วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 10

ตอนที่ 10

ไตรภูมิขับรถเปิดประทุนมาหาปลายฉัตร ระหว่างทางเขาเหลือบมองห่อพระข้างๆ พลางพรายยิ้มอย่างตื่นเต้นที่จะได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ ปลายฉัตรลองชุดอยู่ที่บ้าน เปลี่ยนหลายชุดกว่าจะพอใจ ตามด้วยแต่งหน้าและทำผม

ส่วนอโนกำลังตื่นเต้นไม่แพ้กัน ที่จู่ๆรามโทร.มานัดออกไปดินเนอร์ เมื่อมายารู้ เธอแอบตามรามไป

รถไตรภูมิแล่นเข้ามาจอด จ่าดอนที่ดูต้นทางรีบบอกทุกคน ลุงฉิ่ง สิงห์ และมหากำลังจะพุ่งมาดูเป้าหมาย แต่ปลายฉัตร ร้องห้าม เธออาสาเดินออกไปรับไตรภูมิเอง

ไตรภูมิลงรถมาพร้อมกับกล่องผ้ากำมะหยี่ในมือ เมื่อเห็นปลายฉัตรในชุดสวยกว่าวันธรรมดา ก็อมยิ้มนิดๆ

"พอดีวันนี้เป็นวันเกิดลุงฉิ่ง วันพิเศษ ฉันก็เลยแต่งหน้า แต่งตัว...นิดๆหน่อยๆอ่ะ...แหะๆๆ"

"ฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไรสักหน่อย ตอบซะยาวเลย"

ปลายฉัตรพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ไตรภูมิยิ้ม แล้วก็ถามว่าจะยืนอยู่อีกนานเท่าใด เพราะญาติๆเธอคงอยากรู้ว่าทำอะไรกันอยู่ ปลายฉัตรนึกได้ มองตามไตรภูมิเข้าไปในบ้าน แล้วก็เห็นสิงห์ ลุงฉิ่ง มหา และจ่าดอนคอยชะเง้อชะแง้มองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอส่งยิ้มเก้อ แล้วเชิญชายหนุ่มเข้าบ้าน

ลุงฉิ่งเงยหน้ามองยันต์สารพัดชนิดที่ติดอยู่เหนือประตูบ้าน แล้วบอกกับพรรคพวกอย่างมีความหวัง

"เอาวะ...เดี๋ยวก็รู้ว่ามันเป็นคนหรือเป็นอะไรกันแน่... ถ้าไม่ใช่คน ไอ้หน้าหล่อเข้ามาไม่ได้แน่"

"มาแล้วๆ" จ่าดอนกระซิบ

ลุงฉิ่งรีบละสายตาจากของขลัง หันมามองปลายฉัตรกับไตรภูมิที่กำลังเดินมา ท่าทางปลายฉัตรเงอะๆงะๆเหมือนพาแฟนมาเที่ยวบ้าน เธอแก้เขินด้วยการแนะนำให้ไตรภูมิรู้จักกับทุกคนอีกครั้ง ไตรภูมิก้มหน้านิดๆเป็นการทักทาย

"เราว่าพาเข้าบ้านกันเลยดีกว่า" สิงห์โพล่งออกมา

ปลายฉัตรเดินนำไตรภูมิเข้าไปในบ้าน ไตรภูมิขยับจะเดินตามแต่เห็นสายตาทั้ง 4 คู่จับจ้องมาที่ตนก็รู้สึกแปลกๆแต่พยายามจะไม่สนใจ

พวกลุงฉิ่งจ้องเขม็งลุ้นไตรภูมิที่กำลังก้าวผ่านกรอบประตูที่ติดสารพัดยันต์ แต่ไตรภูมิเดินเข้ามาในบ้านอย่างหน้าตาเฉย ทั้งสี่ยืนอึ้งรีบดึงกันออกไปสุมหัวเพราะด่านแรกพลาดไปแล้ว

แต่ยังมีด่านสองนั่นคือ วงล้อมสายสิญจน์ ทั้งหมดตามไปที่โต๊ะอาหารเพื่อดูท่าทีของไตรภูมิ เมื่อต้องเข้าไปนั่งในวงล้อมสายสิญจน์ที่โยงรอบโต๊ะและแต่ละมุมยังมียันต์ติดไว้อีกด้วย แต่แล้วไตรภูมิก็ก้าวเข้าไปนั่งในวงล้อมสายสิญจน์ และพูดคุยกับเฉิดอย่างสบายๆ

