วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องย่อ ละคร วนาลี



ละคร วนาลี ละครทางช่อง 3
ละคร วนาลี บทประพันธ์ สราญจิตต์
ละคร วนาลี ของ “ตู่” ปิยะวดี มาลีนนท์ บริษัทเวฟมีเดีย โปรดักชั่น จำกัด

ละคร วนาลี ทางช่อง3 นำแสดงโดย ป๋อ ณัฐวุฒิ – มิว ลักษณ์นารา

ละคร วนาลี ในเรื่องพระเอกชื่อว่า “ไอ้มืด” เรื่องนี้เป็นละครรีเมค ที่ในอดีต “ตั้ว” ศรัณยู วงศ์กระจ่าง แสดงคู่กับ “หมิว” ลลิตา ปัญโญภาส
ละคร วนาลี ฉบับรีเมคใหม่ได้พระเอกรูปหล่อ ผิวเข้ม ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ มารับบท ไอ้มืด
ละคร วนาลี งานนี้พระเอกผิวเข้มของเราต้องมาประกับกับนางเอกหน้าใหม่ ”มิว” ลักษณ์นารา เปี้ยทา

เรื่องย่อละคร วนาลี

พี่ชายพระเอก ซึ่งเป็นตำรวจไปรักนางเอกชื่อวิชุดา และบังเอิญนางเอกเป็นน้องสาวของเพื่อนที่โรงพัก เป็นพี่ชายของนางเอก แต่ติดตรงนางเอกไม่ได้ชอบแถมเกลียดอีกต่างหาก เนื่องจาก พี่ชายพระเอกแกเป็นคนขี้งกและใจแคบไปหน่อย เจ้าตัวพี่ชายพระเอกที่หลงรักนางเอกก็เลยต้องวางแผน หาโจรตัวปลอมมาจับนางเอกไปเข้าป่าเรียกค่าไถ่ ก็ลำบากพระเอก ซึ่งในบทคือผู้กองสยาม ต้องตัวดำ ๆ เซอ ๆ ผมยาว ๆ ต้องมาช่วยเหลือพี่ชายโดยปลอมเป็นโจรตามแผนการ สุดท้ายพระเอกที่ปลอมเป็นโจรจับไปจับมาเลยรักกันซะเอง

เรื่องย่อ ละคร เพลิงพรหม



มาแล้วสำหรับละครจ่อคิวออนแอร์ต่อจากละคร ตำรวจเหล็ก อย่าง เพลิงพรหม ไม่พลิกโผ เหมือนกับนักแสดงที่ถูกสลับตัวกระทันหัน ระหว่าง เชียร์-ฑิฆัมพร มาเป็น เบนซ์-ปุณยาพร งานนี้ทำให้เหล่าบรรดาแฟนคลับของน้องเชียร์ เสียอกเสียใจไปตาม ๆ กันเพราะอดได้ดูนักแสดง ขวัญใจเปลี่ยนคาแรกเตอร์มารับบทร้ายครั้งแรก ทีจะมาเชือดเฉือนบทกับเพื่อนนางเอกประจำช่องอย่าง ขวัญ-อุษามณี ที่ก็มารับบทร้ายครั้งแรก เช่นกัน งานนี้ผู้ที่ได้รับส้มใบใหญ่อย่าง เบนซ์-ปุณยาพร เลยต้องแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ใหญ่เห็นว่า สลับตัวไม่ผิด!

ฟากฝั่งพระเอก และพระรองนั้นยังคงยืนพื้นเป็น เติ้ล-ธนพล ขวัญใจแม่ยกเช่นเดิม ตามมาด้วยพระรองอย่าง เต็งหนึ่ง-กฤษณกันท์ เช่นเดิมจ้า ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่าง ฝ้าย ณิชานันท์, โม อมีนา และ หมอก ทศพร ที่ห่างหายจากวงการไปนานถึง 4 ปี กลับมาร่วมงานด้วยนะ

งานนี้ต้องอย่าพลาดตั้งตารอชมแล้วหละข่าวแว่ว ๆ มาว่ามีคิวออนแอร์วัน ศุกร์ที่ 7 มกราคม 53 ทางช่อง 7 นะจ๊ะ

เรื่องย่อละคร เพลิงพรหม
เมื่อ 25 ปีก่อน อินตรา (เบนซ์-ปุณยาพร) ถูกทอดทิ้งจากมารดาผู้เป็นสาวใช้ในบ้านของ ไกรสร (มนตรี เจนอักษร) นักธุรกิจส่งออกระดับประเทศ ด้วยความสงสารไกรสร จึงรับอุปการะเด็กน้อยเอาไว้ในฐานะลูกสาวอีกคน หลังจากที่เขาเพิ่งจะสูญเสียภรรยาในขณะที่เธอคลอด มนชญา (ขวัญ อุษามณี) ลูกสาวที่เกิดวันเดียวกับ อินตรา

เพื่อหวังให้ อินตรา เป็นเพื่อนเล่นกับลูกสาวของตนไกรสรเลี้ยงดูมนชญา กับ อินตรา อย่างดีเช่นกัน มนชญานั้นเป็นคนดี และมีจิตใจอ่อนโยน แต่ อินตรานั้นกลับมีนิสัยเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง แถมยังคอยสร้างปัญหาให้กับ ไกรสร ต้องอับอายเสียงชื่อเสียงอยู่บ่อย ๆ ทำให้ กัลยาณี (ธนาภรณ์ รัตนเสน) น้องสาวของไกรสร จงเกลียดจงชัง อินตราอย่างเข้าไส้

มนชญา ทำดีกับ อินตรา เสมอด้วยความจริงใจ แต่อินตรากลับคิดว่ามนชญานั้นเสแสร้งเป็นคนดีเพื่อให้ทุกคนรัก ความอิจฉาที่อินตรามีต่อมนชญา ทำให้เธอพยายามจะแย่งชิงเอา ภูมินทร์ (เติ้ล ธนพล) คู่รักของมนชญา มาเป็นของเธอให้ได้ วันหนึ่งเธอจึงตัดสินใจวางแผนเข้าหาภูมินทร์ แต่กลับถูกชายหนุ่มปฏิเสธ ทำให้อินตราเสียหน้ามากที่ยั่วยวนให้ภูมินทร์ไม่สำเร็จ หนำซ้ำไกรสรยังยกตำแหน่งผู้บริหารให้มนชญา ทำให้อินตราเข้าใจผิดคิดว่าไกรสรลำเอียง ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง แล้วอินตราก็ผลักไกรสรตกบันได จนกลายเป็นอัมพาตครึ่งตัว กัลยาณี ไล่อินตราออกจากบ้าน โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของมนชญา ยิ่งทำให้อินตราโกรธแค้นใจมนชญามาก

และการหายตัวไปของอินตรา ก็ทำให้ มนชญา เป็นห่วงพี่สาวของเธอมาก แต่ก็ยังได้ นพดล (เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์) เลขาของไกรสรที่แอบหลงรัก อินตราอยู่ มาคอยช่วยสืบหาตัวอินตราให้อีกแรง ภูมินทร์ สงสารมนชญา จึงพาเธอไปทำบุญเพื่อความสบายใจ และที่นั่นก็ทำให้เขาและเธอ ได้พบกับ แม่ชีจัน (ธัญญรัตน์ โลหะนันท์) ที่เดินเข้ามาบอกกับมนชญาอย่างปริศนาว่าเธอกำลังพบกับหายนะบางอย่าง และยังสอนว่า "ความดีและจิตใจที่งดงาม เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยคุ้มครองภัยอันตรายใด ๆ" แต่หญิงสาวไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก เพราะเธอกำลังเป็นทุกข์เรื่องไกรสร และ อินตรา อยู่ ด้าน อินตรา ก็กำลังคิดทำลายมนชญา เพื่อแก้แค้น เธอจึงวานแผนด้วยการโทรบอกให้หลงเชื่อ จึงรีบออกไปหาอินตราทันที ซึ่งระหว่างนั้น นพดล ติดประชุมด่วน เขาจึงโทรบอกให้ภูมินทร์ตาม มนชญา ไป

