วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

ในงานประมูลโบราณวัตถุล้ำค่า ผู้หลงใหลลวดลายศิลป์กลิ่นอายอดีต ทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสำคัญยิ่ง นาทีทองของงานมาถึง เมื่อพิธีกรประกาศให้ประมูล "หัวเข็มขัดสมัยราชวงศ์หมิง" สร้างสรรค์จากหยกขาวฉลุลวดลายห่านป่าอย่างวิจิตร

ด้วยคุณลักษณะทางด้านศิลป์และอายุเก่าแก่ ทำให้ราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาท เมื่อบวกแรงอยากได้ของคน ราคาจึงถีบเป็น 100 ล้าน ขึ้นไป 110 ล้าน

จนถึง 120 ล้านบาท นาทีนี้ตาทุกดวงในงานแทบไม่กะพริบ เพราะใจร่วมลุ้นว่าใครจะได้เป็นผู้ครอบครอง หนึ่งในนั้นคือปลายฉัตรนักปัดฝุ่นโบราณวัตถุสาว เคียงคู่มากับลุงฉิ่ง นักเลงพระจอมโว

"120 ล้าน ใครจะสู้" ลุงฉิ่งพึมพำ

เสียงลุงฉิ่งแทบไม่ขาดหาย พิธีกรประกาศว่าคนประมูลหมายเลข 9 ให้มาแล้ว ราคาขึ้นไปที่ 130 ล้านบาท จากนั้นมีคนให้ราคาสูงขึ้นเป็น 140 ล้าน แต่แล้วคนประมูลหมายเลข 9 ก็เพิ่มให้เป็น 150 ล้าน ขณะที่คนทั้งงานตื่นตาระทึกใจ คิดว่าตัวเลขคงจบแค่นั้น แต่คาดผิดถนัด พิธีกรประกาศว่ามีคนสู้ ทำให้ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นไปอีก จนกระทั่งจบการประมูลลง

"170 ล้านบาทโดยผู้ประมูลหมายเลข 9 ครั้งที่ 3"

สิ้นเสียงพิธีกร ปลายฉัตรมองหาผู้ประมูลหมายเลข 9 ด้วยความใคร่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็ยังไม่เห็นหน้า

สิ้นเสียงเคาะปิดประมูล สุภาพบุรุษนายหนึ่งลุกขึ้นยืน ท่วงท่าสง่างามของเขาเตะตา ผิวขาวเด่น ปากแดงระเรื่อ แววตาเย็นชา นิ่งสงบ ร่างกายกำยำสมส่วนซุกซ่อนอยู่ในอาภรณ์ ราคาแพง ทุกสายตาในห้องประมูลมองมาที่เขาเป็นจุดเดียวกัน นักปัดฝุ่นโบราณวัตถุสาวถึงกับชะงักงัน หารู้ไม่ว่าเขาผู้นั้นชื่อไตรภูมิ

"หล่อฉิบหาย...ใครวะ" ลุงฉิ่งอุทาน

ปลายฉัตรตาลอยบอกลุงฉิ่งว่าเบอร์ 9 เธอเห็นไตรภูมิส่งป้ายให้กับอินทร์ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนเดินออกไปจากห้องประมูล โดยมีสายตาของคนในห้องมองตามไป เมื่อถึงหน้าประตู กัณฑ์และกรสองบอดี้การ์ดเดินเข้ามาประกบ พากันก้าวออกไป ปลายฉัตรมองตาม แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะทำอย่างไร

"ลุง...เดี๋ยวฉันมา" กล่าวจบก็วิ่งพรวดออกไป

เธอวิ่งกระหืดกระหอบจากห้องประมูล เห็นไตรภูมิยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์ก็ดีใจ รีบวิ่งเข้าหาแต่ก็ช้าเกินไป เพราะลิฟต์ มาถึงพอดี ไตรภูมิกับสองบอดี้การ์ดเข้าไป ลิฟต์ปิดเสียแล้ว

"เดี๋ยวค่ะ...รอด้วย...คุ...คุณเบอร์เก้า...รอด้วย"

