ไม่มีความรู้สึก...แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น เขาเป็นคนอ่อนโยน ถึงแม้จะปากแข็งบ้างในบางครั้ง แคร์คนรอบข้าง ถึงแม้จะไม่ค่อยแสดงออก ที่สำคัญ...เขาเป็น

คนมีชีวิต...มีจิตใจ และมีความรู้สึกเหมือนกับเราทุกคน เขาไม่ได้เป็นผีดิบ หรือผีดูดเลือดอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาเป็นจริง เขาคงจะไม่ปล่อยให้ปลายอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น...

ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ปลายก็ไม่เชื่อ"

เฉิดถอนใจเบาๆ รู้สึกได้ถึงความรู้สึกพิเศษบางอย่างของลูกสาวที่มีต่อไตรภูมิ ทำให้เธอหนักใจเพิ่มมากขึ้น

เวลาเดียวกันนั้น ไตรภูมิยืนอยู่กลางห้องเก็บของ เขามองมาที่ชั้นวางที่ยังว่างอยู่ 2 จุด แล้วหันมาถามอินทร์ว่าข้อมูลของสมบัติชิ้นที่เหลือไปถึงไหนแล้ว เพราะครั้งนี้คงจะต้องลงมือประมูลของเอง

อินทร์แปลกใจถามหาปลายฉัตร

"ถ้าเขารู้ความจริงบางอย่าง...เขาอาจจะไม่กลับมา

ที่นี่อีก" ไตรภูมินึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นแล้วรู้สึกเศร้ากับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่

อินทร์มองเจ้านายอย่างเข้าใจ

ooooooo

เช้าวันใหม่ ปลายฉัตรเข้าลาเฉิดก่อนออกไปทำงาน เฉิดทำท่าจะซัก แต่ไม่ทันลุงฉิ่ง

"นี่งานอะไรของเอ็งนักหนาเนี่ย ไม่จบไม่สิ้นสักที ไปกันถึงญี่ปุ่น ยังไม่จบอีกเหรอหะ"

"ยังจ้ะ...คือ...มันยังเหลืองานค้างอีกนิดหน่อย งั้นฉันรีบไปก่อนนะ ไม่อยากเข้างานสาย สวัสดีจ้ะ" ปลายฉัตรยกมือไหว้ทุกคนแล้วก็รีบเดินไป

ลุงฉิ่งมองตามด้วยความเป็นห่วงแล้วเปรยขึ้น "ข้าว่า... อารมณ์นี้...ต่อให้พิสูจน์ได้ว่า ไอ้หน้าหล่อมันเป็นมนุษย์ต่างดาว ไอ้ปลายมันก็ไม่สน"

เฉิดฟังแล้วก็ถอนใจเบาๆด้วยความกังวล

ไตรภูมิกำลังดูแลบอนไซอยู่ในสวน ทั้งที่จิตใจไม่ค่อยสงบเพราะคิดถึงปลายฉัตร

"นายท่าน คุณปลายฉัตรมาครับ" อินทร์เข้ามารายงาน

รอยยิ้มปรากฏบนหน้าไตรภูมิโดยอัตโนมัติ เขารีบสั่งอินทร์ให้พาปลายฉัตรเข้ามา

"ฉันคิดว่า...เธอจะไม่มาทำงานต่อซะแล้ว" ไตรภูมิเอ่ย

"ฉันยังทำงานไม่เรียบร้อย ฉันก็ต้องกลับมาทำต่อให้จบ แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะไม่มา"

"เธออาจจะคิดว่าฉันเป็นตัวประหลาด หรือปีศาจอะไรสักอย่าง เหมือนกับคนที่บ้านเธอ"

ปลายฉัตรสะดุดกึก นึกถึงตอนที่สี่แสบทำกับไตรภูมิ แล้วถามเรื่องไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด เจอคำถามตรงๆ ไตรภูมิเผยยิ้มนิดๆก่อนจะถามกลับเรื่องความน่ากลัว และสาวเจ้ากลัวหรือไม่ถ้าเป็นจริงๆ ปลายฉัตรมองหน้าไตรภูมิตอบอย่างมั่นใจ

"ไม่กลัว ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น"

"ดี" ไตรภูมิยิ้มพอใจกับคำตอบ

แต่อินทร์ที่แอบฟังอยู่ หน้าเครียด แววตาปรากฏแววกังวลบางอย่าง ก่อนจะเดินจากไป

ooooooo

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

เย็นมากแล้วปลายฉัตรยังไม่กลับมา สิงห์ลุกเดินวนไปวนมาจนลุงฉิ่งเวียนหัว ต้องสั่งให้นั่ง ขณะสิงห์จะหย่อนก้นนั่ง ก็มีเสียงตะโกนจากหน้าบ้าน

"ลุงฉิ่ง...ลุงฉิ่ง...พี่ปลายกลับมายัง"

สิงห์หันขวับไป จำได้ว่าเป็นเสียงอโนจึงรีบออกไปดู อโนเมื่อเห็นสิงห์อยู่ด้วย เธอทำท่าจะถอย แต่ไม่ทันเพราะสิงห์เข้ามาดึงไว้ แล้วลากตัวเข้าไปสอบถาม ว่ามาหาปลายฉัตรทำไม อโนมองหน้าลุงฉิ่งกับมหา หวังจะได้ตัวช่วยแต่ทั้งสองหลบวูบ อโนจำต้องโกหกว่าเป็นเรื่องงาน

"แต่ถ้าพี่ปลายไม่อยู่ ฉันกลับเลยนะจ้ะ ลุงฉิ่ง ป้าเฉิด ลุงมหา หวัดดีจ้ะ"

อโนยกมือไหว้เตรียมจะเผ่น แต่ช้าไปกว่ามือสิงห์ที่คว้าคอเสื้อไว้ เขาดักคอน้องหวั่นว่าจะโกหก

"เปล่า ฉันจะโกหกพี่ทำไม ฉันจะขอข้อมูลพี่ปลายไปทำงานจริงๆ ถ้าฉันไม่มาเรื่องนี้ พี่คิดว่าฉันจะมาเรื่องอะไร แต่ถ้าพี่ไม่เชื่อใจฉัน...พอพี่ปลายกลับมา ตอนฉันนั่งคุยงานพี่ปลาย พี่ก็นั่งฟังด้วยแล้วกัน จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้โกหก"

อโนพูดเสียงขึงขัง

ooooooo

ปลายฉัตรกลับมาที่ห้องพัก มองโทรศัพท์มือถืออย่างคนคิดหนัก ใจหนึ่งก็อยากโทร.กลับบ้าน แต่อีกใจก็กลัวโดนดุ ขณะฟุบลงกับโต๊ะ เธอเห็นแผ่นพับของออนเซนวางอยู่ จึงหยิบมาเปิดดู พลางคิดว่าถ้าได้นอนแช่น้ำอุ่นอาจจะหายเครียด

แล้วสาวเจ้าเดินมาที่หน้าออนเซน เพื่อขอใช้บริการ แต่สื่อสารกับพนักงานไม่รู้เรื่อง ไตรภูมิมาเห็นเข้าก็แอบจัดการให้ จนได้นอนแช่น้ำอุ่นสมใจ โอกาสนี้เธอได้ปรับความเข้าใจกับไตรภูมิ โดยชายหนุ่มรับปากว่าจะช่วยอธิบายให้พวกที่บ้านเข้าใจ

"แล้วถ้าพวกเขาไม่ฟังคุณล่ะ"

"ฉันต้องทำให้เขาฟังฉันให้ได้ มันเป็นหน้าที่ของฉัน สำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น...ฉันขอโทษ ทางโรงแรมจะจัดอาหารเย็นให้ที่ห้องพักของเธอ คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย"

ไตรภูมิพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและแฝงไปด้วยความจริงใจ ทำให้ปลายฉัตรรู้สึกดีขึ้นมาทันที

"คนญี่ปุ่นเวลาเขาแช่ตัวในออนเซน เขาจะไม่ใส่อะไรเลย ถ้าเธออยากแช่ตัวแบบคนญี่ปุ่นแท้ๆก็ควรจะถอดผ้าเช็ดตัวออก" ปลายฉัตรอึ้งก้มดูผ้าเช็ดตัวที่ใส่อยู่

"แต่ยังไม่ต้องถอดตอนนี้...รอให้ฉันออกไปก่อน ฉันไม่อยากเสียสายตา" ไตรภูมิพูดพร้อมยิ้มกวนๆ

ปลายฉัตรหันขวับมา แต่ไม่เห็นไตรภูมิแล้ว เธอหันกลับมามองตัวเอง แล้วค่อยๆจุ่มตัวลงอีกครั้ง ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวออกมาหย่อนเอาไว้ข้างๆบ่อ แล้วแช่น้ำร้อนอย่างมีความสุขพลางนึกถึงคำพูดของไตรภูมิ

"คุณไตรภูมิ...ฉันจะลองเชื่อคุณอีกสักครั้ง" ปลายฉัตรบอกกับตัวเอง

ooooooo

เมื่อรามกลับมาถึงบ้าน เขาโดนจิตต์เล่นงาน เพราะรู้แล้วว่าต้องพลาดกลับมาแน่ รามขอโอกาสแก้ตัว แต่จิตต์ไม่อยากฟัง พลางบอกเรื่องตำรวจหน่วยงานพิเศษกำลังสืบเรื่องฆาตกรรมฝีมือของพวกรามอยู่

"ฉันรักษาความเป็นอมตะมาได้หลายร้อยปี และฉันจะไม่ยอมเสียมันไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะไอ้ไตรภูมิ หรือว่าไอ้ตำรวจหน้าไหนทั้งนั้น ฉันปล่อยให้พวกแกเล่นไร้สาระกันมากเกินไปแล้ว นับจากนี้ไป...ฉันจะเป็นคนสั่งการทุกอย่างเองบอกลูกน้องแกด้วย ห้ามทำอะไร ถ้าฉันไม่ได้สั่ง และถ้ามีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ต้องรีบรายงานฉันทันที"

จิตต์จ้องหน้าราม ก่อนจะหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ข้างๆ โยนลงตรงหน้า

"นี่...เป็นประวัติและรูปถ่ายของตำรวจสองคนที่ดูแลคดี พวกแกดูหน้ามันไว้ แล้วก็ระวังตัวกันไว้ด้วย" จิตต์พูดจบก็เดินออกไป

รามทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยความหงุดหงิด แล้วหยิบเอกสารมาเปิดดู เห็นรูปสิงห์กับจ่าดอนติดอยู่ที่กระดาษพร้อมกับประวัติ รามจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือพี่ชายของอโน

ooooooo

จ่าดอนเข้ามารายงานสิงห์ เรื่องเห็นพาลีกับคีรีซุ่มอยู่หน้าบ้านไตรภูมิ แต่ไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันหรือว่าเป็นศัตรูกันแน่

"เป็นศัตรู" สิงห์โพล่งออกมา แล้วเดินออกไปหน้าตาเฉย

สิงห์มาที่บ้านไตรภูมิ อินทร์ออกมาพบและบอกว่า ไตรภูมิยังไม่กลับเพราะมีเหตุขัดข้องระหว่างการเดินทาง ปลาย ฉัตรอยู่กับไตรภูมิด้วย เธอปลอดภัยดี ทั้งสองคนจะมาถึงกรุงเทพฯพรุ่งนี้

"ผมไม่สนว่าเจ้านายคุณเป็นใคร มีศัตรูที่ไหนบ้าง แต่ถ้าปลายเป็นอะไรไป ผมไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ" สิงห์มองอินทร์ด้วยแววตาหนักแน่น ก่อนจะหันหลังกลับไปที่รถ

สิงห์กลับมาบอกคนที่บ้านปลายฉัตรว่า ปลายฉัตรจะกลับมาถึงพรุ่งนี้เช้า เพราะมีเหตุขัดข้องระหว่างการเดินทาง ลุงฉิ่งโวยลั่นเพราะเป็นห่วงหลาน เฉิดฟังแล้วก็เครียด ถามสิงห์ตรงๆเรื่องสงสัยว่าไตรภูมิจะเป็นผีดูดเลือด

"ตอนนี้ผมยังไม่รู้แน่ชัด เพราะหลักฐานยังไม่มี แต่คุณป้าไม่ต้องห่วง ผมต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ ไตรภูมิ...เป็นใครและเป็นอะไรกันแน่

เช้าวันต่อมา ไตรภูมิพาปลายฉัตรกลับถึงประเทศไทย และขอไปส่งเธอที่บ้าน

"ปัญหาที่เกิดจากฉัน...ฉันจะจัดการเอง"ไตรภูมิย้ำสัญญา

ปลายฉัตรอึ้งพูดไม่ออก ทั้งตกใจและอุ่นใจในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ปลายฉัตรก้าวเข้ามาในบ้าน ลุงฉิ่งก็เปิดฉากเล่นงาน ตามด้วยสิงห์ที่อยากรู้ว่าปลายฉัตรไปไหนมากันแน่ ปลายฉัตรพูดไม่ออก เพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี ในขณะที่ทุกคนรอฟัง ไตรภูมิก็เดินเข้ามา

"ปลายฉัตรไปญี่ปุ่นกับผมเอง"

สิงห์ ฉิ่ง มหา ปลายฉัตรหันขวับไปที่ต้นเสียง ในขณะที่เฉิดเงี่ยหูฟังแล้วเอ่ยถามปลายฉัตรว่าเสียงใคร

"เอ่อ...คุณไตรภูมิ...จ้ะแม่"

"ผมเป็นเจ้านายของปลายฉัตร...ผมขอรับผิดชอบกับความผิดพลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้น"

"คุณจะรับผิดชอบยังไง"สิงห์รุก

"คุณต้องการให้ผมรับผิดชอบอะไร ผมยินดีทำทุกอย่าง" ไตรภูมิตอบ

"ลุงฉิ่ง...บอกไปเลยว่าอยากให้ชดใช้อะไร"สิงห์แนะ

แต่ลุงฉิ่งกับมหายืนอ้าปากค้าง อึ้งในความหล่อของไตรภูมิ สิงห์ต้องเรียกซ้ำจนทั้งสองสะดุ้ง

"ไม่เป็นไรครับ...ไม่เป็นไร...ไม่ต้องรับผิดชอบหรอกครับ อู้ย...หล่อจริงๆพ่อเจ้าประคุณ ไม่ต้องครับ ไม่ต้องชดใช้รับผิดชอบอะไรทั้งนั้นครับ เรื่องมันแล้วไปแล้ว...ก็ให้มันแล้วแล้วไป...

แหะๆๆ" ลุงฉิ่งยิ้มแฉ่ง

"พี่ฉิ่งพูดถูก คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น คราวหน้าอย่าโกหกแบบนี้อีกก็พอ" เฉิดขอร้อง

"แม่จ๋า...คุณไตรภูมิเขาไม่ได้เป็นคนโกหกเรื่องไปญี่ปุ่น แล้วบอกว่าไปภูเก็ต คือมันเป็นความคิดฉันเอง...คือฉันอยากไปเที่ยว แล้วก็อยากไปทำงานด้วย แต่ฉันรู้ว่า ถ้าบอกว่าไปญี่ปุ่น แม่กับลุงฉิ่งก็คงไม่ให้ไป...ฉันก็เลยโกหกอ่ะจ้ะ"

ลุงฉิ่งหันมามองปลายฉัตรด่าไม่ออก เฉิดอึ้งไม่รู้ว่าจะต่อว่าไตรภูมิ หรือทำอย่างไรดี ไตรภูมิเห็นสถานการณ์ ดังนั้น เขายิ้มนิดๆแล้วตัดบท

"ถ้าทุกคนเข้าใจแล้ว...ผมขอตัวก่อนนะครับ"

"ครับๆเชิญครับ...เชิญเลยครับ..." ลุงฉิ่งรีบบอก

ปลายฉัตรมองอมยิ้มนิดๆโล่งอกที่ผ่านไปด้วยดี แต่สิงห์ มองด้วยความขัดเคืองใจ ขณะไตรภูมิกำลังจะหันหลังกลับ สิงห์เรียกไว้

"เดี๋ยว พวกเราขอเชิญคุณมาทานข้าวที่นี่ วันพรุ่งนี้ เพราะเป็นวันเกิดลุงฉิ่ง"

"หะ" ลุงฉิ่ง ปลายฉัตรและมหาหันมาทางสิงห์ด้วยความงง สิงห์รีบส่งซิก ลุงฉิ่งจำต้องรับมุก

"เออ...ใช่ครับ...พรุ่งนี้วันเกิดผมเอง"

"นี่มันอะไรกัน...ร้อยวันพันปีไม่เคยจัด เกิดวันไหนฉันยังไม่เคยรู้เลย แล้วจะมาจัด ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย..." ปลายฉัตรโวย

"ก็ปลายไม่อยู่ จะรู้ได้ยังไง พวกเราขอเชิญคุณด้วย หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจ" สิงห์หันมาสรุปกับไตรภูมิ

ไตรภูมิไม่ปฏิเสธ เขาเอ่ยพลางยิ้มนิดๆอย่างรู้ทัน ปลายฉัตรหันขวับมาทางไตรภูมิด้วยความแปลกใจ และแอบตื่นเต้นเล็กๆ

ooooooo

ปลายฉัตรออกมาส่งไตรภูมิที่รถ ตั้งใจจะพูดเรื่องงานวันพรุ่งนี้ แต่ไตรภูมิเดาใจออก จึงบอกกับเธอว่าพรุ่งนี้เขามาแน่และมาด้วยความเต็มใจ ทำให้หญิงสาวยิ้มเขินๆ ขณะที่กรแอบมองเจ้านายด้วยความประหลาดใจ

ระหว่างที่ปลายฉัตรออกไปส่งไตรภูมิ ลุงฉิ่งลากสิงห์เข้ามาในห้องครัว โดยมีมหาคุมเชิงอยู่ด้านหลัง เพราะสงสัยว่าสิงห์คิดจะทำอะไรกันแน่ ที่โกหกไตรภูมิเรื่องงานวันเกิด สิงห์อธิบายว่าเขาอยากพิสูจน์ว่าไตรภูมิเป็นผีดูดเลือดจริงหรือไม่ ทุกคนจึงเข้าใจ

การประชุมวางแผนพิสูจน์ความจริงเป็นไปอย่างเคร่งเครียด และมีข้อตกลงร่วมกันหนึ่งข้อว่า ห้ามให้ปลายฉัตรรู้เรื่องนี้เด็ดขาด

"รู้อะไรเหรอจ๊ะ" ปลายฉัตรโผล่เข้ามา

คณะพิสูจน์ทราบสะดุ้ง รีบแยกออกจากกัน ขณะที่ปลายฉัตรส่งยิ้มสดใสกับทุกคน

"ฉันขอตัวไปนอนก่อนแล้วกัน เมื่อคืนมัวแต่เครียดกลัวโดนด่า นอนไม่หลับทั้งคืนเลย ฉัน...ไปนอนก่อนนะ ปลายขอไปงีบแป๊บนึงนะแม่ เดี๋ยวปลายลงมาคุยด้วย คิดถึงจังเลย" ปลายฉัตรหอมแก้มแม่แล้วยิ้มร่าเริงมีความสุขเดินขึ้นบ้านไป

สิงห์มองตามด้วยความแปลกใจ

"ไอ้ปลายนี่ดูร่าเริงผิดปกติ...สงสัยจริงๆที่ญี่ปุ่นมันมีอะไร มันถึงมีความสุขขนาดนี้" ลุงฉิ่งเปรย

ooooooo

รถไตรภูมิแล่นเข้ามาที่หน้าประตูใหญ่ เขารู้สึกได้ถึงคลื่นรบกวนที่มาจากพาลีและคีรี จึงสั่งให้กรหยุดรถแล้วเปิดประตูเดินออกไป

"ไปบอกเจ้านายของพวกแก...ฉันกลับมาแล้ว"

พาลีกับคีรียืนหลบอยู่ มองหน้ากันอย่างจ๋อยๆ แล้วรีบกลับไปรายงานจิตต์กับราม

"ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรถ้าฉันไม่ได้สั่ง ต่อจากนี้ไป พวกแกไม่ต้องไปเฝ้ามันแล้ว เสียเวลา" จิตต์ตวาด

รามยกมือไล่ลูกน้องออกไป จิตต์เริ่มประมวลเหตุการณ์ แล้วบอกกับราม

"ไอ้ไตรภูมิมันประกาศแบบนี้ แสดงว่ามันไม่ได้กลัวพวกเรา มันไม่คิดจะหนีเราเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันมั่นใจว่ามันอยู่เหนือเรา"

"ผมคิดว่าตอนนี้มันคงสะสมสมบัติได้เกือบครบ มันถึงกล้าสู้หน้าเรา"

"ฉันไม่มีวันยอมให้มันถอนคำสาปได้สำเร็จ" จิตต์ เสียงหนักแน่น

"ผมก็ไม่ยอม...ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเอาสมบัติไว้ที่ไหน...ส่วนเรื่องตำรวจที่พ่อให้ประวัติมา ผมจัดการเอง... ผมรู้จักกับน้องสาวของตำรวจคนหนึ่งที่อยู่ในทีม รับรองว่าเรื่องจะไม่มาถึงพวกเราแน่นอน"

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ไตรภูมิก็เข้าไปดูอาการของกัณฑ์ในห้อง

"ตอนนี้พวกนั้นคงรู้แล้ว...ว่าเราตามเก็บสมบัติเพื่อถอนคำสาป มันไม่หยุดแค่นี้แน่...ขอให้ทุกคนระวังตัวมากขึ้น ฉันเหนื่อยที่จะหนีแล้ว...ถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากันสักที"

ไตรภูมิมุ่งมั่นและหนักแน่น อินทร์ กร และกัณฑ์ ก้มหน้ารับคำ ค่ำคืนนั้น ไตรภูมิเดินเข้ามาในห้องเก็บของเพื่อนำสมบัติที่ประมูลได้จากญี่ปุ่นมาเก็บไว้ เขามองไปที่ชั้นวางที่ว่างอยู่สองจุดแล้วบอกกับตัวเอง

"เหลือสมบัติอีกแค่ 2 ชิ้น ได้มาเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะได้จบสักที อีก 2 ชิ้นเท่านั้น..." ไตรภูมิมีหวัง เช่นเดียวกับปลายฉัตรที่นั่งมองสร้อยที่ไตรภูมิซื้อให้อย่างมีความสุข และหวังว่าพรุ่งนี้เธอจะได้พบเขาอีก

เสียงกุกกักดังมาจากหน้าห้องนอน ปลายฉัตรหันไปมองเห็นเฉิดเดินเข้ามา ก็รีบลุกไปประคองแม่มานั่งที่เตียง เฉิดดึงมือปลายฉัตรที่จับแขนมากุมไว้

"ปลาย...ปลายไม่เป็นอะไรนะลูก เจ้านายปลายเขาไม่ได้ทำร้ายอะไรลูกใช่ไหม"

"ไม่จ้ะ...คุณไตรภูมิเขาดีกับปลายมาก ไม่ได้ทำร้าย หรือว่าล่วงเกินอะไรเลย แม่ไม่ต้องห่วงนะ"

"ครั้งนี้เขาดีกับเรา...มันก็ดี แต่ครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะลูก แม่รู้ว่า...คนเราก็มีเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากบอก แต่เราก็ต้องระวัง ไม่ให้ความลับกลายเป็นดาบทิ่มแทงตัวเรา และคนอื่น"

"จ้ะแม่...ปลายซึ้งแล้วว่าการโกหกมันอึดอัด หงุดหงิดใจขนาดไหน ต่อจากนี้ไป ปลายจะไม่โกหกแม่อีกแล้ว ปลายไม่อยากทุกข์กับการโกหกอีกแล้วจ้ะ" เอ่ยพลางโผเข้ากอดแม่

"ดีแล้วลูก...ชีวิตเราก็ทุกข์มากพอแล้ว อย่าเพิ่มทุกข์ให้ตัวเองอีกเลย ส่วนเรื่องเจ้านายของปลาย...วันนี้เขาดีกับเรา มันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ลูกก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย วันหน้าเขาอาจจะไม่ดีกับเราเหมือนเดิม ที่สำคัญเราก็เพิ่งรู้จักเขา...ปลายอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้ว เขาเป็นคนยังไง...และเขาเป็นใคร" เฉิดลูบผมลูกสาว