"ไม่มีกรีดร้องสักแอะ ดูท่าทางจะไม่ปวดแสบปวดร้อนสักกะนิด" ดอนเอ่ย

ลุงฉิ่งหันขวับมาทางดอน ดอนรีบหุบปาก สิงห์ลากลุงฉิ่งออกไปที่ห้องครัว มหากับดอนมองหน้ากันแล้วตามไป

"สี่คนนี้เขาเป็นอะไรของเขา ทำตัวแปลกๆ" ปลายฉัตร บ่น แล้วมองไปที่กล่องผ้าในมือไตรภูมิถามว่าอะไร

ไตรภูมิยิ้มๆแต่ไม่ตอบ

ooooooo

คณะพิสูจน์ผีดูดเลือดหลบมาปรึกษากันที่หน้าห้องครัว เพราะทั้งผ้ายันต์ทั้งสายสิญจน์ทำอะไรไตรภูมิไม่ได้

"ข้าว่า...จัดหนักเลยแล้วกัน...นี่...มันต้องเจอ...ชุดคอมโบ้" ลุงฉิ่งล้วงพระเครื่องที่ห้อยอยู่ประมาณยี่สิบองค์ออกมา
ทันใดนั้นเสียงปลายฉัตรก็ดังขึ้น

"ลุงฉิ่ง เลิกจับกลุ่มนินทากันได้แล้ว...คุณไตรภูมิเขามีของขวัญวันเกิดมาให้ลุงน่ะ" ปลายฉัตรเดินเข้ามา

ลุงฉิ่งหันมามองเห็นไตรภูมิเดินตามมาด้วย ในมือถือพระพุทธรูปองค์งาม

"เฮ้ย" ลุงฉิ่งสะดุ้งมองพระพุทธรูปในมือไตรภูมิ แล้วก็ก้มลงมองพระเครื่องที่ห้อยอยู่ ถึงกับหน้าเสีย

"อัญเชิญมาองค์เบ้อเร่อเหิ่มขนาดนี้...ผมว่าของพี่ฉิ่งเก็บไปเลยดีกว่า" ดอนออกความเห็น

ไตรภูมิเดินมาหาลุงฉิ่ง พร้อมกับส่งพระพุทธรูปให้ เป็นของขวัญวันเกิด

"ขอบคุณครับ..."

ลุงฉิ่งยิ้มแห้งๆ รับพระพุทธรูปมา เขาอึ้งเมื่อพิจารณาพระแล้ว เพราะเป็นพระเก่าสมัยสุโขทัยแท้ๆ มหากับดอนอดชื่นชมด้วยไม่ได้ ภาพนั้นขัดตาสิงห์ เขารีบเปลี่ยนเรื่องชวน ทุกคนทานอาหารแล้วเรียกจ่าดอนกับมหาตามไป

ลุงฉิ่งนึกได้หันมาทางไตรภูมิ "ขอบใจนะ...มาซะงามเลย...ขอวางไว้ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวมา" ฉิ่งวางพระพุทธรูปไว้ที่หิ้งข้างๆ แล้วก็เดินตามพรรคพวกเข้าไปในครัว

ปลายฉัตรหันมายิ้มให้ไตรภูมิ เธอดีใจที่ของขวัญของเขาถูกใจลุงฉิ่ง ไตรภูมิยิ้มตอบ แล้วสิงห์ก็โผล่หน้ามาเห็นพอดี เขาถึงกับจ๋อย

ขณะที่สิงห์กำลังจ๋อยอยู่นั้น อโนเดินเริงร่ามาหาสิงห์ที่ห้องทำงาน ตั้งใจจะมาบอกให้ไปรับที่ร้านอาหารหลังจากดินเนอร์กับราม แต่เมื่อไม่พบพี่ชาย อโนก็ยืนเซ็ง แล้วพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกองหนังสือที่มีเรื่องเกี่ยวกับผีดูดเลือดและแวมไพร์วางอยู่บนโต๊ะ อโนหยิบมาดูพลางบ่นพึมพำ