มนชญา มาถึงที่นัดหมายที่บริเวณสะพานแห่งหนึ่ง แล้วทันใดนั้นรถของอินตราก็ขับมาด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าชนร่างของมนชญาอย่างจัง จนร่างของเธอกระเด็นตกน้ำไป ส่วนรถของอินตรานั้นเกิดเบรคแตกขึ้นมากะทันหัน ทำให้รถของเธอพุ่งลงน้ำจมหายไปเหมือนกัน ภูมินทร์ ตามมาเห็นเหตุการณ์ที่อินตราขับรถชน มนชญา พอดี เขารีบกระโดดลงน้ำไปช่วยพาร่างที่หายใจรวยรินของ มนชญา ไปส่งโรงพยาบาลทันที

เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น วิญญาณของ มนชญา ก็ไปปรากฎขึ้นต่อหน้า แม่ชีจัน มนชญา ร้องไห้เสียใจที่ตัวเองตายแล้ว แต่ แม่ชีจัน บอกว่ายังไม่ถึงเวลาตายหากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันเป็นเพียงพรหมลิขิต และโชคชะตาที่ มนชญา กับ อินตรา ต้องเผชิญ ขณะเดียวกันที่อินตรา ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล เธอก็ต้องรู้สึกแปลกใจที่เห็นภูมินทร์เฝ้าข้างเตียงของเธออยู่ไม่ห่าง และ หญิงสาวก็ต้องตกใจที่พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ มนชญา ! อินตรา งง มากว่าเกิดอะไรขึ้น?

แต่เมื่อเธอเห็นท่าทีเป็นห่วงเป็นใยของภูมินทร์ ที่มีให้เธอ และ รู้ว่า อินตรา น่าจะเสียชีวิตแล้ว เพราะร่างของอินตรานั้นจมน้ำหายไป พบเพียงซากรถเท่านั้น อินตราจึงยินดีที่จะอยู่ในร่างของมนชญาต่อไป และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้ว ที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นมนชญา เพื่อที่เธอจะได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของมนชญา ในขณะที่อินตรา ใช้ชีวิตในร่างมนชญา ได้อย่างมีความสุข แล้ววันหนึ่งสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

เมื่อ มนชญา นั้นฟื้นขึ้นมาในโรงพยายาลเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง หลังจากที่ชาวบ้านไปพบร่างของเธอลอยมาติดที่ท่าน้ำ มนชญาตกใจสุดขีด! เมื่อพบว่าเธอกับอินตรานั้นสลับร่างกัน หญิงสาวพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ทุกคนรู้ความจริงว่าเธอนั้นเป็นใคร แต่ไม่มีใครเชื่อ ซ้ำยังไม่ยอมให้เธอกลับไปที่บ้าน เพราะกลัวว่าจะทำร้ายร่างของ มนชญา อีกร่างของ อินตรา จึงต้องระเห็ดออกมาหาบ้านเช่าเล็ก ๆ อยู่ ด้วยการช่วยเหลืออย่างเต็มใจจาก นพดล

ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น จนนพดลเองก็เริ่มสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอินตรา จากที่เคยพูดจาดูถูกถากถางตน ก็กลับมามีท่าทีอ่อนหวาน จริงใจ จนชายหนุ่มเชื่อ และได้รู้ความลับว่า มนชญา อยู่ในร่างของอินตรา แต่ มนชญา ก็ขอร้องให้นพดลเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และขอให้เขาช่วยพา ยุวดี (ฝ้าย ณิชานันท์) น้องสาวของภูมินทร์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ให้มาพบกับเธอ แต่ มนชญา ต้องใช้เวลาอยู่นาน กว่าที่จะทำให้ ยุวดี เชื่อเรื่องเธอสลับร่างกับอินตรา

ด้านอินตรา ที่เสวยสุขอยู่ในร่างของมนชญา ก็เริ่มเผยธาตุแท้แสดงพฤติกรรมไม่ดีออกมา จนทำให้ภูมินทร์ ปวดหัวอยู่บ่อย ๆ จนตอนนี้ชายหนุ่มกลับเริ่มรู้สกึไม่แน่ใจแล้วว่า เขายังรัก มนชญา อยู่หรือไม่! ส่วน ยุวดี กับ นพดล พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ มนชญา กลับคืนร่างเดิมให้ได้ แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนที่จะทำสำเร็จ มนชญา จึงนึกถึงคำพูดที่แม่ชีจันเคยเตือนตนไว้ เธอจึงพายุวดี กับนพดล ไปพบกับแม่ชีจัน เพื่อหาทางแก้ไข แต่แม่ชีจัน บอกว่าไม่มีสิ่งใดแก้ไขได้ ทั้งสองจะยังต้องอยู่ในร่างนี้ตลอดไป จนกว่าาา จะถึงวันที่ มนชญา และ อินตรา อายุครบ 25 ปี

แต่สุดท้ายเรื่องราวปริศนาในการสลับร่างของเธอ ทั้งคู่ จะจบลงอย่างไร? และ ภูมินทร์ จะตามหาหัวใจของหญิงสาวที่เค้ารักเจอเหรือไม่? ตามลุ้นได้ใน "เพลิงพรหม" ละครแนวดราม่าเข้มข้น ที่ไม่ควรพลาด ทางช่อง 7 สี เริ่มตอนแรก ศุกร์ที่ 7 มกราคม 2554 นี้

รายชื่อนักแสดง
เติ้ล ธนพล นิ่มทัยสุข
ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์
เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์
เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์
ฝ้าย ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว
โม อามีนา
หมอก ทศพร รถกิจ

บทประพันธ์โดย : จามรี พรรณชมพู
บทโทรทัศน์โดย :
กำกับการแสดง :
ควบคุมโดย : ค่ายมาสเคอร์ เรด โดย ต้อ มารุต สาโรวาท


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ

เพลิงพรหม ตอนที่ 1



ตอนที่ 1

พุทธศักราช 2301 สมัยกรุงศรีอยุธยา...

ท่านทัดกับบัวกราบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในพระอุโบสถทั้งสองเอาดอกบัววางใส่พานเพื่อถวายพระ ก่อนจะหันมายิ้มสบตาให้กัน ท่านทัดชวนบัวมาทำบุญวันหลังอีก เพื่อจะได้เกิดมาคู่กันทุกชาติ บัวยิ้มเขินอาย ในขณะที่เอี่ยมซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังบัว เม้มปากแน่น แววตามีแต่ความอิจฉาริษยา แกล้งกระแทกถาดที่ใส่ขันเงินลงกับพื้นอย่างแรง จนท่านทัดกับบัวสะดุ้งหันมอง เอี่ยมยิ้มเจื่อนๆแก้ตัวว่าทำหลุดมือ ท่านทัดกับบัวไม่ติดใจพากันเดินออกไป เอี่ยมมองตามด้วยความแค้นใจ หันไปคว้าดอกบัวที่ท่านทัดกับบัววางถวายพระมาหักทิ้งแล้ววางกระแทกใส่พานตามเดิม ก่อนจะตามสองคนออกไป

บัวเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าคุณสุรสีห์ แต่เอี่ยมเป็นเพียงลูกทาสในเรือนเบี้ยที่เจ้าคุณรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม... เอี่ยมมีแต่ความอิจฉาริษยาบัว ประกอบกับได้ยินชาวบ้านนินทาเปรียบเทียบตัวเองกับบัวมาตลอด ยิ่งสร้างความเจ็บแค้นให้เอี่ยม จนวันที่กลับจากวัด ท่านทัดพายเรือพาบัวกับเอี่ยมมาตามแม่น้ำ เกิดพายุฝนเทลงมา เอี่ยมร้องด้วยความหวาดกลัว แต่ท่านทัดกลับห่วงใยแต่บัว

"บัวจับเรือให้มั่นนะ"

"คุณบัวว่ายน้ำแข็งออก ไม่เห็นต้องห่วงเลยเจ้าค่ะ แต่อิฉันต่างหากที่ว่ายน้ำก็ไม่เป็น ถ้าเรือล่มไปมีหวังอิฉันได้ตายเป็นผีเฝ้าคลองเป็นแน่"

"พี่เอี่ยมอย่าพูดเยี่ยงนั้น ถ้าเกิดสิ่งใดขึ้น น้องจักเป็นคนช่วยพี่เอี่ยมเองค่ะ"