ปลายฉัตรอึ้งในคำพูดของแม่

ooooooo

จ่าดอนเห็นสิงห์คร่ำเคร่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับผีดูดเลือด นึกสงสัยจึงเข้ามาถาม แต่สิงห์ไม่ตอบอะไร ได้แต่สั่งจ่าดอนเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดลุงฉิ่ง

"งานวันเกิดลุงฉิ่ง พรุ่งนี้สามโมงเย็นเจอกัน" สิงห์สะพายเป้เดินออกไปเลย

เย็นในวันถัดมา ไตรภูมิยกแก้วเลือดดื่มรวดเดียวหมด เขาปรายตามองแก้วเลือดแล้วถอนใจเบาๆด้วยความสมเพชตัวเองลึกๆ

"ของที่นายท่านให้เตรียมเรียบร้อยแล้วครับ" อินทร์นำพระพุทธรูปเก่าสภาพยังดีอยู่ในกล่องกระจกใสมาส่งให้

"ขอบใจมาก บอกกรเตรียมรถ ฉันจะออกไปข้างนอก"

อินทร์รับคำแล้วเดินออกไป ไตรภูมิมองห่อของขวัญ ด้วยรอยยิ้มนิดๆ ขณะไตรภูมิเตรียมตัวไปบ้านปลายฉัตร เวลาเดียวกันนั้น จ่าดอน สิงห์ ลุงฉิ่ง และมหาก็กำลังสุมหัวเตรียมแผนพิสูจน์กันอยู่

"จะรอดเหรอครับหมวด" จ่าดอนถาม

"ก็ต้องลองดู ไม่ลองก็ไม่รู้ ลุงฉิ่ง ของพวกนี้ เราต้องไปไหนบ้างจะได้รีบจัดก่อนปลายจะกลับจากตลาด" สิงห์ถาม พลางมองเครื่องรางที่วางอยู่

ลุงฉิ่งนิ่งคิดก่อนสั่งการ ให้ไปวางตามที่ต่างๆในบ้าน จากนั้นสิงห์ก็เข้าครัว ทำอาหารที่เน้นกระเทียม เอาน้ำมนต์เทใส่ขวดน้ำดื่ม ส่วนมหากับลุงฉิ่งช่วยกันเอากระเทียมห้อยไว้ตามที่ต่างๆ และติดยันต์กันผีไว้ที่ประตู

ปลายฉัตรกลับมาจากตลาด เธอยืนตะลึงเมื่อเห็นในบ้านมีพระ ผ้ายันต์ และสายสิญจน์โยงไปมา

"ก็...วันนี้วันเกิดข้าไง...ข้าก็เลย...อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาทำพิธีนิดหน่อย แล้วก็ยังไม่ได้เก็บ สายสง...สายสิญจน์ก็เอาที่มีอยู่แหละมาโยงเอง มหาแกทำพิธีให้" ลุงฉิ่งบอก

ปลายฉัตรหันไปทางมหา มหาสะดุ้งรีบรับมุก พลันสายตาก็มาสะดุดอยู่ที่จ่าดอน

"เอ้อ ลืมไป...ปลาย...นี่จ่าดอนผู้ช่วยเรา จ่าดอน...นี่ปลาย" สิงห์รีบแนะนำ

ปลายฉัตรยกมือไหว้จ่าดอน แล้วขอตัวเอาเครื่องดื่มไปแช่ตู้เย็น ทำให้พวกลุงฉิ่งถอนใจด้วยความโล่งอก

ooooooo

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

ฝีมือของช่างชาวญี่ปุ่นเนรมิตให้ปลายฉัตรเป็นคุณหนูได้ในพริบตา ไตรภูมิมองด้วยความพอใจ ก่อนถามถึงความพร้อมเข้าประมูลของ คุณหนูจำแลงอึกอักเพราะหวั่นเรื่องภาษา

"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมการณ์ไว้อย่างดี ก่อนเข้าประมูลฉันจะบอกเธอเอง"

"แต่ฉันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ปกติอยู่บ้าน ถ้ามีงานใหญ่ ฉันจะไหว้พระสวดมนต์ ไหว้พ่อ ขอพร แต่อยู่ที่นี่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ฉันไม่มั่นใจไงไม่รู้"

ไตรภูมิมองหน้าปลายฉัตร แล้วลากขึ้นรถไปไหว้พระที่วัดชินเทนโน วัดเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างนั้น รามกับมายาเพิ่งมาถึงประเทศญี่ปุ่น กำลังจะตรงไปยังงานประมูล

ใกล้เวลาประมูลแล้ว ปลายฉัตรกับไตรภูมิมาปรากฏกายหน้าโรงแรม ไตรภูมิส่งโทรศัพท์มือถือให้ปลายฉัตร ไว้ใช้ติดต่อระหว่างประมูล

"เธอไม่ต้องทำอะไร เปิดเครื่องไว้ และรอฟังคำสั่งจากฉัน ฉันบอกให้เริ่ม เธอค่อยเริ่ม แล้วก็อย่าหยุดจนกว่าจะได้ของ"

"ฉันสู้ตายอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง..."

ทั้งสองคนเดินมาเกือบถึงหน้าห้องประมูล ไตรภูมิหยุดบอกกับปลายฉัตร "ฉันจะไปรอเธออยู่ที่ห้องรับรองข้างๆ"

เมื่อถึงห้องรับรองไตรภูมิโทร.หาปลายฉัตร หญิงสาวรับสายและเชื่อมบลูธูท ได้ยินคำสั่งให้เริ่มงานได้ เธอตอบรับ แล้วเชิดหน้าเดินไปที่ห้องประมูล

ooooooo

ปลายฉัตรเดินเข้ามาในห้องประมูล ในมือถือเบอร์ 9 ไว้ เธอเลือกที่นั่งใกล้ลำโพง แล้วหันโทรศัพท์ไปใกล้ลำโพงให้มากที่สุด พิธีกรพูดเปิดการประมูลเป็นภาษาอังกฤษ ไตรภูมิฟังข้อความผ่านบลูธูทอย่างตั้งใจ

การประมูลเริ่มแล้ว แต่รามกับมายายังมาไม่ถึง ปลายฉัตร ยกป้ายหมายเลข 9 ขึ้นๆ ลงๆ ตามคำสั่งของไตรภูมิ แล้วในที่สุดก็ประมูลหยกแกะสลักรูปผู้หญิงจากสมัยราชวงศ์หมิง ไปได้ในราคา 15 ล้านเยน ไตรภูมิยิ้มพอใจลุกเดินออกจากห้องรับรอง พร้อมกับสั่งการผ่านโทรศัพท์

"ฉันจะติดต่อกับผู้จัดการประมูลให้ส่งของไปที่โรงแรม เธอรีบออกจากการประมูล ฉันจะไปรอที่เดิม"

"ค่ะ" ปลายฉัตรตอบรับแล้วลุกเดินออกจากห้องประมูล

รามและมายาเพิ่งมาถึงห้องประมูล รามสั่งมายาให้ไปตามหาไตรภูมิ ส่วนเขาเองตามหาปลายฉัตรแล้วแยกกันค้นหา รามเข้ามาในห้องประมูล เห็นที่ตั้งสมบัติราชวงศ์หมิงในห้องว่างเปล่า มีเพียงรูปติดอยู่ก็กัดฟันด้วยความแค้น รีบโทร.หามายา

"ของโดนประมูลไปแล้ว ผู้หญิงไม่ได้อยู่ในงาน รีบไปดักรอที่หน้าโรงแรม"

"รับทราบค่ะ" มายารีบวางสายเดินออกไป

ไตรภูมิยืนรอปลายฉัตรอยู่หน้าโรงแรม ครู่เดียวหญิงสาวก็เดินออกมา

"เธอทำงานดีมาก ก่อนกลับโรงแรม ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่ง ถือว่าเป็นโบนัสพิเศษที่ทำงานสำเร็จ" ไตรภูมิเดินนำไปหาพนักงานที่ทำหน้าที่เรียกรถแท็กซี่แล้วสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่น

"แท็กซี่หนึ่งคันไปโอซาก้าคาสเซิ่ล"

พนักงานเดินออกไป ขณะปลายฉัตรและไตรภูมิยืนรอรถ มายาเหลือบมาเห็นเข้า เธอโทร.บอกราม แต่รามมาไม่ทัน เป้าหมายขึ้นแท็กซี่ออกไปแล้ว มายาวิ่งไปถามสถานที่ไปของคนทั้งสองจากพนักงาน แล้วบอกรามก่อนรีบตามไป

ปลายฉัตรกับไตรภูมิเดินอยู่ที่หน้าปราสาทโอซาก้า หญิงสาวเดินนำหน้าไปด้วยความตื่นเต้น โดยมีไตรภูมิทำหน้าที่ไกด์เล่าเรื่องราวของปราสาทให้ฟังอย่างเป็นกันเอง จนสาวเจ้าถึงกับแปลกใจในความรู้ของชายหนุ่ม

"เธอทำงานให้ฉันดี ฉันก็ต้องให้รางวัลนิดหน่อย...ก็แค่นั้นเอง"

สิ้นเสียง ไตรภูมิเดินนำไปที่พิพิธภัณฑ์ ปลายฉัตรผิดหวังเล็กๆ แต่เมื่อเห็นของในพิพิธภัณฑ์ก็ตาโต เธอหารู้ไม่ว่ารามกับมายาตามมาถึงหน้าปราสาทแล้ว

"แยกกันตามหา ฉันจะไปดูรอบๆ เธอขึ้นไปดูข้างบนถ้าสมบัติอยู่กับมัน ให้ทำลายทันที" รามสั่ง

"ค่ะ" มายาเดินแยกออกไป

ปลายฉัตรกับไตรภูมิยืนอยู่ที่ชั้น 8 ตรงระเบียงปราสาท ดื่มด่ำกับทัศนียภาพในมุมสูง

"ชอบหรือเปล่า" ไตรภูมิหันมา

ปลายฉัตรมองไปรอบๆแล้วตอบ "ชอบสิ...ทั้งสวย ทั้งขลัง ฉันชอบของเก่าๆอยู่แล้ว ยิ่งได้ไปเดินดูในพิพิธภัณฑ์ยิ่งมีความสุข คุณเองก็ชอบของเก่าเหมือนกัน คงเข้าใจ"

"เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบของเก่า ฉันอาจจะต้องทำเพราะความจำเป็นก็ได้" ไตรภูมิพูดลอยๆ

ปลายฉัตรนึกได้ถามถึงเรื่องคำสาปของถ้ำมังกรอมตะ

"แล้วเธอ...คิดว่ามันมีจริงหรือเปล่า"

"อืมม์...ฉันว่าไม่น่ามีหรอก...คำสาปให้เป็นอมตะไม่เห็นจะน่ากลัวเลย เป็นอมตะก็ดีออก อยู่ไปเรื่อยๆไม่ต้องแก่ไม่ต้องใช้ครีมหน้าเด้ง ถ้าคำสาปมันมีจริง สาปอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ อย่าง...สาปให้ตายภายในเจ็ดวันไรเงี้ยะ น่ากลัวกว่าอีก"

"ความเป็นอมตะมันอาจจะไม่ดีอย่างที่เธอคิด เพราะเธอไม่ตาย แต่คนที่เธอรักต้องตาย เธอจะต้องไปงานศพคนรักนับครั้งไม่ถ้วน และสุดท้ายถ้าไม่อยากเจ็บปวด เธอก็ต้องอยู่ คนเดียวโดยไม่รักใครอีกเลย"

ปลายฉัตรมองหน้าไตรภูมิ สัมผัสถึงความเศร้าที่ซ่อนลึกอยู่ในแววตา ชายหนุ่มมองหญิงสาวก่อนถามความต้องการเป็นอมตะ

"แค่พ่อตาย ฉันร้องไห้อยู่ตั้งนาน ถ้าฉันต้องอยู่ไปเรื่อยๆ แล้วไปงานศพคนโน้นคนนี้ ฉันคงเศร้า ฉันขอตายตามอายุขัยดีกว่า อะมะตง อะมะตะ ไม่อยากเป็นหรอก"

ปลายฉัตรตอบอย่างมั่นใจ แล้วถามเรื่องวิธีทำให้พ้นจากคำสาป ไตรภูมิจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนชวนออกไปหาอะไรทาน

ooooooo

รามเดินมาถึงบริเวณสวน หยุดมองหาไตรภูมิกับปลายฉัตรแต่ไม่พบ มายาก็หาสองคนในปราสาทไม่พบเช่นกัน ครั้นไตรภูมิกับปลายฉัตรเดินลงมาจากตัวปราสาทแล้ว หญิงสาวขอเข้าห้องน้ำ ทำให้รามที่อยู่ในสวนมองเห็นปลายฉัตรพอดี

เมื่อทำธุระเสร็จปลายฉัตรเดินออกมาที่สวนข้างตัวปราสาท เพื่อจะไปสมทบกับไตรภูมิที่รออยู่ด้านหน้า รามที่รออยู่แกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์เป็นภาษาไทยเสียงดัง ปลายฉัตรดีใจที่พบคนไทย เมื่อรามหันมาส่งยิ้มให้ เธอก็เข้าไปทักทายตามประสาคนอัธยาศัยดี แนะนำให้รามไปพักที่โรงแรมเดียวกับเธอ แถมยังจดชื่อโรงแรมให้

ระหว่างที่ปลายฉัตรคุยอยู่กับราม อินทร์โทร.มารายงานไตรภูมิเรื่องรามและลูกน้องบุกมาที่บ้านและทำร้ายกรบาดเจ็บสาหัส ไตรภูมิกำมือแน่นรีบถามอาการกัณฑ์ด้วยความเป็นห่วง

"ค่อยๆดีขึ้น แต่คงต้องใช้เวลา ตอนที่คุณรามมา ยังไม่รู้เรื่องการประมูลที่ญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่า จะรู้หรือยัง นายท่านระวังตัวด้วย และอีกหนึ่งเรื่อง คือตอนนี้คนที่บ้านของปลายฉัตร ทราบแล้วว่าเธอไม่ได้ไปภูเก็ต และสงสัยว่าเธอจะไปญี่ปุ่นกับนายท่าน..."

ไตรภูมิฟังแล้วนิ่งคิด...เขาหันมาที่ปราสาทพลันสายตาสะดุดเข้ากับมายา เขารีบหันหลังกลับทันที แล้วบอกกับอินทร์ว่า รามกับมายามาถึงญี่ปุ่นแล้ว ให้ยกเลิกเครื่องที่จะมาโอซาก้า แต่ให้ไปรับที่สนามบินโกเบ

จังหวะนั้นเอง มายาที่ยืนอยู่บนปราสาทก็เห็นไตรภูมิเดินปะปนอยู่กับผู้คนด้านล่าง เธอรีบวิ่งตามลงมาและโทร.แจ้งราม รามที่กำลังแอบตามปลายฉัตรอยู่ห่างๆ หยุดรับโทรศัพท์ เป็นเวลาเดียวกับที่ไตรภูมิโทร.มาตามปลายฉัตรพอดี

"ค่ะ...ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้" ปลายฉัตรหันมาไม่เห็นใคร ก็รีบเลี้ยวและเดินไปอีกทางที่ไตรภูมิรออยู่

ปลายฉัตรเล่าเรื่องราวของหนุ่มไทยที่มาคุยด้วยให้ ไตรภูมิฟัง ไตรภูมิมั่นใจว่าต้องเป็นรามแน่ จึงเร่งให้ปลายฉัตรขึ้นรถกลับไปเก็บของที่โรงแรมโดยเร็วที่สุด

รถไตรภูมิแล่นออกไป คลาดกับรามและมายาวิ่งออกมาด้านหน้าปราสาทเพียงนิดเดียว ทำให้มายาหงุดหงิดที่ตามไม่ทัน แต่รามส่งยิ้มร้าย เพราะรู้แล้วว่าไตรภูมิพักอยู่ที่ไหน เขาหยิบชื่อโรงแรมออกมายื่นให้มายา

ขณะที่ไตรภูมิกลับมาเก็บของที่โรงแรมนั้น สิงห์มาหาปลายฉัตรที่บ้าน เพราะครบกำหนดสี่วันแล้ว แต่ต้องผิดหวัง เพราะเธอยังไม่กลับ ลุงฉิ่งกับมหาเข้ามาคุยกับสิงห์ แล้วชวนไปบุกบ้านไตรภูมิอีกครั้ง

"ฉันว่าใจเย็นๆดีกว่านะ พี่ฉิ่ง พี่มหา สิงห์...บางที...เรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้...อีกไม่นานปลายก็คงจะกลับมา..." เฉิดออกความเห็นและหวังอย่างยิ่งว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

ooooooo

รามกับมายาตามมาที่โรงแรม แต่ไม่พบไตรภูมิ เพราะเขาพาปลายฉัตรนั่งรถออกไปทางประตูด้านหลังแล้ว รามกัดฟันด้วยความแค้น พลางสั่งให้มายาติดต่อเครื่องบินส่วนตัวมารับกลับกรุงเทพฯทันที

ที่กรุงเทพฯ สิงห์กำลังนั่งใจจดใจจ่อรอโทรศัพท์จากปลายฉัตร รอนานเข้าก็ตัดสินใจโทร.หาปลายฉัตรเอง แต่ติดต่อไม่ได้เพราะเธอปิดเครื่อง ระหว่างนั้นจ่าดอนที่ปลอมตัวเป็นคนเก็บขยะสังเกตการณ์อยู่หน้าบ้านไตรภูมิโทร.มารายงาน

"เงียบๆพิกลนะหมวด เหมือนไม่มีคนอยู่"

"ลุงจำหน้าไตรภูมิได้หรือเปล่า"

"จำได้ หมวดไม่ต้องห่วง ผมดูรูปที่ติดอยู่บนบอร์ดทุกวัน อีกอย่างหน้ามันเหมือนผมเด๊ะเลย ผมอาจจะหล่อกว่านิดหน่อย แต่รับประกันเห็นแค่เงาก็จำได้แล้ว"

ดอนวางสาย แล้วรีบกลับมาทำตัวเป็นคนเก็บขยะเหมือนเดิม เขากวาดตามองไปรอบๆเห็นพาลีกับคีรี จอดมอเตอร์ไซค์ซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง จ่าดอนจึงแอบหยิบกล้องถ่ายรูปอันจิ๋วออกมาถ่ายภาพ

ooooooo

ทันทีที่ถึงเมืองโกเบ ไตรภูมิโทร.หาอินทร์เช็กเวลาที่เครื่องจะมารับ ปลายฉัตรหอบกระเป๋าพะรุงพะรังตามมาได้ยินคำว่าเมืองโกเบก็โวยลั่น

"โกเบ นี่ฉันมาโผล่ที่โกเบได้ไงเนี่ย คุณไตรภูมิตอบฉันมาเดี๋ยวนี้นะ นั่งรถมาก็ทำเป็นหลับตาตลอดทาง ถามอะไรก็ไม่ตอบ นี่คุณ เราต้องกลับประเทศไทยวันนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม"

ไตรภูมิไม่สนใจตอบคำถาม เขาบอกกับเธอว่าต้องพักเมืองโกเบ แล้วเดินนำเข้าไปในโรงแรม

"หะ นี่คุณ...คุณไตรภูมิ...คุณไตรภูมิ"

ปลายฉัตรยืนงง มองซ้ายมองขวา แล้วจำใจต้องลากกระเป๋าเดินตามไป และเมื่อตามทันเธอก็โวยวายใส่ไตรภูมิอีกชุด

"ฉันพักที่นี่ไม่ได้นะคุณ วันนี้ฉันต้องกลับบ้าน มันครบกำหนด 4 วันที่ฉันบอกทางบ้านไว้ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องกลับประเทศไทยภายในวันนี้"

"เธอพักห้องนี้ ฉันจะพักห้องข้างๆ ฉันให้เวลาเธอจัดของและเปลี่ยนเสื้อผ้ายี่สิบนาที เจอกันที่ล็อบบี้ จะมีไกด์พาเราไปเทือกเขาร็อคโค ถ้าเธอไม่อยากไปก็อยู่ที่นี่คนเดียว" ไตรภูมิส่งกุญแจห้องให้แล้วเดินไปห้องพักของตน

"ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะกลับบ้าน" ปลายฉัตรตะโกนลั่น

ไตรภูมิจ้างไกด์มาพาชมเทือกเขาร็อคโคที่แสนอลังการ ทัศนียภาพสวยงาม หวังจะไม่ต้องตอบคำถามของปลายฉัตร

แต่หาสำเร็จดังฝันไม่ ปลายฉัตรไม่สนใจฟังคำบรรยายของไกด์เลย รอจังหวะคุยกับไตรภูมิให้รู้เรื่อง

"ผมจะพาคุณทั้งสองคนไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นไปข้างบนนะครับ" ไกด์เอ่ยพลางเดินนำหน้าไป

ปลายฉัตรได้โอกาสรีบโพล่งใส่ไตรภูมิ "เมื่อไหร่คุณจะพาฉันกลับบ้าน ฉันถามมาเป็นร้อยรอบเมื่อไหร่คุณจะตอบฉันสักที"

ไตรภูมิไม่พูดอะไร แต่ชี้ไปที่ไกด์ เป็นทำนองว่า...ให้ทำตามที่เขาบอก

ปลายฉัตรสุดเซ็ง จำใจเข้าไปนั่งในกระเช้าไฟฟ้า มองไปรอบๆเห็นไตรภูมิแยกไปนั่งด้านหลังสุด ทำเหมือนไม่สนใจเธอ ปลายฉัตรจึงทำเมินใส่

ไตรภูมิแอบมองปลายฉัตร แอบหวังว่าจะผ่านวันนี้ไปโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่นานไกด์ก็พาไตรภูมิกับปลายฉัตรมาที่จุดชมวิวอันสวยงาม และอธิบายเรื่องราวแต่ยังพูดไม่ทันจบ ปลายฉัตรโพล่งออกมาอีก

"เลิกทำเป็นนิ่งเงียบแบบนี้สักทีได้ไหม ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้สนใจจะฟังข้อมูลพวกนี้ แต่คุณทำเป็นฟัง เพราะไม่อยากคุยกับฉัน"

ไกด์หน้าเหวอ แต่ไตรภูมิยังนิ่งไม่ตอบโต้

"ฉัน-ต้อง-กลับ-บ้าน-วันนี้" ปลายฉัตรเน้นเสียง

ไตรภูมิหันไปทางไกด์ ขอเวลาไกด์อย่างสุภาพ ก่อนเดินนำปลายฉัตรไปที่รอคโคชินดาเร่ แล้วอธิบาย

"วันนี้เครื่องลงที่สนามบินไม่ได้ กะทันหันเกินไป พรุ่งนี้เราจะออกจากที่นี่ตั้งแต่ตี 5 สำหรับเวลาที่เสียไป ฉันจะชดใช้
เป็นค่าล่วงเวลาให้เธอ"

"เงินคุณ...แก้ไม่ได้ทุกปัญหาหรอกนะ แค่ฉันปิดมือถือไม่ยอมให้ที่บ้านติดต่อมา เพราะไม่อยากโกหก ฉันก็กลุ้มใจจะแย่ แต่ก็คิดว่าถ้ากลับไปอย่างปลอดภัย บอกความจริง พวกเขาคงให้อภัย แต่คุณกลับไม่สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง นึกจะย้ายก็ย้าย นึกจะอยู่ต่อก็อยู่ คุณเคยคิดถึงชีวิตคนอื่นบ้างหรือเปล่า"

"ถ้าฉันไม่คิด ฉันไม่พาเธอหนีมาที่นี่" ไตรภูมิหลุดออกมา แล้วรีบหยุด

ปลายฉัตรชะงักถามว่าหนีอะไร แต่ไตรภูมิไม่ตอบ

"คุณมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า คุณไตรภูมิ...ตกลงคุณเป็นใครกันแน่...คุณบอกฉันมาสิ ว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน คุณให้ฉันมาทำงานอะไรให้คุณ"

"เธอเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์มาคาดคั้นฉันแบบนี้ และฉันก็ไม่จำเป็นต้องตอบ" ไตรภูมิเสียงดังใส่

ปลายฉัตรรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิว รอบตาร้อนผ่าวๆน้ำตาจะไหล "คุณเคยบอกว่า...จะไม่ปล่อยให้ฉันต้องลำบากจากปัญหาที่คุณเป็นต้นเหตุ กลับถึงประเทศไทยเมื่อไหร่ คุณเตรียมแก้ปัญหาให้ฉันได้เลย ฉันลำบากแน่ ทำให้ได้ตามที่พูดไว้ก็แล้วกัน" ปลายฉัตรสะบัดหน้าเดินไปหาไกด์

ไตรภูมิมองตามแล้วก็ครุ่นคิด ทั้งสองคนแยกจากกันด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

ปลายฉัตรมาบอกไกด์ให้กลับโรงแรม ไกด์ขอไปถามไตรภูมิก่อน เมื่อไตรภูมิอนุญาต จึงพาปลายฉัตรนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงด้านล่าง ระหว่างนั่งอยู่บนกระเช้าปลายฉัตรรู้สึกเศร้ากับคำพูดของไตรภูมิที่ยังดังก้องอยู่ในความคิดน้ำตาเอ่อออกมา

ไตรภูมิเองก็รู้สึกผิดกับหญิงสาว ทำให้ต่างคนต่างอารมณ์หมอง แม้ทัศนียภาพเทือกเขาร็อคโคจะสวยงามปานใด ก็ไม่ได้ช่วยให้ทั้งสองดีขึ้นเลย

ooooooo

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

สิงห์นำข้อมูลจากห้องปลายฉัตรมาเชื่อมโยงกับคดีผีดูดเลือด ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ปลายฉัตรมาเกี่ยวอะไรด้วย แต่ยังคิดไม่ออก อโนก็โทร.เข้ามาบอกราคาเครื่องเพชรที่สิงห์ให้ไปสืบว่าประมาณสองแสนสาม ครั้นสิงห์ซักว่าใครเป็นคนซื้อ อโนกลับวางสายไปเสียแล้ว เพราะเธอกำลังจดจ่อกับเรื่องส่วนตัวนั่นเอง

อโนรับสายราม เขานัดเธอให้ออกไปพบที่หน้าออฟฟิศ แล้วส่งกระเป๋าแบรนด์ดังให้ แทนคำขอโทษที่คืนก่อนเขาไม่ได้ออกไปพบสิงห์ อโนตาวาวรับกระเป๋ามากอดไว้แน่น รามยิ้มแล้วขอให้อโนช่วยเรื่องปลายฉัตร อโนจึงมาหาปลายฉัตรที่บ้าน แต่ปลายฉัตรไม่อยู่ เมื่อลุงฉิ่งกับมหาถามเรื่องธุระ อโนตอบเท่าที่บอกได้ พร้อมกันนี้ก็กำชับทั้งคู่ว่าเป็นความลับ

"คือมีคนสนใจจ้างงานพี่ปลาย แบบว่าอยากซื้อตัวมาจากคุณไตรภูมิน่ะ มาช่วยเขาทำงานแบบเดียวกันเลย แต่ให้เงินมากกว่าเท่าตัวหนึ่งแน่ะ"

เมื่อลุงฉิ่งถามถึงคนจ้าง อโนย้ำว่าเป็นความลับ ถ้าปลายฉัตรสนใจ ให้รีบติดต่อเธอด่วน

"เฮ่อ มันจะลับอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย ลับจน จะจำไม่ไหวแล้วเนี่ย จะมีอะไรลับอีกไหม" ลุงฉิ่งถอนใจ

อโนออกมาบอกกับรามที่จอดรถหลบมุมอยู่หน้าบ้านปลายฉัตรว่า ถ้าปลายฉัตรกลับมา ต้องรีบติดต่อขอทำงานกับรามแน่ เพราะเธอต้องการเงินจ่ายค่าผ่าตัดดวงตาให้แม่

"ถ้าทำงานให้ผมได้ ผมจ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว"

รามยิ้มร้ายแล้วขอไปส่งอโนที่บ้าน อโนหน้าบาน ไม่ทันเห็นรามแอบพยักหน้าส่งสัญญาณให้พาลีกับคีรีที่ซุ่มอยู่ไม่ไกล

ooooooo

เฉิดจะเดินเข้าห้องนอน เธอได้ยินเสียงรถรามดังกระหึ่มก็แปลกใจ จึงถามลุงฉิ่ง

"รถเพื่อนอโน น้องไอ้สิงห์มันมั้ง มันมาคุยธุระเรื่องงานไอ้ปลายมันนิดหน่อย ไม่มีอะไรมากหรอก แม่เฉิดไปนอนเหอะ เอาไว้ไอ้ปลายมันกลับมาแล้วค่อยว่ากัน"

เฉิดรับคำแล้วเดินไปนั่งบนเตียงเตรียมสวดมนต์ เธอชะงักเมื่อได้ยินเสียงหมาที่หน้าบ้าน มันส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความหวาดกลัว เฉิดรู้สึกมีคลื่นสัญญาณบางอย่างผิดปกติ จึงลุกมาที่หน้าต่าง พาลีกับคีรีที่เล่นงานหมาอยู่หันไปเห็นก็หลบเข้าพุ่มไม้ เฉิดยังมองเหม่อมือคลำหาหน้าต่างแล้วก็ค่อยๆปิดลง

"ที่แท้ก็ตาบอด"

คีรีส่ายหน้าแล้วก็ออกจากพุ่มไม้ พาลีตามออกมา ทั้งสองคนเดินเฝ้าระวังอยู่หน้าบ้านปลายฉัตรอย่างใกล้ชิด เมฆทะมึนลอยมาปกคลุมบ้าน เหมือนบ้านทั้งหลังกำลังตกอยู่ในอันตราย

เวลาเดียวกันนั้นที่โอซาก้า ไตรภูมิโทร.สั่งอาหารเย็นมาให้ปลายฉัตรทานบนห้อง โรงแรมมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับทั้งคู่ด้วยบัตรเที่ยวยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ปลายฉัตรตาโตตื่นเต้นชวนไตรภูมิไปด้วยกัน กลับถูกเขาเบรกจนจ๋อยรับประทาน

"ฉันโตแล้ว...ไม่ใช่เด็กๆ รีบกิน รีบไปนอน สำหรับวันพรุ่งนี้ฉันจะให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมตัวสำหรับการประมูลในวันมะรืน อย่าลืมว่าเธอมาทำงาน...ไม่ได้มาเที่ยว"

"ฉันรู้หรอกน่า"

ไตรภูมิแอบสงสารนิดๆ แต่ก็ตัดใจหันหลังเดินเข้าห้องไป ปลายฉัตรมองดูบัตร...แล้วก็นึกขึ้นได้ "พรุ่งนี้จะเป็นวันพักผ่อนของฉันชิมิ...จัดไป" ปลายฉัตรยิ้มเจ้าเล่ห์

เช้าวันใหม่ในโอซาก้าท้องฟ้าสดใส ปลายฉัตรแอบเข้ามาในห้อง ในขณะที่ไตรภูมิกำลังอาบน้ำอยู่ เธอย่องไปที่ซองของขวัญแล้วหยิบบัตรมา 1 ใบ ก่อนเปิดประตูอย่างแผ่วเบา ค่อยๆแทรกตัวออกไป พักใหญ่ไตรภูมิก็เดินออกมาเรียกหา แต่ไม่พบ เมื่อหันไปที่ซองของขวัญจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

"เฮ่อ...เด็กหนอเด็ก..." ไตรภูมิอมยิ้มนิดๆแล้วตัดสินใจตามปลายฉัตรไป

ooooooo

ลุงฉิ่งออกมานั่งปรับทุกข์กับมหา เรื่องปลายฉัตรไม่ยอมติดต่อกลับมา มหาฟังแล้วก็พลอยกลุ้มไปด้วย แกหลุดปากมาว่า บางทีปลายฉัตรอาจจะเป็นศพไปแล้วก็ได้

"เอ้ย ไม่จริง ไอ้ปลายมันดวงแข็งจะตาย มหาเป็นคนดูดวงให้มันเองไม่ใช่เหรอ มันไม่ตายง่ายๆ แต่จะว่าไป...ข้าก็เริ่มไม่ไว้ใจเจ้านายมันเหมือนกัน"

ลุงฉิ่งชักหวั่น แกเล่าให้มหาฟังว่า ปลายฉัตรเคยบอกเรื่องไตรภูมิมือเย็นยังกะคนตาย แถมยังทำท่าเย็นชาราวกับผีดิบแต่แกไม่เชื่อ เฉิดที่แอบฟังอยู่ในบ้านถึงกับหน้าซีดเผือด เธอแอบโทรศัพท์เรียกแท็กซี่ให้มารับ
ด้านปลายฉัตร เธอเข้ามาในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ด้วยความตื่นเต้น เธอเล่นเครื่องเล่นตามจุดต่างๆอย่างสนุกสนาน ไม่ทันเห็นไตรภูมิที่ตามมา

"ขโมยของในประเทศนี้...โทษหนักนะ"

ปลายฉัตรชะงัก "คุณบอกฉันเองว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อนของฉัน แล้วฉันก็ไม่ได้ขโมยบัตรนะ โรงแรมเขาให้คุณมาสองใบ ใบหนึ่งของคุณ ใบหนึ่งก็ต้องเป็นของฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย"

"รู้กฎหมายกับเขาด้วยเหรอ"

"ก็...นิดหน่อย...อย่าเพิ่งให้ฉันกลับเลยนะ...นะ...นะ...ขอฉันเล่นต่อก่อนนะ"

ปลายฉัตรออดอ้อนด้วยรอยยิ้มสดใส พลางคว้าข้อมือ อันเย็นเฉียบของไตรภูมิลากไปเล่นเครื่องเล่นด้วยกัน

ooooooo

รถแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้าน ลุงฉิ่งกับมหาหันไปดูด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเฉิดเดินออกมา ลุงฉิ่งถามน้องสาวว่าจะไปไหน เฉิดทำท่าจะเดินออกไปดื้อๆลุงฉิ่งกับมหาเข้าขวางไว้ สุดท้ายเฉิดก็ยอมให้ลุงฉิ่งกับมหาไปด้วย โดยไม่รู้ว่ามีรถของคีรีตามไปห่างๆ

เฉิด ลุงฉิ่ง และมหาบุกมาหาสิงห์ถึงที่ทำงาน เพราะร้อนใจเรื่องปลายฉัตร เฉิดบอกกับสิงห์ว่า เธออยากรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับคดีที่สิงห์กำลังทำ สิงห์อ้างว่ามันเป็นความลับ

"มันไม่ลับแล้ว ข้ารู้หมดแล้วว่าเอ็งกำลังตามจับผีดูดเลือด" ลุงฉิ่งโพล่งออกมา

สิงห์ชะงักหันไปมองจ่าดอน จ่าดอนหน้าเสีย สิงห์ถอนใจหันมาบอกกับเฉิดว่า ไม่รู้จะเล่ายังไง เพราะหลักฐานยังสะเปะสะปะไปหมด

"ปลายเล่าทั้งเรื่องงาน เรื่องคนที่ชื่อไตรภูมิให้ป้าฟัง บางทีป้าอาจจะพอช่วยได้ แล้วตอนนี้หลักฐานของสิงห์มีอะไรบ้าง"

สิงห์ครุ่นคิดแล้วตัดสินใจเลื่อนกระดานที่ติดหลักฐานทุกอย่างไว้ออกมา พลางอธิบายข้อมูลให้พวกลุงฉิ่งฟัง

"คนร้ายก็ไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ที่ศพ นอกจากรอยเขี้ยว แต่ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าหนึ่งในห้าคนนี้...หรือทั้งหมดเป็น...คนที่มีเขี้ยวและดูดเลือด...เราก็จะเอาผิดกับพวกนี้ได้"

"สิงห์เคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับสมบัติในถ้ำมังกรอมตะหรือเปล่า คุณเปรม พ่อของปลายเคยเล่าให้ป้าฟังว่าในสมัยราชวงศ์หมิงมีโจรที่เคยเข้าไปขโมยของจากในวังแล้วนำมาเก็บไว้ที่ถ้ำมังกรอมตะ แต่ยังไม่ทันแบ่งสมบัติ พวกโจรก็ฆ่ากันตายซะก่อน โจรคนสุดท้ายเลยสาปแช่งไว้ก่อนตาย...ใครก็ตามที่เข้ามาขุดสมบัติไป จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างทรมาน ไร้ชีวิต ไปเกิดใหม่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ ต้องอยู่เป็นอมตะ"

สิงห์สนใจ สั่งให้จ่าดอนจดข้อมูลไว้แล้วหันไปหยิบเอกสารที่ได้มาจากห้องนอนปลายฉัตรตอนเข้าไปค้นออกมา

"ข้อมูลของปลายบอกว่า...มีคนเข้าไปเอาสมบัติออกมาได้ และขายไปทั่วโลก"

"แสดงว่า...มีคนเข้าไปในถ้ำ แล้วพวกนั้นจะโดนคำสาปหรือเปล่า" ลุงฉิ่งเปรย

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน...มันเป็นแค่ตำนาน แต่ถึงจะมีคนที่โดนคำสาปเป็นอมตะจริงๆ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อไตรภูมิได้ยังไง ทำไมเขาต้องตามหาสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะ แล้วทำไมเขาต้องมายุ่งกับปลาย...ลูกสาวของฉัน" เฉิดน้ำตาคลอ

สิงห์เห็นเฉิดเศร้าก็ยิ่งเครียด เขามองที่กระดานข้อมูลและทบทวนอีกครั้ง "ไตรภูมิ สมบัติ คำสาป ความเป็นอมตะ เลือด...มันเกี่ยวกันยังไง"

ลุงฉิ่ง มหา และจ่าดอนมองหน้ากันแล้วออกความเห็นพ้องกันว่า ถ้าไตรภูมิเป็นคนเข้าไปเอาสมบัติ ก็ต้องโดนคำสาป และถ้าโดนคำสาปให้เป็นอมตะก็ต้องกินเลือดเป็นอาหาร

"ถ้าอย่างนั้น...มันก็เป็นไปได้...ที่ไตรภูมิจะเป็นฆาตกร"

คำพูดของสิงห์ทำให้เฉิดตกใจ ขอร้องสิงห์ให้ช่วยปลายฉัตรด้วย

"ป้าไม่ต้องห่วง...ผมจะดูแลปลายอย่างดีที่สุด" สิงห์รับปาก อย่างหนักแน่น ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น

เมื่อยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องปลายฉัตร สิงห์กับลุงฉิ่งจึงมาพบชาญเพื่อสอบถามเรื่องงานประมูลที่ภูเก็ต ชาญยืนยันว่ายังไม่มีการจัดงานประมูลของเก่าในประเทศไทย แต่จะมีการประมูลสมบัติราชวงศ์หมิงในวันพรุ่งนี้...ที่เมืองโอซาก้าประเทศญี่ปุ่น

ลุงฉิ่งตะลึง สิงห์กัดกรามแน่น ทั้งเสียใจ น้อยใจ และโกรธนิดๆ ที่โดนคนไว้ใจปิดบัง

ooooooo

ปลายฉัตรรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในโลกแห่งความฝัน เพราะได้ยืนเคียงข้างไตรภูมิชมขบวนไฟพาเหรดตระการตาอย่างมีความสุข ไตรภูมิก็แอบถ่ายรูปปลายฉัตรในมุมต่างๆเก็บไว้

หลังจากชมขบวนพาเหรดจบ ไตรภูมิพาปลายฉัตรมาทานอาหารเย็นในห้องอาหารสุดหรู แล้วกลับห้องพัก ทันทีที่ประตูห้องไตรภูมิปิดลง ปลายฉัตรที่เล่นสนุกจนหมดแรงก็เอนตัวลงบนโซฟา หลับไป

ในขณะที่ปลายฉัตรนอนหลับอย่างมีความสุข สิงห์และทุกคนที่บ้านกำลังร้อนใจอย่างหนัก สิงห์ตัดสินใจไปที่บ้านไตรภูมิโดยมีลุงฉิ่งเป็นคนบอกทาง และมีสมุนของรามตามไปห่างๆ

กรเช็กภาพจากมุมต่างๆอยู่ในห้อง เห็นลุงฉิ่งกับสิงห์ยืนอยู่หน้าบ้าน ก็กดอินเตอร์คอมพ์แจ้งไปยังกัณฑ์ แล้วสิงห์กับฉิ่งก็สะดุ้งที่จู่ๆกัณฑ์โผล่มา เมื่อตั้งสติได้สิงห์ถามหาปลายฉัตรทันที

"กลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่มีคำตอบอะไรทั้งนั้น" กัณฑ์ ตัดบทแล้วจะเดินเข้าบ้าน

"ไม่มี หรือไม่อยากตอบ หลานข้าหายไปทั้งคนจะให้กลับไปได้ยังไง แล้วตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าไอ้ปลายมันไม่ได้ไปภูเก็ต แต่มันไปญี่ปุ่น" ลุงฉิ่งโวย

กัณฑ์หยุดเดิน สิงห์ได้โอกาสขู่ว่าจะไปแจ้งความข้อหาล่อลวง กักขัง หน่วงเหนี่ยว ทำให้สูญเสียอิสรภาพ ยามนั้นอินทร์เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ พูดขึ้น

"ผมว่าเราค่อยๆพูดกันดีกว่านะครับ เรื่องเล็กจะได้ไม่ กลายเป็นเรื่องใหญ่ คุณปลายฉัตรไม่ได้หายไปไหน...ยังอยู่กับเจ้านายผม และปลอดภัยดี"

"ตอนนี้ปลายอยู่ญี่ปุ่นใช่หรือเปล่า" สิงห์รุกถาม

"ผมคงบอกอะไรไม่ได้ และคุณปลายฉัตรคงบอกพวกคุณแล้วว่างานที่เรากำลังทำอยู่เป็นความลับ" สิงห์อ้าปากจะแย้งแต่อินทร์ไม่เปิดโอกาส "ส่วนเรื่องแจ้งความ...คงทำตอนนี้ไม่ได้ เพราะคุณปลายฉัตรเซ็นสัญญาทำงานกับเราเป็นเวลา 4 วัน วันนี้ยังไม่ครบกำหนด ผมคิดว่าตำรวจคงไม่รับแจ้งความ ทางที่ดี คุณควรจะกลับไปก่อน และรอถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าคุณปลายฉัตรกลับมา คุณก็ถามความจริงกับเธอเอง"

"เข้าใจแล้วก็กลับไปได้" กัณฑ์ท่าทางขึงขัง

สิงห์นิ่งคิดแล้วก็พยักหน้ากับลุงฉิ่งทำนองว่า...กลับเหอะไม่ไกลกันนักพาลีกับคีรีที่ซุ่มดูอยู่รีบโทร.หาราม

ooooooo

ขณะไตรภูมิจะดื่มเลือด ได้ยินเสียงกรนของปลายฉัตรจึงชะงัก เขาเก็บขวดเลือดใส่กล่องแล้วเดินออกไปดู เมื่อเห็นเธอหลับสนิท จึงอุ้มไปวางในห้องนอน ก่อนตัดใจเดินออกไปจากห้องด้วยความสับสน

เขากลับมาเปิดตู้หยิบกระเป๋าใส่เลือดออกมาดื่มรวดเดียวหมด เผลอบีบหลอดเลือดไว้ในมือด้วยความเครียดจนหลอดแตกบาดมือ เลือดตัวเองไหลออกมา แต่ไม่นานเลือดก็ค่อยๆจางหายไป พร้อมกับรอยแผลที่ได้รับการสมานกลับคืนสู่สภาพเดิม

รามที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหน้าบ้านไตรภูมิ เขารู้สึกเหมือนได้กลิ่นเลือดของเจ้าของบ้าน แต่ไม่ติดใจอะไรเพราะมีภารกิจใหญ่รออยู่ เขาส่งยิ้มร้ายสั่งลูกน้องทั้งสาม

"แยกย้ายกันไปหาที่ซ่อนสมบัติให้เจอ"

ระหว่างนั้น กัณฑ์กำลังปรึกษากับอินทร์เรื่องการมาของสิงห์และพรรคพวก

"พรุ่งนี้นายท่านจะมีการประมูลใหญ่ ไม่อยากให้มีเรื่องรำคาญใจ เอาไว้นายท่านกลับมาเราค่อยรายงานให้ทราบ คืนนี้คิดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้ว" อินทร์แนะนำ

กัณฑ์พยักหน้ารับทราบ นาทีนั้นอินทร์รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดปกติ เขาสังหรณ์ใจขึ้นมา ขณะที่กรก็เห็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านหน้ากล้องไป จึงกดอินเตอร์คอมพ์บอกกัณฑ์ แต่ไม่ทัน เพราะคีรีพุ่งเข้าใส่กัณฑ์ เสียแล้ว กรออกไปช่วย แต่ถูกพาลีขัดขวาง

อินทร์เมื่อรู้ว่ารามพาลูกน้องบุกเข้ามาก็รีบไปที่ห้องเก็บสมบัติ กดปุ่มซ่อนสมบัติภายในห้องทั้งหมด จากนั้นกดอีกปุ่มหนึ่ง เพื่อเลื่อนชั้นวางหนังสือเข้าไปในห้องเพื่ออำพราง

"สมบัติอยู่ที่ไหน" มายากระชากเสียงถาม

แต่อินทร์ไม่ตอบคำ มายาจึงพุ่งเข้าใส่ อินทร์หลบวูบแล้วสวนกลับจนมายาตั้งตัวไม่ติด ต้องถอยร่นมาที่ระเบียงในจังหวะที่เธอเพลี่ยงพล้ำ รามก็เข้ามาช่วยไว้ เขาซัดอินทร์จนลอยทะลุกำแพงออกไป กรและกัณฑ์ผละจากคู่ต่อสู้ พุ่งเข้าไปรับร่างอินทร์ด้วยความรวดเร็ว แต่ด้วยแรงกระแทกมหาศาลจากฝ่ามือของราม อินทร์ถึงกับกระอักเลือด

รามกับสมุนกระโดดลงพื้น พลางถามหาสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะ แต่พวกอินทร์ไม่มีใครยอมบอก รามจึงให้พาลีจัดการ พาลีหยิบกระบอกน้ำมันออกมาจากกระเป๋า เทลงบนร่างของอินทร์ กร และกัณฑ์อย่างรวดเร็ว มายาจุดไฟแช็กแล้วดีดออกจากมือ เปลวไฟพุ่งตรงไปที่กร กัณฑ์ และอินทร์ กัณฑ์ใช้พลังทั้งหมดที่มีผลักกรกับอินทร์กระเด็นลอยออกไป เปลวไฟพุ่งตรงมาที่กัณฑ์ เปลวเพลิงลุกพึ่บโชนแสง

"อ๊าก" กัณฑ์ร้องลั่น

กรวิ่งมาพร้อมกับถังดับเพลิง คีรีเข้ามาสกัด อินทร์เข้ามาแทรกรับถังดับเพลิงไปฉีดดับไฟที่ร่างของกัณฑ์ พาลีพุ่งเข้ามาหาอินทร์ กรเหลือบไปเห็น เขาฟาดฝ่ามือเข้าที่คีรีก่อนจะพุ่งไปสกัดพาลี มายาจะเข้าไปช่วย รามยกมือห้ามไว้

"วันนี้พอแค่นี้ ไม่ว่าเจ้านายแกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ฝากบอกมันด้วยว่า...ถ้าไม่อยากตาย...เลิกคิดที่จะถอนคำสาปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่มีวันยอมให้พวกแกมาทำลายความเป็นอมตะของฉัน ถ้ามันยังไม่เลิกคิดที่จะสะสมสมบัติ ฉันจะกำจัดมันให้หมดทั้งสมบัติและพวกแก ถ้าอยู่อย่างสงบไม่ได้ ก็ตายกันซะให้หมด" รามประกาศก้อง

กรกับอินทร์ก้มหน้ารับฟัง ในขณะที่กัณฑ์อาการน่าเป็นห่วง แต่การกระทำของรามนี้ เมื่อจิตต์รู้เข้าโกรธมากพลางบอกความจริงว่า ไตรภูมิหายไปไหน รามแค้นสั่งมายาเตรียมเครื่องบินเหินสู่โอซาก้า

ooooooo

เช้าวันใหม่ที่โอซาก้า ไตรภูมิหยิบภาพหยกแกะสลักขึ้นมาดู แล้วเดินมาเรียกปลายฉัตรที่ยังไม่ตื่นให้ลุกขึ้นเตรียมตัว หญิงสาวสะดุ้ง มองไปรอบๆห้องด้วยความงุนงง

"ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วคุณเข้ามาห้องฉันได้ไง"

"ไม่ต้องถามอะไรมาก รีบไปอาบน้ำ ฉันมีคนมาช่วยเธอแต่งตัว" ไตรภูมิสั่ง แล้วสาวญี่ปุ่นสามคนก็เดินเข้ามาพร้อมอุปกรณ์แต่งหน้าทำผม

"นี่มันอะไรเนี่ยคุณ" ปลายฉัตรตกใจ

"ฉันรู้ว่าเธอแต่งตัวไม่เป็น ฉันไม่อยากต้องเสียเวลา พวกนี้เป็นมืออาชีพ เขาจะช่วยเธอเอง" ไตรภูมิตอบแล้วเดินออกไป สามสาวเข้ามามะรุมมะตุ้มช่วยแต่งตัวให้ปลายฉัตรที่ยังงุนงงตกใจไม่หาย...