เสียงปลายฉัตรไร้ความหมาย เมื่อพึ่งลิฟต์ไม่ได้ เธอจึงวิ่งลงบันไดหนีไฟ

ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออกที่ชั้นจอดรถ กัณฑ์เดินนำไตรภูมิไปยังรถสปอร์ตคันหรู มีกรเดินระวังหลัง เมื่อกัณฑ์เปิดประตูรถ ชายหนุ่มหันมาสั่งให้กลับไปคุ้มกันของก่อนขึ้นรถ จังหวะนั้นเอง ปลายฉัตรลงมาถึงพอดี เธอเห็นกัณฑ์กับกรเดินกลับเข้าไปในลิฟต์ ไตรภูมิสตาร์ตรถดังกระหึ่ม หลังคารถค่อยๆเปิดออก ปลายฉัตรรีบวิ่งไปหาพลางร้องเรียกให้เขาหยุด แต่ไตรภูมิไม่ได้สนใจ รถค่อยๆเคลื่อนจากไป

"คุณ...คุณเบอร์เก้า...หยุดฟังฉันก่อนค่ะ...คุณเบอร์เก้า..."

ปลายฉัตรวิ่งตามสุดชีวิต แต่รถไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เธออาศัยจังหวะรถเลี้ยวตามลูกศร วิ่งลัดไปแอบรอไว้ เมื่อรถไตรภูมิใกล้เข้ามา ก็พรวดพราดออกไปอย่างกระชั้นชิด ไตรภูมิหน้านิ่ง ตาสาดวาวเล็กน้อยก่อนจะหักรถหลบ แล้วเบรกดังเอี๊ยด

"ขอโทษที่รบกวนนะคะ...ฉันชื่อปลายฉัตร...ฉันรับติดตั้งและดูแลวัตถุโบราณ...ถ้าคุณสนใจ"

"ฉันไม่สนใจ ทั้งชื่อ แล้วก็งานของเธอ..." ไตรภูมิเสียงเข้ม แววตาเย็นชา

"ถ้าวันนี้คุณไม่สนใจไม่เป็นไร ฉันจะให้นามบัตรไว้ เผื่อคราวหน้าถ้าคุณสนใจ ติดต่อฉันได้ตลอดเวลานะคะ" ปลายฉัตรก้มหน้าจะหยิบนามบัตรในกระเป๋า ขณะนั้นไตรภูมิฉวยโอกาสออกรถหนีไป ทำให้สาวเจ้าหน้าเหวอ แม้จะวิ่งตามก็ไม่ทัน

"เฮ้ย...อะไรมันจะหยิ่งกันขนาดนี้วะเนี่ย...เป็นเทพมาจากไหนมิทราบ คิดว่าตัวเองรวยแล้ววิเศษนักหรือไง...ไม่ง้อก็ได้...ฮึ่ยย" ปลายฉัตรตะโกนไล่หลัง พลางยกมือเสยผมด้วยความเหนื่อยและเซ็ง

เมื่อปลายฉัตรกลับมาที่ห้องประมูล ลุงฉิ่งก็รีบพาไปพบชาญผู้จัดการบริษัทประมูล เพราะเขาช่วยหาลูกค้าให้

"วันนี้มีลูกค้าประมูลของไปได้ 3 คน ชิ้นแรกคนที่ประมูลได้เป็นชาวจีน เขาไม่ต้องการคนดูแล อีกคนคือคุณปริญญา เขาเคยเป็นลูกค้าของพ่อปลาย อาก็เลยบอกเขาว่า พ่อปลายเสียไป 2-3 ปีก่อน ตอนนี้ปลายทำงานแทนพ่อ เขาก็โอเค ให้ปลายไปติดตั้งของให้เขา" ชาญอธิบาย

"ขอบคุณมากค่ะอาชาญ ขอบคุณมากเลยนะคะ" ปลายฉัตรยิ้มได้รีบยกมือไหว้ชาญ

"ไม่เป็นไร...พ่อเราก็เคยช่วยอาไว้เยอะ ถ้าไม่ได้พ่อปลาย อาก็คงไม่มีวันนี้ ปลายก็ทำงานให้ดีๆ อย่าทำให้อาเสียชื่อ" ชาญเน้น ปลายฉัตรรีบรับประกันว่าจะไม่ทำให้ชาญ และพ่อต้องเสียชื่อ แล้วเธอก็นึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามชาญ

"เอ่อ...อาคะ...คนสุดท้ายที่ประมูลของไปได้ คนที่ใช้ เบอร์ 9 น่ะค่ะ...เขาเป็นคนของใครเหรอคะ ปลายไม่เคยเห็นหน้าเลย"

