วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

สิงห์และดอนมายังกองปราบ เพื่อรายงานความคืบหน้าคดีฆาตกรรมสาวผมทอง

"นี่เป็นรูปผู้ต้องสงสัย ที่อาจจะมีส่วนพัวพันกับการฆาตกรรมที่คลับ ผมลองเช็กรูปกับแฟ้มอาชญากรแล้ว ไม่พบประวัติ" สิงห์ยื่นภาพกรกับกัณฑ์ที่ปรินต์ใส่กระดาษให้วัลลภรับไปพิจารณา

"ดูจากการแต่งตัวแล้ว ไม่น่าจะเป็นนักเลงทั่วไป อาจจะเป็นพวกแก๊งมาเฟียข้ามชาติ ลองเช็กจากแหล่งอื่นดู หาประวัติมาให้ได้ สาวไปถึงหัวหน้าของมัน แล้วเชื่อมโยงว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ตายยังไง" สิงห์รับคำพลางหยิบรูปกลับคืนมาก่อนจะเข้าเรื่องใหม่

"ผู้กองครับ...ทางคลับยังมีภาพที่น่าสนใจ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ด้านใน น่าจะเป็นช่วงเวลาก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะโดนทำร้าย" สิงห์หันมาพยักหน้าให้ดอน ดอนกดปุ่มจอทีวี เห็นในคลับแสงวูบวาบๆ สาวผมทองเดินอยู่กับพาลีและคีรี วัลลภเพ่งสายตามอง

วัลลภไม่รู้หรอกว่า เวลาเดียวกันนี้ รามกับลูกน้องกำลังออกล่าเหยื่อที่ผับแห่งใหม่ เมื่อเจอเหยื่อสาวชาวต่างชาติรามส่งสัญญาณให้พาลีกับคีรีเดินเข้าหาหญิงสาวแล้วกระซิบบอกอะไรบางอย่าง สาวเคราะห์ร้ายหันมาส่งยิ้มให้รามแล้วลุกเดินตามพาลีกับคีรีไป

สองสมุนพาหญิงสาวที่หมดสติมาที่มุมมืดในลานจอดรถ หลังคลับ ขณะจะจัดการเหยื่อ กลับถูกแรงเหวี่ยงอันมหาศาลกระชากกระเด็นออกไปกระแทกพื้น เมื่อยันตัวขึ้นมาเห็นชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ พวกเขาก็ตะลึง

"นายใหญ่" สองบอดี้การ์ดถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ความโกรธหายไปกลายเป็นความยำเกรงอย่างถึงที่สุด

"ไปบอกเจ้านายพวกแก...ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย" จิตต์ มองพาลี คีรี ด้วยแววตาทรงอำนาจ

รามเมื่อทราบความ รีบกลับมาพบพ่อจิตต์ที่บ้าน

"เรื่องที่ฉันให้แกทำไปถึงไหนแล้ว"

"ผมกำลังรออยู่"

"รออะไร รอให้ไอ้ไตรภูมิมันหาสมบัติได้ครบหรือไง ฉันทำให้แกเป็นแบบนี้ เพราะต้องการให้มาช่วยฉันไม่ใช่มาหาความสุขไปวันๆ กับไอ้พวกลูกน้องกุ๊ยๆของแก แกรู้หรือเปล่าไอ้สองคนนั้นมันทำอะไรหน้ากล้องวงจรปิด ถ้าฉันไปไม่ทัน พวกแกได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่" จิตต์ตวาด

"เรื่องลูกน้องผม ผมรู้ว่าต้องทำยังไง ถ้าผมจัดการไม่ได้ ผมคงอยู่มาไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่องไตรภูมิ พ่อไม่ต้องห่วง ผมมีวิธีจัดการในแบบของผม"

"ถ้าแกมั่นใจ ก็ทำให้ได้ตามที่พูดก็แล้วกัน เพราะฉันไม่มีวันยอมให้ไอ้ไตรภูมิมาทำลายชีวิตฉันเป็นอันขาด ไอ้ไตรภูมิ ฉันไม่น่าชะล่าใจปล่อยแกไปเลย ฉันน่าจะฆ่าแกไปพร้อมกับพ่อของแกตั้งแต่วันนั้น ไม่ปล่อยให้อยู่เป็นหอกข้างแคร่มาจนถึงทุกวันนี้"

