วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

สิงห์กลับมารายงานวัลลภเรื่องพบคีรีกับพาลีที่บริษัทประมูล แต่ไม่ยืนยันว่าทั้งสองจะเป็นผู้ต้องสงสัยร้อยเปอร์เซ็นต์ วัลลภมองรูปกร กัณฑ์ พาลีและคีรีที่ปริ๊นต์มาจากกล้องวงจรปิดด้วยสายตาครุ่นคิด

"ขอเช็กเทปจากกล้องวงจรปิดภายในโรงแรม แล้วดูให้ชัดว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า และพวกมันมาทำอะไรติดต่อกับใครบ้าง แล้วก็สืบต่อไปจนถึงตัว บางทีทั้งสี่คนนี้อาจจะรู้จักกันก็ได้"

"ครับ...เดี๋ยวผมจะไปติดต่อกับทางโรงแรมวันพรุ่งนี้" สิงห์รับคำ

วัลลภสั่งให้จ่าดอนไปทำงานแทน แล้วก็ขอตัวเดินออกไป สิงห์ทำความเคารพพลางเหลือบดูนาฬิกาเห็นว่าใกล้เวลานัดกับปลายฉัตร จึงฝากเรื่องเทปกับจ่าดอน ก่อนจากไปอย่างรีบร้อน

"รีบร้อนแบบนี้...สงสัยจะไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา" ดอนพึมพำตามหลัง

ในเวลาเดียวกัน ปลายฉัตรเตรียมจะกลับบ้าน ไตรภูมิเข้ามาถามเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานประมูล เธอเพิ่งฉุกคิดได้ว่าตัวเองมีแต่เสื้อผ้าแบบที่ใส่มาทำงานเท่านั้น

"เดี๋ยวฉันจะให้อินทร์เอาเงินให้เธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่" ไตรภูมิสั่ง

ปลายฉัตรโบกมือปฏิเสธ บอกว่าแค่ไปซื้อตลาดนัดแถวบ้านหรือสะพานพุทธก็ได้

"งานประมูลวันพรุ่งนี้มีความสำคัญมาก ฉันไม่อยากพลาดเพราะเสื้อผ้าที่ดูไม่น่าเชื่อถือของเธอ"

ไตรภูมิเปิดประตูรถ แล้วดันตัวปลายฉัตรเข้าไป จากนั้นก็เดินมานั่งที่ด้านคนขับ ปลายฉัตรสะดุดกึก...รู้สึกถึงความใกล้ชิด เธอเขินเล็กน้อย ไตรภูมิหันมามองปลายฉัตรมองตอบ... ต่างคนต่างมองตากัน และทันใดนั้นไตรภูมิก็พูดขึ้น...

"คาดเข็มขัดด้วย" ปลายฉัตรสะดุ้งรู้สึกตัว รีบรัดเข็มขัด ไตรภูมิแอบอมยิ้มนิดๆแล้วออกรถไป

ในขณะที่ปลายฉัตรออกไปซื้อเสื้อผ้ากับไตรภูมิ สิงห์ก็มารอเธอที่บ้าน เพราะปลายฉัตรนัดให้ไปเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลตอนห้าโมงเย็น เฉิดออกมานั่งคุยกับสิงห์ แต่เมื่อรู้ว่าลูกสาวไปทำงานแล้วล้มหัวฟาดโต๊ะจนเจ้านายให้ไปเช็กสมองก็ตกใจ เพราะปลายฉัตรไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอเลย สิงห์กลัวเฉิดจะกังวลจึงรีบแก้ตัวแทน

"เอ่อ...ปลายเขาคงไม่อยากให้คุณอาเป็นห่วงน่ะครับ"

"งั้นพอหาหมอแล้ว บอกด้วยแล้วกันว่าผลเป็นยังไงบ้าง" เฉิดอดห่วงไม่ได้ สิงห์รับคำแล้วก้มมองนาฬิกาอีกครั้งเพราะได้เวลานัดแล้วแต่ปลายฉัตรยังไม่มา

ooooooo

ไตรภูมิเดินนำปลายฉัตรมาที่ร้านเสื้อผ้าหรู ปลายฉัตรต่อรองว่าซื้อไปคงไม่กล้าใส่เพราะหรูเกินไป แต่เมื่อโดนไตรภูมิยื่นคำขาดด้วยเสียงเข้มๆ เธอก็ต้องยอม

"ใส่ก็ได้แค่นี้ก็ต้องขู่ด้วย"

ปลายฉัตรเดินหน้าง้ำเข้าไปในร้าน ไตรภูมิยิ้มนิดๆด้วยความพอใจ แล้วเดินตามไป หลังให้ปลายฉัตรเลือกเสื้อผ้าอยู่ครู่ ชายหนุ่มเห็นว่าไม่เหมาะสมจึงตัดบท

"พอได้แล้ว ฉันไม่เชื่อรสนิยมเธอแล้ว เดี๋ยวฉันเลือกให้เอง"