ทันใดเกิดฟ้าผ่าเปรี้ยง ลมกระโชกแรง เรือพลิกคว่ำโครม ท่านทัดโผล่จากน้ำขึ้นมาร้องเรียกหาบัว เอี่ยมซึ่งคว้ากอสวะไว้ได้ร้องให้ท่านทัดช่วย ท่านทัดกำลังจะว่ายน้ำเข้าไปหา พอดีเห็นบัวกำลังตะเกียกตะกายเพราะโดนรากต้นไม้พันขาเอาไว้ จึงโผไปหาบัว เป็นจังหวะเดียวกับเอี่ยมหลุดมือจากกอสวะ ตาเหลือกลานด้วยความกลัวเพราะว่ายน้ำไม่เป็น ผลุบๆโผล่ๆสำลักน้ำ เห็นท่านทัดดำลงไปช่วยบัว สร้างความอาฆาตแค้นให้กับเธอ

"เพราะมึงคนเดียวอีบัว มึงเป็นมารชีวิตกู กูขอแช่งมึง ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้กูกับมึงกลับมาเกิดร่วมชาติกันอีก แต่ขอให้มึงฉิบหายแทนกู ขอให้มึงต้องทรมานจนตายอย่างที่กูเป็น"

สุดท้ายท่านทัดก็ช่วยบัวไว้ไม่ได้ บัวสิ้นใจในอ้อมแขน ท่านทัดร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ...

ooooooo

เข้าสู่สมัยกรุงเทพมหานคร...รถหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ของไกรสร ภูมินทร์ หนุ่มหล่อทายาทนักธุรกิจส่งออก ลงจากรถมาเปิดประตูให้มนชญาคู่หมั้นสาวสวย

"ขอบคุณพี่ภูจริงๆเลยค่ะที่อุตส่าห์พามนไปทำบุญมาทั้งวันเลย"

"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พี่ดีใจซะอีกที่ได้ทำบุญร่วมกับมน เพราะเราสองคนจะได้เกิดมาเป็นคู่รักกันอย่างนี้ไปตลอดทุกชาติๆเลยไงจ๊ะ"

"ถ้าวันหนึ่งพี่ภูเบื่อมนขึ้นมาแล้วหนีมนไม่พ้น มนก็ช่วยไม่ได้นะคะ"

"ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้พี่เบื่อมนหรือเปลี่ยนใจไปจากมนได้" ภูมินทร์กุมมือมนชญา มองตาด้วยความรัก

พลัน มะปรางวิ่งหน้าตื่นออกมา "คุณมนขา...คุณมน... คุณผู้ชายค่ะ..."

มนชญาตกใจเป็นห่วงพ่อรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน พอเปิดประตูเข้าในบ้านมืดก็แปลกใจ ทันใด...ไฟสว่างพึ่บขึ้น เห็น ไกรสร ยุวดีเพื่อนสนิทและยังเป็นน้องสาวภูมินทร์ กัลยาณีซึ่งเป็นอา ดุสิตกับวารีพ่อแม่ของภูมินทร์ นพดลหนุ่มกำพร้าที่ไกรสรอุปการะไว้ และกุ๊กไก่หลานสาวของภูมินทร์กับยุวดี ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่กลางห้องรับแขก ทุกคนร้องว่า "เซอร์ไพรส์..."

ภูมินทร์เดินตามเข้ามากล่าว "ขอแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตเกรดเฉลี่ย 3.8 ด้วยนะจ๊ะ"

"โธ่...มนตกใจแทบแย่เลยค่ะ"

"เห็นมั้ยคะว่ายุรู้ใจเพื่อนแค่ไหน ยุบอกแล้วว่าวิธีนี้ต้องได้ผล"

ทุกคนหัวเราะ...วารีเข้ามามอบของขวัญให้มนชญาและแสดงความยินดีที่เรียนจบปริญญาโททั้งที่อายุยังน้อย มนชญาขอบคุณทุกคน แล้วนึกได้ถามหาอินตราพี่สาวบุญธรรม กัลยาณีชักสีหน้าไม่พอใจ

"ทำไมต้องไปถามถึงมันด้วยมน วันนี้เราจัดงานกันเองเฉพาะคนในครอบครัว คนอื่นไม่เกี่ยวซะหน่อย"

"ณี...ทำไมพูดอย่างนั้น อินก็เป็นลูกสาวพี่คนหนึ่งนะ" ไกรสรเอ็ดทันที

"ลูกสงลูกสาวอะไรคะ มันก็เป็นแค่หลานของป้านวลที่พ่อแม่ตาย พี่ไกรถึงเอามาเลี้ยง แล้วมันก็ไม่เคยทำตัวให้ดีสมกับที่พี่ไกรเลี้ยงดูมันมาอย่างดีเลย แล้วณีก็ขอหมายหัวเอาไว้เลยนะคะว่านังอินมันต้องสร้างความเดือดร้อนให้

พี่ไกรไม่มีวันจบสิ้น..." มนชญากับไกรสรมองหน้ากันอย่างเหนื่อยใจ...

ขณะเดียวกัน อินตรากำลังเต้นรำสุดเหวี่ยงอยู่ท่ามกลางนักท่องราตรี ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แล้วเธอได้เห็นวายุแฟนหนุ่มหยอกล้อกับสาวสวยนักเที่ยว ก็โกรธเลือดขึ้นหน้า เข้าไปกระชากสาวคนนั้นมาตบคว่ำ วายุตกใจเข้าไปดึงอินตราออก ทันใดนั้นมีเสียงคนตะโกนขึ้นว่าตำรวจมา วายุปล่อยอินตราแล้ววิ่งหนีหายไปกับผู้คน อินตราโดนตำรวจรวบตัว เธอโวยวายจนถึงโรงพักว่าไม่รู้หรือว่าเธอเป็นลูกใคร ทำให้ตำรวจเอือมระอา

ในขณะที่วารีและกัลยาณีพูดคุยกันเรื่องให้มนชญาตบแต่งกับภูมินทร์เสียที แต่มนชญาขอเวลาให้เธอได้ทำงานช่วยพ่อที่บริษัทสักพักก่อน...มะปรางหน้าตื่นเข้ามารายงานเรื่องอินตรา ไกรสรตกใจจะไปประกันตัวลูก แต่กัลยาณีขอไว้ให้นพดลไปจัดการแทน

อินตราวางท่าใส่ตำรวจเมื่อได้ประกันตัว แต่พอเห็นว่าเป็นนพดลเดินเข้ามาไม่ใช่ไกรสร สีหน้าผิดหวังอย่างแรง โวยวายใส่นพดลทำไมพ่อไม่มา

"คุณท่านไม่ว่างต้องอยู่คอยต้อนรับแขกงานเลี้ยงฉลองของคุณมน"

"อ้อ...ฉันลืมไป ลูกกาฝากอย่างฉันมันจะไปสำคัญเท่ากับลูกที่แท้จริงได้ยังไง"

"เมื่อไหร่จะเลิกคิดอย่างนี้สักที ถึงคุณจะไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของคุณท่าน แต่คุณท่านก็รักคุณไม่น้อยไปกว่าคุณมนหรอก แล้วคุณก็ควรจะทำตัวให้มันดีกว่านี้ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่คุณท่านเลี้ยงคุณมาอย่างดี"

"ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วยล่ะ" อินตราสูดปากที่เจ็บจากการตบตีกัน

นพดลห่วงใยจะพาไปหาหมอ อินตราหัวเราะเยาะ "นี่นายยังไม่เลิกชอบฉันอีกเหรอ..."