"เราอาจจะฆ่ามันได้ยากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าผมรู้ว่ามันกำลังตามหาสมบัติ เพื่อทำลายคำสาปเมื่อไหร่ ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่" รามพูดด้วยความมุ่งมั่นแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม

ooooooo

ปลายฉัตรเข้ามาคุยกับแม่เฉิด เรื่องไตรภูมิเปลี่ยนใจรับเธอเข้าทำงาน และเธอจะช่วยหาสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะที่เหลือให้ แถมเขายังรู้จักพ่อเปรมอีกด้วย

"ถ้ำมังกรอมตะ พ่อเขาเคยช่วยลูกค้าหาอยู่เหมือนกัน แต่มันก็หลายสิบปีมาแล้วนะ ตั้งแต่ยังไม่แต่งงานกับแม่ แต่ปลายบอกว่าคุณไตรภูมิยังไม่แก่ไม่ใช่เหรอลูก แม่ว่าไม่น่าจะเป็นคนเดียวกันนะ" เฉิดเปรย

"อืมม์นั่นสิ เออ แล้วแม่จำได้ไหมคะ ว่าพ่อเคยพูดอะไรเกี่ยวกับสมบัติชุดนี้บ้าง"

"แม่ก็จำไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่า ถ้ำมังกรอมตะอยู่ในประเทศจีน พ่อเล่าให้ฟังว่า ในสมัยราชวงศ์หมิงมีโจรเข้าไปขโมยของออกมาจากในวัง แล้วก็เอามาเก็บไว้ในถ้ำ แต่ยังไม่ทันแบ่งสมบัติ ก็ฆ่ากันตายซะก่อน โจรที่ตายเป็นคนสุดท้ายก็เลยสาปแช่งว่า ถ้าใครขโมยของออกไปจากถ้ำนี้ จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างทรมานไร้ชีวิตเหมือนกับวิญญาณที่ไม่ได้ไปเกิด และก็ตายไม่ได้"

"ไม่ได้ไปเกิด แต่ก็ตายไม่ได้ เหมือนผีดิบหรือพวกที่เป็นอมตะน่ะเหรอแม่"

"เอ อันนี้แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ"

"แล้วนายไตรภูมิจะเอาสมบัติพวกนั้นไปทำไม หรือว่าเขาอยากจะเป็นอมตะหรือว่าเขาจะเป็นคนขโมยมาแล้วก็เป็นผีดิบอยู่ตอนนี้ ถึงว่าตัวเย็นๆหน้าขาวๆ"

"ไปกันใหญ่แล้ว มันเป็นแค่ตำนาน เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา มันไม่จริงหรอก มีที่ไหน คำสาปให้เป็นอมตะ แม่ว่าเขาให้ทำงานก็ทำงานให้มันดีๆอย่าให้มีปัญหา ยิ่งเขารู้จักพ่อเราก็ยิ่งต้องตั้งใจทำงาน อย่าให้เสียชื่อพ่อรู้หรือเปล่า"

"รู้ค่ะแม่ แม่ว่า เรื่องคำสาปให้เป็นอมตะ มันไม่มีจริงเหรอคะ" ปลายฉัตรอดคิดไม่ได้

ooooooo

คืนนั้น ไตรภูมิตกอยู่ในห้วงฝัน เรื่องราวในอดีตผุดพราย เขาได้ยินเสียงพระเวทร้องด้วยความเจ็บปวด ช่วงแห่งความตระหนก อินทร์เข้ามาบอกว่าพระเวทให้ไปพบ เมื่อถึงห้องก็เห็นพระเวทนอนอยู่บนเตียงกลางห้อง ส่งเสียงร้องครางด้วยความทุกข์ทรมาน ร่างกายสั่นระริก ใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยแผลพุพองจากการโดนความร้อนเผา

"พ่อ ใครทำกับท่านแบบนี้" ไตรภูมิผวาเข้าไปที่ร่างของพระเวท อินทร์เบือนหน้าหนี แล้วค่อยๆปิดประตู

พระเวทร้องแล้วมองหน้าไตรภูมิแววตาครุ่นคิด เพราะรู้ดีว่าจิตต์ ราม และลูกน้องบุกเข้ามาแล้ว