ปลายฉัตรหันมามองตัวเองในกระจกด้วยความแปลกใจ

"นี่ยังไม่สวยอีกเหรอเนี่ย เรื่องมากจริงๆ"

ไตรภูมิปราดสายตามอง และเดินเข้าไปหยิบชุดที่คิดว่าเหมาะออกมาส่งให้ปลายฉัตรลอง

"นี่สวยแล้วเหรอเนี่ย" ปลายฉัตรเบ้หน้า แต่ก็ยอมลองสวมดู

ห้องลองชุดค่อยๆเปิดออก ปลายฉัตรเดินออกมาในชุดที่ไตรภูมิเลือก เป็นชุดที่ใส่แล้วดูดี และเข้ากับบุคลิกของเธอ ไตรภูมินั่งมองแล้วอมยิ้มนิดๆด้วยความพอใจ ปลายฉัตรยืนประหม่า พอเห็นรอยยิ้มของไตรภูมิแล้วก็ยิ้มออก

"สวยเนอะ ฉันยังไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะสวยขนาดนี้ ใส่แล้วก็ไม่เขินด้วย ทะมัดทะแมง เดินก็สะดวก คุณนี่รสนิยมดีเหมือนกันนะเนี่ย" ปลายฉัตรหันไปส่องกระจกด้วยความ ชอบใจ

ทันใดนั้นก็มีสร้อยเพชรเส้นหนึ่งพาดลงที่คอ ขณะที่ปลายฉัตรกำลังตกใจอยู่นั้น ไตรภูมิก็ใส่สร้อยให้เสร็จแล้ว

"สร้อยเส้นนี้ฉันให้เธอ ไม่ต้องเอามาคืน" ไตรภูมิพูดจบก็หันหลังเดินออกไป

"คุณ ของจริงหรือเปล่า"

ไตรภูมิชะงักเท้า แล้วขำนิดๆก่อนจะหันมาทำหน้านิ่ง "ตอนเธอเอามันไปขายเดี๋ยวก็รู้เอง ฉันจะไปรอหน้าร้าน เปลี่ยนชุดแล้วรีบตามออกไป" ไตรภูมิหันหลังเดินไปที่เคาน์เตอร์ ปลายฉัตรอึ้งหันมาดูตัวเองที่หน้ากระจก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงไปชั่วขณะ แล้วก็นึกกังวลขึ้นมา

"พรุ่งนี้จะแต่งชุดนี้ออกจากบ้านมาได้ยังไงเนี่ย"

ดูเหมือนว่าไตรภูมิจะเดาใจออก เขาจึงบอกกับปลายฉัตรในระหว่างเดินมาที่รถ

"เธอไม่ต้องห่วง ฉันจองโรงแรมไว้ให้เธอแล้ว นี่เป็นนามบัตร ทางไปโรมแรมและเบอร์ห้อง เธอไปใช้ได้ตั้งแต่เช้า จะมีรถทางโรงแรมคอยรับส่งเธอตลอดการทำงาน" ไตรภูมิส่งนามบัตรให้

ปลายฉัตรตาโตรีบรับนามบัตร เมื่อไตรภูมิถามต่อเรื่องเช็กสมอง เธอเพิ่งนึกได้ว่า นัดกับสิงห์ไว้

"หกโมงครึ่ง ตายแล้ว โดนด่าแน่ๆ ฉันไปก่อนนะคุณ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน ไปล่ะ" ปลายฉัตรวิ่งทะเล่อทะล่าออกไปและเกือบจะล้ม ไตรภูมิมองตามอมยิ้มอย่างมีความสุข เขาเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ค่อยๆงอกงามขึ้นภายในจิตใจ

ooooooo

เวลาทุ่มครึ่งแล้ว สิงห์ยังยืนรอปลายฉัตรอยู่ที่หน้าบ้าน ลุงฉิ่งเดินออกมาจากในครัว พร้อมกับถ้วยแกง แกตะโกนเรียกสิงห์ให้มากินข้าวก่อน

"ตามที่ลุงตรวจดูโหงวเฮ้งบนใบหน้าของเอ็งแล้ว คาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงไอ้ปลายมาถึงแน่" มหาปลอบ

"และถ้ามันยังไม่มาล่ะ" ลุงฉิ่งไม่อยากเชื่อ

"ชั่วโมงต่อไปมันต้องมาแน่ ถ้ามันยังไม่มา ก็เป็นชั่วโมงต่อไป แต่มันต้องมาภายในหนึ่งชั่วโมงแน่นอน" มหายืนยัน ลุงฉิ่งส่ายหน้าระอาในความมั่วของเพื่อนซี้

"ฉันกลับมาแล้วจ้า ฉันกลับมาแล้ว"

สิงห์หันไปดูที่หน้าบ้านเห็นปลายฉัตรยืนหอบ มือกำลังเปิดประตูรั้วอยู่ จึงเดินเข้าไปหา มหาเห็นว่าสิงห์เดินออกไปก็สะกิดลุงฉิ่งให้ตามไปแอบดูด้วยความสาระแน เมื่อประตูรั้วเปิดออก ปลายฉัตรรีบพุ่งเข้ามาจับมือสิงห์