นพดลหน้าเจื่อน อินตราพูดอย่างเหยียดหยามว่าอย่ามาหวังสูง เพราะเธอไม่มีวันเอาลูกคนขับรถกระจอกๆมาเป็นแฟน ว่าแล้วก็เดินไปที่รถ นพดลถามว่าจะไปไหน ไกรสรสั่งให้

กลับบ้าน แต่อินตราไม่สนใจ ขึ้นรถขับผ่านนพดลไปหน้าตาเฉย

นพดลกลับมารายงานไกรสรว่าอินตราไม่ยอมกลับบ้าน กัลยาณีแขวะว่าคงกลัวความผิด ไกรสรเป็นห่วงถามไถ่ข้อหาที่โดนจับ นพดลตอบว่า ทะเลาะวิวาทเหมือนเคย แต่ครั้งนี้รุนแรงถึงขั้นจะเอาของมีคมทำร้ายคู่กรณี

"ต๊าย...เลวเหมือนพ่อเหมือนแม่ไม่มีผิด" กัลยาณีร้องแว้ดขึ้น

"ณี...พ่อแม่เขาตายไปแล้ว จะไปโทษเขาทำไม"

กัลยาณีไม่พอใจที่ไกรสรออกรับแทนอินตราเสมอ ทั้งที่อินตราสร้างความเดือดร้อนให้ตลอดเวลา และเชื่อว่ามีเลือดชั่วอยู่เต็มตัว เลี้ยงให้ดีอย่างไรก็ไม่มีวันดีได้ ไกรสรได้แต่ถอนใจ

อินตรามาที่คอนโดฯของวายุ ต่อว่าที่ทิ้งให้เธอถูกจับ คนเดียว วายุอ้างว่า เขารู้ว่าต้องมีคนไปประกันตัวเธอออกมา แล้วโอบกอดเอาใจ อินตรายังติดใจเรื่องผู้หญิงคนนั้น วายุแก้ตัวว่าแค่คุยกันยังไม่มีอะไรเกินเลย เขารักเธอคนเดียว อินตรางอน วายุเข้ามากอดไซ้ซอกคอขอชวนเธอค้างกับเขาคืนนี้ อินตราตอบว่าแน่นอนอยู่แล้วเพราะคืนนี้เธอไม่อยากกลับบ้าน วายุ รู้ว่าอินตราไม่อยากกลับไปเห็นงานเลี้ยงของน้องสาว

อินตรามองตัวเองในกระจกห้องน้ำ แววตาโกรธแค้นคิดถึงอดีตวัยเด็ก ที่กัลยาณีมักจะตอกย้ำว่าตนเป็นกาฝาก อย่ามาทำตัวเทียบเท่ามนชญาหลานเขา ความแค้นฝังใจถึงกับสาบาน

"อย่าให้อีกาฝากตัวนี้มีโอกาสบ้างก็แล้วกัน ฉันจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของของแกมาเป็นของฉันให้หมด รวมทั้งผู้ชายของแกด้วย นังมนชญา..."

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ภูมินทร์รีบออกจากบ้านแต่เช้า เอากุหลาบขาวช่อโตไปให้มนชญาหน้าบ้านก่อนเธอจะไปทำงานวันแรก และอาสาไปส่งที่บริษัท มนชญาขอให้เขาพาไปที่ที่หนึ่งก่อน

หน้าเจดีย์บรรจุกระดูกมัทนา มนชญามาไหว้เพื่อบอกว่าเธอกำลังจะไปช่วยงานพ่อ ขอให้วิญญาณแม่เป็นกำลังใจให้เธอด้วย พอไหว้เสร็จ ภูมินทร์พยุงมนชญาลุกขึ้น พอหันมาพบแม่ชีจันยืนมองด้วยท่าทางสงบ ทั้งสองยกมือไหว้ มนชญาถามว่าแม่ชีเพิ่งมาอยู่หรือ เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แม่ชีจันพยักหน้า

"แม่ชีคะ วันนี้มนเริ่มงานเป็นวันแรก แม่ชีอวยพรเพื่อเป็นสิริมงคลให้มนหน่อยนะคะ"

"คำอวยพรของใครก็ไม่มีค่าเท่ากับการกระทำของตัวเราเองหรอกนะหนู ถ้าเราทำดีเราก็จะได้ดี แม้ว่าต่อไปหนูจะเจอเรื่องร้ายแรงแค่ไหน ก็จงยึดมั่นในการกระทำดีเข้าไว้ เพราะความดีจะเป็นเกราะปกป้องภัยอันตรายให้หนูได้"

มนชญาแปลกใจ รู้สึกเหมือนเป็นคำเตือน...พอเดินมา

ที่รถจึงถามภูมินทร์ว่าเหมือนแม่ชีจะเตือนว่าเธอกำลังจะเจอปัญหาใหญ่ ภูมินทร์ปลอบว่าอย่าคิดมากไปเลย เตรียมใจไปเริ่มงานใหม่จะดีกว่า มนชญาพยักหน้าแต่ในใจยังกังวลในสิ่งที่แม่ชีพูดอยู่...

ตอนกลางวัน อินตรากลับมาบ้าน นิดสาวใช้แจ้นมารายงานกัลยาณี พออินตราเดินเข้ามากัลยาณีก็แขวะทันที "ไง...เมื่อคืนทำผิดจนไม่กล้ามานอนบ้านเลยหรอ ไปนอนค้างกับสามีคนที่เท่าไหร่มาล่ะ"

"คนที่เท่าไหร่อินก็นับไม่ถูกเหมือนกันค่ะ อินไม่ใช่ คุณอานี่คะ ที่ไม่มีผู้ชายคนไหนหลงเข้ามาให้นับสักคน คุณอาถึงต้องนอนแห้งอยู่บนคานอย่างงี้ไงคะ"

"แก...นังอินตรา แกนี่มันทำตัวเลวสมกับเป็นลูกโจรจริงๆ" กัลยาณีโกรธจนตัวสั่น

อินตราเดินยิ้มสะใจมาเจอป้านวลดักรออยู่ ป้านวลตำหนิอินตราที่ก้าวร้าวกับกัลยาณี ถึงอย่างไรก็เป็นผู้มีพระคุณ อินตรายักไหล่ไม่อยากฟัง และย้อนป้านวลว่าอย่ามายุ่งเรื่องของเธอ นิดตามมาได้ยิน เตือนป้านวลว่าอินตราไม่เคยเห็นป้าเป็นป้าเลยสักนิด ยังจะรักอยู่ได้ ป้านวลตอบเศร้าๆว่า เธอมีอินตราเป็นหลานอยู่คนเดียว จะไม่รักได้อย่างไร

ooooooo

นพดลเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยงานบริษัทได้มาก เขาได้รับหน้าที่จากไกรสรเป็นคนสอนงานให้มนชญา นพดลรายงานไกรสรว่า มนชญาหัวดีเรียนรู้งานได้เร็ว ไม่นานคงช่วยผ่อนแรงไกรสรได้มาก

กลางวันวันนั้น ภูมินทร์นัดมนชญามาที่บริษัทของเขา กิ่งกาญจน์ เลขาฯของภูมินทร์ เป็นสาวเปรี้ยวที่หมายมั่นจะจับเจ้านายเพื่อเลื่อนฐานะ จึงไม่ค่อยชอบมนชญาเท่าไหร่ พอเห็นมนชญามาก็ไม่พอใจ แอบบ่น "ผู้หญิงอะไร้จืดชืดน่าเบื่อจะตาย คอยดูเถอะ สักวันฉันจะแย่งคุณภูมาจากหล่อนให้ได้ นังมนชญา"

ระหว่างทานอาหารด้วยกัน ภูมินทร์ชวนมนชญาไปพบเพื่อนของเขาที่เพิ่งมาจากอเมริกา แต่มนชญาไม่อยากไปเพราะเกรงภูมินทร์จะอึดอัด แทนที่จะได้คุยกับเพื่อนอย่างสนุก

"แล้วมนไม่กลัวว่าพี่จะเถลไถลไปกับสาวๆคนอื่นเหรอจ๊ะ" ภูมินทร์ถามเล่นๆ

"ไม่กลัวหรอกค่ะ มนไว้ใจพี่ภู"

"งั้นพี่ก็จะบอกว่า...มนไว้ใจถูกคนแล้วล่ะจ้ะ เพราะสำหรับพี่ ผู้หญิงในโลกนี้ไม่มีใครจะดีเท่ามนของพี่อีกแล้ว" ภูมินทร์กุมมือมนชญาอย่างรักใคร่

มนชญายิ้มปลื้ม...กลับมาบ้าน เจอไกรสรก็เข้ามาอ้อนเหมือนเด็กๆ ไกรสรไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วลงมาทานข้าวด้วยกัน เขามองตามลูกสาวด้วยความรัก...