"อ๋อ...คุณไตรภูมิ เป็นนักค้าวัตถุโบราณ เดินทางประมูลของไปทั่วโลก เขาจะสนใจสมบัติราชวงศ์หมิงมากเป็นพิเศษ ที่มาวันนี้ก็เพราะหัวเข็มขัดราชวงศ์หมิง อาก็ไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไหร่ เขาเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยยุ่งกับใคร นอกจากคนที่คอยคุ้มกันเขาแล้วก็ไม่มีใครเข้าใกล้ได้สักคน เขาเป็นใคร มาจากไหน จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้..."

ได้รับคำตอบจากชาญ ยิ่งเพิ่มความอยากรู้ให้ปลายฉัตร

ooooooo

ในห้องสะสมวัตถุโบราณของไตรภูมิ อินทร์ ใส่ถุงมือสีขาวสะอาด ค่อยๆหยิบหยกขาวลายห่านป่า ที่ประมูลมาได้นำมาวางไว้บนแท่น ภายในห้องนั้น จัดแสดงข้าวของไว้อย่างหรูหราและเรียบง่าย มีวัตถุโบราณสมัยราชวงศ์หมิงวางไว้มากมาย ทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ บริเวณกลางห้องมีแท่นสำหรับวางของเหลืออยู่อีก 13 ชิ้น อินทร์วางหยกขาวไว้บนแท่นที่บุด้วยผ้ากำมะหยี่ และครอบด้วยกระจกพร้อมกับล็อกไว้กับแท่นอย่างแน่นหนา

ไตรภูมิเดินเข้ามาเงียบกริบ อินทร์พูดขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันไป

"เหลืออีก 13 ชิ้นจะได้ครบ 117 ชิ้นตามที่นายท่านต้องการ"

"จะมีการประมูลครั้งต่อไปเมื่อไหร่" ไตรภูมิเดินมาหยุดข้างๆอินทร์

"เร็วๆนี้...ที่ประเทศไทย จะมีการประมูลอีก 5 ชิ้น"

"ดี...ถ้าได้ของครบเมื่อไหร่...งานของเราจะได้จบสักที" ไตรภูมิพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง หนักแน่น แต่แฝงไว้ด้วยความหวังที่เหนื่อยล้าเต็มทน

ooooooo

ระหว่างรองานประมูลครั้งต่อไป ปลายฉัตรเข้ารับงานมาปัดฝุ่นข้าวของให้ปริญญา งานนี้เธอเรียนรู้มาจากพ่อตั้งแต่ยังเด็ก เธอนำเทวรูปสัมฤทธิ์ที่ปริญญาประมูลได้ออกมาทำความสะอาด แล้วหามุมเหมาะๆ ในห้องเพื่อจัดวาง จากนั้นก็ไปติดต่อร้านไม้สั่งให้ทำแท่นวาง เพียงไม่กี่วันทุกอย่างก็เรียบร้อย

"งานเรียบร้อยดีมาก...ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวคุณเปรม อายุยังน้อยแต่ฝีมือไม่เลว นี่ค่าเหนื่อย...ถ้าลุงมีงานอื่นจะเรียกใช้อีกนะ" ปริญญาส่งซองเงินให้
ปลายฉัตรรับมาพร้อมกล่าวคำขอบคุณ เธอมองดูซองเงินด้วยความดีใจและภูมิใจ แล้วนำเงินมาให้แม่เฉิด ที่ร้านอัดกรอบพระในตลาด เธอเห็นแม่กำลังงกๆเงิ่นๆเก็บกรอบพลาสติกที่ทำหลุดมือ เพราะตามองไม่เห็นก็วิ่งเข้ามาช่วย

"แม่...เดี๋ยวปลายเก็บเอง" ปลายฉัตรกุลีกุจอรีบเข้ามาเก็บของด้วยความเป็นห่วง "ปลายบอกแล้วไงว่า ไม่ต้องมาทำงานให้อยู่บ้าน เดี๋ยวงานพวกนี้ให้ลุงฉิ่งกับปลายทำเอง"

"แค่อัดกรอบพระ แม่ทำมาตั้งแต่ 4 ขวบ แม่ทำได้..."