"สิงห์ฉันขอโทษ ฉันลืมนัดแกจริงๆ แล้วฉันก็ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ด้วย เลยไม่ได้ยินขอโทษนะ...แกอย่าโกรธฉันนะ" สิงห์มองมือปลายฉัตรที่จับอยู่ อารมณ์ที่มีทั้งหมดพลันหายวับ แล้วยิ้มออก

"เออ...ไม่โกรธก็ได้...แล้วนี่ไปไหนมา...อย่าบอกนะว่าไปช็อปปิ้ง" สิงห์มองที่ถุงเสื้อผ้า ปลายฉัตรอึกๆอักๆ ยิ้มเจื่อนๆ

ลุงฉิ่งกับมหาที่แอบดูอยู่พยายามเงี่ยหูฟังอยากรู้ว่าสิงห์กับปลายฉัตรคุยอะไรกัน เฉิดร้องเตือน

"แล้วพี่สองคนจะไปยุ่งเรื่องเด็กมันทำไม มากินข้าว"

"มันเป็นเด็กที่ไหน เนี่ยมันหลานฉัน ไม่ยุ่งเรื่องหลานแล้วจะไปยุ่งเรื่องใคร มะ แอบดูมันต่อ" ลุงฉิ่งหันมาตอบแล้วชวนมหาสาระแนต่อ เฉิดได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

"จริงๆ มันก็ไม่ใช่ไปช็อปปิ้งหรอก...คือว่าฉันไปทำงานน่ะ แล้วนี่ก็เป็นชุดที่ฉันต้องใส่ไปทำงาน" ปลายฉัตรตอบ สิงห์แปลกใจจะซักต่อ แต่ปลายฉัตรรีบตัดบท "เออ...เรื่องมันยาว แล้วก็ซับซ้อนน่ะ เอาไว้ฉันเสร็จงานแล้วค่อยเล่าให้แกฟังแล้วกัน แกไม่โกรธก็ดีแล้ว ไปกินข้าวกันดีกว่าไป ฉันหิวแล้ว" ปลายฉัตรยิ้มกลบเกลื่อนแล้วก็เดินเข้าบ้านไป

สิงห์ได้แต่มองตามงงๆ เขามองไปที่ถุงใส่เสื้อผ้า รู้ดีว่าเป็นถุงเสื้อจากร้านราคาแพง ก็คิดหนักและเริ่มระแวง

หลังจากทานอาหารเย็นเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไป เหลือเพียงลุงฉิ่งที่นั่งคุยกับมหาเรื่องดวงของปลายฉัตร เพราะลุงอยากรู้ว่าผู้ชายที่หลานสาวชอบคือใคร

"มันชอบใครข้าไม่รู้เว้ย...แต่ถ้าไอ้คนที่สองที่มาชอบมันเนี่ย ข้ารู้ว่าใคร เห็นกันทุกวันตัวเป็นๆ" มหาที่กำลังส่องพระตอบ ลุงฉิ่งสวนว่าใครไม่รู้ก็โง่แล้ว

"แล้วไอ้คนที่สามเนี่ยที่บอกว่ามันจะมาเร็วๆนี้เนี่ย ตกลงว่ามันมาแบบรักหรือไม่รักวะ" ลุงฉิ่งถาม

"มันไม่ชัดว่ารักหรือไม่รักว่ะ...รู้แต่ว่าดาวอีกดวงมันเคลื่อนเข้ามาอย่างเด่นชัด...รับประกันล้านเปอร์เซ็นต์ว่ามันต้องมาแน่ๆ" มหาฟันธง ลุงฉิ่งฟังแล้วแอบเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก

ooooooo

รามอยู่ในชุดสูทหรู กำลังจะออกไปงานประมูล จิตต์เดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

"แกคิดเหรอว่าสมบัติ 5 ชิ้นสุดท้ายที่เรามีจะล่อไอ้ ไตรภูมิมันออกมาได้"

"ถ้ามันสะสมสมบัติเพื่อถอนคำสาป มันจะต้องมา แต่ ถ้ามันไม่มา เราก็จะได้รู้ว่ามันเลิกล้มความคิดนี้ไปแล้ว"

"แต่ถึงมันไม่คิด เราก็ไม่ควรจะเก็บมันไว้ มันทำให้เรามีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงมาสี่ร้อยกว่าปี มันต้องจบลงได้แล้ว ถ้าพวกมันตาย ความเป็นอมตะที่เรามีจะทำให้เราเหนือกว่าทุกคน"

"ไอ้ไตรภูมิมันโง่ที่ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับเรา"

"มันก็โง่เหมือนพ่อของมัน และฉันจะไม่ยอมให้ความโง่ของมันมาทำลายความเป็นอมตะของฉัน ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้างานนี้ไม่สำเร็จ ฉันจะตามล่ามันเอง" จิตต์กัดฟันกรอด ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีดำ เผยอเขี้ยวขาวมันวับ