"ไม่ว่าใครหน้าไหน จะผูกพันกันทางสายเลือดหรือไม่ เผามันให้หมด" จิตต์สั่งเสียงเข้ม รามพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาสีเทาเข้มของเขาดูผิดแผกจากคนธรรมดา

"อาจิตต์ทำแบบนี้กับพ่อทำไม ข้าจะไปถามให้รู้เรื่อง" ไตรภูมิขยับจะลุก แต่พระเวทจับมือลูกไว้

"ไตรภูมิพ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกเจ้า มันเป็นภารกิจที่เจ้าจะต้องสัญญากับพ่อว่า จะทำมันให้สำเร็จ" พระเวทครวญคราง ไตรภูมิรีบรับปากพร้อมกับจับมือพ่อแน่น

"ข้าสัญญา พ่อจะให้ข้าทำอะไรบอกมาได้เลย"

พระเวทเพ่งมองไตรภูมิ "ตามหาสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะจำนวน 117 ชิ้นมาให้ครบ และนำไปคืนที่เดิม เพื่อถอนคำสาปแห่งความเป็นอมตะ ไม่แก่ และไม่ตาย แต่ต้องอยู่อย่างทรมาน ต้องกินเลือดเป็นอาหาร มีลมหายใจแต่ไร้ชีวิต สิ่งเดียวที่ทำร้ายได้คือไฟ การเผาทั้งเป็น" ไตรภูมิมองร่างของผู้เป็นพ่อ เริ่มเข้าใจอย่างกระจ่าง พระเวทกัดฟันเล่าต่อ

"หลายสิบปีก่อนพ่อและอาของเจ้า เข้าไปขโมยสมบัติที่ถ้ำมังกรอมตะ เราสองคนโดนค้างคาวดูดเลือดที่ถ้ำทำร้ายจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด หลังจากนั้นคำสาปก็เริ่มต้น มันจะสิ้นสุดเมื่อสมบัติทั้งหมดถูกนำกลับไปที่เดิม พ่อต้องการกลับเป็นมนุษย์ แต่อาของเจ้าต้องการครองความอมตะตลอดกาล"

"ตอนนี้สมบัติอยู่ที่ไหน" ไตรภูมิถาม พระเวทมองเห็นภาพสมบัติจำนวนเกือบ 30 ชิ้นถูกบรรจุอยู่ในลังไม้ มีกรและกัณฑ์ดูแลควบคุมการขนย้ายลงเรืออย่างใกล้ชิด

"บางส่วนอาของเจ้าส่งขายไปตามที่ต่างๆที่เหลือพ่อเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เจ้าจะต้องหยุดคำสาปให้ได้ ก่อนที่อาของเจ้าจะทำสิ่งเลวร้ายมากไปกว่านี้" พระเวทจับมือลูกชายแน่น เป็นเวลาเดียวกับที่จิตต์กับรามและลูกน้องบุกเข้ามาในบ้าน ลูกน้องพระเวทพุ่งเข้ามาขัดขวางแต่ทำอะไรพวกจิตต์ไม่ได้ จิตต์กระหยิ่มยิ้มอย่างลำพอง
พระเวทร่างกระตุกเกร็งอย่างแรง สัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือดที่อยู่ใกล้ เขาบอกกับลูกชาย

"พวกมันมาแล้ว ไตรภูมิ เจ้าต้องสัญญากับพ่อว่าจะถอนคำสาปให้ได้ พ่อทำผิดที่ขโมยสมบัติออกมา พ่อไม่อยากทำผิดซ้ำสองด้วยการปล่อยให้อาของเจ้าใช้ความเป็นอมตะทำร้ายคนอื่น สัญญากับพ่อว่าจะนำสมบัติกลับไปคืนเพื่อล้างคำสาป"

"ข้าสัญญา ข้าจะตามหาสมบัติคืนกลับไปให้ได้" ไตรภูมิรับปากอย่างหนักแน่น

"เพื่อความปลอดภัย ข้าจะมอบความเป็นอมตะให้แก่ เจ้า" พระเวทตัดสินใจ ไตรภูมิขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันจะได้ถาม แววตาของพระเวทก็เปลี่ยนเป็นสีดำวับ ส่งเสียงคำรามเผยเขี้ยวขาวแหลมคม ไตรภูมิผงะเล็กน้อย พระเวทกระชากร่างไตรภูมิเข้ามาใกล้และฝังคมเขี้ยวลงที่ท้ายทอย ไตรภูมิส่งเสียงร้อง