คืนนั้นอินตรามาเที่ยวผับตามปกติ เห็นวายุกำลังขายยาให้วัยรุ่นก็แซวว่ากิจการดูรุ่งเรือง วายุกลับบอกว่าตอนนี้ตำรวจกำลังกวาดล้าง ทำให้เขาต้องระวังตัวแจ ค้าขายลดน้อยลง จึงขอยืมเงินจากอินตราสองแสน อินตรารับปาก พอดีเหลือบไปเห็นภูมินทร์ออกมาจากผับข้างๆ อินตราดีใจรีบแยกตัวจากวายุ เดินตามภูมินทร์ไป...สบโอกาส อินตราแกล้งเดินชนภูมินทร์ แก้วไวน์ในมือหกราดเสื้อผ้า แล้วบ่นว่าแย่เลย เธอต้องไปงานเลี้ยงต่อ

"งั้นกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อนดีไหม เดี๋ยวผมไปส่ง"

"กว่าจะย้อนไปย้อนมาก็คงไม่ทันหรอกค่ะ ฉันว่าฉันเปิดห้องของโรงแรมนี้ แล้วเอาชุดไปให้โรงแรมซักรีดให้ดีกว่า คุณภูล่ะคะ จะต้องไปไหนต่อหรือเปล่าคะ"

ภูมินทร์ตอบว่าเขากำลังจะกลับบ้าน อินตราทำเป็นขาแพลงเดินไม่ไหว ทำให้ภูมินทร์ต้องประคองขึ้นไปส่ง อินตรา แอบยิ้ม...พอเข้ามาในห้อง อินตรารีบถอดชุดออกเหลือซับในทำท่ายั่วยวน ภูมินทร์ขมวดคิ้ว

"อย่าทำแบบนี้เลยอินตรา มันไม่ได้ผลหรอก" ภูมินทร์ จะเดินออกไป

"ทำไมคะคุณภู ทำไมคุณถึงได้รังเกียจฉันนักหนา ฉันรักคุณนะคะภู" อินตรารั้งแขนไว้

"แต่ผมรักมนชญา และผมก็ไม่มีวันเลิกรักเธอด้วย"

อินตราโผกอดดันภูมินทร์ไปชนผนัง ไม่ยอมให้เขาไป พอเห็นเขานิ่งก็รุกต่อ "อยู่กับฉันต่อเถอะนะคะคุณภู ฉันสัญญาค่ะ ว่าเรื่องระหว่างเรา ฉันจะไม่บอกให้มนรู้เลย"

ภูมินทร์มองอินตรานิ่งๆ แล้วจู่ๆก็อุ้มเธอเดินไปที่เตียง อินตรายิ้มกริ่ม กอดกระชับคอเขา รับรองว่าคืนนี้เธอจะทำให้ เขามีความสุข แต่แล้วภูมินทร์กลับโยนเธอลงบนเตียง อินตราร้องลั่น

"จำเอาไว้นะอินตราว่าผมรักมนชญาและผมจะไม่มีวันหักหลังเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณกำลังจะพยายามทำอะไร ผมขอให้คุณหยุด เพราะผมไม่มีวันรักผู้หญิงอย่างคุณ" พูดจบ ภูมินทร์เดินออกไปทันที ปล่อยให้อินตราร้องกรี๊ดๆดึงทึ้งผ้าห่มบนเตียงอย่างเจ็บใจ

วนาลี ตอนที่ 1



ตอนที่ 1

รอยยิ้มบนใบหน้าแต่ละคนในบ้านวิภาดา เสมือนหนึ่งดอกไม้บานเต็มสวน เจ้าของรอยยิ้มเหล่านั้น ต่างหลั่งไหลมาร่วมงานมงคลสมรสระหว่างวิชาติ กับสอางทิพย์ เสียงพูดคุยหยุดลงทันที เมื่อคุณหญิงสมสวาท ประธานในงานเชื้อเชิญแขกเข้าห้องพิธี

"เดี๋ยวก่อนครับ คุณป้า" วิชาติผู้เป็นหลานค้าน พลางมองซ้ายมองขวา "ยายวิชหายไปไหน"

สิ้นเสียงของวิชาติ สายตาของแต่ละคนเลิ่กลั่ก พลันเสียงบ่นปนติติงก็ดังออกมาจากประดาญาติๆ

ส่วนคนต้นปัญหานั้น กำลังเหวี่ยงถุงผ้าที่ภายในมีพลุเข้ามาในห้อง เธอค่อยๆปีนขึ้นมา ก่อนจะดึงเจ้าเด๋อเด็กน้อยลูกคู่ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

"แค่นี้น่าจะพอนะนายเด๋อ" วิชชุดาถาม

"เหลือเฟือครับคุณวิช...รับรองคืนนี้ต้องสนุกแน่ๆ"

"งานแต่งงานพี่ใหญ่ทั้งที มันก็ต้องมีอะไรให้แปลกใจ กันหน่อย นี่กี่โมงแล้ว"

วิชชุดาหันไปดูนาฬิกาแล้วร้องโวยวายไล่ให้เด๋อไปรับหน้าพี่ใหญ่แทนก่อนเพราะเธอจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เด๋อรีบวิ่งออกไป

วิชาติยืนรอน้องสาวอย่างหงุดหงิดใจ ใกล้ฤกษ์รดน้ำเข้ามาทุกทีแล้ว คุณหญิงสมสวาทจึงสั่งให้เริ่มพิธี แต่วิชาติยืนยันจะรอวิชชุดา พลางสั่งวีรชาติให้ไปตามวิชชุดา ขณะวีรชาติ ขยับ โสรัตน์เพื่อนรักของวิชาติที่แอบหมายปองวิชชุดาอาสาไปตามให้เอง พอดีเด๋อวิ่งเข้ามา วีรชาติรีบถามหาน้องสาว เด๋ออึกอักตอบไม่ถูก

"น้องวิชลงมาแล้วล่ะค่ะ" สดสวยคนรักของวีรชาติร้องบอก

ทุกคนหันไปมองที่บันได เห็นวิชชุดาในชุดไทยสวยรีบร้อนเดินลงมาจากชั้นบน เธอสะดุดขาตัวเองเสียหลักตกจากบันได โสรัตน์รีบถลาเข้าไปพยุง

"ซุ่มซ่ามไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเรายายวิช" คุณหญิงหนักใจ

"วิชไม่เป็นไรค่า ไม่ต้องตกใจ นี่ได้ฤกษ์แล้วไม่ใช่

เหรอคะ แล้วมายืนรออะไรอยู่ ทำไมยังไม่เริ่มพิธีล่ะคะ" วิชชุดาส่งยิ้มกว้าง ทุกคนมองวิชชุดาอย่างระอาแกมเอ็นดู

ooooooo

เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว คุณหญิงสมสวาทก็เริ่มพิธีรดน้ำตามด้วยคำอวยพรยืดยาว เล่นเอาวิชชุดาที่ยืนเป็นเพื่อนเจ้าสาวแอบหาวนอน เด๋อคลานเอายาดมมาส่งให้ลูกพี่ โสรัตน์ลอบมองวิชชุดาอย่างเอ็นดู แต่พอ เธอหันมา เขาก็เขินรีบหลบตา

เสร็จพิธีรดน้ำ วิชชุดาแยกตัวออกมาดูแลของว่างสำหรับรับรองแขก โสรัตน์รวบรวมความกล้าเข้ามาคุยด้วย แต่ดูเหมือนสาวเจ้าจะไม่อยากคุยด้วยนัก โสรัตน์เห็นวิชชุดามีเหงื่อออกก็หยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ พร้อมๆกับเด๋อถือถาดเปล่าวิ่งเข้ามารายงานลูกพี่ว่า ยังขาดผลไม้อีกสองจาน

วิชชุดาหันไปเห็นเด๋อปากเลอะเปรอะไปด้วยครีมจากขนมก็รับผ้าเช็ดหน้าจากโสรัตน์มาเช็ดปากให้เด๋อ

"ไปแอบกินอะไรมาอีกล่ะ นายเด๋อ ขอบคุณค่ะ คุณโสรัตน์ คุณเป็นคนมีน้ำใจจริงๆเลย" วิชชุดาส่งผ้าเช็ดหน้าที่ทั้งสกปรกทั้งเยินคืนให้โสรัตน์ แล้วถือถาดผลไม้เดินออกไปกับเด๋อ