เวลาเดียวกันนั้น อินทร์กำลังรินเลือดใส่แก้วเจียระไนหรู แล้วยกมาให้ไตรภูมิพร้อมกับตั้งคำถาม

"นายท่านคิดว่าการประมูลวันนี้จะเป็นกับดักของพวกนั้นหรือเปล่า"

"สมบัติ 5 ชิ้นไม่เคยปรากฏมาก่อน มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มันจะโผล่มาตอนที่พวกนั้นมาถึงประเทศไทย"

"นายท่านคิดว่า...ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเราสะสมสมบัติเพื่อถอนคำสาปทำลายความเป็นอมตะ อะไรจะเกิดขึ้น"

"ถ้าไม่ตายกันไปข้างนึง ก็ต้องตายหมดทุกคน" ไตรภูมิแววตาแข็งกร้าว อินทร์ก้มหน้านิดๆ เตรียมพร้อมยอมรับกับชะตากรรม แล้วก็ฉุกคิด

"แล้วการประมูลครั้งนี้...นายท่านคิดว่าปลายฉัตรจะทำสำเร็จหรือเปล่าครับ" ไตรภูมินิ่งคิดถึงปลายฉัตร

ooooooo

เมื่อวันประมูลมาถึง ไตรภูมิเดินใส่แว่นดำเข้ามาในโรงแรมอย่างเท่ มีสาวๆลอบมองเล็กน้อย กรและกัณฑ์ที่ยืนคุมเชิงอยู่บริเวณนั้นรีบเข้ามารายงานว่าปลายฉัตรมาถึงแล้วและกำลังแต่งตัวอยู่ ไตรภูมิพยักหน้าและเดินไป กรจะเดินตามไปอารักขา ไตรภูมิหันมาสั่ง

"ไม่เป็นไร ฉันไปเอง" กรพยักหน้ารับและหยุดตาม

ไตรภูมิเดินมาหยุดที่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเรียก

สักพักปลายฉัตรก็ออกมาเปิดประตู เขาเห็นปลายฉัตรอยู่ในชุดที่ซื้อมา หัวยังยุ่งเป็นกระเซิง หน้าตาก็ยังไม่ได้แต่ง ปลายฉัตรยิ้มแห้งๆ

"คุณไม่ต้องห่วงนะ อีกแปร๊บบบบ...เดียว ฉันก็แต่งตัว เรียบร้อยแล้ว ทันแน่นอน" ไตรภูมิเดินตามเข้ามาแววตาไม่ค่อยเชื่อคำพูดลูกจ้างเท่าไหร่นัก จึงเอ่ยถาม

"เธอทำผมไม่เป็นใช่ไหม" ปลายฉัตรชะงักกึกก่อนสารภาพ

"ปกติฉันก็แค่มัดเฉยๆ...แต่พอมัดแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่เข้ากับชุด...ก็เลยพยายามจะทำอย่างอื่น แต่มันก็...เป็นอย่างที่เห็น"

ไตรภูมิถอนใจเดินเข้ามาหาปลายฉัตรแล้วช่วยเกล้าผมให้อย่างชำนาญ ปลายฉัตรถึงกับเคลิ้ม...ใจหวิวๆแปลกๆ ไตรภูมิรวบผมปลายฉัตรขึ้นเพื่อม้วนเก็บแล้วใช้ปิ่นปักตรึงผมไว้

"เรียบร้อยแล้ว...ไม่ถึงสองนาที" ไตรภูมิเอ่ย ปลายฉัตรยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกด้วยความแปลกใจและพอใจ

"สวยจังเลย...คุณทำเป็นได้ยังไง"

"ฉันมีเวลาว่างเยอะ ฉันทำเป็นทุกอย่าง...จะให้ฉันแต่งหน้าให้ด้วยไหม" ไตรภูมิอาสา ปลายฉัตรผงะ ไตรภูมิยิ้มกวนๆบอกว่าล้อเล่นแล้วออกคำสั่ง

"เดี๋ยวเธอแต่งหน้าไม่ต้องมาก แต่งแบบธรรมชาติ จะเข้ากับเธอมากกว่า ฉันให้เวลาอีก 5 นาที เรียบร้อยแล้วรีบไปได้ ฉันให้ทางโรงแรมเตรียมรถไว้ให้เธอแล้ว"

"แล้วจะมีใครไปกับฉันบ้างหรือเปล่า"

"ไม่มี เธอต้องไปคนเดียว ประมูลของมาให้ได้ ฉันจะรอฟังข่าวดีอยู่ที่นี่" ไตรภูมิเสียงเข้ม ปลายฉัตรกลืนน้ำลายเอื้อก...แอบเครียด ไตรภูมิดูออกเดินมาหา และจับปลายฉัตรหันหน้าหากระจก...พร้อมกับพูดให้กำลังใจ

"วันนี้เธอไม่ใช่เด็กกะโปโลที่ไปงานประมูลเพื่อหางานทำ แต่เธอคือมหาเศรษฐีที่มีเงินมากกว่าหมื่นล้านสำหรับซื้อทุกอย่าง ฉันรู้ว่าเธอทำได้"