"อ๊าก"

อินทร์ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องพอได้ยินเสียงร้องก็ลืมตาขึ้น พร้อมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น กรและกัณฑ์วิ่งเข้ามารายงานอย่างระมัดระวังว่า สมบัติลงเรือเรียบร้อย อินทร์พยักหน้ารับรู้ และปรายตาเข้าไปในห้องเล็กน้อยรอเวลาดำเนินการขั้นต่อไป

รามผงะกับเสียงร้องโหยหวนของไตรภูมิ แววตาขัดเคืองขึ้นมาทันที เขาส่งเสียงคำรามเผยเห็นคมเขี้ยวขาว และแววตาเปลี่ยนเป็นดำวับ จิตต์เดินเข้ามาพร้อมกับออกคำสั่ง

"เผามันทั้งพ่อทั้งลูก" รามกระชับคบไฟแน่น

เมื่อพระเวทถอนคมเขี้ยวออกจากซอกคอ ไตรภูมิมีอาการชักกระตุก เกร็ง ดวงตาเบิกโพลงเหมือนคนตกอยู่ในภาวะช็อกอย่างรุนแรง

จิตต์และรามพุ่งเข้ามาที่ห้องนอนพระเวทพร้อมเปลวไฟในมือ กรและกัณฑ์หันขวับมาด้วยสัญชาตญาณ ทั้งสองคนแววตาเปลี่ยนเป็นสีดำวับ ส่งเสียงคำรามเห็นเขี้ยวขาว อินทร์ ต้องรีบจับไหล่ไว้เป็นการปราม จิตต์และรามเดินตรงมายังห้องพระเวท ไตรภูมิยังนอนกระตุกอยู่ที่เดิม พยายามจะปรือตาขึ้น พระเวทรวบรวมแรงที่มียันตัวขึ้นและสั่งเสียกับไตรภูมิ

"ต่อจากนี้ไป ชีวิตของเจ้าจะไม่เหมือนเดิม ร่างกายจะไร้ซึ่งความรู้สึก เจ้าจะไม่แก่ และไม่ตาย ใช้ความเป็นอมตะตามหาสมบัติเพื่อถอนคำสาปให้จงได้" แล้วอินทร์ก็รีบมาพาตัวไตรภูมิออกไป

เมื่อสองพ่อลูกผู้บุกรุกเข้ามาในห้อง รามกวาดสายตามองไปรอบๆไม่เห็นร่างของไตรภูมิก็ตวาด

"ไตรภูมิมันอยู่ไหน"

พระเวทปรือตาขึ้นมา ร่างกายยังสั่นเทาจากความเจ็บปวด ออกคำสั่งราม

"ใช้ไฟในมือเจ้าเผาข้า ก่อนที่บาดแผลข้าจะหาย และเจ้าจะกลายเป็นคนที่ต้องอยู่ในกองไฟ" รามผวาเข้าใส่ พร้อมคบไฟในมือ จิตต์ก้าวเข้ามาขวางไว้แล้วบอกกับพระเวท

"ข้าเสียใจเหลือเกินที่มีพี่ชายโง่และอ่อนแอเช่นท่าน และอย่าหวังว่าลูกชายของท่านจะถอนคำสาปได้ ข้าไม่มีวันให้มันพรากความเป็นอมตะไปจากข้า" จิตต์พูดจบก็โยนคบไฟลงไปบนเตียงของพระเวท เปลวไฟลุกโชติช่วงรับกับเสียงร้องโหยหวน

"อ๊ากก" รามยิ้มเยาะและโยนคบไฟของตัวเองลงไปสมทบ เปลวไฟลุกรามไปอย่างรวดเร็ว เสียงร้องของพระเวทดังกึกก้อง