โสรัตน์ยืนอึ้ง วิชาติเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อนยุให้ตามไป แต่โสรัตน์ส่ายหน้าถอดใจ เพราะเทียวไปเทียวมาบ้านวิชาติ เป็นปีแล้ว แต่วิชชุดาไม่เคยมีไมตรีตอบเลย

"สงสัยแกคงต้องไปฝึกวิชาจีบสาวกับนายมืดแล้วล่ะมั้ง รายนั้นไม่ว่าจีบสาวคนไหนเป็นสำเร็จทุกคน ว่าแต่นี่นายมืดไปไหน ทำไมไม่มางานกัน" วิชาติถามหาลูกพี่ลูกน้องของโสรัตน์

"มันกำลังตามจับไอ้ตี๋หน้าหยกอยู่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มันคงจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ได้แน่ๆไม่ต้องห่วง ไม่มีโจรหน้าไหนรอดพ้นสารวัตรศยามคนนี้ได้หรอก" โสรัตน์ตอบอย่างมั่นใจ

ในเวลาเดียวกัน ร้อยตำรวจเอกศยาม หรือนายมืดที่ โสรัตน์กับวิชาติพูดถึงก็กำลังไล่ล่าไอ้ตี๋หน้าหยกอย่างไม่ลดละ สุดท้ายไอ้ตี๋ก็จนมุมอยู่บนดาดฟ้า

"อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นผมจะกระโดดลงไป ผมยอมตาย แต่ไม่ยอมติดคุก" ไอ้ตี๋หันมาขู่

"แกบอกว่าแกยอมตายใช่ไหม ดี งั้นฉันสงเคราะห์ให้"

ศยามก้าวเข้าไปประชิดตัวไอ้ตี๋ แล้วถีบมันหงายหลังตกละลิ่วลงไปจากตึกแล้วชะโงกหน้าไปมองด้านล่าง เห็นไอ้ตี๋นอนหมดสติบนเบาะรองที่ตำรวจ 4-5 นายถือรอรับไว้ ก็ส่งยิ้มพอใจที่งานสำเร็จลุล่วงไปได้

เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ศยามก็กลับบ้าน นมคล้ามเห็นชายหนุ่มเดินหมดแรงเข้ามาในบ้านแล้วล้มตัวนอนแผ่หลาบนโซฟา ก็เข้ามาเรียกให้ขึ้นไปนอนบนห้อง พลางบ่นยืดยาว แต่ศยามไม่รับรู้อะไรเพราะหลับเป็นตาย

ส่วนทางวิชชุดา เธอถูกคุณหญิงสมสวาทเรียกเข้าไปในห้องเพื่อเลือกเครื่องเพชรที่จะใส่ในงานเลี้ยงคืนนี้ แต่วิชชุดาไม่สนใจนักจึงโดนดุ "เราน่ะโตเป็นสาวแล้วนะ ต้องหัดรู้จักแต่งเนื้อแต่งตัว แขนคออย่าให้มันล่อนจ้อนนัก เป็นผู้หญิงอะไรไม่รู้จักรักสวยรักงามเอาเสียเลย เลิกทำอะไรโลดโผนโจนทะยานซักทีซิ เลิกได้แล้วนะที่ตามไปยิงนกตกปลากับเด็กเด๋อน่ะ นี่น่ะ ถ้าตาใหญ่ยอมส่งเราไปอยู่กับป้าตั้งแต่เด็กๆ ก็คงไม่โตมาเป็นทโมนออย่างนี้หรอก"

"สรุปว่าที่ยายวิชแก่นแก้วเป็นม้าดีดกะโหลกอย่างนี้ เป็นความผิดของพี่ใหญ่ใช่ไหมครับคุณป้า" วิชาติเดินเข้ามาพร้อมกับวีรชาติ

"ก็ผิดทั้งสองคนแหละ เลี้ยงน้องยังไงถึงได้ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย ทำอะไรก็ปรู๊ดปร๊าดเร็วเหมือนนกปรอด ไม่เคยอยู่นิ่งได้เกินสิบนาที นี่ถ้าขืนปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้นะ เป็นต้องได้เสียผู้เสียคนแน่" คุณหญิงหนักใจ

วิชาติสบโอกาสเสนอให้คุณหญิงจับวิชชุดาแต่งงานกับโสรัตน์ เพราะเคยทาบทามขอวิชชุดาอยู่หลายครั้ง คุณหญิงเห็นดีด้วย แต่ต่อรองขอให้หมั้นกันสักปีแล้วค่อยแต่ง

วิชชุดามองคุณหญิงสมสวาทกับวิชาติไปมา เพราะทั้งสองตกลงกันเหมือนเธอไม่ได้นั่งอยู่ด้วยจึงยกมือค้าน "แต่วิชยังไม่อยากแต่งงานค่ะ ยิ่งต้องแต่งงานกับตาโสรัตน์ วิชยอมขึ้นคานดีกว่าค่ะคุณป้า"

"ตาย พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่าเนี่ย เราเป็นเด็กไม่มีสิทธิ์อะไรมาคัดค้านผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จัดการให้ก็เพราะความหวังดี อยากเห็นเรามีอนาคตที่ดี ตาใหญ่ ถ้าแกเห็นว่าเพื่อนคนนี้เหมาะสมกับยายวิช ก็จัดการตามที่เห็นชอบได้เลย" คุณหญิงสรุป

วิชชุดาโกรธหน้าคว่ำออกมาปรับทุกข์กับเด๋อ เด๋อแนะนำลูกพี่ว่า ถ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง เพราะไม่เคยเห็นใครบังคับวิชชุดาได้สักที

"นั่นน่ะซินะ ไม่มีใครเคยบังคับฉันได้และจะต้องไม่มีต่อไป ฉันจะต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของฉันเอง ชีวิตของฉัน ฉันจะต้องเลือกเอง ใครก็มากำหนดชีวิตฉันไม่ได้ ขอบใจมากนายเด๋อ" วิชชุดายิ้มได้

ooooooo

ค่ำแล้วศยามยังไม่ตื่น นมคล้ามจึงเข้ามาปลุก และเตือนว่า จะต้องไปรับคุณแหววไปร่วมงานวิวาห์ของวิชาติ ศยามได้ยินชื่อคนรักก็ผวาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพราะนัดเธอไว้หนึ่งทุ่มตรง

สุดถนอมหรือคุณแหววของศยามแต่งตัวสวย นั่งรอคนรักอยู่ในห้องโถง เธอจำต้องเก็บความกระวนกระวายใจไว้ หลวงพิศาลกับคุณนายจินดานั่งรออยู่กับลูกสาวด้วย

คุณนายจินดาอดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นชะเง้อมองแล้วโวยวาย เพราะศยามไม่เคยมารับสุดถนอมตรงเวลาสักครั้ง

"ก็คงจะติดงานตามเคยแหละ...เดี๋ยวก็คงจะมา ถึงคุณจะเดินไปเดินมาซักกี่รอบก็ไม่ทำให้คุณศยามมาเร็วขึ้นหรอก" พิศาลออกรับแทน

จินดาพาลหาเรื่องต่อเพราะรู้มาว่าฐานะทางบ้านศยามไม่ดีนัก แต่ที่มาได้ถึงระดับนี้เพราะได้โสรัตน์ลูกพี่ลูกน้องคอยช่วยเหลือ

"แหววก็ไม่ค่อยทราบเรื่องครอบครัวของคุณศยามหรอกนะคะ" สุดถนอมรีบออกตัว

"ไม่ทราบก็ถามซิจ๊ะ ที่แม่อนุญาตให้ลูกคบหากับคุณศยามได้ ก็เพราะเห็นว่าเป็นพวกสกุลพิพรรธ แต่ถ้ารู้ มาก่อนว่าเป็นพิพรรธปลายแถวล่ะก็ แม่คงจะไม่ให้คบกันหรอก" คุณนายจินดาพูดจบ ศยามในชุดสูทหล่อเท่ก็เดินเข้ามายกมือไหว้คุณหลวงพิศาลกับคุณนายจินดา