ปลายฉัตรมองตัวเองในกระจกเห็นไตรภูมิยืนอยู่ข้างหลัง เธอรู้สึกเหมือนมีพลังค่อยๆปล่อยผ่านมาทางเธอ...และความมั่นใจก็ค่อยๆเกิดขึ้น

ooooooo

ประตูโรงแรมเปิดออก ปลายฉัตรเดินออกมาด้วยความสวย สง่า และเป็นธรรมชาติ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจ แล้วเดินไปที่รถ พนักงานเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่ง เมื่อประตูปิดลงรถก็ค่อยๆแล่นออกไป โดยมีสายตาของไตรภูมิมองตามไป กรและกัณฑ์เดินมาสมทบ พวกเขาอาสาจะตามปลายฉัตรไป

"ไม่ต้องไป...ถ้ามันเป็นกับดักของพวกนั้นจริงๆ ทั้งปลายฉัตรและพวกเราจะเดือดร้อนกันหมด" ไตรภูมิสั่ง

บริเวณงานประมูลนั้น มายา พาลี และคีรี เดินเข้ามาในบริเวณงาน รัศมีความเย็นยะเยือกแผ่ซ่าน ชาญรีบออกมาต้อนรับบอกว่างานจะเริ่มแล้ว

"รออยู่ด้านนอก ถ้าเจอพวกนั้นเมื่อไหร่รีบรายงานทันที" มายาสั่ง

อโนมาร่วมงานประมูลด้วย เพราะหวังจะได้พบกับไตรภูมิ แต่เพราะไม่ระวังจึงชนเข้ากับรามที่เดินสวนมา จนของในมือหล่นลงพื้น เธอรีบขอโทษชายหนุ่ม

"ไม่ต้องขอโทษครับ...ผมเดินไม่ระวังเองนี่ครับ" รามเก็บของส่งให้ พลางส่งยิ้ม

"ขอบคุณค่ะ" อโนอึ้งๆ มองรามที่เดินจากไป

"ถ้ารู้ว่ามีคนหล่อๆแบบนี้...จะมาประมูลมันทุก

วันเลย" อโนยิ้มร่าเริง และไม่ทันเห็นปลายฉัตรที่สวมวิญญาณคนรวยเดินเข้าไปในงานอย่างมั่นใจ

"สินค้าที่จะทำการประมูลเป็นสมบัติราชวงศ์หมิง ที่มีการขุดค้นพบในถ้ำมังกรอมตะ ถ้ำที่มีตำนานลึกลับเกี่ยวกับคำสาปแห่งความเป็นอมตะการประมูลจะเริ่มต้นภายใน 5 นาที" พิธีกรประกาศ

มายาเดินเข้าไปนั่งอยู่ในกลุ่มของคนประมูลแถวหน้าๆ ส่วนรามเดินเข้ามาพร้อมกับป้ายสำหรับการประมูลเดินมานั่งแถวหลัง มายาปรายตามามอง แล้วอมยิ้มนิดๆ ปลายฉัตรเดินตามเข้ามาถือป้ายหมายเลข 9 อยู่ในมือ เธอมองซ้ายมองขวาหาที่นั่งแถวกลางๆ

"การประมูลจะเริ่มต้น ณ บัดนี้" พิธีกรประกาศ รามมองซ้ายมองขวา แต่ไม่เห็นวี่แววของไตรภูมิ

รูปสมบัติชิ้นที่หนึ่งขึ้นบนหน้าจอเป็นหยกแกะสลักรูปมังกร พิธีกรเริ่มการประมูลในราคา 12 ล้านบาท ปลายฉัตรยกป้ายประมูล มีคนสู้ราคา แต่ปลายฉัตรก็ไม่ถอยเธอยกป้ายสู้ แล้วเธอก็ประมูลได้ในราคา 19 ล้าน และต่อด้วยชิ้นที่สอง สาม สี่ และห้า ในราคาที่แพงขึ้นเรื่อยๆ ปลายฉัตรโล่งใจยิ้มได้ เพราะทำงานสำเร็จ

ส่วนราม มายา พาลีและคีรีนั้นต้องผิดหวังที่ไตรภูมิไม่ปรากฏตัว และพวกเขาก็นึกสงสัยว่าหมายเลข 9 เป็นใคร ทำไมถึงประมูลของได้ทั้งหมด

"ใครวะเบอร์ 9 รวยจริงๆ ประมูลได้ทุกอันเลย" อโนชักสนใจจึงชะเง้อมองแต่ยังไม่เห็นปลายฉัตร เพราะเธอลุกไปคุยกับเจ้าหน้าที่และเซ็นรับสินค้า เป็นจังหวะเดียวกับที่รามหันมาพอดี เขาเห็นรอยยิ้มสดใสของปลายฉัตรก็เผลอยิ้มตามไปด้วย มายาเห็นเข้าก็ไม่พอใจนัก นาทีนั้นปลายฉัตรลุกขึ้นเดินออกไป

อโนกำลังมองซ้ายมองขวา เห็นปลายฉัตรในชุดหรูยืนในงาน ถึงกับอ้าปากหวอ "นี่ นี่มัน พี่ปลาย"