ไกลออกไปจากเสียงคร่ำครวญนั้น ร่างของไตรภูมิอยู่ บนเรือลำหนึ่ง เขาถูกห่อด้วยผ้าสีดำ เผยเห็นใบหน้าซีดขาวเด่นชัดกลางแสงจันทร์ ตัวสั่นเพราะร่างกายกำลังปรับรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เสียงร้องของพระเวทดังก้อง อินทร์นั่งนิ่งอยู่หัวเรือทั้งที่ในใจสุดแสนจะเจ็บปวด กรและกัณฑ์เบือนหน้าหนีน้ำตาปริ่ม แล้วทันใดนั้นดวงตาของไตรภูมิก็เบิกโพลงขึ้น ลูกนัยน์ตาดำวับดุร้าย เพราะเลือดใหม่ที่ได้รับการเปลี่ยนพันธุกรรมจนครบระบบฉีดพล่านไปทั้งร่าง ไตรภูมิร้องคำรามอย่างน่ากลัว

ooooooo

ปลายฉัตรมายืนอยู่หน้าบ้านไตรภูมิแต่เช้า ขณะจะกดกริ่ง เธอได้ยินเสียงร้องดังขึ้น เธอชะงักกึก เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แล้วก็ได้ยินอีอก

"นายหน้าขาว" ปลายฉัตรรีบกดกระดิ่ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจึงตัดสินใจปีนรั้วเข้าไป ส่วนไตรภูมิที่อยู่

ในบ้านได้ยินเสียงกริ่งก็ลืมตาขึ้น แต่เขายังควบคุมตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้ปลายฉัตรปีนเข้ามาได้สำเร็จ พอใกล้ถึงพื้นดิน เธอกระโดดลงมาผิดท่าเล็กน้อย ฝ่ามือจึงโดนร่องปูนบาดจนได้เลือด เลือดทำให้ไตรภูมิลุกพรวดขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว

"คำสาปแห่งความเป็นอมตะ ไม่แก่ และไม่ตาย อยู่อย่างทรมาน ต้องกินเลือดเป็นอาหาร มีลมหายใจแต่ไร้ชีวิต" เสียงของพระเวทดังก้องในหู แววตาของไตรภูมิเปลี่ยนเป็นดำขลับ เขาพยายามกดมันไว้ แล้วดึงตัวเองกลับออกมา

ยามนั้น ปลายฉัตรเดินเข้ามาในบ้าน แล้วเรียกหาไตรภูมิ ชายหนุ่มยังตัวสั่นเทา ลมหายใจหอบเหมือนสัญชาตญาณของสัตว์ร้ายที่กระหายเหยื่อ แต่ถูกกดทับไว้ไม่ให้หลุดออกมา ยิ่งปลายฉัตรเข้ามาใกล้ ไตรภูมิก็ยิ่งตัวสั่นมากขึ้น เขาพยายามสกัดความกระหายอย่างยากเย็น

"คุณไตรภูมิ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" ปลายฉัตรร้องเรียกอยู่หน้าห้อง

ไตรภูมิฝืนตัวเองตะโกนสั่งให้ปลายฉัตรออกไป

"เป็นอะไรของเขา...คนเป็นห่วงแท้ๆ ดันมาตะคอกอีก" ปลายฉัตรบ่นแล้วตัดสินใจจะเดินออก กลิ่นเลือดที่มือของเธอโชยเข้าไปในห้อง ทำให้ด้านมืดเข้าครอบงำไตรภูมิอีกครั้ง

ประตูห้องเปิดออก ปลายฉัตรหันไปแต่ต้องอ้าปากค้างคา เพราะมือของไตรภูมิคว้าคอหมับ แล้วดึงตัวเธอเข้าไปในห้องนอนอย่างแรง โชคดีที่ระหว่างนั้น ไตรภูมิก็ดึงตัวเองออกมาจากสัญชาตญาณด้านมืดได้สำเร็จ เขาจึงไล่ปลายฉัตรออกจากห้อง

"อ้าว...ไรเนี่ย...ตัวเองเป็นคนลากฉันเข้าห้อง แล้วก็มาตะคอกไล่ให้ออกไปอีก จะเอาไงแน่ สับสนไรเปล่า" ปลายฉัตรตั้งสติได้ ไตรภูมิตัวสั่นเทา พยายามจะระงับความโหยที่ซ่อนอยู่ภายในไว้ไม่ให้ออกมา เขาตะโกนไล่ปลายฉัตร

"ฉัน...บอกให้ออกไป...ออก...ไป..." แต่ปลายฉัตรยังไม่เข้าใจ เธอคิดว่าไตรภูมิป่วยจึงจะพาไปหาหมอ