จินดาปรับสีหน้ายิ้มต้อนรับศยามแล้วแอบแขวะเรื่องที่เขามาผิดเวลา ศยามขอโทษทุกคน

"ไม่ต้องขอโทษขอโพยหรอกคุณศยาม รีบไปตอนนี้ ก็ยังทัน...งานคงยังไม่เริ่มหรอกน่า" พิศาลตัดบท

"งั้นผมไปนะครับ สวัสดีครับ" ศยามยกมือไหว้ลาคุณหลวงกับคุณนายอีกครั้ง แล้วยกแขนตั้งฉากนิดๆ สุดถนอมแตะแขนศยามเดินออกไป

ศยามมีสุดถนอมเป็นคู่ควงไปงาน โสรัตน์ไม่ยอมน้อยหน้า เขาไปรอรับวิชชุดาที่บ้านหวังควงเธอไปงานด้วย แต่วิชชุดากลับบอกว่า เธอมีเด๋อเป็นคู่ควงแล้ว

"คุณโสรัตน์คงจะต้องหาคู่ควงคนใหม่แล้วล่ะแล้วเจอกันที่งานนะคะ" วิชชุดาเดินควงแขนเด๋อเดินออกไป โสรัตน์ยืนหน้าจ๋อยได้แต่มองตามตาปริบๆ

ooooooo

"นายมืด นึกว่าจะมาไม่ได้แล้ว" วีรชาติร้องทักเมื่อเห็นศยามควงสุดถนอมเข้ามาในงาน

ดอกส้มสีทอง ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

แม้จะผ่านไปอีกหลายวันแต่ก้องเกียรติก็ยังสับสนวุ่นวายใจกับเรื่องเรยา แต่เวลาอยู่ต่อหน้าณฤดี เขาต้องพยายามควบคุมให้ทุกอย่างปกติ และวันนี้

ก็นับว่าโล่งไปนิดที่ณฤดีออกจากบ้านไปแต่เช้า แต่ ไม่รู้ว่าเธอไปไหน จึงถามเอาจากสมปองที่จัดอาหารมาให้

"คุณผู้หญิงออกไปไหนแต่เช้า"

"ไปออกกำลังกายกับคุณเด่นค่ะ แต่สั่งไว้ว่า ถ้าคุณผู้ชายทานอาหารเช้าเสร็จแล้วให้หายาให้ทานด้วย คุณผู้หญิงบอกว่าท่าทางคุณผู้ชายจะไม่สบาย"

"ฉันไม่เป็นอะไรหรอก วันนี้เลิกงานแล้วฉันจะไปบ้านโน้น มีธุระกับอาม้านิดหน่อย สมปองเรียนคุณผู้หญิงด้วยนะ"

"ค่ะ แต่...ทำไมคุณผู้ชายไม่บอกเองล่ะคะ"

ก้องเกียรตินิ่งไปนิด เพราะความรู้สึกผิดทำให้ไม่กล้าคุยกับณฤดีเอง แต่คุมคำตอบให้เป็นปกติ "กลัวลืม"

ขณะนั้นที่ฟิตเนส ณฤดีกับเด่นจันทร์กำลังได้เหงื่อ เล่นไปคุยไปอย่างเพลิดเพลิน พอถึงเวลาพักก็ยังนั่งเม้าท์เรื่องสามี แต่ดูเหมือนจะเป็นเด่นจันทร์มากกว่าที่กล่าวถึงสินธรอย่างชื่นชม จนณฤดีอดแซวไม่ได้ว่า

"พูดถึงเขาไม่ขาดปากแบบนี้ แล้วตอนนี้สถานการณ์ เป็นไงบ้าง"

"หมายถึงหลังจากอีนังคนนั้นพ้นไปแล้วใช่มั้ย"

ณฤดีพยักหน้า เด่นจันทร์จึงพูดต่ออย่างใจเย็น

"สินเขายังเงียบอยู่ ยังไม่ปรากฏว่ามีคนต่อไป"

"ซึ่งคิดว่าเขาต้องมี"

"ชัวร์ คนเจ้าชู้อย่างสิน เห็นผู้หญิงอดไม่ได้หรอก ยิ่งถ้าเจอผู้หญิงที่ไร้ศีลธรรม ชอบเล่นชู้กับผู้ชายที่มีเมียแล้ว เห็นเรื่องนอนกับผู้ชายเป็นเรื่องง่ายๆเหมือนกินข้าวต้มรอบดึก คราวนี้ก็เข้าล็อก สนุกกันลืมตาย ให้เลิกน่ะคงยาก ทำได้ก็แค่คุมอย่าให้ท้องก็แล้วกัน"
"เธอทำยังไงล่ะเด่น"

"ชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังพอจำทน ไม่อยากให้มีเรื่องถึงพ่ออีก แล้วก็ถือซะว่าอดทนเพื่อน้องดาว ถ้ามัวแต่ตามจับผิดก็ไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี สินเขาเป็นคนรักสนุก ไม่เคยเลี้ยงดูใครจริงจัง เพิ่งมีนังเรยานี่แหละคนแรก"

"แล้ว...แน่ใจเหรอว่าเขาเลิกกันแน่แล้ว"

"โธ่เอ๊ย...ยายดี๋ สินน่ะเขาหมดกรรมแล้ว นังนั่นมันเจอผู้ชายโชคร้ายคนใหม่ ที่ชื่อคุณใหญ่แล้วไง"

"จริงด้วย"

"อีตาคุณใหญ่นี่จะต้องตกต่ำล่มจมไปตลอดชาติ เรียกว่าซวยหล่นทับเลยล่ะ"

"มีด้วยเหรอซวยหล่นทับ"

"มีสิ ก็ตัวซวยอย่างนังเรยาหล่นทับเต็มๆ ไม่รู้ว่าตานี่มีเมียหรือยัง ถ้ามีก็ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยทั้งผัวทั้งเมียเลยล่ะ"

ณฤดีไม่แสดงความคิดเห็น ได้แต่ยิ้มรับแหยๆ แต่ ในใจก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นอันเผ็ดร้อนของเด่นจันทร์

"เฮ้อ ไม่รู้ว่าอีตาคุณใหญ่นี่เมื่อไหร่จะรู้ตัว แต่ที่รู้แน่ๆ คือเขาไม่ใช่คุณใหญ่ของเธอ"

เด่นจันทร์มั่นใจมาก แต่หารู้ไม่ว่า ดันจุดไต้ตำตอเข้าแล้วเต็มๆ

ooooooo

เมื่อความทุกข์รุมสุมใจจนกินนอนไม่ได้ เย็นวันนี้ก้องเกียรติพาใบหน้าหมองหม่นมาพบอาม้าที่บ้าน แล้วเลียบเคียงถามท่านว่าตอนอาเตียมีคุณนายที่สอง อาม้าทำยังไง?

เม่งฮวยนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด...ลูกชายนึกว่าไม่ได้ยิน บวกกับความร้อนใจด้วยจึงย้ำอีกทีว่า อาม้าได้ยินที่ผมถามหรือเปล่า

"ได้ยิน...ลื่อถามเสียงดังม้าได้ยิน แต่ลื่อมาถามตอนนี้ อั้วนึกไม่ค่อยออกเลี้ยวว่าอั้วอาละวากอาลายมั่ง"

"อาม้าไม่เสียใจหรือครับ"

"นั่นแหละ...เป็งอย่างเลียวที่นึกออก เพราะเหลียวนี้ก็ยังเสียใจไม่หาย"

"โธ่...อาม้า"

"อาตั่วตี๋...ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่เสียใจที่ผัวมีเมียน้อย... ไม่เหมือนกับผู้ชาย ไม่มีผู้ชายคนไหนเสียใจที่มีเมียน้อย อาตั่วตี๋ อาม้าอยากให้ลื่อเป็งผู้ชายคนแรกที่จะเสียใจถ้ามีเมียน้อย"

ก้องเกียรติหน้านิ่งสงบ ไม่มีพิรุธ แต่สายตาและความรู้สึกภายในใจสุดร้อนรุ่ม

"ลื่อต้องไม่มีนะอาตั่วตี๋ ถ้าลื่อมี ลื่อฆ่าผู้หญิงสองคน ลื่อฆ่าคุงหลีกะฆ่าอาม้า อาม้าน่ะโดนฆ่าสองหนเลยนะอาตั่วตี๋... อาตั่วตี๋ ลื่อได้ยินอาม้ารึป่าว"