"พี่สิงห์เขากำลังทำคดีอะไรของเขา" แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นภาพที่ติดอยู่บนบอร์ดด้านหน้ามีรูปไตรภูมิแปะอยู่ ตรงกลาง และมีภาพกร กัณฑ์ พาลี คีรี และเหยื่อบางส่วนติดอยู่รอบๆ

"ไตรภูมิ...ผีดูดเลือด...มันเกี่ยวอะไรกัน" อโนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ooooooo

ไตรภูมินั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปลายฉัตรนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เฉิดนั่งหัวโต๊ะ สามคนนั่งเงียบๆยิ้มกันไปมา ไม่รู้จะคุยอะไรกัน ปลายฉัตรชะเง้อๆไปในครัวเพราะยังไม่มีอะไรออกมา เธอเริ่มบ่นแล้วขอตัวเข้าไปดูพวกในครัว ปล่อยให้ไตรภูมินั่งอยู่กับเฉิด ไตรภูมินั่งเงียบไม่รู้จะคุยอะไร เฉิดจึงเป็นฝ่ายชวนคุย

เธอขอบคุณไตรภูมิที่ช่วยรับปลายฉัตรเข้าทำงาน และถามถึงสาเหตุที่เขาสะสมสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะ

ไตรภูมินิ่งคิดแล้วตอบว่า "ผมทำตามคำสั่งของคุณพ่อ... ก่อนเสียชีวิต ท่านสั่งให้ผมรวบรวมสมบัติทั้ง 117 ชิ้นที่หายไปจากถ้ำมังกรอมตะ ผมแค่ทำตามคำสั่งของท่าน...ก็เท่านั้นเอง" ไตรภูมิพูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่มีนัยแฝงเร้น เฉิดรับฟังและเชื่อตามนั้น

พวกสิงห์ ฉิ่ง ดอน และมหาที่สุมหัวกันอยู่ในครัว เมื่อเห็นว่าวิธีแบบไทยของลุงฉิ่งไม่ได้ผลก็ตกลงใช้วิธีแบบอินเตอร์ ของมหากับสิงห์แทน

"ไม้กางเขนปราบผีฝรั่ง น้ำมนต์จากโบสถ์ ข้าไปขอมาจากบาทหลวง ทำพิธีเรียบร้อย ถ้าโดนตัวรับรองปวดแสบ ปวดร้อน ร้องกรี๊ดๆเหมือนในหนังแน่นอน" มหาหยิบไม้กางเขนกับขวดน้ำมนต์ขึ้นมาโชว์

"ส่วนเรื่องกระเทียม ผมจัดเตรียมไว้เรียบร้อย ชุดใหญ่" สิงห์พูดต่อ

"อะๆ ลองดูกันอีกสักที จะได้หายค้างคาใจ" ลุงฉิ่งสรุป

แล้วปลายฉัตรโผล่หน้าเข้ามาถามว่าทำอะไรกัน คณะพิสูจน์ทราบตกใจไปตามๆกัน

"ไอ้ปลาย วันนี้เป็นอะไร ชอบย่องมาไม่บอกไม่กล่าว" ลุงฉิ่งรีบกลบเกลื่อน

"แล้ววันนี้ลุงเป็นอะไร ว่างเป็นจับกลุ่มเม้าท์ เป็นเจ้าของวันเกิดไม่ใช่เหรอ หายเฉย ปล่อยให้ฉันรับหน้าอยู่กับแม่แค่
สองคน สิงห์ก็เหมือนกัน เป็นคนเอ่ยปากชวนเขามา แล้วทำไมไม่ไปดูแล ถ้าชวนมาทิ้งๆขว้างๆแบบนี้ ทีหลังก็ไม่ต้องชวน แล้วนี่อาหารเรียบร้อยหรือยัง" ปลายฉัตรใส่เป็นชุด

"สะ...เสร็จแล้ว กำลังจะยกไป" สิงห์รีบบอก แล้วไล่ให้ปลายฉัตรออกไปรอข้างนอก

ปลายฉัตรพยักหน้ารับ และเดินกลับออกไป

"ทุกคนพร้อมหรือเปล่า ด่านสุดท้าย...เดี๋ยวก็รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่" สิงห์ให้กำลังใจ