ปลายฉัตรรีบเดินออกไปจากห้องประมูลโดยเร็ว รามรีบลุกเดินตาม มายาเข้าขวางอ้างว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย รามปรายตามามองด้วยความไม่พอใจ มายาแอบหวั่นแต่ก็ไม่ยอมปล่อย ปลายฉัตรเดินออกไปแล้ว อโนรีบวิ่งตามไปพร้อมกับตะโกนเรียก

"พี่ปลาย" รามมองตามเสียงอโน เห็นเธอตามปลายฉัตรไป ก็หันมาสั่งมายา

"สำคัญแค่ไหน...ฉันบอกให้รอก็ต้องรอ" รามพูดจบก็เดินตามปลายฉัตรออกไป ไม่สนใจมายาแม้แต่นิดเดียว มายาได้แต่ยืนกัดฟันกรอดๆด้วยความแค้นใจ ระคนน้อยใจ

ooooooo

ปลายฉัตรเดินตรงไปที่ลิฟต์ ทันใดนั้นเสียงอโนก็ดังขึ้น เธอชะงัก ค่อยๆหันไปตามเสียง เห็นอโนวิ่งหน้าเริ่ดมาถึงกับหน้าเสีย เธอตัดสินใจทำมึนไม่รู้จักอโน แล้วรีบกดเปิดลิฟต์หนีไป

อโนวิ่งมาแต่ไม่ทัน ทำให้อโนเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ แล้วเมื่อหันกลับมาก็เจอเข้ากับรามที่ยืนรออยู่ในระยะประชิด รามโปรยเสน่ห์แอบถามข้อมูลเรื่องหมายเลข 9 จนอโนหลงกล

"อ๋อ...พี่ปลาย! ไม่ใช่เพื่อนฉันหรอกค่ะ แต่เป็นเพื่อนของพี่ชายน่ะค่ะ"

รามพอใจส่งยิ้มเท่ก่อนเอ่ยคำลา"หวังว่า...เราคงจะได้พบกันอีกนะครับ" รามเดินจากไป อโนแอบเคลิ้มกับความหล่อ ด้านหลังของอโนเห็นมายาแอบยืนดูอยู่แววตาดุดันราวกับนางเสือที่กำลังโกรธจัด

แต่ความโกรธของมายานั้น จิตต์แรงร้อนกว่า เขาตวาดลั่นเมื่อรู้ว่ารามกับลูกน้องทำงานพลาด

"นี่เหรอแผนการที่แกมั่นใจ เสียทั้งของ เสียทั้งเวลา ไม่เห็นไอ้ไตรภูมิกับพรรคพวกมันจะโผล่หัวออกมาเลย"

"นายใหญ่คะ...แต่การที่พวกนั้นไม่มา มันก็ทำให้เรารู้ว่า...มันอาจจะไม่สนใจเรื่องถอนคำสาปแล้วก็ได้นะคะ" มายาพยายามช่วยรามแก้ตัว

"หุบปาก โง่แล้วยังอยากจะแก้ตัวอีก พวกมันไม่โผล่มา ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สนใจ คนอย่างไอ้ไตรภูมิมันฉลาดพอที่จะจ้างคนอื่นมาประมูลของแทนมัน" จิตต์ตะคอก

"ถ้ามันฉลาดพอที่จะจ้างคนอื่นมาได้ ผมก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันเป็นใคร" รามเอ่ย จิตต์หันมามองหน้าราม ที่ยิ้มนิดๆอย่างมั่นใจ

"ถ้าแกรู้จริง ก็รีบจัดการมันซะ ทั้งไอ้คนประมูล ไอ้ไตรภูมิ และสมุนของมัน หาตัวให้เจอ และฆ่ามันให้หมด! ก่อนที่มันจะฆ่าเรา" จิตต์สั่งแล้วปรายตามาทางมายา พาลี และคีรี "พวกแกก็เหมือนกัน ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย...ฉันให้ความเป็นอมตะกับพวกแกได้...แต่ฉันก็ทำให้แกตายได้เหมือนกัน" จิตต์บีบลูกกอล์ฟในมือแหลกละเอียดเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายแล้วเดินออกไป คีรี พาลี ก้มหน้าจ๋อยๆ มายามองรามหน้าเจื่อนๆ เอ่ยถามว่า

"นายท่านรู้เหรอคะ...ว่าตัวแทนของไตรภูมิเป็นใคร"

รามยิ้มอย่างมั่นใจ

ooooooo

ปลายฉัตรกลับมารายงานความสำเร็จกับไตรภูมิที่โรงแรม และพูดล้อเล่นกับเขาอย่างเป็นกันเอง ไตรภูมินึกขำท่าทางของหญิงสาวจึงหลุดยิ้มออกมา กรและกัณฑ์แปลกใจกับท่าทีที่ดูสบายๆของไตรภูมิที่ไม่ค่อยคุ้นตา แล้วปลายฉัตรก็นึกขึ้นได้