"ได้ยินครับ" เขาตอบไม่เต็มเสียง พออาม้าอยากรู้ว่าถามทำไม หรือว่าจะมีเมียน้อย เขารีบปฏิเสธ และว่าแค่อยากรู้เท่านั้น

"เออ แค่อยากรู้...ล่าย แต่อยากเห็น...ไม่ล่าย"

อาฮุ้งที่ยืนฟังเจ้านายอยู่ห่างๆ เห็นสีหน้าดุเข้มของ เม่งฮวยก็หัวเราะออกมา เลยโดนเม่งฮวยหันไปเอ็ดว่าหัวเราะอะไร

"ถ้าอยากเห็นแต่ไม่อยากรู้ล่ะฮะ อาคุณนายใหญ่"

เม่งฮวยฟังแล้วหน้าตึงทันที หาว่าอาฮุ้งเล่นลิ้น อาฮุ้งจะอธิบายแต่เม่งฮวยก็เอาแต่ล้งเล้งเสียงดัง...ก้องเกียรติฉวยโอกาสนี้เดินเลี่ยงออกจากห้องอาม้าด้วยอาการของคนใจลอย เป็นเหตุให้ชนกับซิลเวียที่รีบร้อนวิ่งขึ้นบันไดมา

ต่างคนต่างตกใจ เขารีบขอโทษเธอก่อนแล้วจะผละลงมาชั้นล่าง แต่ซิลเวียขวางไว้ ถามเขาว่าเป็นอะไร หน้าตาดูไม่ดีเลย

"ไม่ได้เป็นอะไร" ตอบแล้วเบี่ยงตัวเดินลงบันไดทันที

ซิลเวียเดินตามเขามาอีก เธอระบายความรู้สึกว่าเหงาและเบื่อหน่าย เจ้าสัวไม่สนใจเธอเลย เธอไม่ได้พูดกับใครมาเป็นเดือนแล้ว

"ขอโทษนะซิลเวีย ผมไม่คิดว่าจะมีหัวข้ออะไรคุยกับคุณ"

ก้องเกียรติตัดบทแล้วเดินตรงออกไปขึ้นรถที่หน้าตึก ซิลเวียฮึดฮัดขัดใจมาก วิ่งซอยเท้าโครมครามขึ้นบันไดไปชั้นสองร้องเรียกเจ้าสัวดังลั่น จนเม่งฮวยที่อยู่อีกห้องตกใจออกมาด่าปาวๆ แต่ซิลเวียหาได้สนใจ ยิ่งแกล้งตะโกนเรียกเจ้าสัวเอ็ดอึงไปหมด

ooooooo

คืนนั้นก้องเกียรติแวะไปงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งแล้วเจอโจกับเต้ที่นี่ด้วย ก้องเกียรติสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโจกับเต้ทราบดีว่าเพื่อนคิดไม่ตกที่เรยาบอกว่าท้อง แต่พวกเขายังสงสัยว่าเรยาท้องจริงหรือเปล่า

ในขณะเดียวกันนั้น เรยาที่อยู่บ้านกับแม่ เธอกำลังปวดท้องร้องครวญครางจะเป็นจะตาย ทั้งปวดทั้งหงุดหงิดที่

ตัวเองมีประจำเดือน นั่นหมายความว่าเมื่อหลายวันก่อนที่โรงพยาบาลเธอโกหกว่าท้องเพื่อต้องการกดดันให้ก้องเกียรติรับผิดชอบ และไม่ทอดทิ้งเธอไป

แต่ตอนนี้ก้องเกียรติเชื่อคำพูดของเธอไปแล้ว ขนาดเต้ทักท้วงว่าควรเอาผลตรวจมายืนยัน เพราะกลัวเพื่อนจะโดนผู้หญิงหลอกจับ เขากลับดุเต้ให้พอที หยุดพูดได้แล้ว...

"เต้...ฉันขอยืนยันว่าเขาไม่ได้จะจับฉัน ถ้าเขาคิดจะจับฉันจริง ทำไมเขาถึงไม่เรียกร้องอะไร ไม่ต้องการให้ฉันรับผิดชอบ เขายังบอกด้วยซ้ำว่ามันเป็นอุบัติเหตุทางกาย"

"อุบัติเหตุทางกาย...คิดได้เนอะ แล้วไอ้ที่เขาขอแกอาทิตย์ละวันล่ะ เขาเรียกว่าอะไร"

"เขาบอกว่าเขารักฉัน"

"โอ๊ย...แล้วแกก็เชื่อ...จะบ้า" เต้เสียงดังจนเพื่อนๆที่เฮฮาอยู่อีกทางตะโกนถามว่าเป็นอะไร เต้รีบบอกเปล่า ไม่มีอะไร... จากนั้นหันกลับมารุกก้องเกียรติอีกว่า "แกเชื่อเขาเหรอ"

"เชื่อ" คำตอบนั้นหนักแน่นจนเต้หน้าตูม ส่วนโจที่นั่งอยู่ด้วยถามขึ้นมาบ้างว่า...แล้วแกรักเขารึเปล่า...ก้องเกียรติไม่ทันจะตอบ เต้ตบไหล่โจอย่างแรง บอกว่าถามได้โดนจริงๆ

"โดนอะไรเหรอ" ก้องเกียรติสงสัย

"โดนใจแกน่ะสิ ใช่มั้ย พอเขาบอกว่ารัก แกก็เคลิ้ม... ไอ้ใหญ่ ทำไมวะ ยายคุณฟ้าของแกนี่ เด็ดมากหรือไง ถึงทำให้แกลืมคุณดี๋ได้"

ก้องเกียรติเลือดขึ้นหน้า ลุกพรวดจ้องเต้นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความโกรธ โจรีบจับแขนก้องเกียรติเพื่อเตือนสติ สักครู่ก้องเกียรติก็ปลดมือโจออกแล้วผลุนผลันจากงานเลี้ยงไปทันที โจไม่สบายใจ ตำหนิเต้ทำไมถึงพูดอย่างนั้น

"แกไม่เคยได้ยินเหรอ อันร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย...ไอ้โจแกเชื่อฉัน ไอ้ใหญ่มันไม่เคย มันกำลังหลง"

"แกก็พูดไปเรื่อย มันจะไม่เคยร้อยรสบุปผาสุมาลัยได้ไง ก็คุณดี๋ไง"

"คุณดี๋น่ะดอกมะลิ หอมจริงแต่ไว้บูชาพระบนหิ้ง ไอ้ใหญ่มันไม่เคยเจอดอกชบาก็หลงเอาไปทัดหู เพราะสีมันฉูดฉาด แต่...ทัดหูอวดคนเล่นได้เฉยๆ แต่ไม่ชื่นใจเพราะมันไม่หอม...ดีที่ยังไม่เหม็นเท่านั้น"

โจถอนใจเฮือก เป็นห่วงก้องเกียรติเหลือเกิน

ooooooo

แม้วันนี้ยังไม่ท้อง แต่วันหน้าก็ไม่แน่...เรยาบอกกับตัวเองอย่างนั้น ครั้นวันรุ่งขึ้นเธอจึงบุกเข้าไปหาก้องเกียรติถึงห้องทำงานที่บริษัท แล้วจู่โจมนัวเนียกอดจูบจนเขาตะลึงตั้งตัวไม่ทัน

กว่าจะดันร่างเธอออกห่างได้ ก้องเกียรติก็ใจหายใจคว่ำ

"ฟ้าครับ...ฟ้าช่วยกลับไปก่อนได้ไหมครับ ผมขอร้อง"

ได้ยินคำพูดนั้น เรยาน้ำตาคลอเสียใจเหมือนสั่งได้

"คุณใหญ่ อย่าถึงกับไล่ฟ้าเลยค่ะ ยังไงฟ้าก็ต้องไปอยู่แล้ว"

"ผมไม่ได้ไล่ ฟ้าอย่าเข้าใจผิด"

"ไม่เป็นไรค่ะ ไล่ก็ได้ ฟ้าขอโทษนะคะ"

เรยาหันหลังกลับเดินไปที่ประตู พลันก้องเกียรติก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขารีบกระซิบบอกเธอว่า

"ผมนัดกับภรรยาว่าจะไปทานกลางวันด้วยกัน"