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 6

ตอนที่ 6

ภายในห้องทำงาน ไตรภูมิ อินทร์ กร และกัณฑ์ นั่งดูภาพลุงฉิ่งแอบหาข้อมูลจากกล้องวงจรปิด

"ผมว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ มันวุ่นวายไปใหญ่นะครับ" อินทร์ออกความเห็น

"ผมจัดการเอง" กัณฑ์เอ่ยพลางจะพุ่งออกไป

ไตรภูมิยกมือห้ามไว้ "ไม่เป็นไร...ดูแล้วไม่มีพิษมีภัยอะไร อยากจะดูอะไรก็ให้ดูไป"

"จะดีเหรอครับนายท่าน...ปกตินายท่านไม่ชอบให้คนภายนอกเข้ามาวุ่นวายภายในบ้าน" อินทร์แปลกใจ

"ตอนนี้มันอาจจะไม่ปกติแล้วมั้ง" ไตรภูมิยิ้ม อินทร์ กัณฑ์ และกรมองหน้ากัน แล้วไตรภูมิก็ถามต่อ

"เรื่องการประมูลครั้งต่อไป ได้ข้อมูลอะไรบ้าง"

กรสะดุ้งแล้วรีบตอบ "อ้อ ได้แล้วครับ" กรหันไปเปิดข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลของในครั้งต่อไป พลางอธิบาย

"เป็นหยกแกะสลักรูปผู้หญิงถือดอกไม้...เป็นวัตถุโบราณชิ้นที่ 115 ที่เรากำลังตามหาอยู่ สมบัติชิ้นนี้ตกทอดจากบรรพบุรุษมา 3 รุ่น เจ้าของคนปัจจุบันเป็นชาวญี่ปุ่น...การประมูลจะมีขึ้นที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นในอีก 4 วัน"

อินทร์ถามเจ้านายถึงกำหนดเดินทาง เพราะต้องจองเครื่องบินส่วนตัว เมื่อได้รับคำตอบว่าจะออกเดินทางวันรุ่งขึ้น เขาสั่งให้กรกับกัณฑ์ไปจัดเตรียมของ แต่ไตรภูมิห้ามไว้

"นายท่านจะไปคนเดียวเหรอครับ" อินทร์ถาม

ไตรภูมิพรายยิ้มออกมาแทนคำตอบ

ooooooo

เมื่อปลายฉัตรรู้เรื่องไปญี่ปุ่น เธอถึงกับตะลึงไปชั่วครู่ ยิ่งรู้ว่าไตรภูมิจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง เธอก็แทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความดีใจ แต่ยังรักษาอาการไว้

"อืมม์...ฉันขอคิดดูก่อนนะ..." ปลายฉัตรวางฟอร์ม แล้วแอบกรี๊ดแบบไม่มีเสียงเพราะดีใจสุดๆ ไตรภูมิเห็นท่าทางดีใจของปลายฉัตรก็อมยิ้ม "ก็ได้...ฉันไปร่วมการประมูลกับคุณที่ญี่ปุ่นก็ได้ แต่คุณห้ามบอกที่บ้านฉันเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะถ้าแม่ฉัน ลุงฉันรู้ว่าฉันไปญี่ปุ่น 4 วัน 4 คืน มีหวังอดไปแน่ๆ"

"ถ้าไม่บอกว่าไปญี่ปุ่น แล้วจะบอกว่าไปไหน"

สาวเจ้ากลับมาบอกทางบ้านว่า จะไปทำงานที่ภูเก็ต 4 วัน เฉิดเป็นห่วงถามลูกว่าทำไมไปนานนัก

"คืองานประมูลมันจัดหลายวันน่ะแม่ แล้วก็ต้องไปตามหาของที่เค้าต้องการด้วย มันก็เลยหลายวันหน่อย"

ปลายฉัตรอธิบาย สิงห์นึกสงสัย จึงขอให้ลุงฉิ่งตามไปด้วย ปลายฉัตรนึกถึงคดีเก่าได้ จึงหันมาเล่นงาน

"อ๋อ หรือว่าที่วันนี้ลุงไปกับฉันเพราะเป็นความคิด ของแก"

สิงห์อึกอัก ขอร้องให้ปลายฉัตรฟังเขาก่อนแล้วหันมาหาลุงฉิ่ง มหา และเฉิด แต่ทั้งสามพร้อมใจกันหันหน้าหนี

"ฉันไม่ฟังแกแล้วไอ้เพื่อนล้ำเส้น พอเลย แกไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องงานของฉันอีกแล้ว แม่ ลุงฉิ่ง แล้วก็ลุงมหาก็เป็นไปกับมันด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่รู้ล่ะ...ยังไงฉันก็จะไปทำงานที่ญี่...ที่ภูเก็ตและต้องทำงานนี้ให้สำเร็จให้ได้"

"แต่ไอ้ไตรภูมิมันจะทำให้ปลายเดือดร้อน มันเป็นคนไม่ดี" สิงห์โพล่งออกมา

"ไม่ดียังไง ไหนล่ะหลักฐาน"

"ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน"

"เอาไว้มีหลักฐานเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันดีกว่านะ ...ผู้หมวด"

ปลายฉัตรทอดเสียงประชด ก่อนจะเดินกระแทกเท้าขึ้นบ้าน ทำให้ทุกคนจ๋อยไปตามๆกัน

ooooooo

รามมาหาอโนถึงที่ทำงาน แล้วนัดออกไปทานอาหารค่ำ หวังจะใช้เธอเป็นตัวเชื่อมไปหาปลายฉัตรและไตรภูมิ แต่อโนกลับคิดเข้าข้างตัวเองว่า รามมาขอนัดออกเดทจึงรีบไปโม้ให้สิงห์ฟังอย่างออกรส สิงห์ฟังน้องสาวด้วยความตั้งใจ
เช้าวันใหม่ ปลายฉัตรสะพายกระเป๋าเป้ขนาดกะทัดรัดเข้ามาลาแม่กับลุง ลุงฉิ่งกำชับให้ซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบมาฝาก ปลายฉัตรไม่ทันคิดเผลอปฏิเสธ จึงได้เรื่อง

"ไม่มีได้ไงวะ...ถ้าภูเก็ตไม่มีน้ำพริกกุ้งเสียบ ก็ไม่ต้องไปหาที่อื่นแล้ว ตกลงไปภูเก็ตจริงป่ะวะเนี่ย" ลุงฉิ่งสงสัย

"จะ...จริงดิ...ฉันไปจริงๆ แต่แค่ไม่รู้แค่นั้นแหละ... ไม่ได้ทำงานการท่องเที่ยวนี่ จะได้รู้ว่าจังหวัดไหนขายอะไร เอาเป็นว่า...ถ้าฉันมีเวลาว่างออกมาหาซื้อของฝาก จะซื้อมาให้แล้วกัน...ไปก่อนนะจ๊ะ...สวัสดีจ้ะ"

ปลายฉัตรยกมือไหว้ลุงฉิ่งกับเฉิดแล้วเดินออกไปจากบ้านอย่างเร็ว ลุงฉิ่งมองตามไม่วางใจนักเพราะหลานสาวท่าทางมีพิรุธ เฉิดเองก็รู้สึกแต่ไม่พูด

ปลายฉัตรเมื่อเดินมาพ้นประตูบ้าน เธอรำพึงเบาๆ "แม่...ลุง...ฉันขอโทษด้วยที่ต้องโกหก" พลางตัดใจเดินออกไปหาไตรภูมิที่ยืนรออยู่ที่รถ

"กระเป๋าใบใหญ่ไปหรือเปล่า" ไตรภูมิประชด เมื่อเห็นกระเป๋าเป้ของปลายฉัตร

"คือ...ฉันไม่ได้บอกที่บ้านว่าไปญี่ปุ่น ฉันบอกว่าไปภูเก็ต ก็เลยต้องเอาของไปแค่นี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถึงจะน้อยแต่ครบ ฉันอยู่ได้ 4 วันสบายมาก ไปกันยัง ตื่นเต้น" ปลายฉัตรยิ้มเป็นเด็กๆ

ไตรภูมิยิ้มตามแล้วพยักหน้าให้ปลายฉัตรขึ้นรถ กรรีบเปิดประตูให้

"เครื่องบินส่วนตัวรออยู่แล้วนะครับ พร้อมเดินทางทันทีที่นายท่านไปถึง" อินทร์รายงาน

ไตรภูมิพยักหน้ารับรู้ และขึ้นรถตามปลายฉัตรไป กรหันมาถามอินทร์ด้วยความอยากรู้

"ที่นายท่ายเคยบอกว่า ถ้ารู้ว่ามันเริ่มมากเกินไปจะหยุดทันที นายท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่ามัน...ไม่น้อยแล้วนะ"

"คิดว่า...ไม่น่าจะรู้ตัว..." อินทร์ตอบ พลางมองตามไตรภูมิด้วยความเป็นห่วง

ooooooo

สนามบินเมืองโอซาก้า กลางผู้คนขวักไขว่ ปลายฉัตรกวาดตามองด้วยความตื่นเต้น เธอยืนตาวาว เป็นประกายอยู่ที่หน้าทางออกของผู้โดยสารขาเข้า ไตรภูมิยืนอยู่ข้างๆทำท่าเหมือนจะพูดอะไร

"อุ๊ย ทางโน้นมีร้านขายของด้วย เดี๋ยวฉันมานะ" ปลายฉัตรพูดจบก็รีบวิ่งไปทันที

ไตรภูมิเรียกไม่ทัน จึงได้แต่ถอนใจแล้วเดินตาม สาวเจ้ามาหยุดอยู่ที่หน้าร้านหนังสือ ทำท่าจะเข้าไปข้างใน ไตรภูมิรีบดึงไว้ พลางถามเรื่องชุดที่จะใส่ไปงานประมูล ปลายฉัตรเพิ่งนึกได้

"ไม่ได้เอามา...ลืม ก็ฉันมัวแต่กลัวว่าที่บ้านจะจับได้ก็เลยลืมคิดไปเลย...ฉันใส่ชุดแบบนี้ไปประมูลได้ป่ะ"

ไตรภูมิส่ายหน้า แล้วลากปลายฉัตรไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ในย่านอเมริกันวิลเลจ ย่านนี้มีเสื้อผ้าวัยรุ่นสีสันสดใส หญิงสาวเดินเข้าออกร้านโน้นร้านนี้ พร้อมกับถุงเสื้อผ้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ช็อปปิ้งจนหนำใจแล้ว ปลายฉัตรขอสาธิตการกินทาโกะยากิของขึ้นชื่อของเมืองโอซาก้าให้ ไตรภูมิดู เธอยัดเข้าปากทั้งลูก แต่ต้องคายออกมาเพราะความร้อนระอุของอาหาร

"สะใจพอไหม" ไตรภูมิถาม

แล้วไตรภูมิก็พาปลายฉัตรมายังโรงแรมที่จองไว้ "ไม่ต้องกลัว...ฉันจองไว้แค่ห้องเดียว...เธอต้องนอนกับฉันนอนห้องเดียวกัน..." ไตรภูมิเน้น ปลายฉัตรอึ้ง

เมื่อเปิดห้องออก ปลายฉัตรค่อยๆโผล่หน้าเข้ามา มองรอบๆห้องอย่างตื่นตะลึงในความหรูหรา

"ฉันจะพาเธอไปห้องนอน" ไตรภูมิเดินนำไปอีกห้อง

"มันมีแค่เตียงเดียว แล้วคุณ...กับฉัน...เราสองคน...เนี่ยนะ..." ปลายฉัตรชี้ไปที่เตียง

"เธออาจจะเสียใจ เพราะฉันไม่ได้นอนห้องนี้" ไตรภูมิชี้ไปอีกประตูห้องที่อยู่ติดกัน "ห้องโน้น...เป็นห้องของฉัน พักผ่อนตามสบาย...พรุ่งนี้เช้าเจอกัน"

พูดจบ ไตรภูมิเดินไปที่ห้องนอนตัวเอง ปลายฉัตรมองตามด้วยความค้างคาใจ

"ไม่ได้นอนด้วยกัน...แล้วทำไมฉันต้องเสียใจด้วย... อ๋อ นี่คุณคิดว่าฉันอยากนอนกับคุณหรือไง แค่หน้าตาดี มีฐานะ ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนอยากจะนอนกับคุณหรอกนะ...หลงตัวเอง" ปลายฉัตรนึกได้ตะโกนไล่หลัง ไตรภูมิอมยิ้มแล้วหันมายักคิ้วให้ ทำนองไม่เชื่อที่ปลายฉัตรกำลังแก้ตัว ก่อนปิดประตูห้อง

ชายหนุ่มเดินตรงเข้าเปิดกระเป๋าใบใหญ่ หยิบกล่องสีดำขลับด้านในออกมา คว้าถุงเลือดที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาฉีก เทลงคออย่างกระหาย พลันเสียงเคาะห้องดังขึ้น เขาชะงักทำให้เลือดหกเลอะเสื้อและพื้น

ปลายฉัตรยืนอยู่หน้าห้อง ในมือถือกล่องแซนด์วิช เธอเคาะประตูอีกครั้ง ไตรภูมิก็พยายามตั้งสติ รีบเก็บถุงเลือดใส่กล่องอย่างรวดเร็ว แล้วหันมาคว้าผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอยเลือดที่ไหลเลอะใบหน้าและพื้น แล้วโยนผ้าเปื้อนเลือดเข้าไปในตู้

"คุณไตรภูมิ" ปลายฉัตรเคาะเร่ง

ไตรภูมิหันไปที่ประตู พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นว่า เสื้อเปรอะคราบเลือดสีแดงฉาน เขารีบถอดเสื้อออกเผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะ และมัดกล้ามที่ทำให้สาวๆหัวใจละลาย ชายหนุ่มเดินเปลือยท่อนบนไปเปิดประตู ปลายฉัตรที่ยืนรออยู่ เห็นเข้าถึงกับอึ้ง เผลอรำพึงออกมาว่าขาวจัง ไตรภูมิอมยิ้ม ขณะสาวเจ้าฉีกยิ้มเจื่อนๆ แล้วยื่นกล่องแซนด์วิชให้

"คือ...ฉันนึกได้ว่าวันนี้ทั้งวันคุณยังไม่ได้กินอะไรเลย ฉันก็เลยคิดว่าดึกๆ คุณอาจจะหิว ก็เลยเอาแซนด์วิชมาให้

ฉันซื้อระหว่างทางที่ไปช็อปปิ้ง คุณเก็บเอาไว้สิ เผื่อหิว" ปลายฉัตรยิ้มจริงใจ

ไตรภูมิมองขนมปังแล้วก็มองหน้าปลายฉัตร "ไม่เป็นไร เธอเก็บไว้กินเถอะ"

"ไม่เป็นไร...ฉันอิ่มแล้ว คุณเอาไว้เถอะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ฉันไม่ได้เกรงใจ แต่โรงแรมมีอาหารบริการยี่สิบสี่ชั่วโมงส่งถึงห้อง ถ้าฉันหิว ฉันโทร.สั่งได้"

"อ้าวเหรอ...ฉันไม่รู้ ขอโทษทีที่รบกวน เคาะประตูเรียกตั้งนาน" ปลายฉัตรยิ้มเขินๆ

"คราวหน้าห้ามรบกวนฉันอีก ไม่ว่าจะมีอะไร สำคัญแค่ไหน ห้ามเรียก ห้ามปลุก ห้ามเคาะประตู และห้ามเข้ามาในห้องฉันเด็ดขาด" ไตรภูมิเสียงเข้ม ปลายฉัตรสะอึกนิดๆ ทำหน้าจ๋อยรีบขอโทษ จนไตรภูมิสงสาร

"ขอบใจมากที่เป็นห่วงฉัน วันนี้เธอเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน ไปนอนได้แล้ว" ปลายฉัตรยืนงงปรับอารมณ์ไม่ถูก ไตรภูมิถอยเข้ามาในห้องแล้วพูดทิ้งท้ายก่อนปิดประตู

"ฝันดี..."

ปลายฉัตรยิ้มออกมาด้วยความเขิน แบบไม่รู้สาเหตุ

ooooooo

ในขณะที่ปลายฉัตรกำลังฝันหวาน สิงห์กลับรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น เขาเฝ้ารอโทรศัพท์จากปลายฉัตรอยู่ที่บ้านของเธอ ลุงฉิ่งกับมหาที่เตรียมจะเข้านอนเห็นอาการก็สงสารจึงชวนให้นอนด้วยกัน เผื่อปลายฉัตรจะติดต่อมาตอนดึก เมื่อโทรศัพท์ มือถือของสิงห์ดังขึ้น สิงห์ดีใจรีบกดรับ กลับเป็นเสียงของอโน เธอขอให้ไปรับที่ร้านอาหารแถวทองหล่อ

"วันนี้ฉันมีเดทกับผู้ชายไง ทำเป็นลืมไปได้ นี่ๆ แล้วอีกสองชั่วโมงพี่มารับฉันกลับบ้านหน่อยนะ...ฉันกลัวเขาคิดทำมิดีมิร้ายกับฉัน แบบว่า...ขอไปส่งแล้วพาเข้าโรงแรมไรเงี้ยะ"

สิงห์ส่ายหน้าอย่างระอากับความช่างคิดช่างจินตนาการของน้องสาว

"ฉันแค่กลัว มันอาจจะไม่จริงก็ได้ เรื่องแบบนี้มันต้องเสี่ยง ไม่เสี่ยงแล้วจะมีแฟนได้ไง แค่นี้ก่อนนะ ถึงเวลานัดแล้วฉันไม่อยากไปสาย อีกสองชั่วโมงอย่าลืมมารับนะอ้อ...อีกเหตุผลนึงที่พี่ต้องมารับฉัน...เพราะฉันอยากให้พี่เจอกับน้องเขยในอนาคต แล้วเจอกันนะ...ชิบุชิบุ"

อโนวางสายไปด้วยความร่าเริง และอีกมุมหนึ่งของร้าน พาลียืนเฝ้าอยู่บริเวณรถสปอร์ตหรูของราม ใกล้กันมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ข้างๆ

สิงห์วางสายจากน้องสาวก็หันมาบอกลาสองผู้เฒ่าว่ามีธุระต้องรีบไป ลุงฉิ่งกับมหาช่วยกันปลอบใจสิงห์เรื่องปลายฉัตรและเตือนให้ขับรถดีๆ

"ไอ้สิงห์มันทำคดีอะไรของมัน ทำไมถึงได้เครียดขนาดนี้วะเนี่ย ถามว่าคดีอะไรก็ไม่บอก บอกว่าเป็นความลับ"

"สงสัยช่วงนี้ราหูจะเข้า งานก็เครียด แถมเรื่องความรักก็ดันมามีคู่แข่งซะอีก" มหาทำนาย

"เออว่ะ...นอกจากเรื่องงาน เรื่องความรัก ไอ้สิงห์มันจะมีเรื่องซวยอะไรอีกวะเนี่ย" ลุงฉิ่งถอนใจ...หนักใจแทน

ooooooo

อโนนั่งตัวลีบอยู่ในร้านอาหารหรู เมื่อรามถามถึงปลายฉัตร เธอรีบตีกันทันที

"อย่าบอกนะคะว่า คุณมาตีสนิทกับฉันเพราะต้องการรู้จักพี่ปลาย"

"ใช่...และตามข้อตกลงของเรา หลังจากที่ผมตอบสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวผม ตอนนี้คุณก็ต้องตอบสิ่งที่ผมอยากรู้บ้าง"

อโนผิดหวังอย่างแรง เธอลองหยั่งเชิงราม เพราะคิดว่าจะจีบปลายฉัตร

"เปล่า...มันเป็นเหตุผลทางธุรกิจ เค้าทำงานให้คู่แข่งของผมอยู่ ผมต้องการซื้อตัวเขา"

"คุณไตรภูมิ" อโนโพล่งออกมา รามแปลกใจที่อโนรู้จักไตรภูมิด้วย เมื่อรุกถามอโนจึงอธิบาย

"ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แค่เห็นรูป และก็ได้ยินชื่อ อ้อ...ฉันเคยเห็นเขามาส่งพี่ปลายที่บ้านครั้งนึงด้วย"

รามอมยิ้มนิดๆด้วยความพอใจ "ผมสนใจจะทำงานกับ เอ้อ ปลายฉัตร...ผมยินดีจะจ่ายให้มากกว่าที่เขาได้จากไตรภูมิ ถ้าคุณติดต่อให้ผมได้ ผมจะมีเปอร์เซ็นต์ให้คุณ เป็นค่าเหนื่อย"

"ได้ค่ะ...ฉันยินดีช่วยเต็มที่...แต่ฉันไม่ได้ทำเพื่อเงินของคุณหรอก...ฉันทำเพราะต้องการช่วยคุณ" อโนยิ้มจริงใจ

"ขอบคุณมาก...คุณนี่เป็นคนดีที่น่าคบจริงๆ ยินดีอีกครั้งที่ได้รู้จักกัน และคิดว่าเราจะได้รู้จักกันมากกว่านี้" รามยกแก้วแชมเปญขึ้น...อโนรีบหันไปคว้าแก้วนํ้าอัดลมมาชูขึ้น ก่อนยกดื่มรวดเดียวหมด แล้วเรอออกมาเหมือนเด็กๆ

เวลาเดียวกันนั้น มายาเดินพล่านไปมาอยู่หน้าบ้านราม เธอมองซ้ายมองขวารอรามแต่ยังไม่เห็นกลับมาก็ร้อนใจ จึงเข้าถามหากับคีรีที่กำลังเล่นเกมต่อสู้อยู่กับสกรีนขนาดมหึมา แต่คีรีไม่สนใจตอบคำถาม มายาจึงกระชากจอยสติ๊กแล้วก็ขว้างไปที่กำแพงอย่างแรง ทำให้คีรีสุดเซ็ง

"เจ๊จะพังของหมดบ้าน ฉันก็บอกไม่ได้ว่านายไปไหน เพราะนายไม่ให้บอก"

"แล้วทำไมนายไม่ให้บอกฉัน" มายาดึงตัวคีรีขึ้นมา

"เพราะเจ๊ตกกระป๋องแล้วมั้ง" คีรีพูดจบก็โดนมายาเหวี่ยง

กระเด็นไปชนกับผนังอย่างแรง ผนังเป็นรอยร้าว คีรีส่ายหน้า

ลุกขึ้นมาเตือนสติ "เจ๊อย่ามาใส่อารมณ์กับผมเลย ไม่มีประโยชน์ หรอก ผมว่าเจ๊น่าจะพิจารณาตัวเองก่อนที่จะโดนนายเขี่ยทิ้ง เห็นว่าอยู่กันมานานถึงได้บอกให้รู้ตัว" คีรีปัดฝุ่นออกจากตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินไป

มายากัดฟันกรอดกำมือแน่นด้วยความเสียใจ

ooooooo

สิงห์ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หน้าร้านอาหาร เขามองไม่เห็นอโนจึงส่งข้อความไปตาม อโนกดอ่านแล้วบอกให้รามรู้ว่าพี่ชายมารับ และชวนเขาออกไปเจอกับพี่ชาย

ส่วนสิงห์ที่รออยู่มองไปเห็นรถของพาลีที่จอดอยู่ข้างรถสปอร์ตของราม จึงเดินเข้าไปดู แต่ยังไม่ทันถึงอโนก็ร้องเรียก แล้วเข้ามาดึงไว้ พลางบอกว่ารามจะออกมาพบ แม้สิงห์จะพะวักพะวงกับรถพาลี แต่อโนก็ลากไปจนได้ ทันทีที่สิงห์หันหลังให้รถ รามก็เดินออกมาจากอีกประตูหนึ่งของร้าน พาลีรีบเดิน ตามมาประกบดิ่งมายังรถสปอร์ต
เขาปรายตาไปมองสิงห์ เล็กน้อย แล้วเบือนหน้าหนีอย่างไม่ใส่ใจ

สิงห์รู้สึกสังหรณ์ใจ จึงหันมามองรถพาลีแต่ไม่เห็นเสียแล้ว

"เพื่อนคุณฝากมาบอกว่า ขอโทษที่มาหาไม่ได้ เพราะมีธุระด่วนต้องรีบกลับ" พนักงานออกมาบอก

"อ้าว...ไหงงั้นล่ะ...แต่เขาบอกว่าจะออกมาหาฉัน...คุณบอกผิดคนหรือเปล่า พี่สิงห์รอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันโทร.ถามก่อน แต่ไม่ได้ขอเบอร์เอาไว้อ่ะ...ทำไงดี"

ขณะที่อโนหงุดหงิด สิงห์จึงรีบชวนน้องกลับบ้าน

ooooooo

ปลายฉัตรไม่ได้ล็อกประตูไว้ ไตรภูมิจึงเข้ามาปลุกในห้องนอน สาวเจ้ามองชายหนุ่มอย่างหวาดระแวง

"ฉันเอาค่าจ้างสำหรับจ๊อบนี้มาให้เธอ" เอ่ยพลางวางซองเงินไว้ที่เตียง

ปลายฉัตรหยิบซองเงินมาเปิดดูแล้วทำตาโต

"ฉันแลกเป็นเงินเยนไว้ให้ เผื่อเธอต้องการใช้ แต่ถ้าไม่ใช้ก็กลับไปแลกเป็นเงินไทย"

"ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะเยอะ อยู่...ไงก็ขอบคุณมาก...แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำงานให้เต็มที่ สมกับเงินที่คุณจ่ายให้ฉัน"

"ฉันจะรอดู..." ไตรภูมิยิ้มนิดๆแล้วก็เดินไปที่ประตู ปลายฉัตรรีบหยิบซองเงินมาดูอีกที ไตรภูมิหันกลับมาเธอรีบเก็บซองเงินแสร้งทำเป็นนิ่งเหมือนเดิม ไตรภูมิอมยิ้มรู้ทันพลางสั่งให้ปลายฉัตรรีบอาบนํ้าแต่งตัว

"คุณจะพาฉันไปไหน" ปลายฉัตรตาวาว

"อยากรู้ก็ให้เร็ว...ฉันให้เวลาสิบนาที เริ่มจับเวลา" ไตรภูมิเดินออกไปทันที

"เฮ้ย" ปลายฉัตรลุกพรวดพราด รีบวิ่งไปหยิบกระเป๋ารื้อเอาเสื้อผ้าออกมา ของหล่นตกกระจาย...ส่งเสียงโครมครามสลับกับเสียงโวยวาย "แค่สิบนาทีใครจะไปเตรียมตัวทัน เดี๋ยวก็ไม่อาบนํ้าไปทั้งเหม็นๆนี่แหละ"

อีกสิบนาทีต่อมา ปลายฉัตรในชุดสุดแนวก็ออกมาจากห้อง ไตรภูมิมองอย่างอึ้งๆ

"ใช่...ชุดนี้ดีที่สุดในเวลา 10 นาทีที่คุณให้ฉัน และที่สำคัญ...ตอนนี้ไม่ใช่เวลางาน ฉันจะแต่งตัวยังไงก็ได้...ตกลงคุณพาฉันไปที่ไหนเนี่ย จะบอกได้หรือยัง" ปลายฉัตรรีบเอ่ย ไตรภูมิมองชุดปลายฉัตรอีกทีก่อนจะทำใจเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากมอง แล้วก็ใส่แว่นดำเดินนำออกไป ปลายฉัตรมองชุดตัวเองอีกครั้งแล้วก็ยักไหล่อย่างมั่นใจ

"แนวจะตาย...ไม่สวยยังไงเนี่ย ชิ"

ไตรภูมิพาปลายฉัตรมาร้านอาหารหรูในตึกอูเมดะ

อันใหญ่โต ปลายฉัตรยืนตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าแต่งตัวไม่เหมาะสม จึงถามไตรภูมิเสียงอ่อยๆ

"คุณมากับฉัน...คุณอายคนอื่นเขาหรือเปล่า" ไตรภูมิเลิกคิ้วนิดๆด้วยความสงสัย ปลายฉัตรอธิบายต่อ "ก็คุณดูออกจะเท่ เก๋ไก๋ เดินไปไหนมาไหนสาวๆก็มอง ฉันไม่อยาก ให้ความเป็นบ้านนอกของฉันทำให้คุณหมองอ่ะ ถ้าคุณไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าพาคนใช้มาเที่ยว คุณเดินนำฉันไปก็ได้นะ เดี๋ยวฉันเดินตามไปห่างๆ คุณจะได้ไม่ต้องอาย"

ไตรภูมิมองหน้าปลายฉัตรแล้วก็คว้ามือเธอจับมาคล้องเข้ากับแขนตัวเอง พลางถาม

"แล้วถ้าฉันทำแบบนี้...เธอจะอายหรือเปล่า"

ปลายฉัตรไม่ทันได้ตอบ ไตรภูมิเข้ากระชับแขนเธอไว้ แล้วลากไปที่จุดชมวิวของตึก คนรอบข้างมองทั้งสองคนด้วยความสนใจ ปลายฉัตรยิ่งเขินหนักขึ้นไปอีก ในวินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาในบัดดล ไตรภูมิหันมาเห็นรอยยิ้มสดใสของปลายฉัตรก็รู้สึกว่าโลกของเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ในขณะที่ปลายฉัตรนั่งทานอาหารอยู่กับไตรภูมิอย่างมีความสุข ที่เมืองไทยสิงห์กำลังมาเก็บหลักฐานจากศพหญิงสาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่โดนดูดเลือดจนหมดตัว แต่ถูกอำพรางคดีให้ดูเหมือนผูกคอตาย

"แล้วเราจะทำไงกันดีหมวด...นี่ถ้าผู้กองรู้ว่ามีเพิ่มอีกศพ รับรองว่าเต้นแน่ๆ ต้องจี้ให้รีบปิดคดีชัวร์...กลับมาคำถามเดิม...แล้วเราจะทำยังไงกันดีหมวด" จ่าดอนร้อนใจ สิงห์คิด...แล้วก็หันมาสั่ง

"จ่าตามฉันมา" สิงห์เดินออกจากที่เกิดเหตุไป

"อ้าว...แล้วหมวดจะให้ผมตามไปไหนเนี่ย...หมวดรอด้วย... เฮ่อ...หมวดใหม่ไฟแรงก็เงียะ...ทำอะไรเร็วไปหมด ไม่เห็นใจคนแก่เลยวุ้ย" ดอนบ่นๆแล้วก็เดินตามไป

ooooooo

ลุงฉิ่งนั่งอัดกรอบพระอยู่หน้าบ้าน มหานั่งส่องพระอยู่ข้างๆ ลุงฉิ่งหันมาบอกกับเฉิดให้ไปนอนพักก่อน ถ้าปลายฉัตรโทร.มาแล้วจะเรียก เฉิดไม่ตอบอะไร ได้แต่ขยับมือจับโทรศัพท์ ด้วยความเป็นห่วงลูก

"เฮ่อ...ไอ้ปลายนะไอ้ปลาย...มันหายหัวไปไหนของมัน โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่เป็นห่วงกันทั้งบ้าน" ลุงฉิ่งบ่นไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์สิงห์แล่นเข้ามา มหาหันไปมองแล้วบอกกับลุงฉิ่ง

"ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เอ็งว่ามาอีกคนแล้ว ไอ้นี่ก็โทร.มาถามทุกสิบนาที นี่ท่าทางจะร้อนใจมาเองเลย"

มอเตอร์ไซค์ของจ่าดอนตามมาจอดเทียบข้างๆมอเตอร์ไซค์สิงห์ มหาหลิ่วตามองพึมพำว่าสิงห์พาใครมาด้วย สิงห์พาจ่าดอนเข้ามาทำความรู้จักกับลุงฉิ่งและมหา จ่าดอนรีบฝากเนื้อฝากตัวกับสองผู้เฒ่า และคุยกันเรื่องพระเครื่องอย่างถูกคอ สิงห์ได้โอกาสขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

สิงห์เดินเข้ามาในบ้าน เฉิดจำเสียงฝีเท้าได้จึงเอ่ยทัก สิงห์บอกว่าขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะออกมาคุยด้วย เฉิดยิ้มให้ สิงห์ยิ้มรับนิดๆทำท่าเหมือนจะไปทางห้องน้ำ แต่พอเห็นว่าไม่มีคนก็ค่อยๆย่องขึ้นบนห้องปลายฉัตร เพื่อหาหลักฐานที่พอจะบอกตัวตนของไตรภูมิได้ แล้วเขาก็พบแฟ้มที่ปลายฉัตรซ่อนไว้ เธอเขียนที่หน้าแฟ้มว่า "งานคุณไตรภูมิ" สิงห์รีบเปิดอ่าน

"สมบัติจากถ้ำมังกรอมตะ คำสาปของสมบัติถ้ำมังกรอมตะ" สิงห์รีบหยิบกระดาษและปากกาที่พกติดตัวออกมาจดอย่างชำนาญและรวดเร็ว และเริ่มสังหรณ์ใจ

ด้านปลายฉัตรที่กำลังเที่ยวสนุก เธอตกใจมาก เมื่อจู่ๆสร้อยคอที่มีล็อกเกตรูปพ่อก็ร่วงลงพื้น

"ใส่อยู่ดีๆขาดได้ไงเนี่ย" ปลายฉัตรก้มลงเก็บขึ้นมา แล้วรู้สึกใจเสียนิดๆ ไตรภูมิหันมาเห็นพอดี เขามองด้วยความแปลกใจ

ooooooo

จ่าดอนคุยเรื่องพระกับลุงฉิ่งและมหาไปได้

สักพักก็หลุดปากบอกเรื่องผีดูดเลือดให้ทั้งคู่ฟัง เพราะหวังจะขอของดีไปป้องกันตัว ลุงฉิ่งกับมหาชะงักกึกรีบซักต่อ

"แล้วเอ็งจะเอาไปทำไมวะ อย่าบอกนะว่า...พวกเอ็งกำลังทำคดีผีดูดเลือดอยู่" ดอนอึกอัก แล้วจังหวะนั่นเอง เฉิดก็ค่อยๆลุกขึ้น และคลำทางมานิ่งฟัง

"คือ...คดีนี้มันยังเป็นความลับ รู้แล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด เหยียบไว้เลยนะ เมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว...จู่ๆก็มีผู้หญิงต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาขายบริการในกรุงเทพฯ แบบสวยๆหุ่นดีๆตายเกือบทุกวัน ตอนแรกๆพวกฉันก็คิดว่าคงจะเป็นพวกมาเฟียที่เป็นเอเย่นต์ซ้อมหรืออาจจะอัพยามากช็อกตาย แต่มัน

ไม่ใช่ครับ เพราะมันมีรอยเขี้ยวประหลาดเจาะเข้าไปตรงนี่" จ่าดอนไม่พูดเปล่า แสดงท่าประกอบโดยงอนิ้วชี้กับนิ้วกลางเหมือนตะขอแล้วเจาะเข้าไปที่ท้ายทอยลุงฉิ่ง ลุงฉิ่งตกใจร้องลั่น

"นี่แค่เล่า ถ้าเห็นของจริงจะยิ่งลุกพรึ่บพรั่บ แล้วมันไม่เจาะเปล่า มันเจาะแล้วดูดด้วยครับ มันเลือกกัดเฉพาะที่ที่มองเห็นไม่ชัด"

"แสดงว่ามันต้องวางแผนมาอย่างดี" ฉิ่งออกความเห็น

"พวกฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันทำงานกันยังไง และมันเป็นอะไร...แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่คนแน่นอน..."

"พวกแกก็เลยคิดว่ามันเป็นผีดูดเลือดเหมือนในหนังฝรั่ง ไอ้พวกที่กินเลือดแล้วเป็นอมตะ..." มหามองหน้า

"พวกผีดิบ" ลุงฉิ่งฟันธง ทันใดนั้นเสียงแจกันตกกระแทกพื้นก็ดังขึ้น ลุงฉิ่ง มหา และดอนร้องดังลั่น ทั้งสามมองเข้าไปในบ้าน เห็นเฉิดพยายามก้มลงเก็บเศษแจกัน

"ฉันทำแจกันตกเองจ้ะ..." เฉิดบอก

ฉิ่งกับมหารีบวิ่งเข้ามาแล้วอาสาจัดการให้เอง สิงห์เงี่ยหูฟังเหตุการณ์ข้างล่าง แล้วก็รีบเก็บเอกสารปลายฉัตรเข้าที่เดิม ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา ดอนโผล่หน้าเข้ามามองเฉิดงงๆ ลุงฉิ่งจึงต้องแนะนำ

"น้องสาวฉันเอง ตาไม่ค่อยดี...มองไม่เห็นมาพักนึงแล้ว"

เวลานั้นสิงห์ค่อยๆย่องลงมาจากข้างบน ดอนหันไปเห็นก็ร้องเรียก "โห หมวด...เข้าห้องนํ้านานจริงๆ ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าหมวดมาด้วย"

สิงห์ยิ้มเก้อแก้ตัวว่าท้องไม่ค่อยดีแล้วก็หยิบถังขยะที่วางอยู่ใกล้ๆเดินเข้าไปช่วยเก็บเศษแจกัน จึงไม่ทันสังเกตเฉิดที่นั่งหน้าซีดปากสั่น เพราะได้ยินคำบอกเล่าของดอนเรื่องผีดูดเลือด เธอนึกเป็นห่วงลูกสาวขึ้นมา เพราะจำได้ว่าเคยคุยกับปลายฉัตรเรื่องสมบัติในถํ้ามังกรอมตะและชีวิตที่ต้องคำสาป

"ปลาย...ปลายอยู่ไหนลูก...รีบติดต่อมาหาแม่นะ" เฉิดนํ้าตาร่วง คลำหาโทรศัพท์ สิงห์เงยหน้ามาเห็นเฉิดร้องไห้ก็นึกสงสารและยิ่งเป็นห่วงปลายฉัตรมากกว่าเดิม

ooooooo

ไตรภูมิยื่นสร้อยคอเส้นใหม่ให้ปลายฉัตร ท่ามกลาง แสงราตรีของเมืองโอซาก้า

"สร้อยขาดไม่ใช่เหรอ เปลี่ยนซะสิ"

"ไม่เป็นไรหรอกคุณ...ฉันกลับไปเปลี่ยนที่บ้านก็ได้...ฉันรับของคุณมามากแล้ว ฉันเกรงใจ" ปลายฉัตรยิ้มเจื่อนๆ
ไตรภูมิไม่พูดอะไรต่อ แต่คว้ากระเป๋าจากปลายฉัตรมาเปิดซิปด้านหน้าและหยิบล็อกเกตออกมาใส่เข้าไปในสร้อยเส้นใหม่อย่างชำนาญและรวดเร็ว พลางพูดกับปลายฉัตรที่ยืนงงไปด้วย

"ก็แค่สร้อยขาด มันไม่มีอะไรมากหรอก แล้วมันก็ไม่ได้เป็นลางบอกเหตุอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องคิดมาก..."

"แต่ฉันใส่มาตั้งแต่เป็นเด็ก มันไม่เคยขาดเลยนะ พอขาดแล้วมันใจคอไม่ค่อยดีไงไม่รู้" ปลายฉัตรใจหาย

"เธอคิดไปเอง ถ้าเธอคิดว่าสร้อยขาด มันจะหมายถึงสิ่งที่ไม่ดี นี่ไง...ตอนนี้มันก็ดีขึ้นแล้ว" ไตรภูมิยื่นสร้อยให้ ปลายฉัตรรับสร้อยเส้นใหม่ที่ดูเก๋ไก๋กว่าเดิมมามอง แต่ใจยังคิดวนเวียนด้วยความไม่สบายใจ

"สร้อยขาด คุณเปลี่ยนเส้นใหม่ให้ฉันได้...แล้วถ้ามันเป็นปัญหาอื่น คุณจะช่วยฉันได้หรือเปล่า" ปลายฉัตรเงยหน้ามองไตรภูมิ ไตรภูมิตอบปลายฉัตรด้วยแววตามุ่งมั่นและนํ้าเสียงหนักแน่น

"ถ้ามันเป็นปัญหาที่เกิดมาจากฉัน...ฉันไม่ปล่อยให้เธอต้องลำบากแน่นอน" แล้วไตรภูมิก็หันหลังเดินนำออกไป
ปลายฉัตรยิ้มได้ เธอมองรูปพ่อในล็อกเกตพลางเกิดคำถามขึ้นในใจ

"ปลายจะไว้ใจคำพูดของผู้ชายคนนี้ได้ไหมคะพ่อ"

ooooooo

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

สิงห์ซิ่งมอเตอร์ไซค์ผ่านร้านข้าวหมูแดง เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตหรูจอดอยู่ เมื่อกราดสายตาเข้าไปในร้าน เห็นปลายฉัตรนั่งกินข้าวอยู่กับไตรภูมิ จึงเบรกอย่างกะทันหัน อโนที่ซ้อนท้ายมาร้องลั่น เขาสั่งให้น้องสาวรออยู่ที่รถ ส่วนตัวเองดิ่งเข้าร้านไป

ไตรภูมิที่นั่งอยู่ในร้านกำลังถามปลายฉัตร เรื่องงานวันประมูล ด้วยเกรงว่าจะมีคนล่วงรู้ว่าปลายฉัตรเป็นตัวแทนของใคร

"ไม่มี...คุณถามทำไม" ปลายฉัตรเงยหน้าขึ้น ไตรภูมิมองเม็ดข้าวที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากของปลายฉัตร จึงค่อยๆเอื้อมมือเช็ดปากให้อย่างอ่อนโยน ขณะฝ่ามือเย็นเฉียบสัมผัสที่ริมฝีปาก ปลายฉัตรหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

"ถ้ามีคนสนใจเธอ...แสดงว่าเธอกำลังอยู่ในอันตราย" ไตรภูมิตอบคำ

"อ๋อ...เหรอ...งั้นก็...แสดงว่ามันปลอดภัยดี"

ทันใดนั้น สิงห์ลากเก้าอี้มานั่งลง "กินด้วยคนดิ"

สิงห์ทักแล้วมองหน้าไตรภูมิอย่างกวนๆ ไตรภูมิปรายตามองตอบอย่างถือตัว ทำให้คนกลางอย่างปลายฉัตรอึดอัดใจ เธอถามสิงห์ว่ามาได้ไง แต่สิงห์ถามกลับอีก

"เอ่อ...ก็ขับรถเข้ามาสิ แล้วแกจะถามทำไมเนี่ย" ปลายฉัตรตอบแทน

"อยากรู้ก็ถาม ว่าแต่คุณคิดอะไรกับปลายหรือเปล่า" สิงห์หันมาทางไตรภูมิ ปลายฉัตรผงะรีบโวยขึ้นด้วยความเขิน แต่สิงห์ไม่สน "ก็เราเห็นเขาชอบมาวุ่นวายกับปลาย ตามมาที่บ้านตั้งสองครั้ง ถ้าเป็นแค่เจ้านาย ไม่ทำแบบนี้หรอก" ปลายฉัตรสะอึก...พูดไม่ออก

"เชิญเธอสองคนคุยกันตามสบาย...ฉันกลับก่อน" ไตรภูมิลุกขึ้น มองหน้าปลายฉัตรและพูดทิ้งท้าย

"พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่โรงแรม" สิงห์ตะลึง ไตรภูมิอมยิ้มกวนๆ แล้วเดินออกไปที่รถ

"ทำไมปลายต้องไปเจอมันที่โรงแรม" สิงห์หันมาถาม

ปลายฉัตรกลอกตา พลางคิดว่างานเข้าอีกแล้ว

ทางด้านอโน เธอยืนเซ็งรอพี่ชายอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ เมื่อเห็นไตรภูมิเดินมาที่รถก็รีบเข้าไปแนะนำตัว

"สวัสดีค่ะ...ฉันชื่อ "อโน" นะคะ...อโนทำงานอยู่ที่ไฮโซแมกกาซีน นี่ค่ะนามบัตร อโนตามหาคุณไตรภูมิมาตั้งนานแล้วนะคะเนี่ย ตั้งแต่เห็นรูปครั้งแรกก็ตกหลุมรัก เอ๊ย คือ...แบบว่า...สนใจน่ะค่ะ สนใจจะทำสัมภาษณ์แล้วก็ขอถ่ายรูปลงหนังสือไม่ทราบว่าคุณไตรภูมิจะสะดวกไหมคะ"

"ไม่สะดวก" ไตรภูมิตอบนิ่งๆแล้วเปิดประตูรถขึ้นไป

"เดี๋ยวก่อนสิคะ...คุณลองคิดดูก่อนก็ได้นะคะ..." อโนตื๊อไม่เลิก

ไตรภูมิขณะสตาร์ตรถ ได้ยินเสียงอโนแว่วมา "ถ้าเปลี่ยนใจยังไง บอกทางพี่ปลายมาก็ได้ค่ะ คือ ฉันรู้จักกับพี่ปลาย...ฉันเป็นน้องสาวของพี่สิงห์เพื่อนพี่ปลายค่ะ"

ไตรภูมิได้ยินคำว่าเพื่อน ก็ยิ้มนิดๆอย่างมีเลศนัย ก่อนจะออกรถไป

ooooooo

อโนกับสิงห์รุมถามปลายฉัตรถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ปลายฉัตรยืนยันว่า เธอกับไตรภูมิไม่มีอะไรกัน เธอแค่ ทำงานให้เขาเท่านั้น แต่สิงห์ไม่เชื่อ อโนรีบตัดบทถามเข้าประเด็น

"เอาน่า...จะมีหรือไม่มี ก็ช่างมันก่อน ตอนนี้ฉันอยากรู้ เรื่องที่สำคัญกว่านั้น...ฉันอยากรู้ว่า...เมื่อกลางวันพี่ปลายไปงานประมูลของเก่ามาหรือเปล่า แล้วตอนฉันเรียกพี่...ทำไมต้องเดินหนีด้วย...หรือว่าพอแต่งตัวไฮโซแล้วหยิ่ง ทำเป็นจำกันไม่ได้"

ปลายฉัตรสะอึกนึกถึงคำเตือนของอินทร์ที่ห้ามเธอบอกคนอื่นเด็ดขาดว่าทำงานให้ไตรภูมิ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ปลายฉัตรจึงต้องโกหก แต่ไม่รอด

"แกจะไม่ไปได้ยังไง ก็เมื่อกลางวันคุณชาญเขาโทร.มาบอกข้าว่าเอ็งไป" ลุงฉิ่งกับมหาเดนเข้ามา

"ตกลงมันยังไงกันแน่ปลาย...แค่เรื่องไป หรือไม่ไป ทำไมต้องโกหกด้วย" สิงห์ไม่เข้าใจ ปลายฉัตรคิดหาทางเอาตัวรอด แต่อโนเหลือบเห็นชุดในถุงที่ปลายฉัตรถือก็รีบยืนยัน

"ชุดนี้แหละที่ฉันเห็นพี่ปลายใส่เมื่อตอนกลางวัน ฉันจำได้" ปลายฉัตรหน้าเสีย...ลุงฉิ่งพูดขึ้นเสียงขรึม