สิงห์ ลุงฉิ่ง มหา และจ่าดอนช่วยกันลำเลียงอาหารเกือบ สิบอย่างมาวางบนโต๊ะ ปลายฉัตรเห็นเข้าก็โวย

"ทำไมมีแต่กระเทียม นี่ก็ไก่ทอดกระเทียม หมูทอดกระเทียม ผัดต้นกระเทียม แล้วนี่ก็กระเทียมดิบเป็นถ้วยเลย กะว่ากินแล้วไม่ต้องคุยกันเลยหรือไง เหม็นปากแย่"

สิงห์อึกๆอักๆอ้างว่าลุงฉิ่งเป็นโรคความดัน หมอเลยสั่งให้กินกระเทียมเยอะๆ ก็เลยจัดให้

ลุงฉิ่งเลิ่กลั่กแล้วก็รับมุก "เอ้อ...ใช่ เพิ่งไปตรวจ อู้ยยย... ความดันสูงมาก สูงปรี๊ดทุบสถิติโลก...หมอเลยให้กินกระเทียมเยอะๆ มาๆกินๆกันดีกว่า กินกระเทียมจะได้สุขภาพดี กินๆ" ลุงฉิ่งเปลี่ยนเรื่องไปอย่างแนบเนียน

ทุกคนเริ่มลงมือกิน สิงห์จับจ้องอยู่ที่ไตรภูมิ ไม่เห็นเขาแตะอะไรก็ถามแบบกวนๆว่าทำไมไม่กิน

ไตรภูมิมองอาหาร แล้วก็มองหน้าสิงห์ แต่ไม่ตอบ ปลายฉัตรพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ

"คุณ...ถ้าไม่อยากกินก็ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ..."

"ไม่ได้ ต้องกิน เราอุตส่าห์ตั้งใจทำ แล้ววันนี้ก็...วันเกิด ลุงฉิ่งด้วย ถ้าไม่กินก็ไม่ให้เกียรติ" สิงห์อ้าง

"เล่นกระหน่ำใส่กระเทียมขนาดนี้ ถ้าไม่กินลุงฉิ่งก็เข้าใจ ดีซะอีกจะได้ไม่มีคนแย่งกินกระเทียม ใช่ไหมลุง" ปลายฉัตรหาพวก

ฉิ่งจำต้องพยักหน้ารับแล้วเข้าแผนใหม่ ด้วยการลุกไปรินน้ำมาให้ไตรภูมิดื่มแทน มหา จ่าดอน และสิงห์มองอย่างลุ้นๆเพราะรู้ว่าเป็นน้ำมนต์ และในจังหวะที่ใกล้ที่สุด ลุงฉิ่งก็แกล้งทำเป็นสะดุดขาตัวเองแล้วเทน้ำมนต์ลงบนตัวของไตรภูมิ ไตรภูมิเบี่ยงหน้านิดๆ พร้อมกับหลับตาด้วยสัญชาตญาณ

วินาทีนั้นเอง...ดอนกับสิงห์ก็หยิบถ้วยกระเทียมขึ้นมาแล้วก็สาดเข้าใส่ไตรภูมิพร้อมกัน ส่วนลุงมหาก็ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับชูไม้กางเขนใส่หน้าไตรภูมิและพูดขึ้นว่า "เจ้าปิศาจร้ายจงปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้"

ไตรภูมิค่อยๆลืมตา มองดูตัวเองที่เปียกปอน แถมยังมีกระเทียมบางส่วนติดอยู่ตามตัว

"คุณไตรภูมิ" ปลายฉัตรตกใจ

สิงห์ จ่าดอน มหา และลุงฉิ่ง ยังค้างอยู่ท่าเดิม เพราะแปลกใจที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไตรภูมิเลย ไตรภูมิสบตากับทั้งสี่คน

"ลุงฉิ่ง สิงห์ ลุงมหา จ่าดอน...ทำอะไรกันหะ" ปลายฉัตรตวาดลั่น

คณะสี่แสบมองหน้ากันจ๋อยๆ เฉิดนั่งหน้าเสีย ถึงแม้ ไม่เห็นแต่พอจะเดาออกว่าน่าจะแย่มาก