"แต่ตอน 4 ขวบ ตาแม่ยังไม่บอดนะ" ปลายฉัตรเผลอหลุดปากออกไป แล้วนึกขึ้นได้ "แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ ปลายจะหาเงินมาผ่าตัดให้แม่หายเป็นปกติโดยเร็วที่สุด แล้วคราวนี้ แม่จะทำงานหนักแค่ไหน แม่ก็ทำให้หายอยากไปเลย แต่ตอนนี้ อย่าทำเลยนะจ๊ะ...ปลายไม่มีพ่อแล้ว ปลายก็อยากมีแม่อยู่กับปลายไปนานๆนะ...อ้อ...นี่จ้ะ...เงินก้อนแรกที่ปลายได้จากการทำงานแทนพ่อ แม่เก็บไว้นะ" ปลายฉัตรยัดซองเงินให้เฉิด

เฉิดรับมาด้วยความกังวลนิดๆก่อนถามลูกเรื่องเรียนต่อ

"โอ้ย...ตอนนี้ปลายทำงานได้ โดยไม่ต้องเรียนให้จบ ปลายก็...ไม่อยากเรียนแล้วล่ะจ้ะ เออแม่...แล้วลุงฉิ่งหายไปไหนเนี่ย" ปลายฉัตรรีบเปลี่ยนเรื่อง แต่พอได้ยินแม่บอกว่าลุงฉิ่งออกไปงานประมูลของบริษัทอาชาญก็นึกขึ้นได้ "เออใช่ ปลายลืมไปเลย...แม่ ปลายต้องรีบไปก่อนนะ...ก่อนจะโดนลุงฉิ่งด่า" ปลายฉัตรหันมาเก็บพวกอุปกรณ์อัดกรอบพระใส่ลิ้นชัก แล้วล็อกกุญแจไว้เพื่อความปลอดภัย

"ตอนเย็นเจอกันจ้ะ" ปลายฉัตรหอมแก้มแม่แล้ววิ่งออกไป แม่เฉิดยิ้มออกมาได้ ทั้งที่ใจยังแอบกังวลอยู่

ooooooo

วันที่ไตรภพรอคอยมาถึงแล้ว วันนี้เปิดประมูลของสำคัญถึง 5 ชิ้น ทั้งหมดขุดค้นพบในถ้ำมังกรอมตะ ในสมัยราชวงศ์หมิง ผู้สนใจของเก่าทั้งไทยและต่างชาติมีมากหน้าหลายตาอีกเช่นเคย เสียงวีทีอาร์เรียกความสนใจพวกเขาอย่างท้าทาย

"ในตำนาน กล่าวไว้ว่าที่ถ้ำมังกรอมตะมีวัตถุโบราณล้ำค่าจำนวน 117 ชิ้น หลังจากมีผู้ขุดค้นพบเมื่อ 400 กว่าปีก่อน สมบัติเหล่านั้นถูกขายไปตามที่ต่างๆทั่วโลก และนี่คือ 5 ชิ้นล้ำค่าที่ไม่เคยทำการประมูลที่ใดมาก่อน และการประมูลจะเริ่มต้นภายใน 15 นาที"

สิ้นเสียงวีทีอาร์ ลุงฉิ่งที่กำลังรอปลายฉัตรอยู่ในงาน ก็หยิบขนมปังชิ้นโตยัดเข้าปากเคี้ยว

"นุ่ม...จริงๆ...เล็งไว้ไม่มีผิด"

เสียงโทรศัพท์มือถือลุงฉิ่งดังขึ้น เขากดรับ เมื่อทราบว่าปลายฉัตรโทร.มาก็เอ็ดตะโร กลัวหลานจะมาไม่ทันนาทีทอง ปลายฉัตรยังอยู่บนรถตุ๊กตุ๊ก เธอสั่งให้คนขับซิ่งขึ้นไปวิ่งบนฟุตปาท เพราะรถติดหนัก ทำให้เกือบไปชนกับรถสปอร์ตคันหรูที่พุ่งเข้ามาในซอย