"ถ้าเอ็งยังเป็นหลานข้า...มีอะไรปิดบังอยู่...เล่ามาให้หมด"

ปลายฉัตรนิ่งคิดแล้วอธิบายว่า เธอไม่มีอะไรจะเล่า เพราะต้องการเก็บเรื่องงานของเธอไว้เป็นเรื่องส่วนตัว ทุกคนรู้แค่ว่า เธอทำงานให้ไตรภูมิแค่นั้นก็พอ ลุงฉิ่งชักฉุนจะเอาเรื่องหลานสาว แม่เฉิดเลยปราม

"ฉันบอกไม่ได้จริงๆว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ และฉันอยากขอร้องทุกคน อย่าบอกคนอื่นว่าฉันกำลังทำงานให้คุณไตรภูมิ"

"ทำไมมันต้องลึกลับขนาดนั้น" สิงห์ยิ่งสงสัย

"ฉันไม่รู้...ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ" ปลายฉัตรยืนยัน ลุงฉิ่งส่ายหน้าไม่เห็นด้วย สิงห์ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น เฉิดฟังแล้วนิ่งคิด

"ฉันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วง...ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด" ปลายฉัตรพูดจบก็หยิบชุดและถุงใส่ของ หันหลังเดินเข้าบ้าน ลุงฉิ่งส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ อโนมองตามปลายฉัตรแล้วเริ่มเอะใจ

เมื่ออยู่กันตามลำพังกับพี่ชาย อโนกล่อมให้สิงห์ยอมร่วมมือด้วย

"ถ้าตอนนั้น...พี่ช่วยฉันสืบประวัติคุณไตรภูมิ เพื่อที่จะหาทางใกล้ชิด ตอนนี้ผู้หญิงที่เขาสนใจ อาจจะเป็นฉันไม่ใช่พี่ปลาย แต่พี่ไม่เชื่อฉัน พี่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้...พี่มีคู่แข่งแล้ว ทั้งหล่อ ทั้งรวย ตำรวจจนๆอย่างพี่ จะเอาอะไรไปสู้"

"จริงใจไง"

"ความจริงใจ มันกินไม่ได้หรอก ทางที่ดี...พี่อย่าปล่อย ให้เขาสองคนอยู่ใกล้กันมากไปกว่านี้ หรือถ้าจะให้ดีที่สุดก็ต้องช่วยให้ฉันได้ใกล้ชิดคุณไตรภูมิ แล้วฉันจะเป็นคนดึงเขาออกมาจากพี่ปลายเอง พี่ก็ลองเลือกดูแล้วกันว่า จะใช้วิธีไหน แล้วก็รีบๆทำด้วย ก่อนที่มันจะสายเกินไป เพราะคู่แข่งพี่คนนี้... ไม่ใช่คนธรรมดา"

คู่แข่งของสิงห์นั้น ขณะนี้กำลังยืนเล็มใบบอนไซอายุหลายร้อยปีอยู่กลางสวนหินอย่างใจเย็น เห็นอินทร์ยืนอยู่ด้านหลัง ถัดไปเป็นกรและกัณฑ์ แล้วอินทร์ก็เอ่ยถามผู้เป็นนายถึงเรื่องปลายฉัตร เพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้เจ้านายต้องมีปัญหายุ่งยากใจ

"เรารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ขอบใจที่เป็นห่วง...แต่เรารู้...ว่าเราไปได้ไกลแค่ไหน ถ้ามันเริ่มมากเกินไป...เราจะหยุดทันที" ไตรภูมิตอบ กรและกัณฑ์ก้มหน้ายอมรับการตัดสินใจ แต่ อินทร์มองไตรภูมิ และตอบกลับอย่างสุขุม

"ถ้านายท่าน...มั่นใจว่าหยุดได้...พวกผมก็สบายใจ..." ไตรภูมินิ่งไม่ตอบ ทั้งที่ในใจแอบหวั่นๆ

ooooooo

ปลายฉัตรเตรียมตัวจะเข้านอน เธอเหลือบไปเห็นถุงเสื้อวางอยู่ จึงรีบหยิบขึ้นมา ทำให้กล่องเครื่องเพชรและซองเงินหล่นลงพื้น เธอนึกได้ว่าไตรภูมิคงแอบเอามาใส่ในถุง ตอนที่พาเธอมาส่งบ้านนั้นเอง

"ช่างวางแผนเหมือนกันนะเนี่ย" ปลายฉัตรยิ้มนิดๆอย่างมีความสุข

เมื่อเห็นแม่เฉิดเดินเข้ามา ปลายฉัตรแกล้งทำเป็นหลับ แต่แม่เฉิดรู้ทัน

"ตั้งแต่เล็กจนโต...ปลายจะทำอะไรแม่ไม่เคยว่า ครั้งนี้ ก็เหมือนกัน...ไม่ว่าปลายจะกำลังทำอะไรอยู่...ขอแค่ไม่ผิดกฎหมายและไม่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจ...เท่านั้นก็พอ"

คำพูดของเฉิดทำให้ปลายฉัตรได้คิด เธอลุกขึ้นมาหาแม่

"เรื่องนั้น...แม่ไม่ต้องห่วง งานที่ปลายทำไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายแน่นอน...และปลายมั่นใจว่างานนี้จะไม่ทำให้ปลายต้องเสียใจ..."

"งานไม่ทำให้ปลายต้องเสียใจ แล้วผู้ชายที่ชื่อ ไตรภูมิ ล่ะ...เขาจะทำหรือเปล่า"

แม่เฉิดถามโดนใจ ปลายฉัตรถึงกับสะอึก เวลาเดียวกันนั้นเอง ไตรภูมินอนอยู่บนเตียง ร่างกายเหมือนหลับ แต่จิตไม่หลับ ดวงตากลอกไปมาอยู่ใต้เปลือกตา เลือดสูบฉีดแรง คำสั่งเสียของพระเวทในวันสุดท้ายของชีวิตดังเข้ามา แล้วภาพตอนที่พระเวทกระชากร่างไตรภูมิเข้ามาใกล้ และฝังคมเขี้ยวลงที่ท้ายทอยก็ผุดพรายขึ้นมา ไตรภูมิส่งเสียงร้อง ผวาตื่น อินทร์ยืนอยู่ข้างเตียง พร้อมกับถาดแก้วเจียระไนใส่เลือดสีแดงเข้ม

ไตรภูมิพยายามตั้งสติ ก่อนจะหยิบแก้วเลือดมาดื่ม ใบหน้าขาวซีด เริ่มมีเลือดแดงสูบฉีด

"ฉันพร้อมเดินทางแล้ว เตรียมตัวไปรับของได้เลย" ไตรภูมิสั่งการ

ooooooo

รามขึ้นจากสระน้ำ มายารีบคลี่ผ้าเช็ดตัวออก โอบคลุมตัวรามอย่างนุ่มนวล

"เมื่อเช้าคีรีกับพาลีบอกว่า นายท่านสั่งให้ไปทำภารกิจสำคัญ...นายท่านสั่งให้พวกมันไปทำอะไรเหรอคะ"

มายาเอ่ยถาม รามปรายตามองอย่างเย็นชา ทำให้มายาชะงัก หัวใจเต้นระส่ำด้วยความน้อยใจ

"ก็นายท่านให้ฉันเป็นคนดูแลพวกมัน ถ้านายท่านจะสั่งให้มันไปทำอะไร ฉันก็ต้องรับรู้ด้วย"

"นับจากวันนี้...มันไม่ใช่หน้าที่ของเธออีกต่อไป เพราะเธอ...ฉันถึงกำจัดไอ้ไตรภูมิไม่ได้สักที หมดเวลาเล่นวิ่งไล่จับแบบเด็กๆแล้ว ฉันจะลงมือจัดการมันด้วยตัวเอง" รามเสียงเครียด มายาอ้าปากจะต่อรอง แต่รามตวาดใส่ "พูดครั้งเดียวให้มันรู้เรื่อง ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนขี้เบื่อ"

รามพูดจบโยนผ้าเช็ดตัวไว้ที่ริมสระน้ำ แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่ไยดี มายาสะอึก...น้ำตาตกใน

เธอไม่รู้หรอกว่า พาลีกับคีรีซุ่มดูอยู่ด้านหลังบริษัทประมูล เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ลำเลียงของที่ปลายฉัตรประมูลได้ขึ้นรถ แล้วเคลื่อนออกไป ทั้งสองจึงซิ่งมอเตอร์ไซค์ตาม

ส่วนสิงห์ก็ซิ่งมอเตอร์ไซค์ตามปลายฉัตรอยู่เช่นกัน แต่เมื่อมาถึงซอยที่เป็นเส้นทางลัดข้างโรงแรมก็มีรถกระบะโผล่พรวดออกมาตัดหน้า รถของพาลีกับคีรีเบรกไม่ทันถูกชนล้มกลิ้งระเนระนาดเสียงสนั่นหวั่นไหว สิงห์ที่ตามมาห่างๆ ตกใจชะลอความเร็ว แล้วมองผ่านกระจกหลัง เห็นรถกระบะรีบซิ่งหนีไป คีรีกับพาลีกระเด็นกระดอนไปกันคนละทิศ ทั้งสองคนมีเลือดไหลออกมาใต้หมวกกันน็อก รถล้มดับสนิทอยู่ไม่ไกล เพียงครู่เดียว พาลีกับคีรีที่นอนนิ่งก็เริ่มขยับมือนิดๆ สิงห์มองผ่านกระจก...แล้วก็เริ่มลังเลว่าจะไปช่วย หรือตามปลายฉัตรต่อไปดี

สิงห์คิดแล้วก็มองกระจกอีกทีเขาเห็น พาลีกับคีรี ค่อยๆ ลุกขึ้น...เลือดที่ไหลอยู่ค่อยๆหายไป กระดูกแขนที่หักอยู่ใต้เสื้อหนังพาลีก็ขยับจนเข้าที่ คีรีสะบัดหัวไหล่เข้าที่

"เฮ้ย" สิงห์ตกตะลึงกับภาพที่เห็นผ่านกระจกรถ คีรีและพาลี ขยับแขน ขยับขา ขยับคอ ขยับให้ทุกอย่างเข้าที่และเดินมาที่รถที่จอดล้มอยู่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วทั้งสองก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ ขับตามรถขนของไปอย่างรวดเร็ว

"เฮ้ย มันเป็นไปได้ยังไงวะ" สิงห์ตกใจจอดรถ แล้วหันไปมองที่เกิดเหตุอีกที...ด้วยความสงสัย

ooooooo

ปลายฉัตรวิ่งเข้ามาในโรงแรมกำลังจะไปขึ้นลิฟต์กรโผล่เข้ามาอย่างเงียบกริบแล้วบอกอย่างสุภาพว่า

"นายท่านให้ผมมารอรับคุณ และให้คุณพารถขนของไปด้านหลัง" ปลายฉัตรรีบตามกรไป

รถขนของแล่นเข้ามาจอด ปลายฉัตรรีบกระโดดขึ้นรถ และพารถแล่นไปด้านหลัง กรยืนหลบอยู่ด้านใน ยืนมองตามจนแน่ใจว่ารถอ้อมไปแล้ว เขารีบเดินตามไปด้านหลัง เมื่อรถขนของแล่นกลับไปด้านหลังตึก มอเตอร์ไซค์ของคีรีกับพาลีก็พุ่งเข้ามาจอด ทั้งสองมองหารถขนของ

เมื่อปลายฉัตรเซ็นรับของเรียบร้อยแล้ว ไตรภูมิกับลูกน้องพากันเดินออกจากห้องไป กัณฑ์เปิดประตูออกไปมองซ้ายมองขวาก่อน หันมาพยักหน้าบอกกรให้รู้ว่าปลอดภัย ทั้งสองคนทยอยขนของออกไปอย่างระมัดระวัง ปลายฉัตรจะเข้าช่วย แต่ไตรภูมิสั่งให้เธอกลับบ้าน พรุ่งนี้ค่อยไปจัดของ แต่ปลายฉัตรยังลังเล

"รีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วก็...ระวังตัวด้วย" ไตรภูมิมองปลายฉัตร แววตาอ่อนโยน แสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างเต็มที่ ปลายฉัตรอึ้งไปชั่วขณะ ไตรภูมิเดินออกจากห้องไป กรปิดท้าย ปลายฉัตรเพิ่งรู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์มองไปรอบห้องอันว่างเปล่า

"อ้าว...ทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยเนี่ย" ปลายฉัตรรู้สึกค้างคาใจแปลกๆ

ไม่ไกลกันนัก สิงห์นั่งลงข้างๆคราบน้ำมันบนพื้นถนน บริเวณที่คีรีและพาลีประสบอุบัติเหตุ ทันใดนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้น สิงห์หันเห็นรถกำลังแล่นมาค่อนข้างเร็ว เขารีบกระโดดหลบแล้วหันมาดูหน้าคนขับด้วยความหมั่นไส้ และพบว่าเป็นกัณฑ์ โดยมีกรนั่งอยู่ข้างๆด้วย ส่วนผู้ชายที่นั่งเบาะหลังคือไตรภูมิ

"นายไตรภูมิรู้จักกับสองคนนี้ได้ยังไง หรือว่ามันเป็นพวกเดียวกัน" สิงห์ขมวดคิ้วครุ่นคิด

ครั้นเดินผ่านหน้าโรงแรม เขาก็เห็นปลายฉัตรรอรถแท็กซี่อยู่ จึงตะโกนเรียก แต่ปลายฉัตรก้มหน้ารีบเดินหนีเข้าโรงแรมเพื่อหาทางหนี เป็นจังหวะเดียวกับพาลีเดินโผล่ออกมาจากมุมหนึ่งของโรงแรม และคีรีเดินมาจากอีกมุมหนึ่ง ทั้งสองกวาดสายตาสำรวจอย่างถี่ถ้วน แต่ไม่พบร่องรอยพวกไตรภูมิจึงชวนกันกลับ
สิงห์รีบวิ่งพรวดเข้ามาตะโกนเรียกปลายฉัตร ทำให้พาลีกับคีรีสะดุดนิดๆปรายตามองตามสิงห์ที่วิ่งผ่านหน้าไป

"ปลายหนีเราทำไม" สิงห์วิ่งมาคว้าแขนปลายฉัตรไว้

"แล้วแก...สะกดรอยตามฉันมาทำไม" ปลายฉัตรสวน

"ปลายกับไอ้ไตรภูมิมาทำอะไรกันที่โรงแรม"

"สิงห์...เรามาทำงาน และงานของเรากับคุณไตรภูมิมันก็เป็นความลับ เราบอกไม่ได้จริงๆ อย่าถามอีกเลย...และที่สำคัญเพื่อนไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของเพื่อนหรอกนะ" ปลายฉัตรพูดเน้นๆแล้วหันหน้าหนีเดินออกไป

สิงห์ยืนจ๋อย พาลีกับคีรีที่แอบฟังอยู่ มองหน้ากัน แล้ว ก็รีบเดินออกไป เตรียมรายงานเจ้านาย ขณะที่สิงห์เดินเซ็งออกมาที่รถ เขาเห็นพาลีกับคีรีกำลังจะใส่หมวกกันน็อกก็เขม่นตามอง สองคนใส่หมวกแล้วพุ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว สิงห์จะตาม แต่ก็ช้าเกินไป จึงทำได้เพียงยืนพึมพำอยู่คนเดียว ปล่อยให้สองสมุนคีรีและพาลีมารายงานเจ้านาย

"ไอ้ไตรภูมิมันใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือจริงๆด้วย...มันกลัวพวกเราขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย" รามยิ้มเหยียดที่มุมปาก

"นายท่านจะให้พวกเราตามหาผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ครับ" พาลีรีบถาม

"ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง...ฉันรู้ว่าจะตามหาผู้หญิงคนนี้ ที่ไหน คืนนี้แกสองคนเตรียมของให้ฉันด้วย ฉันจะฉลองให้กับข่าวดีสักหน่อย" รามยิ้มร้าย พาลีกับคีรีเดินรับคำแล้วออกไป

"ไอ้ไตรภูมิ...หมดเวลาหลบอยู่หลังผู้หญิงแล้ว...แกกับฉันเจอกันแน่" รามรำพึงด้วยความพอใจ มายาแอบฟังอยู่ รู้สึกร้อนวาบๆในใจ ด้วยความอยากรู้ และน้อยใจที่โดนกันออกจากเรื่องใหญ่

ooooooo

ไตรภูมิยืนดูอินทร์กับกัณฑ์ช่วยกันยกกล่องของ ทั้งห้าชิ้นเข้ามาวางในห้องสะสม

"นายท่านจะให้ผมจัดการติดตั้งของเลย หรือจะรอให้ ปลายฉัตรมาจัดการในวันพรุ่งนี้" อินทร์หันมาถาม

"รอ..." ตอบแล้วไตรภูมิเดินเข้ามาดูของทั้งห้าชิ้นที่วางอยู่อย่างมีความหวัง "เหลืออีกแค่ 3 ชิ้น...เราทุกคนจะได้เป็นอิสระ"

กัณฑ์ และอินทร์ก้มหน้ารับ ทุกคนต่างมีหวัง แล้วทันใดนั้นกรก็พรวดพราดเข้ามาในห้องรายงานว่า "นายท่าน...เกิดเรื่องแล้วครับ..."

ทั้งหมดเดินตามกรไปที่คอมพิวเตอร์ กรกดเปิดเครื่องเห็นหน้าจอเป็นภาพศพของหญิงสาวสองคนในผับ และอีก

3-4 คนที่มีการค้นพบ กรเปิดเข้าไปในข้อมูลของแต่ละคนพลาง อธิบายว่า เขาแอบเข้าไปในฐานข้อมูลของกองนิติเวชวิทยา แล้วไป เจอคดีนี้เข้า มันเป็นคดีที่ไม่มีเจ้าทุกข์ แต่มีเจ้าหน้าที่ขอให้ช่วยขยายผล...อินทร์เอะใจตั้งคำถามทันที

"ผู้หญิงพวกนี้เป็นเหยื่อของพวกคุณรามใช่ไหม"

"ใช่ครับ จากลักษณะการตาย ไม่มีใครทำแบบนี้ได้... นอกจาก...คนที่เป็นแบบเรา"

"ผมว่า เราต้องหยุดพวกนั้น ไม่งั้นจะซวยกันไปหมด" กัณฑ์ร้อนใจ กรและอินทร์เห็นด้วย

"ตำรวจได้ข้อมูลอะไรบ้าง" ไตรภูมิเป็นกังวล

เวลาเดียวกันนั้น ผู้กองวัลลภกำลังอธิบายถึงข้อมูลที่ได้มาจากการชันสูตรศพ พร้อมกับชี้ไปที่รูปของเหยื่อที่แปะอยู่บนบอร์ดให้สิงห์กับจ่าดอนฟัง

"ทางเจ้าหน้าที่นิติเวชวิทยาส่งข้อมูลเกี่ยวกับบาดแผลของผู้เสียชีวิตมาแล้ว ทุกคนมีรอยคล้ายเขี้ยวสัตว์ปรากฏอยู่ ในส่วนต่างๆของร่างกาย"

จ่าดอนเล่นมุกบอกว่าสงสัยเหยื่อจะโดนหมากัดตายจึงโดนวัลลภดุ

"หมาที่ไหนล่ะจ่า...ไอ้เขี้ยวที่เจอมันเลือกกัดเฉพาะที่เส้นใหญ่ บริเวณที่มองเห็นไม่ชัด หมามันคงไม่คิดก่อนกัดขนาดนั้น และที่สำคัญมันมีรอยช้ำ และคราบน้ำลายบริเวณรอบๆแผลที่โดนเจาะ ลักษณะเหมือน...โดนดูดเลือด...ทำให้เหยื่อเสียเลือดมากจนช็อก"

"เฮ้ย นี่...ผะ...ผู้กองจะบอกว่า...เรากำลังตามจับผี

ดูดเลือดอยู่เหรอครับ" จ่าดอนผงะ สิงห์ขมวดคิ้ว

"สรุปแบบนั้น มันจะไสยศาสตร์เกินไป ผมว่าอาจจะเป็นพวกเจาะเลือดขาย หรือพวกขายอวัยวะ หรือไม่ก็พวกโรคจิต หรือลัทธิอุบาทว์ที่ชอบกินเลือด กินของสดมากกว่า" วัลลภพูดไม่เต็มปากนัก

"แต่ถ้าเป็นคน...ทำไมต้องใช้เขี้ยว มันน่าจะง่ายกว่าถ้าใช้มีด และเขี้ยวที่เจาะลึกขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นเขี้ยวคน"

สิงห์มองภาพแล้วออกความเห็น วัลลภชะงักนิดๆ

"หมวดพูดถูกนะครับ ผู้กอง" จ่าดอนสนับสนุน

"แล้วหมวดจะสรุปว่า คนร้ายเป็นผีดูดเลือดหรือไงหะ คนเขาจะได้หัวเราะเยาะเอา แค่มีการตายประหลาดๆเกือบทุกอาทิตย์ ผมต้องปิดข่าวแทบแย่ นี่ถ้าผลการตรวจหลุดออกไปว่า มีผีดูดเลือดระบาดในกรุงเทพฯ มีหวังผู้คนแตกตื่นตาย คนไทยกับเรื่องผีๆสางๆยิ่งไปเร็วยิ่งกว่าอะไร" วัลลภใส่เป็นชุดแล้วก็สั่งการ "ตอนนี้คดีนี้ยังเป็นความลับ ยังไม่มีผู้ใหญ่ในกรมสนใจ เราต้องรีบปิดคดีกันให้เร็วที่สุด ไม่ว่าคนร้ายมันจะเป็นอะไร หมวดกับจ่าก็ทำกันไปเงียบๆแล้วก็รีบหาตัวคนร้ายมาให้ได้ ก่อนที่ผลการชันสูตรศพมันจะหลุดออกไป"

"ผู้กองจะให้พวกผมทำคดีนี้กันแค่สองคนจริงๆเหรอครับ...คนนึงก็เป็นแค่จ่าแก่ๆ อีกคนก็เป็นหมวดเพิ่งจบ...มันจะรอดเหรอครับผู้กอง" จ่าดอนร้อง สิงห์ฟังขัดหู แต่ไม่อยากแย้ง

"ก็มันไม่มีเจ้าทุกข์จะให้ผมขอกำลังจากที่ไหนมาช่วย จ่าก็ช่วยหมวดเค้าหน่อยแล้วกัน กะอีแค่...คนร้ายจิตใจผิดปกตินิดหน่อย...คงไม่มีอะไรน่ากลัวมากหรอกมั้ง" วัลลภพูดไปทั้งที่ในใจก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก

ooooooo

พาลีกับคีรีนำเหยื่อสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่มาให้ราม รามคำรามเสียงดังก้อง แล้วเจาะเขี้ยวลงที่ท้ายทอยของเหยื่อสาวเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างของเธอเหยียดเกร็ง ตาค้าง หัวใจหยุดเต้น รามสะบัดเขี้ยวออก และปล่อยร่างไร้ชีวิตของหญิงสาวตกลงพื้น แล้วหันมาหยิบผ้าไหมเนื้อนุ่มเช็ดปาก

"เอาออกไปได้แล้ว รายนี้อย่าให้เหลือร่องรอย ตอนนี้ฉันมีงานใหญ่ต้องทำ ไม่อยากให้เรื่องเล็กมาทำให้ฉันต้องเดือดร้อน"

สิ้นคำสั่งนาย พาลีกับคีรีรับคำหันมามองศพที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้นอย่างไร้ค่า

คดีฆาตกรรม สิงห์ยังคงคิดหนักเรื่องคำสั่งของวัลลภ เขามองภาพศพที่ติดอยู่บนบอร์ด แล้วเริ่มเชื่อมโยงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เห็นภาพพาลีกับคีรีเดินคู่กับหญิงสาวที่เป็นเหยื่อในผับ ต่อด้วยภาพกรกับกัณฑ์ที่หลังผับ จากนั้นสิงห์ก็พบพาลีกับคีรีในโรงแรมที่ประมูล และตอนที่รู้ว่าปลายฉัตรเป็นตัวแทนไปประมูล สุดท้ายเขาหันไปพึ่งลุงฉิ่ง

"ลุงจะไปทำงานกับฉันด้วยเนี่ยนะ ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว ฉันดูแลตัวเองได้ และฉันก็ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นจะได้มีญาติคอยไปนั่งเฝ้า มันดูไม่เป็นมืออาชีพ" ปลายฉัตรรีบอ้าง

"ไม่รู้ล่ะ ข้าไม่ไว้ใจเจ้านายเอ็ง และข้ากับแม่เอ็ง

คิดเหมือนกัน ใช่ไหมนังเฉิด" ลุงฉิ่งพยักพเยิดไปทางเฉิดที่นั่งอยู่ไม่ไกล เฉิดจำต้องพยักหน้ารับและขอร้องลูกสาว

"ปลาย ให้ลุงไปด้วยเถอะลูก นะ...เพื่อความสบายใจของแม่ ปลายเป็นผู้หญิงคนเดียวไปทำงานกับผู้ชายตั้งหลายคน แม่เป็นห่วง" ปลายฉัตรเริ่มอึกอัก ลุงฉิ่งใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด

"แต่ถ้าเอ็งไม่ยอมให้ข้าไป ก็ไปลาออกเดี๋ยวนี้เลย ข้ากับแม่เอ็งไม่ให้ทำแล้ว"

ปลายฉัตรเหวอร้องโวยวายว่าไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ต้องพาลุงฉิ่งไปบ้านไตรภูมิด้วย

แล้วลุงฉิ่งก็มานั่งหน้าเข้มอยู่ในบ้านไตรภูมิ ปลายฉัตรยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันมาพูดกับไตรภูมิที่นั่งตรงข้าม มีอินทร์ กัณฑ์ยืนประกบ

"คือ...ลุงเขาเป็นห่วงฉัน ก็เลยขอมาด้วยแต่ลุงเขาแค่ ขอมานั่งเฉยๆนะคะ อาจจะเข้าห้องนํ้าบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนอาหารเครื่องดื่มลุงเขาเตรียมของเขามาแล้ว"

ลุงฉิ่งชี้ถุงอาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมมา หน้าตายังเข้มเหมือนเดิม อินทร์ กัณฑ์มองงงๆ

"ไม่รบกวนอะไรทั้งนั้น...แค่ขอมานั่งรอฉันเฉยๆ คุณคงไม่ว่าอะไรนะ..."