"อ้อ ฉันเกือบลืมไป...เมื่อเช้าฉันไปเอกซเรย์สมองมาแล้ว หมอบอกว่าปลอดภัยดี ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน และนี่ก็เงินที่เหลือจากการไปหาหมอ...ฉันคืนคุณ" ปลายฉัตรส่งซองฟิล์มเอกซเรย์และซองเงินคืนให้ กรแอบมองซองเงินด้วยความแปลกใจในตัวปลายฉัตร

"แล้วนี่ก็เครื่องเพชรที่ฉันใส่ไปวันนี้...ฉันคืน...ฉันให้โรงรับจำนำเช็กดูแล้ว มันเป็นของจริง และมันก็แพงมาก ฉันรับไว้ไม่ได้" ปลายฉัตรวางกล่องเครื่องเพชรไว้ตรงหน้าไตรภูมิ กัณฑ์แอบมองจากระยะไกล รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

"เธอวัดจากอะไร ถึงคิดว่ามันแพงเกินไป" ไตรภูมิมองหน้าหญิงสาว

"ก็...วัดจากสิ่งที่ฉันให้คุณ...มันน้อยเกินไป ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณให้ฉัน ฉันแค่ไปยกป้าย ไม่กี่นาที มันไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรมาก เอาไว้...ถ้าฉันทำอะไรที่มันมากกว่านี้...ฉันเรียกเงินคุณแพงแน่...ไม่ต้องห่วง" ปลายฉัตรยิ้มเจ้าเล่ห์ไตรภูมิยิ้มชอบใจ กรกับกัณฑ์เริ่มสังเกตเห็นว่าวันนี้เจ้านายจะยิ้มมากผิดปกติ...สองคนแอบมองกัน...แล้วก็รู้ว่าต่างคนต่างสงสัยในเรื่องเดียวกันอยู่

"ฉันนัดบริษัทประมูลเอาของมาส่งที่นี่ตามที่คุณบอก พรุ่งนี้ฉันจะรีบมารอรับของแต่เช้า ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว...ฉันกลับบ้านเลยแล้วกัน" ปลายฉัตรหันไปหยิบกระเป๋า ไตรภูมิพูดสวนขึ้นมาว่าจะไปส่ง ปลายฉัตรแปลกใจ แต่กรและกัณฑ์ แปลกใจกว่า ไตรภูมิรู้ว่าทุกคนแปลกใจ แต่ไม่สนใจ

"ไม่เป็นไรหรอกคุณ...ฉันจะแวะกินข้าวหมูแดงหน้าปากซอยด้วย ฉันกลับเองได้" ปลายฉัตรออกตัว แต่พอเห็นสายตาไตรภูมิที่ยืนยันว่าจะไปส่ง ก็จนใจยอม

"โอเค...ไปส่งก็ได้" ปลายฉัตรยิ้มแห้งๆ ไตรภูมิหยิบซองเงินและกล่องเครื่องเพชรที่วางอยู่ ก่อนจะหันไปสั่งกรและกัณฑ์ที่ยืนเอ๋ออยู่ให้กลับไปได้เลยไม่ต้องรอ สองบอดี้การ์ดรอจนไตรภูมิกับปลายฉัตรเดินลับตาไปแล้วก็หันมาคุยกัน

"กร แกรู้สึกว่า...นายท่านแปลกๆไหม"

"แปลกมาก" กรพยักหน้ารับ

ooooooo

อโนวิ่งกระหืดกระหอบมาเรียกสิงห์ที่เล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อนๆในสนาม สิงห์หันมาด้วยความแปลกใจ ในจังหวะไม่ทันระวัง ลูกบอลจึงอัดเข้าหน้าอย่างแรง สิงห์ล้มลง อโนหน้าจ๋อยเจ็บแทน แล้วเข้าไปลากตัวพี่ชายออกมาฟ้อง

"ฉันเห็นเต็มๆตา...พี่ปลายแต่งชุดไฮโซ เครื่องเพชรบึ้มสวยจนฉันเกือบจำไม่ได้ นี่...ฉันเรียกก็ไม่ยอมหยุด เดินหนีเหมือนไม่อยากเจอฉัน...ฉันว่า...พี่ปลายต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ"

"มั่ว ฉันไม่เชื่อ" สิงห์ส่ายหน้า

"ฉันไม่มั่ว! เอางี้ถ้าพี่ไม่เชื่อฉันไปถามพี่ปลายกัน ว่าเขาไปประมูลของมาร้อยกว่าล้านจริงหรือเปล่า" อโนท้าสิงห์ปฏิเสธ อโนจึงพูดแทงใจว่า บางทีปลายฉัตรอาจจะไปประมูลแทนไตรภูมิก็ได้ เธอแอบไปถามลุงฉิ่งมาจึงได้รู้ว่าปลายฉัตรทำงานให้ไตรภูมิอยู่