รถตุ๊กตุ๊กหักหลบรถสปอร์ตไปชนถังขยะข้างถนน ขยะกระจายขึ้นมาบนรถตุ๊กตุ๊ก เธอร้องลั่นเมื่อเห็นว่าคนขับรถสปอร์ตคือ "นายเบอร์ 9" ขณะที่ไตรภูมิซ่อนแววตาไว้ในแว่นดำ เขาไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกผิดแม้แต่น้อย ใบหน้านิ่งสงบแฝงไว้ ด้วยความเย่อหยิ่ง ปลายฉัตรปรี๊ดกับขยะที่กระจายกลิ่น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นนายเบอร์ 9 ออกรถไปแล้ว

ไตรภูมิจอดที่หน้าโรงแรม กรมายืนรอรับแล้วเปิดประตูให้ ก้าวย่างของเขามีสาวๆแอบมองอย่างต้องตาตรึงใจ

กรรายงานว่าอีกสิบนาทีการประมูลจะเริ่มต้นแล้ว เขาพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าโรงแรมไป โดยไม่เห็นรถตุ๊กตุ๊กของปลายฉัตรตามเข้ามา

เธอรีบควักเงินจ่ายค่ารถ แล้วแถมทิปอีกห้าสิบบาท ก่อนวิ่งหายเข้าไปในโรงแรม ระหว่างทางมีคนเดินสวนมามองตามนิดๆ ด้วยความเหม็นเศษขยะที่ติดตัวมา เธอต้องรีบก้มหน้าด้วยความอาย ในสถานการณ์เลวร้ายนั้น เธอไม่ฝันว่าจะได้พบกับนายเบอร์ 9 ของเธอในลิฟต์

"นี่คุณอีกแล้วเหรอ ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้...นี่...คุณมหาเศรษฐี ช่วยกดลิฟต์ให้หน่อยไม่ได้หรือไงหะ" ปลายฉัตรตวาดใส่ ไตรภูมิเอื้อมมือไปกดลิฟต์เปิดให้ หน้ายังนิ่ง ไม่มีความรู้สึกใดๆ ปลายฉัตรเห็นสีหน้าและแววตาอันแสนเย่อหยิ่งของไตรภูมิแล้วก็ทนไม่ได้ จึงแกล้งสะบัดผมที่มีน้ำจากขยะใส่หน้า ไตรภูมิชะงัก...แต่ก็ยังคงความขรึมไว้ได้ ปลายฉัตรปรายตามองนิดๆ แล้วก็พูดกวนๆว่าไม่ได้ตั้งใจ

"ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจ เพราะเธอไม่พอใจที่ฉันไม่สนใจจ้างงานเธอ และก็ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้" ไตรภูมิหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ด

"อ้อ...รู้ตัวเหมือนกันเหรอว่าตัวเองขับรถสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่ก็ไม่ยอมมาขอโทษสักคำ"

"ฉันไม่จำเป็นต้องขอโทษคนที่ทำผิด"

"ฉันทำผิดอะไร" ปลายฉัตรเชิดหน้าใส่

"ถ้าไม่ฉลาดพอที่จะรู้ด้วยตัวเอง ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะบอกให้รู้" ไตรภูมิส่ายหน้าเอือมๆ

ปลายฉัตรถึงกับสะอึก แต่ไตรภูมิยังนิ่งสงบ เหมือนคนไม่มีอารมณ์ ทำให้ปลายฉัตรยิ่งจี๊ดๆในหัวใจ

"โอเค...ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันผิด ที่ให้พี่ตุ๊กตุ๊กปีนฟุตปาทขึ้นไปแบบนั้น และฉันก็ขอโทษที่ฉันรีบมาก จนทำผิดกฎจราจร แต่คุณ...ก็ผิดที่ขับรถเร็วเกินไป พุ่งพรวดเข้ามาแบบนั้น ถึงฉันไม่ได้ปีนฟุตปาท ฉันก็ตกใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณเอง ก็ผิด ฉันขอโทษในส่วนของฉันไปแล้ว ถ้าคุณฉลาดพอที่จะรู้ ความผิดของตัวเอง ก็ควรที่จะทำแบบเดียวกัน ขอโทษมาซะดีๆ"

ปลายฉัตรยื่นหน้าเข้ามา ไตรภูมิชะงักกึกเมื่อได้เห็นแววตาไม่ยอมคน แฝงไว้ด้วยความซุกซนและความมีชีวิตชีวาของสาวน้อยตรงหน้า

"ว่าไง...หรือว่า...ไม่ฉลาดพอที่จะรู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน" ปลายฉัตรยิ้มกวน