"ถึงฉันว่า...ลุงเธอก็คงจะไม่กลับ ถ้าอยู่แล้วไม่วุ่นวายก็อยู่ไป แต่ถ้าเริ่มวุ่นวายเมื่อไหร่..." ไตรภูมิพูดไม่ทันจบปลายฉัตรก็รีบบอก

"ฉันจะให้ลุงฉันกลับทันที"

"อ้าว" ลุงฉิ่งมองหน้า ปลายฉัตรแอบกระซิบ "ก็จริงนี่... ลุงอยากมาเฝ้าก็ให้เฝ้าแล้วนี่ไง ฉันจะไปทำงานแล้วนะ อยู่ นิ่งๆล่ะ ฉันพร้อมทำงานแล้วค่ะ"

ปลายฉัตรหันมาบอกไตรภูมิในตอนท้าย ไตรภูมิลุกขึ้นเดินนำเข้าไปที่ห้องเก็บสะสมของ อินทร์พยักหน้าให้กัณฑ์ตามไตรภูมิไป ส่วนตัวเองยืนเฝ้าลุงฉิ่งอยู่ที่เดิม ลุงฉิ่งปรายตามองอินทร์ ท่าทางน่าเกรงขาม จึงนั่งตัวลีบมองรอบบ้านด้วยความหวาดระแวง

ooooooo

กัณฑ์กดรหัสเปิดประตูห้องสะสมของให้ไตรภูมิกับปลายฉัตร ทั้งสองเดินเข้าไปในห้อง กัณฑ์ปิดประตูและยืนเฝ้าอย่างระมัดระวัง ปลายฉัตรยังคงค้างคาใจเรื่องลุงฉิ่งจึงจะหันมาคุยกับไตรภูมิ แต่ไตรภูมิแทรกขึ้นอย่างรู้ใจ

"เธอไม่สบายใจ...ฉันรู้ ฉันเข้าใจลุงเธอ ถ้าเขาไม่ห่วงอาจจะแปลก"

"คุณชอบทำให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อย ตอนแรกฉันคิดว่าจะโกรธเรื่องลุง แต่คุณกลับเข้าใจขึ้นมาซะงั้น...แปลกดี"

"แค่นี้ยังน้อย ฉันยังมีเรื่องแปลกอีกเยอะ..." ไตรภูมิยิ้มกวน

ปลายฉัตรชะงักนิดๆ หุบยิ้มแล้วหันหลังให้ก่อนเปรยออกมา "ก็ดี...ฉันก็ชอบของแปลก"

คราวนี้ไตรภูมิเป็นฝ่ายชะงักกึก แอบเขินนิดๆ ทั้งสองยิ้มให้กัน ขณะนั้นลุงฉิ่งเริ่มกระสับกระส่ายมองซ้ายมองขวา เห็นอินทร์ยืนอยู่ที่เดิมนิ่งไม่เคลื่อนไหวก็แอบบ่น

"ใจคอจะไม่ไปไหนเลยเหรอวะเนี่ย ยืนนิ่งเป็นหุ่นมาหลายชั่วโมงแล้ว ยังหายใจอยู่หรือเปล่าเนี่ย"

อินทร์ได้ยินก็แกล้งกระแอมเบาๆ ลุงฉิ่งสะดุ้งแล้วออกอุบายขอเข้าห้องนํ้า

"เชิญทางนี้ครับ..." อินทร์ผายมือไปทางห้องนํ้า

ลุงฉิ่งลุกขึ้นเดินไป อินทร์จะเดินตาม...ลุงฉิ่งรีบหันมาขอร้องว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วทำฟอร์มเดินเข้าไปห้องนํ้า... สักพักก็โผล่หน้าออกอย่างระมัดระวัง พร้อมกับมีหูฟังเล็กๆเสียบอยู่ เพราะกำลังโทร.ไปหาสิงห์ที่คอยให้คำปรึกษาอยู่ ที่บ้าน และมีเฉิดกับมหาเป็นกำลังใจอยู่ด้วย

"ตอนนี้ปลอดภัย...ทางโล่ง โปร่งสบาย เอาไงต่อวะ" ลุงฉิ่งรายงาน

"ลุงลองดูรอบๆมีอะไรน่าสงสัยหรือเปล่า ถ้ามีถ่ายรูปให้ด้วย" สิงห์สั่ง

ลุงฉิ่งรับคำรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วก็ค่อยๆเดินออกมาจากห้องนํ้า มองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังจนเกินเหตุ

ooooooo

ระหว่างที่สิงห์นั่งรอลุงฉิ่งรายงาน แม่เฉิดก็รุกถามด้วยความสงสัย

"สิงห์...บอกน้าได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องให้ลุงทำแบบนี้ด้วย เมื่อเช้าปลายเกือบจะไม่ยอม ต้องให้น้าช่วยขอร้องตั้งนานกว่าจะยอม มีอะไรหรือเปล่า"

"ตอนนี้ผมทำคดีอยู่ ผมสงสัยว่า...นายไตรภูมิจะมีส่วนด้วย" สิงห์ตอบ เพราะจวนตัว

"หะ ไตรภูมิ เจ้านายของปลายเนี่ยนะ แล้ว...เขาเกี่ยวยังไงวะไอ้สิงห์..." มหากับเฉิดตกใจ

"ยังไม่รู้ ผมเลยต้องให้ลุงฉิ่งช่วย วันนี้เราอาจจะได้ข้อมูล"

"เฮ้อ...แล้วเราจะไว้ใจไอ้ฉิ่งได้เหรอวะเนี่ย" มหาหนักใจ

แล้วลุงฉิ่งก็โทร.เข้ามารายงาน "บ้านเงียบมากเลยว่ะไอ้สิงห์ ไม่เห็นมีอะไรที่มันจะผิดสังเกตสักกะอย่าง" ลุงฉิ่งพูดใส่สมอลทอล์กพลางเดินลัดเลาะมาตามผนังห้อง มองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง

"ในบ้านมีสัญลักษณ์ของพวกลัทธิ หรือบูชาของแปลกๆหรือเปล่า"

"สัญลักษณ์อะไรวะ...มะ...ไม่เห็นมีเลย มีแต่หนังสือ ของเก่า แล้วก็ตู้ แล้วแกจะเอาไอ้สัญลักษณ์ลัทธิอุบาทว์ไปทำอะไรวะ นี่ไอ้สิงห์ตกลงแกจะให้ฉันมาทำอะไรที่นี่กันแน่วะเนี่ย" ลุงฉิ่งชักกลัว

"คือ...ฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ลุงก็เก็บภาพ เก็บข้อมูลมาให้ฉันก่อนแล้วกัน"

"เออๆ..ก็ได้ นี่ดีนะที่ไม่มีใครเห็น"

ลุงฉิ่งพูดอย่างมั่นใจ...แล้วก็เดินถ่ายรูปต่อไป หารู้ไม่ ว่าทุกการกระทำของแกถูกบันทึกไว้ในกล้องวงจรปิดแล้ว

ooooooo

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

สิงห์กลับมารายงานวัลลภเรื่องพบคีรีกับพาลีที่บริษัทประมูล แต่ไม่ยืนยันว่าทั้งสองจะเป็นผู้ต้องสงสัยร้อยเปอร์เซ็นต์ วัลลภมองรูปกร กัณฑ์ พาลีและคีรีที่ปริ๊นต์มาจากกล้องวงจรปิดด้วยสายตาครุ่นคิด

"ขอเช็กเทปจากกล้องวงจรปิดภายในโรงแรม แล้วดูให้ชัดว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า และพวกมันมาทำอะไรติดต่อกับใครบ้าง แล้วก็สืบต่อไปจนถึงตัว บางทีทั้งสี่คนนี้อาจจะรู้จักกันก็ได้"

"ครับ...เดี๋ยวผมจะไปติดต่อกับทางโรงแรมวันพรุ่งนี้" สิงห์รับคำ

วัลลภสั่งให้จ่าดอนไปทำงานแทน แล้วก็ขอตัวเดินออกไป สิงห์ทำความเคารพพลางเหลือบดูนาฬิกาเห็นว่าใกล้เวลานัดกับปลายฉัตร จึงฝากเรื่องเทปกับจ่าดอน ก่อนจากไปอย่างรีบร้อน

"รีบร้อนแบบนี้...สงสัยจะไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา" ดอนพึมพำตามหลัง

ในเวลาเดียวกัน ปลายฉัตรเตรียมจะกลับบ้าน ไตรภูมิเข้ามาถามเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานประมูล เธอเพิ่งฉุกคิดได้ว่าตัวเองมีแต่เสื้อผ้าแบบที่ใส่มาทำงานเท่านั้น

"เดี๋ยวฉันจะให้อินทร์เอาเงินให้เธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่" ไตรภูมิสั่ง

ปลายฉัตรโบกมือปฏิเสธ บอกว่าแค่ไปซื้อตลาดนัดแถวบ้านหรือสะพานพุทธก็ได้

"งานประมูลวันพรุ่งนี้มีความสำคัญมาก ฉันไม่อยากพลาดเพราะเสื้อผ้าที่ดูไม่น่าเชื่อถือของเธอ"

ไตรภูมิเปิดประตูรถ แล้วดันตัวปลายฉัตรเข้าไป จากนั้นก็เดินมานั่งที่ด้านคนขับ ปลายฉัตรสะดุดกึก...รู้สึกถึงความใกล้ชิด เธอเขินเล็กน้อย ไตรภูมิหันมามองปลายฉัตรมองตอบ... ต่างคนต่างมองตากัน และทันใดนั้นไตรภูมิก็พูดขึ้น...

"คาดเข็มขัดด้วย" ปลายฉัตรสะดุ้งรู้สึกตัว รีบรัดเข็มขัด ไตรภูมิแอบอมยิ้มนิดๆแล้วออกรถไป

ในขณะที่ปลายฉัตรออกไปซื้อเสื้อผ้ากับไตรภูมิ สิงห์ก็มารอเธอที่บ้าน เพราะปลายฉัตรนัดให้ไปเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลตอนห้าโมงเย็น เฉิดออกมานั่งคุยกับสิงห์ แต่เมื่อรู้ว่าลูกสาวไปทำงานแล้วล้มหัวฟาดโต๊ะจนเจ้านายให้ไปเช็กสมองก็ตกใจ เพราะปลายฉัตรไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอเลย สิงห์กลัวเฉิดจะกังวลจึงรีบแก้ตัวแทน

"เอ่อ...ปลายเขาคงไม่อยากให้คุณอาเป็นห่วงน่ะครับ"

"งั้นพอหาหมอแล้ว บอกด้วยแล้วกันว่าผลเป็นยังไงบ้าง" เฉิดอดห่วงไม่ได้ สิงห์รับคำแล้วก้มมองนาฬิกาอีกครั้งเพราะได้เวลานัดแล้วแต่ปลายฉัตรยังไม่มา

ooooooo

ไตรภูมิเดินนำปลายฉัตรมาที่ร้านเสื้อผ้าหรู ปลายฉัตรต่อรองว่าซื้อไปคงไม่กล้าใส่เพราะหรูเกินไป แต่เมื่อโดนไตรภูมิยื่นคำขาดด้วยเสียงเข้มๆ เธอก็ต้องยอม

"ใส่ก็ได้แค่นี้ก็ต้องขู่ด้วย"

ปลายฉัตรเดินหน้าง้ำเข้าไปในร้าน ไตรภูมิยิ้มนิดๆด้วยความพอใจ แล้วเดินตามไป หลังให้ปลายฉัตรเลือกเสื้อผ้าอยู่ครู่ ชายหนุ่มเห็นว่าไม่เหมาะสมจึงตัดบท

"พอได้แล้ว ฉันไม่เชื่อรสนิยมเธอแล้ว เดี๋ยวฉันเลือกให้เอง"

ปลายฉัตรหันมามองตัวเองในกระจกด้วยความแปลกใจ

"นี่ยังไม่สวยอีกเหรอเนี่ย เรื่องมากจริงๆ"

ไตรภูมิปราดสายตามอง และเดินเข้าไปหยิบชุดที่คิดว่าเหมาะออกมาส่งให้ปลายฉัตรลอง

"นี่สวยแล้วเหรอเนี่ย" ปลายฉัตรเบ้หน้า แต่ก็ยอมลองสวมดู

ห้องลองชุดค่อยๆเปิดออก ปลายฉัตรเดินออกมาในชุดที่ไตรภูมิเลือก เป็นชุดที่ใส่แล้วดูดี และเข้ากับบุคลิกของเธอ ไตรภูมินั่งมองแล้วอมยิ้มนิดๆด้วยความพอใจ ปลายฉัตรยืนประหม่า พอเห็นรอยยิ้มของไตรภูมิแล้วก็ยิ้มออก

"สวยเนอะ ฉันยังไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะสวยขนาดนี้ ใส่แล้วก็ไม่เขินด้วย ทะมัดทะแมง เดินก็สะดวก คุณนี่รสนิยมดีเหมือนกันนะเนี่ย" ปลายฉัตรหันไปส่องกระจกด้วยความ ชอบใจ

ทันใดนั้นก็มีสร้อยเพชรเส้นหนึ่งพาดลงที่คอ ขณะที่ปลายฉัตรกำลังตกใจอยู่นั้น ไตรภูมิก็ใส่สร้อยให้เสร็จแล้ว

"สร้อยเส้นนี้ฉันให้เธอ ไม่ต้องเอามาคืน" ไตรภูมิพูดจบก็หันหลังเดินออกไป

"คุณ ของจริงหรือเปล่า"

ไตรภูมิชะงักเท้า แล้วขำนิดๆก่อนจะหันมาทำหน้านิ่ง "ตอนเธอเอามันไปขายเดี๋ยวก็รู้เอง ฉันจะไปรอหน้าร้าน เปลี่ยนชุดแล้วรีบตามออกไป" ไตรภูมิหันหลังเดินไปที่เคาน์เตอร์ ปลายฉัตรอึ้งหันมาดูตัวเองที่หน้ากระจก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงไปชั่วขณะ แล้วก็นึกกังวลขึ้นมา

"พรุ่งนี้จะแต่งชุดนี้ออกจากบ้านมาได้ยังไงเนี่ย"

ดูเหมือนว่าไตรภูมิจะเดาใจออก เขาจึงบอกกับปลายฉัตรในระหว่างเดินมาที่รถ

"เธอไม่ต้องห่วง ฉันจองโรงแรมไว้ให้เธอแล้ว นี่เป็นนามบัตร ทางไปโรมแรมและเบอร์ห้อง เธอไปใช้ได้ตั้งแต่เช้า จะมีรถทางโรงแรมคอยรับส่งเธอตลอดการทำงาน" ไตรภูมิส่งนามบัตรให้

ปลายฉัตรตาโตรีบรับนามบัตร เมื่อไตรภูมิถามต่อเรื่องเช็กสมอง เธอเพิ่งนึกได้ว่า นัดกับสิงห์ไว้

"หกโมงครึ่ง ตายแล้ว โดนด่าแน่ๆ ฉันไปก่อนนะคุณ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน ไปล่ะ" ปลายฉัตรวิ่งทะเล่อทะล่าออกไปและเกือบจะล้ม ไตรภูมิมองตามอมยิ้มอย่างมีความสุข เขาเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ค่อยๆงอกงามขึ้นภายในจิตใจ

ooooooo

เวลาทุ่มครึ่งแล้ว สิงห์ยังยืนรอปลายฉัตรอยู่ที่หน้าบ้าน ลุงฉิ่งเดินออกมาจากในครัว พร้อมกับถ้วยแกง แกตะโกนเรียกสิงห์ให้มากินข้าวก่อน

"ตามที่ลุงตรวจดูโหงวเฮ้งบนใบหน้าของเอ็งแล้ว คาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงไอ้ปลายมาถึงแน่" มหาปลอบ

"และถ้ามันยังไม่มาล่ะ" ลุงฉิ่งไม่อยากเชื่อ

"ชั่วโมงต่อไปมันต้องมาแน่ ถ้ามันยังไม่มา ก็เป็นชั่วโมงต่อไป แต่มันต้องมาภายในหนึ่งชั่วโมงแน่นอน" มหายืนยัน ลุงฉิ่งส่ายหน้าระอาในความมั่วของเพื่อนซี้

"ฉันกลับมาแล้วจ้า ฉันกลับมาแล้ว"

สิงห์หันไปดูที่หน้าบ้านเห็นปลายฉัตรยืนหอบ มือกำลังเปิดประตูรั้วอยู่ จึงเดินเข้าไปหา มหาเห็นว่าสิงห์เดินออกไปก็สะกิดลุงฉิ่งให้ตามไปแอบดูด้วยความสาระแน เมื่อประตูรั้วเปิดออก ปลายฉัตรรีบพุ่งเข้ามาจับมือสิงห์

"สิงห์ฉันขอโทษ ฉันลืมนัดแกจริงๆ แล้วฉันก็ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ด้วย เลยไม่ได้ยินขอโทษนะ...แกอย่าโกรธฉันนะ" สิงห์มองมือปลายฉัตรที่จับอยู่ อารมณ์ที่มีทั้งหมดพลันหายวับ แล้วยิ้มออก

"เออ...ไม่โกรธก็ได้...แล้วนี่ไปไหนมา...อย่าบอกนะว่าไปช็อปปิ้ง" สิงห์มองที่ถุงเสื้อผ้า ปลายฉัตรอึกๆอักๆ ยิ้มเจื่อนๆ

ลุงฉิ่งกับมหาที่แอบดูอยู่พยายามเงี่ยหูฟังอยากรู้ว่าสิงห์กับปลายฉัตรคุยอะไรกัน เฉิดร้องเตือน

"แล้วพี่สองคนจะไปยุ่งเรื่องเด็กมันทำไม มากินข้าว"

"มันเป็นเด็กที่ไหน เนี่ยมันหลานฉัน ไม่ยุ่งเรื่องหลานแล้วจะไปยุ่งเรื่องใคร มะ แอบดูมันต่อ" ลุงฉิ่งหันมาตอบแล้วชวนมหาสาระแนต่อ เฉิดได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

"จริงๆ มันก็ไม่ใช่ไปช็อปปิ้งหรอก...คือว่าฉันไปทำงานน่ะ แล้วนี่ก็เป็นชุดที่ฉันต้องใส่ไปทำงาน" ปลายฉัตรตอบ สิงห์แปลกใจจะซักต่อ แต่ปลายฉัตรรีบตัดบท "เออ...เรื่องมันยาว แล้วก็ซับซ้อนน่ะ เอาไว้ฉันเสร็จงานแล้วค่อยเล่าให้แกฟังแล้วกัน แกไม่โกรธก็ดีแล้ว ไปกินข้าวกันดีกว่าไป ฉันหิวแล้ว" ปลายฉัตรยิ้มกลบเกลื่อนแล้วก็เดินเข้าบ้านไป

สิงห์ได้แต่มองตามงงๆ เขามองไปที่ถุงใส่เสื้อผ้า รู้ดีว่าเป็นถุงเสื้อจากร้านราคาแพง ก็คิดหนักและเริ่มระแวง

หลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไป เหลือเพียงลุงฉิ่งที่นั่งคุยกับมหาเรื่องดวงของปลายฉัตร เพราะลุงอยากรู้ว่าผู้ชายที่หลานสาวชอบคือใคร

"มันชอบใครข้าไม่รู้เว้ย...แต่ถ้าไอ้คนที่สองที่มาชอบมันเนี่ย ข้ารู้ว่าใคร เห็นกันทุกวันตัวเป็นๆ" มหาที่กำลังส่องพระตอบ ลุงฉิ่งสวนว่าใครไม่รู้ก็โง่แล้ว

"แล้วไอ้คนที่สามเนี่ยที่บอกว่ามันจะมาเร็วๆนี้เนี่ย ตกลงว่ามันมาแบบรักหรือไม่รักวะ" ลุงฉิ่งถาม

"มันไม่ชัดว่ารักหรือไม่รักว่ะ...รู้แต่ว่าดาวอีกดวงมันเคลื่อนเข้ามาอย่างเด่นชัด...รับประกันล้านเปอร์เซ็นต์ว่ามันต้องมาแน่ๆ" มหาฟันธง ลุงฉิ่งฟังแล้วแอบเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก

ooooooo

รามอยู่ในชุดสูทหรู กำลังจะออกไปงานประมูล จิตต์เดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

"แกคิดเหรอว่าสมบัติ 5 ชิ้นสุดท้ายที่เรามีจะล่อไอ้ ไตรภูมิมันออกมาได้"

"ถ้ามันสะสมสมบัติเพื่อถอนคำสาป มันจะต้องมา แต่ ถ้ามันไม่มา เราก็จะได้รู้ว่ามันเลิกล้มความคิดนี้ไปแล้ว"

"แต่ถึงมันไม่คิด เราก็ไม่ควรจะเก็บมันไว้ มันทำให้เรามีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงมาสี่ร้อยกว่าปี มันต้องจบลงได้แล้ว ถ้าพวกมันตาย ความเป็นอมตะที่เรามีจะทำให้เราเหนือกว่าทุกคน"

"ไอ้ไตรภูมิมันโง่ที่ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับเรา"

"มันก็โง่เหมือนพ่อของมัน และฉันจะไม่ยอมให้ความโง่ของมันมาทำลายความเป็นอมตะของฉัน ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้างานนี้ไม่สำเร็จ ฉันจะตามล่ามันเอง" จิตต์กัดฟันกรอด ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีดำ เผยอเขี้ยวขาวมันวับ

เวลาเดียวกันนั้น อินทร์กำลังรินเลือดใส่แก้วเจียระไนหรู แล้วยกมาให้ไตรภูมิพร้อมกับตั้งคำถาม

"นายท่านคิดว่าการประมูลวันนี้จะเป็นกับดักของพวกนั้นหรือเปล่า"

"สมบัติ 5 ชิ้นไม่เคยปรากฏมาก่อน มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มันจะโผล่มาตอนที่พวกนั้นมาถึงประเทศไทย"