"ฉันยืนยันว่าฉันเห็นพี่ปลายในงานประมูลจริงๆนะ ถ้าฉันไม่ได้ตาฝาด และคนที่ฉันเห็นเป็นพี่ปลายจริงๆ พี่ไม่ อยากรู้เหรอว่าเค้าเดินหนีฉันทำไม...แล้วเขาปิดบังอะไรอยู่ ถ้าพี่ไม่ไปถามให้รู้เรื่องวันนี้...วันหน้าพี่อาจจะต้องเสียใจที่ไม่เชื่อฉัน" อโนใส่ไฟ สิงห์ครุ่นคิดสุดท้ายก็ยอมทำตามที่น้องสาวต้องการ

ooooooo

รถของไตรภูมิแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านข้าวหมูแดงหน้าปากซอย ชาวบ้านหันมามองด้วยความสนใจ ปลายฉัตรเห็นสายตาชาวบ้าน ก็หันมาบอกไตรภูมิให้เลื่อนรถออกไปหน่อย เพราะกลัวโดนเข้าใจผิด ไตรภูมิดับเครื่องรถหันมา

"งั้นฉันลงไปด้วย...เขาจะได้รู้ว่าเธอไม่ได้มากับเสี่ย" ไตรภูมิเปิดประตูลงไปเลย ปลายฉัตรเหวอรีบตามลงไปแล้วตรงเข้าในร้านข้าวหมูแดงทันที เพราะอายสายตาของชาวบ้านที่มองมา สาวๆแถวนั้นแอบกรี๊ดไตรภูมิ

"ทุกอย่างพิเศษ เพิ่มไข่หนึ่ง ซุปจัมโบ้ แล้วก็ขนมปังสังขยาชุดใหญ่หนึ่งจ้ะ" ปลายฉัตรสั่งอย่างคล่องแคล่ว แล้วหัน มาถามไตรภูมิว่าจะกินอะไรเดี๋ยวเธอเลี้ยง ไตรภูมิอ้าปากจะบอก ว่าไม่กิน แต่ไม่ทัน

"คนรวยอย่างคุณไม่เคยกินแบบนี้หล่ะสิ...คงสั่งไม่เป็น ฉันสั่งให้เอง เฮีย...ที่สั่งเมื่อกี๊เบิ้ลสอง" ปลายฉัตรสั่ง

"ได้ๆ แฟนเหรอ หล่อซะด้วย" เฮียเจ้าของร้านแซว ปลายฉัตรรีบแก้ตัว

"เปล่าเฮีย! ไม่ใช่ เอ่อ...เจ้านายน่ะไม่ใช่แฟนสักหน่อย" เฮียพยักหน้ารับรู้แล้วไล่ให้ปลายฉัตรไปนั่งรอ ปลายฉัตรหันหลังจะไปหาโต๊ะนั่ง แต่พอหันมาเจอไตรภูมิยืนยิ้มกริ่ม เพราะได้ยินที่เฮียพูด ก็ทำเก๊กหน้านิ่งรีบออกตัว

"ฉันกินร้านนี้มาตั้งแต่เด็กก็เลยสนิทกัน...เฮียเค้าก็พูดแซวไปเรื่อยเปื่อย อย่าไปถือสาเลย"

เมื่อเฮียนำข้าวหมูแดงมาเสิร์ฟ ปลายฉัตรรีบจ้วงด้วยความหิว แต่ไตรภูมิกลับนั่งมองนิ่ง ระหว่างนั้นมีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เดินเข้ามาในร้าน พร้อมกับหมาน้อย เมื่อหมาน้อยเข้าใกล้ไตรภูมิ มันร้องหงิงๆตะกายเหมือนต้องการหนี หญิงสาวรีบปลอบ แต่ มันร้องครางดังขึ้นอีก จนปลายฉัตรต้องหันไปมอง ไตรภูมิเห็น เข้าก็กลัวว่าจะเสียบรรยากาศ จึงปรายตาไปมองหน้าหมาน้อย เพียงแค่ปลายหางตา หมาน้อยร้องครางหนักกว่าเดิม จนหญิงสาวเริ่มรำคาญ สั่งใส่ห่อกลับไปกินที่บ้านแทน แล้วเดินออกไป

"หมาตัวนี้ร้องแปลกๆร้องยังกะเจอผีอย่างนั้นแหละ..." ปลายฉัตรมองตาม ไตรภูมิชะงักนิดๆ ปลายฉัตรหันมามองหน้าไตรภูมิ แล้วก็มองจานข้าวที่ยังอยู่เต็ม

"ทำไมไม่กินหล่ะคุณ...หรือว่า...รังเกียจอาหารข้างถนน"

"เปล่า...แต่ฉัน...ไม่หิว"

"โห...เสียดายอ่ะ...งั้นฉันกินนะ ยอมท้องแตกตายดีกว่าทิ้งข้าวเป็นจานๆ"

ปลายฉัตรส่งยิ้มแล้วยกจานข้าวไตรภูมิมาตรงหน้า ก่อนจะเริ่มต้นกินอย่างเอร็ดอร่อย ไตรภูมิมองแล้วก็ขำๆ ปลายฉัตรเงยหน้ามาเห็นไตรภูมิขำก็เขิน แต่ก็กินต่อ

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น