ไตรภูมิเบือนสายตากลับมาที่เดิม...แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ควักเงินห้าพันบาทยัดใส่ลงไปในช่องกระเป๋าสะพายของปลายฉัตร หญิงสาวชะงักนึกไม่ถึงว่าจะมามุกนี้ จังหวะนั้นเองลิฟต์เปิดออก ไตรภูมิได้โอกาสเดินออกไป ปลายฉัตรเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนวิ่งตาม

ooooooo

ไตรภูมิเดินตรงเข้าห้องประมูล โดยมีสาวน้อยเดินตามเข้ามา พลางควักเงินออกจากกระเป๋าสะพาย

"เดี๋ยวหยุดก่อน...นี่คุณ...คุณ"

เมื่อไตรภูมิไม่สนใจ ปลายฉัตรจึงต้องวิ่งเข้าไปขวางหน้า ทำให้ชายหนุ่มชะงักกึก วินาทีที่หน้าเกือบชนกัน ไออุ่นของหญิงสาวแผ่ซ่านมาถึงไตรภูมิ จนชายหนุ่มต้องเบี่ยงตัวหนี สาวเจ้าแม้จะเขินอาย แต่ก็สามารถปั้นหน้าเหวี่ยงได้เหมือนเดิม

"ถ้าคุณพูดคำว่าขอโทษไม่เป็น ฉันก็ไม่อยากฟัง และฉันก็ไม่อยากได้เงินของคุณ เอาคืนไป"

ปลายฉัตรพูดพร้อมกับคว้ามือไตรภูมิมา ตั้งใจจะยัดเงินคืนไป แต่ทันทีที่สัมผัสกับฝ่ามือ ความเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งก็แล่นใส่ จนเธอตกใจต้องปล่อยมือทันที ทำให้เงินหล่นลง

ปลายฉัตรเงยหน้ามองไตรภูมิด้วยความแปลกใจ ไตรภูมิ ยืนนิ่งแววตาเย็นชา วูบนั้นปลายฉัตรรู้สึกหนาววูบขึ้นมาใจสั่นขึ้นมาอย่างประหลาด นาทีนั้นเองกัณฑ์เข้ามาขัดจังหวะ เขามองหญิงสาวอย่างไม่วางใจนัก ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนั้นเช่นนั้น ไตรภูมิจึงตัดบท

"การประมูลจะเริ่มแล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลา"

ไตรภูมิเดินจากไป เมื่อถึงหน้าห้องประมูล กรเดินมาสมทบแล้วเดินนำเข้าไป โดยมีกัณฑ์และกรเดินตามประกบด้านหลัง ทั้งสามเดินสวนกับลุงฉิ่งที่วิ่งออกมารับหลานสาว

"คนอะไรวะ...หล่อฉิบหาย..."

ลุงฉิ่งมองตามไตรภูมิ และเมื่อหันกลับมาก็เจอหลานสาวยืนเหวอๆ เนื้อตัวมอมแมมอยู่ เขาตกใจรีบเข้าไปดู ปลายฉัตรยังสงสัยความเย็นจากมือชายหนุ่ม เธอจึงขอจับมือลุงฉิ่งพิสูจน์ ลุงฉิ่งโวยวายที่หลานสาวจับมือผู้ชาย ปลายฉัตรรีบอธิบาย แต่ ยังพูดไม่ทันจบ ลุงฉิ่งก็ร้องว่าเจอเงินจึงก้มเก็บ

แม้หลานสาวประกาศว่าไม่เอา แต่ลุงไม่ยอมปล่อยโอกาส แล้วยังลากหลานไปล้างเนื้อล้างตัว แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ซื้อใหม่ด้วยเงินของไตรภูมิ ส่วนที่เหลือฉิ่งงุบงิบเก็บไว้เอง

ระหว่างที่ปลายฉัตรอยู่ในห้องน้ำ ไตรภูมิได้ประมูลสินค้าทั้ง 5 ชิ้น ด้วยวงเงินสูงลิบ จนไม่มีใครกล้าสู้ นักข่าวคนหนึ่งเข้ามาถ่ายภาพไตรภูมิ กรและกัณฑ์รีบเดินมาประกบและช่วยกันบังไว้ รูปที่เขาได้จึงเห็นแต่ไตรภูมิบางด้านเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น