"นายท่านคิดว่า...ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเราสะสมสมบัติเพื่อถอนคำสาปทำลายความเป็นอมตะ อะไรจะเกิดขึ้น"

"ถ้าไม่ตายกันไปข้างนึง ก็ต้องตายหมดทุกคน" ไตรภูมิแววตาแข็งกร้าว อินทร์ก้มหน้านิดๆ เตรียมพร้อมยอมรับกับชะตากรรม แล้วก็ฉุกคิด

"แล้วการประมูลครั้งนี้...นายท่านคิดว่าปลายฉัตรจะทำสำเร็จหรือเปล่าครับ" ไตรภูมินิ่งคิดถึงปลายฉัตร

ooooooo

เมื่อวันประมูลมาถึง ไตรภูมิเดินใส่แว่นดำเข้ามาในโรงแรมอย่างเท่ มีสาวๆลอบมองเล็กน้อย กรและกัณฑ์ที่ยืนคุมเชิงอยู่บริเวณนั้นรีบเข้ามารายงานว่าปลายฉัตรมาถึงแล้วและกำลังแต่งตัวอยู่ ไตรภูมิพยักหน้าและเดินไป กรจะเดินตามไปอารักขา ไตรภูมิหันมาสั่ง

"ไม่เป็นไร ฉันไปเอง" กรพยักหน้ารับและหยุดตาม

ไตรภูมิเดินมาหยุดที่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเรียก

สักพักปลายฉัตรก็ออกมาเปิดประตู เขาเห็นปลายฉัตรอยู่ในชุดที่ซื้อมา หัวยังยุ่งเป็นกระเซิง หน้าตาก็ยังไม่ได้แต่ง ปลายฉัตรยิ้มแห้งๆ

"คุณไม่ต้องห่วงนะ อีกแปร๊บบบบ...เดียว ฉันก็แต่งตัว เรียบร้อยแล้ว ทันแน่นอน" ไตรภูมิเดินตามเข้ามาแววตาไม่ค่อยเชื่อคำพูดลูกจ้างเท่าไหร่นัก จึงเอ่ยถาม

"เธอทำผมไม่เป็นใช่ไหม" ปลายฉัตรชะงักกึกก่อนสารภาพ

"ปกติฉันก็แค่มัดเฉยๆ...แต่พอมัดแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่เข้ากับชุด...ก็เลยพยายามจะทำอย่างอื่น แต่มันก็...เป็นอย่างที่เห็น"

ไตรภูมิถอนใจเดินเข้ามาหาปลายฉัตรแล้วช่วยเกล้าผมให้อย่างชำนาญ ปลายฉัตรถึงกับเคลิ้ม...ใจหวิวๆแปลกๆ ไตรภูมิรวบผมปลายฉัตรขึ้นเพื่อม้วนเก็บแล้วใช้ปิ่นปักตรึงผมไว้

"เรียบร้อยแล้ว...ไม่ถึงสองนาที" ไตรภูมิเอ่ย ปลายฉัตรยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกด้วยความแปลกใจและพอใจ

"สวยจังเลย...คุณทำเป็นได้ยังไง"

"ฉันมีเวลาว่างเยอะ ฉันทำเป็นทุกอย่าง...จะให้ฉันแต่งหน้าให้ด้วยไหม" ไตรภูมิอาสา ปลายฉัตรผงะ ไตรภูมิยิ้มกวนๆบอกว่าล้อเล่นแล้วออกคำสั่ง

"เดี๋ยวเธอแต่งหน้าไม่ต้องมาก แต่งแบบธรรมชาติ จะเข้ากับเธอมากกว่า ฉันให้เวลาอีก 5 นาที เรียบร้อยแล้วรีบไปได้ ฉันให้ทางโรงแรมเตรียมรถไว้ให้เธอแล้ว"

"แล้วจะมีใครไปกับฉันบ้างหรือเปล่า"

"ไม่มี เธอต้องไปคนเดียว ประมูลของมาให้ได้ ฉันจะรอฟังข่าวดีอยู่ที่นี่" ไตรภูมิเสียงเข้ม ปลายฉัตรกลืนน้ำลายเอื้อก...แอบเครียด ไตรภูมิดูออกเดินมาหา และจับปลายฉัตรหันหน้าหากระจก...พร้อมกับพูดให้กำลังใจ

"วันนี้เธอไม่ใช่เด็กกะโปโลที่ไปงานประมูลเพื่อหางานทำ แต่เธอคือมหาเศรษฐีที่มีเงินมากกว่าหมื่นล้านสำหรับซื้อทุกอย่าง ฉันรู้ว่าเธอทำได้"

ปลายฉัตรมองตัวเองในกระจกเห็นไตรภูมิยืนอยู่ข้างหลัง เธอรู้สึกเหมือนมีพลังค่อยๆปล่อยผ่านมาทางเธอ...และความมั่นใจก็ค่อยๆเกิดขึ้น

ooooooo

ประตูโรงแรมเปิดออก ปลายฉัตรเดินออกมาด้วยความสวย สง่า และเป็นธรรมชาติ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจ แล้วเดินไปที่รถ พนักงานเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่ง เมื่อประตูปิดลงรถก็ค่อยๆแล่นออกไป โดยมีสายตาของไตรภูมิมองตามไป กรและกัณฑ์เดินมาสมทบ พวกเขาอาสาจะตามปลายฉัตรไป

"ไม่ต้องไป...ถ้ามันเป็นกับดักของพวกนั้นจริงๆ ทั้งปลายฉัตรและพวกเราจะเดือดร้อนกันหมด" ไตรภูมิสั่ง

บริเวณงานประมูลนั้น มายา พาลี และคีรี เดินเข้ามาในบริเวณงาน รัศมีความเย็นยะเยือกแผ่ซ่าน ชาญรีบออกมาต้อนรับบอกว่างานจะเริ่มแล้ว

"รออยู่ด้านนอก ถ้าเจอพวกนั้นเมื่อไหร่รีบรายงานทันที" มายาสั่ง

อโนมาร่วมงานประมูลด้วย เพราะหวังจะได้พบกับไตรภูมิ แต่เพราะไม่ระวังจึงชนเข้ากับรามที่เดินสวนมา จนของในมือหล่นลงพื้น เธอรีบขอโทษชายหนุ่ม

"ไม่ต้องขอโทษครับ...ผมเดินไม่ระวังเองนี่ครับ" รามเก็บของส่งให้ พลางส่งยิ้ม

"ขอบคุณค่ะ" อโนอึ้งๆ มองรามที่เดินจากไป

"ถ้ารู้ว่ามีคนหล่อๆแบบนี้...จะมาประมูลมันทุก

วันเลย" อโนยิ้มร่าเริง และไม่ทันเห็นปลายฉัตรที่สวมวิญญาณคนรวยเดินเข้าไปในงานอย่างมั่นใจ

"สินค้าที่จะทำการประมูลเป็นสมบัติราชวงศ์หมิง ที่มีการขุดค้นพบในถ้ำมังกรอมตะ ถ้ำที่มีตำนานลึกลับเกี่ยวกับคำสาปแห่งความเป็นอมตะการประมูลจะเริ่มต้นภายใน 5 นาที" พิธีกรประกาศ

มายาเดินเข้าไปนั่งอยู่ในกลุ่มของคนประมูลแถวหน้าๆ ส่วนรามเดินเข้ามาพร้อมกับป้ายสำหรับการประมูลเดินมานั่งแถวหลัง มายาปรายตามามอง แล้วอมยิ้มนิดๆ ปลายฉัตรเดินตามเข้ามาถือป้ายหมายเลข 9 อยู่ในมือ เธอมองซ้ายมองขวาหาที่นั่งแถวกลางๆ

"การประมูลจะเริ่มต้น ณ บัดนี้" พิธีกรประกาศ รามมองซ้ายมองขวา แต่ไม่เห็นวี่แววของไตรภูมิ

รูปสมบัติชิ้นที่หนึ่งขึ้นบนหน้าจอเป็นหยกแกะสลักรูปมังกร พิธีกรเริ่มการประมูลในราคา 12 ล้านบาท ปลายฉัตรยกป้ายประมูล มีคนสู้ราคา แต่ปลายฉัตรก็ไม่ถอยเธอยกป้ายสู้ แล้วเธอก็ประมูลได้ในราคา 19 ล้าน และต่อด้วยชิ้นที่สอง สาม สี่ และห้า ในราคาที่แพงขึ้นเรื่อยๆ ปลายฉัตรโล่งใจยิ้มได้ เพราะทำงานสำเร็จ

ส่วนราม มายา พาลีและคีรีนั้นต้องผิดหวังที่ไตรภูมิไม่ปรากฏตัว และพวกเขาก็นึกสงสัยว่าหมายเลข 9 เป็นใคร ทำไมถึงประมูลของได้ทั้งหมด

"ใครวะเบอร์ 9 รวยจริงๆ ประมูลได้ทุกอันเลย" อโนชักสนใจจึงชะเง้อมองแต่ยังไม่เห็นปลายฉัตร เพราะเธอลุกไปคุยกับเจ้าหน้าที่และเซ็นรับสินค้า เป็นจังหวะเดียวกับที่รามหันมาพอดี เขาเห็นรอยยิ้มสดใสของปลายฉัตรก็เผลอยิ้มตามไปด้วย มายาเห็นเข้าก็ไม่พอใจนัก นาทีนั้นปลายฉัตรลุกขึ้นเดินออกไป

อโนกำลังมองซ้ายมองขวา เห็นปลายฉัตรในชุดหรูยืนในงาน ถึงกับอ้าปากหวอ "นี่ นี่มัน พี่ปลาย"

ปลายฉัตรรีบเดินออกไปจากห้องประมูลโดยเร็ว รามรีบลุกเดินตาม มายาเข้าขวางอ้างว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย รามปรายตามามองด้วยความไม่พอใจ มายาแอบหวั่นแต่ก็ไม่ยอมปล่อย ปลายฉัตรเดินออกไปแล้ว อโนรีบวิ่งตามไปพร้อมกับตะโกนเรียก

"พี่ปลาย" รามมองตามเสียงอโน เห็นเธอตามปลายฉัตรไป ก็หันมาสั่งมายา

"สำคัญแค่ไหน...ฉันบอกให้รอก็ต้องรอ" รามพูดจบก็เดินตามปลายฉัตรออกไป ไม่สนใจมายาแม้แต่นิดเดียว มายาได้แต่ยืนกัดฟันกรอดๆด้วยความแค้นใจ ระคนน้อยใจ

ooooooo

ปลายฉัตรเดินตรงไปที่ลิฟต์ ทันใดนั้นเสียงอโนก็ดังขึ้น เธอชะงัก ค่อยๆหันไปตามเสียง เห็นอโนวิ่งหน้าเริ่ดมาถึงกับหน้าเสีย เธอตัดสินใจทำมึนไม่รู้จักอโน แล้วรีบกดเปิดลิฟต์หนีไป

อโนวิ่งมาแต่ไม่ทัน ทำให้อโนเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ แล้วเมื่อหันกลับมาก็เจอเข้ากับรามที่ยืนรออยู่ในระยะประชิด รามโปรยเสน่ห์แอบถามข้อมูลเรื่องหมายเลข 9 จนอโนหลงกล

"อ๋อ...พี่ปลาย! ไม่ใช่เพื่อนฉันหรอกค่ะ แต่เป็นเพื่อนของพี่ชายน่ะค่ะ"

รามพอใจส่งยิ้มเท่ก่อนเอ่ยคำลา"หวังว่า...เราคงจะได้พบกันอีกนะครับ" รามเดินจากไป อโนแอบเคลิ้มกับความหล่อ ด้านหลังของอโนเห็นมายาแอบยืนดูอยู่แววตาดุดันราวกับนางเสือที่กำลังโกรธจัด

แต่ความโกรธของมายานั้น จิตต์แรงร้อนกว่า เขาตวาดลั่นเมื่อรู้ว่ารามกับลูกน้องทำงานพลาด

"นี่เหรอแผนการที่แกมั่นใจ เสียทั้งของ เสียทั้งเวลา ไม่เห็นไอ้ไตรภูมิกับพรรคพวกมันจะโผล่หัวออกมาเลย"

"นายใหญ่คะ...แต่การที่พวกนั้นไม่มา มันก็ทำให้เรารู้ว่า...มันอาจจะไม่สนใจเรื่องถอนคำสาปแล้วก็ได้นะคะ" มายาพยายามช่วยรามแก้ตัว

"หุบปาก โง่แล้วยังอยากจะแก้ตัวอีก พวกมันไม่โผล่มา ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สนใจ คนอย่างไอ้ไตรภูมิมันฉลาดพอที่จะจ้างคนอื่นมาประมูลของแทนมัน" จิตต์ตะคอก

"ถ้ามันฉลาดพอที่จะจ้างคนอื่นมาได้ ผมก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันเป็นใคร" รามเอ่ย จิตต์หันมามองหน้าราม ที่ยิ้มนิดๆอย่างมั่นใจ

"ถ้าแกรู้จริง ก็รีบจัดการมันซะ ทั้งไอ้คนประมูล ไอ้ไตรภูมิ และสมุนของมัน หาตัวให้เจอ และฆ่ามันให้หมด! ก่อนที่มันจะฆ่าเรา" จิตต์สั่งแล้วปรายตามาทางมายา พาลี และคีรี "พวกแกก็เหมือนกัน ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย...ฉันให้ความเป็นอมตะกับพวกแกได้...แต่ฉันก็ทำให้แกตายได้เหมือนกัน" จิตต์บีบลูกกอล์ฟในมือแหลกละเอียดเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายแล้วเดินออกไป คีรี พาลี ก้มหน้าจ๋อยๆ มายามองรามหน้าเจื่อนๆ เอ่ยถามว่า

"นายท่านรู้เหรอคะ...ว่าตัวแทนของไตรภูมิเป็นใคร"

รามยิ้มอย่างมั่นใจ

ooooooo

ปลายฉัตรกลับมารายงานความสำเร็จกับไตรภูมิที่โรงแรม และพูดล้อเล่นกับเขาอย่างเป็นกันเอง ไตรภูมินึกขำท่าทางของหญิงสาวจึงหลุดยิ้มออกมา กรและกัณฑ์แปลกใจกับท่าทีที่ดูสบายๆของไตรภูมิที่ไม่ค่อยคุ้นตา แล้วปลายฉัตรก็นึกขึ้นได้

"อ้อ ฉันเกือบลืมไป...เมื่อเช้าฉันไปเอกซเรย์สมองมาแล้ว หมอบอกว่าปลอดภัยดี ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน และนี่ก็เงินที่เหลือจากการไปหาหมอ...ฉันคืนคุณ" ปลายฉัตรส่งซองฟิล์มเอกซเรย์และซองเงินคืนให้ กรแอบมองซองเงินด้วยความแปลกใจในตัวปลายฉัตร

"แล้วนี่ก็เครื่องเพชรที่ฉันใส่ไปวันนี้...ฉันคืน...ฉันให้โรงรับจำนำเช็กดูแล้ว มันเป็นของจริง และมันก็แพงมาก ฉันรับไว้ไม่ได้" ปลายฉัตรวางกล่องเครื่องเพชรไว้ตรงหน้าไตรภูมิ กัณฑ์แอบมองจากระยะไกล รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

"เธอวัดจากอะไร ถึงคิดว่ามันแพงเกินไป" ไตรภูมิมองหน้าหญิงสาว

"ก็...วัดจากสิ่งที่ฉันให้คุณ...มันน้อยเกินไป ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณให้ฉัน ฉันแค่ไปยกป้าย ไม่กี่นาที มันไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรมาก เอาไว้...ถ้าฉันทำอะไรที่มันมากกว่านี้...ฉันเรียกเงินคุณแพงแน่...ไม่ต้องห่วง" ปลายฉัตรยิ้มเจ้าเล่ห์ไตรภูมิยิ้มชอบใจ กรกับกัณฑ์เริ่มสังเกตเห็นว่าวันนี้เจ้านายจะยิ้มมากผิดปกติ...สองคนแอบมองกัน...แล้วก็รู้ว่าต่างคนต่างสงสัยในเรื่องเดียวกันอยู่

"ฉันนัดบริษัทประมูลเอาของมาส่งที่นี่ตามที่คุณบอก พรุ่งนี้ฉันจะรีบมารอรับของแต่เช้า ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว...ฉันกลับบ้านเลยแล้วกัน" ปลายฉัตรหันไปหยิบกระเป๋า ไตรภูมิพูดสวนขึ้นมาว่าจะไปส่ง ปลายฉัตรแปลกใจ แต่กรและกัณฑ์ แปลกใจกว่า ไตรภูมิรู้ว่าทุกคนแปลกใจ แต่ไม่สนใจ

"ไม่เป็นไรหรอกคุณ...ฉันจะแวะกินข้าวหมูแดงหน้าปากซอยด้วย ฉันกลับเองได้" ปลายฉัตรออกตัว แต่พอเห็นสายตาไตรภูมิที่ยืนยันว่าจะไปส่ง ก็จนใจยอม

"โอเค...ไปส่งก็ได้" ปลายฉัตรยิ้มแห้งๆ ไตรภูมิหยิบซองเงินและกล่องเครื่องเพชรที่วางอยู่ ก่อนจะหันไปสั่งกรและกัณฑ์ที่ยืนเอ๋ออยู่ให้กลับไปได้เลยไม่ต้องรอ สองบอดี้การ์ดรอจนไตรภูมิกับปลายฉัตรเดินลับตาไปแล้วก็หันมาคุยกัน

"กร แกรู้สึกว่า...นายท่านแปลกๆไหม"

"แปลกมาก" กรพยักหน้ารับ

ooooooo

อโนวิ่งกระหืดกระหอบมาเรียกสิงห์ที่เล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อนๆในสนาม สิงห์หันมาด้วยความแปลกใจ ในจังหวะไม่ทันระวัง ลูกบอลจึงอัดเข้าหน้าอย่างแรง สิงห์ล้มลง อโนหน้าจ๋อยเจ็บแทน แล้วเข้าไปลากตัวพี่ชายออกมาฟ้อง

"ฉันเห็นเต็มๆตา...พี่ปลายแต่งชุดไฮโซ เครื่องเพชรบึ้มสวยจนฉันเกือบจำไม่ได้ นี่...ฉันเรียกก็ไม่ยอมหยุด เดินหนีเหมือนไม่อยากเจอฉัน...ฉันว่า...พี่ปลายต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ"

"มั่ว ฉันไม่เชื่อ" สิงห์ส่ายหน้า

"ฉันไม่มั่ว! เอางี้ถ้าพี่ไม่เชื่อฉันไปถามพี่ปลายกัน ว่าเขาไปประมูลของมาร้อยกว่าล้านจริงหรือเปล่า" อโนท้าสิงห์ปฏิเสธ อโนจึงพูดแทงใจว่า บางทีปลายฉัตรอาจจะไปประมูลแทนไตรภูมิก็ได้ เธอแอบไปถามลุงฉิ่งมาจึงได้รู้ว่าปลายฉัตรทำงานให้ไตรภูมิอยู่

"ฉันยืนยันว่าฉันเห็นพี่ปลายในงานประมูลจริงๆนะ ถ้าฉันไม่ได้ตาฝาด และคนที่ฉันเห็นเป็นพี่ปลายจริงๆ พี่ไม่ อยากรู้เหรอว่าเค้าเดินหนีฉันทำไม...แล้วเขาปิดบังอะไรอยู่ ถ้าพี่ไม่ไปถามให้รู้เรื่องวันนี้...วันหน้าพี่อาจจะต้องเสียใจที่ไม่เชื่อฉัน" อโนใส่ไฟ สิงห์ครุ่นคิดสุดท้ายก็ยอมทำตามที่น้องสาวต้องการ

ooooooo

รถของไตรภูมิแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านข้าวหมูแดงหน้าปากซอย ชาวบ้านหันมามองด้วยความสนใจ ปลายฉัตรเห็นสายตาชาวบ้าน ก็หันมาบอกไตรภูมิให้เลื่อนรถออกไปหน่อย เพราะกลัวโดนเข้าใจผิด ไตรภูมิดับเครื่องรถหันมา

"งั้นฉันลงไปด้วย...เขาจะได้รู้ว่าเธอไม่ได้มากับเสี่ย" ไตรภูมิเปิดประตูลงไปเลย ปลายฉัตรเหวอรีบตามลงไปแล้วตรงเข้าในร้านข้าวหมูแดงทันที เพราะอายสายตาของชาวบ้านที่มองมา สาวๆแถวนั้นแอบกรี๊ดไตรภูมิ

"ทุกอย่างพิเศษ เพิ่มไข่หนึ่ง ซุปจัมโบ้ แล้วก็ขนมปังสังขยาชุดใหญ่หนึ่งจ้ะ" ปลายฉัตรสั่งอย่างคล่องแคล่ว แล้วหัน มาถามไตรภูมิว่าจะกินอะไรเดี๋ยวเธอเลี้ยง ไตรภูมิอ้าปากจะบอก ว่าไม่กิน แต่ไม่ทัน

"คนรวยอย่างคุณไม่เคยกินแบบนี้หล่ะสิ...คงสั่งไม่เป็น ฉันสั่งให้เอง เฮีย...ที่สั่งเมื่อกี๊เบิ้ลสอง" ปลายฉัตรสั่ง

"ได้ๆ แฟนเหรอ หล่อซะด้วย" เฮียเจ้าของร้านแซว ปลายฉัตรรีบแก้ตัว

"เปล่าเฮีย! ไม่ใช่ เอ่อ...เจ้านายน่ะไม่ใช่แฟนสักหน่อย" เฮียพยักหน้ารับรู้แล้วไล่ให้ปลายฉัตรไปนั่งรอ ปลายฉัตรหันหลังจะไปหาโต๊ะนั่ง แต่พอหันมาเจอไตรภูมิยืนยิ้มกริ่ม เพราะได้ยินที่เฮียพูด ก็ทำเก๊กหน้านิ่งรีบออกตัว

"ฉันกินร้านนี้มาตั้งแต่เด็กก็เลยสนิทกัน...เฮียเค้าก็พูดแซวไปเรื่อยเปื่อย อย่าไปถือสาเลย"

เมื่อเฮียนำข้าวหมูแดงมาเสิร์ฟ ปลายฉัตรรีบจ้วงด้วยความหิว แต่ไตรภูมิกลับนั่งมองนิ่ง ระหว่างนั้นมีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เดินเข้ามาในร้าน พร้อมกับหมาน้อย เมื่อหมาน้อยเข้าใกล้ไตรภูมิ มันร้องหงิงๆตะกายเหมือนต้องการหนี หญิงสาวรีบปลอบ แต่ มันร้องครางดังขึ้นอีก จนปลายฉัตรต้องหันไปมอง ไตรภูมิเห็น เข้าก็กลัวว่าจะเสียบรรยากาศ จึงปรายตาไปมองหน้าหมาน้อย เพียงแค่ปลายหางตา หมาน้อยร้องครางหนักกว่าเดิม จนหญิงสาวเริ่มรำคาญ สั่งใส่ห่อกลับไปกินที่บ้านแทน แล้วเดินออกไป

"หมาตัวนี้ร้องแปลกๆร้องยังกะเจอผีอย่างนั้นแหละ..." ปลายฉัตรมองตาม ไตรภูมิชะงักนิดๆ ปลายฉัตรหันมามองหน้าไตรภูมิ แล้วก็มองจานข้าวที่ยังอยู่เต็ม

"ทำไมไม่กินหล่ะคุณ...หรือว่า...รังเกียจอาหารข้างถนน"

"เปล่า...แต่ฉัน...ไม่หิว"

"โห...เสียดายอ่ะ...งั้นฉันกินนะ ยอมท้องแตกตายดีกว่าทิ้งข้าวเป็นจานๆ"

ปลายฉัตรส่งยิ้มแล้วยกจานข้าวไตรภูมิมาตรงหน้า ก่อนจะเริ่มต้นกินอย่างเอร็ดอร่อย ไตรภูมิมองแล้วก็ขำๆ ปลายฉัตรเงยหน้ามาเห็นไตรภูมิขำก็เขิน แต่ก็กินต่อ

ooooooo