ไตรภูมิดูน้ำเปียกเสื้อผ้า กระเทียม และไม้กางเขน...ก็พอจะเข้าใจ แต่ไม่มีอาการตื่นตระหนกใดๆ ผิดกับปลายฉัตรที่มองหน้าสิงห์ ฉิ่ง ดอนและมหาด้วยความโกรธอย่างแรง

ooooooo

ปลายฉัตรออกมาส่งไตรภูมิที่รถ เธอขอโทษชายหนุ่มแทนทุกคน และรับปากว่าจะจัดการทั้งสี่คนให้

"ขอบใจมากที่เดือดร้อนแทนฉัน"

"ก็...คุณทำเพื่อฉันมาตั้งเยอะแล้ว ฉันก็อยากทำอะไรเพื่อคุณบ้าง คอยดูนะ...ฉันจะต้องถามให้รู้เรื่องให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" ปลายฉัตรตาวาว

ไตรภูมิแอบหวั่นเมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเธอ เมื่อไตรภูมิกลับไปแล้ว ปลายฉัตรก็เข้ามาจัดการกับสี่แสบทันที ลุงฉิ่ง มหาและจ่าดอนอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่ปลายฉัตรไม่เชื่อ จ่าดอนจึงโยนมาให้สิงห์เป็นคนอธิบาย

สิงห์อึกๆอักๆแล้วก็โพล่งออกมาว่า ทุกอย่างในวันนี้ พวกเขาตั้งใจ เพราะต้องการพิสูจน์ว่า ไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด แต่ปลายฉัตรไม่เชื่อ

"แต่เรามีอะไรให้ปลายดู ถ้าเห็นแล้ว...ปลายอาจจะเปลี่ยนความคิด" สิงห์สวนกลับ

ปลายฉัตรหันมาทางสิงห์ ถึงแม้จะยังเคืองอยู่แต่ก็อยากรู้ ทั้งสองสบตาแบบวัดใจกัน แล้วสิงห์ก็พาปลายฉัตรมาที่ห้องทำงานของเขาและนำบอร์ดคดีผีดูดเลือดมาให้ดูพร้อมอธิบายเรื่องราว ปลายฉัตรก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี

"เรารู้ว่ามันฟังดูแปลกๆแต่มันจริง" สิงห์ยืนยัน

"แต่คดีมันก็ยังไม่สมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นแค่การสันนิษฐาน แค่เห็นลูกน้องอยู่ในสถานที่ที่เคยมีการฆาตกรรมไม่ได้หมายความว่าเจ้านายจะเป็นฆาตกรสักหน่อย แล้วอีกอย่าง...

มีอะไรยืนยันได้ว่า...ผีดูดเลือดฆ่าผู้หญิงพวกนี้ แล้วมีอะไรยืนยันได้ว่า...คุณไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด" ปลายฉัตรถามกลับ

สิงห์ได้แต่ส่ายหน้า แล้วอ้างถึงคำสาปของถ้ำมังกรอมตะ

"ฉันรู้...แต่มันก็ยังพิสูจน์ไม่ได้อยู่ดี ว่าจะมีถ้ำนี้จริงๆ แล้วไอ้คำสาปที่ทำให้คนเป็นอะ-มะ-ตง...อมตะ มันเหลวไหล มันไม่มีจริง...เป็นตำรวจภาษาอะไร จับคนร้ายไม่ได้ ก็โยนให้เป็นความผิดของผี ไม่เอาแล้ว พอที ทั้งเรื่องผีดูดเลือด ฆาตกรรม แล้วยังจะมาคำสาปอีก... มันอยู่ไกลความจริงเกินไป...ไร้สาระ" ปลายฉัตรระอาใจ

"แต่ปลายก็เคยบอกลุงฉิ่งเองว่าไตรภูมิมีอะไรแปลกๆเหมือนไม่ใช่คน ปลายลืมไปแล้วเหรอ" สิงห์อ้าง

ปลายฉัตรชะงัก หยุดคิด แล้วเหตุการณ์ตอนเจอกับไตรภูมิครั้งแรกๆก็แวบเข้ามา เธอเริ่มมีแววตาหวั่นไหวแต่แล้วก็กำจัดออกไปได้อย่างรวดเร็ว

"ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้จักเขานี่"

"แล้วตอนนี้...รู้จักดีแล้วเหรอ"

"ก็ดีพอจะรู้ว่า...คุณไตรภูมิเป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นผีหรือปิศาจ หรือว่าอมนุษย์อะไรทั้งนั้น" ปลายฉัตรสรุปพลางหันไปหยิบกระเป๋าก้าวพรวดๆออกไป

"ถึงปลายไม่เชื่อเรา แต่เราอยากให้ปลายระวังตัว เราไม่อยากให้ปลายต้องเป็นแบบผู้หญิงพวกนี้" สิงห์ตะโกน

ปลายฉัตรชะงักนิดๆ แววตาเริ่มมีความหวาดหวั่น

ooooooo

อโนออกมาดินเนอร์กับรามตามนัด รามสั่งอาหารราคาแพง แต่ตัวเองกลับนั่งดู อโนถามดักคอเรื่องปลาย-ฉัตร รามหยอดคำหวานทำนองว่า วันนี้เขาไม่อยากรู้จักปลายฉัตร แต่อยากรู้จักอโนมากกว่า

"อยากรู้จักฉันจริงๆเหรอ" อโนยิ้มดีใจ

"ใช่...ผมอยากรู้จักคุณแล้วก็...ครอบครัวของคุณ โดยเฉพาะพี่ชายคุณคนที่เป็นตำรวจ" รามเข้าเรื่อง

อโนหลงกล เล่าเรื่องพี่ชายให้รามฟัง ครั้นรามซักเรื่องคดีที่สิงห์ทำอยู่ เธอก็หลุดปากบอกข้อมูลผีดูดเลือดที่เห็นในห้องทำงานของสิงห์ และภาพไตรภูมิที่อยู่บนบอร์ดออกไป

รามตาวาวแล้วออกตัวว่า "ฮืม เดี๋ยวผมจะไปสืบกับเพื่อนๆที่อยู่แวดวงค้าของเก่าให้ เผื่อจะมีคนรู้ ผมว่าถ้าจะให้ดี คุณน่าจะนัดพี่ชายคุณให้มาเจอกับผม เผื่อผมจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่ไม่ทราบว่าพี่คุณจะสะดวกหรือเปล่า"

"โอ้ย...ไม่ยุ่งเลยค่ะ ถึงยุ่งก็ต้องเคลียร์ ไม่ว่ายังไง ฉันจะต้องพาพี่สิงห์มาเจอกับคุณให้ได้" อโนยิ้มสดใส

รามยิ้มด้วยความพอใจ ห่างออกไป มายาแอบดูทั้งคู่ อยู่ด้วยความริษยา และเธอก็แอบตามอโนไปจนถึงบ้าน อโนกลับมาบอกสิงห์เรื่องจะให้ไปพบราม เธออ้างว่ารามรู้จักไตรภูมิ และอยากจะช่วยสิงห์สืบประวัติไตรภูมิด้วย

สิงห์แปลกใจถามน้องสาวว่า รามรู้เรื่องที่เขากำลังสืบได้ยังไง อโนอึกอักไม่กล้าตอบ

ooooooo

ปลายฉัตรกลับมาถึงบ้านด้วยความสับสน ลุงฉิ่ง มหา และเฉิดเข้ามาตอกย้ำเพื่อให้ปลายฉัตรเชื่อว่า ไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด แต่เธอไม่รับฟัง

"ปลายไม่เชื่อ...หรือปลายไม่กล้าที่จะเชื่อกันแน่ลูก" เฉิดถามแทงใจ

ปลายฉัตรอึ้งคิดถึงเหตุการณ์ตอนไปญี่ปุ่นกับไตรภูมิแล้วตอบแม่

"ปลายไม่เชื่อค่ะ จริงอยู่ที่ตอนแรกเขาอาจจะดูเย็นชา ไม่มีความรู้สึก...แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น เขาเป็นคนอ่อนโยน ถึงแม้จะปากแข็งบ้างในบางครั้ง แคร์คนรอบข้าง ถึงแม้จะไม่ค่อยแสดงออก ที่สำคัญ...เขาเป็น

คนมีชีวิต...มีจิตใจ และมีความรู้สึกเหมือนกับเราทุกคน เขาไม่ได้เป็นผีดิบ หรือผีดูดเลือดอะไรทั้งนั้น ถ้าเขาเป็นจริง เขาคงจะไม่ปล่อยให้ปลายอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น...

ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ปลายก็ไม่เชื่อ"

เฉิดถอนใจเบาๆ รู้สึกได้ถึงความรู้สึกพิเศษบางอย่างของลูกสาวที่มีต่อไตรภูมิ ทำให้เธอหนักใจเพิ่มมากขึ้น

เวลาเดียวกันนั้น ไตรภูมิยืนอยู่กลางห้องเก็บของ เขามองมาที่ชั้นวางที่ยังว่างอยู่ 2 จุด แล้วหันมาถามอินทร์ว่าข้อมูลของสมบัติชิ้นที่เหลือไปถึงไหนแล้ว เพราะครั้งนี้คงจะต้องลงมือประมูลของเอง

อินทร์แปลกใจถามหาปลายฉัตร

"ถ้าเขารู้ความจริงบางอย่าง...เขาอาจจะไม่กลับมา

ที่นี่อีก" ไตรภูมินึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นแล้วรู้สึกเศร้ากับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่

อินทร์มองเจ้านายอย่างเข้าใจ

ooooooo

เช้าวันใหม่ ปลายฉัตรเข้าลาเฉิดก่อนออกไปทำงาน เฉิดทำท่าจะซัก แต่ไม่ทันลุงฉิ่ง

"นี่งานอะไรของเอ็งนักหนาเนี่ย ไม่จบไม่สิ้นสักที ไปกันถึงญี่ปุ่น ยังไม่จบอีกเหรอหะ"

"ยังจ้ะ...คือ...มันยังเหลืองานค้างอีกนิดหน่อย งั้นฉันรีบไปก่อนนะ ไม่อยากเข้างานสาย สวัสดีจ้ะ" ปลายฉัตรยกมือไหว้ทุกคนแล้วก็รีบเดินไป

ลุงฉิ่งมองตามด้วยความเป็นห่วงแล้วเปรยขึ้น "ข้าว่า... อารมณ์นี้...ต่อให้พิสูจน์ได้ว่า ไอ้หน้าหล่อมันเป็นมนุษย์ต่างดาว ไอ้ปลายมันก็ไม่สน"

เฉิดฟังแล้วก็ถอนใจเบาๆด้วยความกังวล

ไตรภูมิกำลังดูแลบอนไซอยู่ในสวน ทั้งที่จิตใจไม่ค่อยสงบเพราะคิดถึงปลายฉัตร

"นายท่าน คุณปลายฉัตรมาครับ" อินทร์เข้ามารายงาน

รอยยิ้มปรากฏบนหน้าไตรภูมิโดยอัตโนมัติ เขารีบสั่งอินทร์ให้พาปลายฉัตรเข้ามา

"ฉันคิดว่า...เธอจะไม่มาทำงานต่อซะแล้ว" ไตรภูมิเอ่ย

"ฉันยังทำงานไม่เรียบร้อย ฉันก็ต้องกลับมาทำต่อให้จบ แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะไม่มา"

"เธออาจจะคิดว่าฉันเป็นตัวประหลาด หรือปีศาจอะไรสักอย่าง เหมือนกับคนที่บ้านเธอ"

ปลายฉัตรสะดุดกึก นึกถึงตอนที่สี่แสบทำกับไตรภูมิ แล้วถามเรื่องไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด เจอคำถามตรงๆ ไตรภูมิเผยยิ้มนิดๆก่อนจะถามกลับเรื่องความน่ากลัว และสาวเจ้ากลัวหรือไม่ถ้าเป็นจริงๆ ปลายฉัตรมองหน้าไตรภูมิตอบอย่างมั่นใจ

"ไม่กลัว ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น"

"ดี" ไตรภูมิยิ้มพอใจกับคำตอบ

แต่อินทร์ที่แอบฟังอยู่ หน้าเครียด แววตาปรากฏแววกังวลบางอย่าง ก่อนจะเดินจากไป

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น