"อาการคุณดูแย่มาก ฉันว่าไปโรงพยาบาลดีกว่า ไปเหอะ ฉันพาไป" ปลายฉัตรเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

กลิ่นเลือดของเธอ เกือบทำให้ไตรภูมิระงับตัวเองไม่ได้ เขาตัดสินใจสะบัดมือปลายฉัตรออกไปอย่างแรง ปลายฉัตรเซถลาหัวชนเข้ากับมุมโต๊ะอย่างแรงทำให้หมดสติไป เลือดสดๆที่หัวไหลออกมาเป็นทาง ไตรภูมิตกใจ แต่ไม่ทันที่จะทำอะไร กลิ่นเลือดสดๆใหม่ๆก็ลอยเข้ามาอย่างแรง ดันให้ด้านมืดที่พยายามกดไว้ พุ่งออกมาจากสติสัมปชัญญะ ไตรภูมิบังคับตัวเองไม่ได้ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีดำขลับ เขี้ยวสีขาววับโผล่ออกมา พร้อมกับเสียงร้องที่เต็มไปด้วยพลัง

อินทร์ กร และกัณฑ์ถือกระเป๋าเหล็กเก็บอุณหภูมิที่บรรจุเลือดเดินเข้ามาในบ้าน พวกเขาได้ยินเสียงไตรภูมิ

"นายท่าน" กรกับกัณฑ์จะพุ่งตัวไป อินทร์พูดขึ้น

"เดี๋ยวฉันไปดูเอง กัณฑ์เอาของไปเก็บให้เรียบร้อย กรเตรียมของมาให้นายท่าน แล้วรีบตามไปที่ห้อง"

"ครับ" กรและกัณฑ์ถือกระเป๋าเก็บเลือดแยกไปตามคำสั่ง อินทร์รีบเดินไปที่ห้องนอนไตรภูมิทันที

"คุณไตรภูมิ" อินทร์ร้องเตือนเมื่อเห็นเจ้านายกำลังจะฝังคมเขี้ยวลงไปที่ซอกคอของปลายฉัตร ไตรภูมิชะงักกึกหันมาทางอินทร์ กรเดินตามเข้ามาพร้อมกับแก้วเจียระไนหรูใส่เลือดสีแดงเข้ม ไตรภูมิเริ่มมีสติกลับมา แววตากลับมาเป็นเหมือนเดิม อินทร์รีบหยิบแก้วเลือดแล้วส่งให้ ไตรภูมิยื่นมืออันสั่นเทามารับและดื่มอย่างเร็ว เขารู้สึกดีขึ้น

อินทร์พยักหน้าให้กรยกตัวปลายฉัตรออกไป แต่ไตรภูมิออกคำส่งว่าจะจัดการเอง กรกับอินทร์จึงถอยออกมา ไตรภูมิค่อยๆหันมาทางปลายฉัตรที่นอนสลบอยู่บนเตียง แววตาอ่อนโยนลง มีความรู้สึกผิดเจือปนอยู่อย่างเห็นได้ชัด

เขาช่วยทำแผลให้ปลายฉัตรและแอบมองใบหน้าของเธอยามหลับใหล เขาเหมือนถูกตรึงอยู่กับความใสของหญิงสาว จนต้องดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริง แล้วตัดใจลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง

ooooooo

อโนบุกมาหาสิงห์ถึงห้องทำงาน เพราะอยากได้ข้อมูลเรื่องไตรภูมิจากปลายฉัตร แถมยังพูดใส่ไฟเสียจนสิงห์นึกระแวง กลัวปลายฉัตรจะแอบมีใจให้ไตรภูมิจริงๆ เขานั่งคิดหนักมองภาพไตรภูมิที่ได้มาจากอโน แต่เมื่อเห็นชื่อโรงแรมที่อยู่ในภาพด้านหลังไตรภูมิ สิงห์ก็คิดได้จึงพาอโนมาไปที่โรงแรมแห่งนั้น เพื่อหาข้อมูลของไตรภูมิ

เวลาเดียวกันนั้นเองที่บ้านไตรภูมิ กรกับกัณฑ์กำลังลำเลียงถุงใส่เลือดเข้าเก็บในตู้เย็นที่ซ่อนไว้ในตู้ไม้ทึบ มีอินทร์ยืนดูอยู่ไม่ห่าง แล้วไตรภูมิก็เดินเข้ามา อินทร์รีบขอโทษที่มาช้าทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย

"มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันเบื่อที่จะต้องดื่มเลือดเป็นอาหารทุกวัน ฉันพยายามจะฝืนคำสาป ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ฉันจะต้องตามหาสมบัติอีก 8 ชิ้นให้เจอ โดยเร็วที่สุด พวกเราทุกคนจะได้หลุดจากคำสาปสักที"

ไตรภูมิมองออกไปข้างนอก แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น อินทร์ กร และกัณฑ์ก้มหน้านิ่งฟัง

ปลายฉัตรรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาเห็นอินทร์ยืนอยู่ข้างเตียง จึงพรวดพราดลุกขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อมองไปรอบๆอินทร์ยิ้มให้นิดๆ แล้วถามกลับว่า พร้อมเริ่มงานหรือยัง จากนั้นงานชิ้นแรกของเธอก็เริ่มต้น

"วันนี้ผมจะให้คุณเช็กรายการของให้ละเอียด และหาว่า 8 ชิ้นที่เรากำลังหาอยู่มีอะไรบ้าง และอีกเรื่องที่สำคัญมาก ห้ามคุณบอกคนอื่นเด็ดขาดว่าคุณทำงานให้เรา" อินทร์ย้ำ

"แต่ฉันบอกแม่ไปแล้ว" ปลายฉัตรนึกได้

"ก็กำชับให้แม่คุณเก็บไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัย" อินทร์เสียงเข้ม ปลายฉัตรขมวดคิ้วขณะยังมึนๆ แต่พอนึกได้ก็รีบขอบคุณอินทร์

"ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เพราะผมไม่ได้เป็นคนทำแผลให้คุณ"

อินทร์พูดจบก็เดินหายไป ทิ้งให้ปลายฉัตรยืนงงอยู่ตรงนั้น เมื่อทำงานไปได้สักครู่ ไตรภูมิก็เข้ามาในห้อง ปลายฉัตร แปลกใจที่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเลย เธอถามเขาเรื่องอาการป่วยแล้วแนะนำให้ไปหาหมอ

"อาการคุณดูแย่มากเลย หน้าก็ซีด ตัวก็..."

"เธอไม่ต้องห่วงฉัน ห่วงตัวเองดีกว่า หัวเป็นไงบ้าง ความจำเสื่อมหรือเปล่า ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า" ไตรภูมิเสียงอ่อนลง ปลายฉัตรรับรู้ในความห่วงใยของเขาก็แอบสะเทิ้นเล็กๆก่อนตอบ

"ก็...นิดหน่อย...แต่ความจำฉันยังดีอยู่ ฉันยังทำงานให้คุณได้ ไม่ต้องห่วง"

"วันนี้พอเธอเช็กของเรียบร้อยก็กลับไปได้แล้ว ฉันจะให้เธอไปโรงพยาบาล ไปให้หมอเช็กสมองว่ามีเลือดคั่งข้างในหรือเปล่า อินทร์จะเป็นคนจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้เธอ" ไตรภูมิออกคำสั่ง ปลายฉัตรยอมรับปากแล้วเอ่ยขอบคุณไตรภูมิ ที่ช่วยทำแผลให้เพราะเห็นที่มือไตรภูมิมีสีของยาใส่แผลติดอยู่

"คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ ฉันไม่โกรธคุณหรอก...เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ"

ปลายฉัตรยิ้มสดใสชี้ที่แผลตัวเอง ไตรภูมิจะอ้าปากเถียง แต่ก็ต้องชะงักกับรอยยิ้มของเธอ เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่มันวิ่งพล่านอยู่ในตัวเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น

ooooooo

สมุนของรามนำรูปสมบัติราชวงศ์หมิงจากถ้ำมังกรอมตะ 5 ชิ้น มาให้ชาญดูที่บริษัท เพื่อจ้างให้บริษัทจัดประมูลของ ล่อไตรภูมิออกมา ชาญขอดูของจริงก่อนจึงได้เห็นหยกแกะสลักรูปมังกร แจกันกระเบื้องเคลือบเขียนลายมังกรสีน้ำเงินขาว แจกันเคลือบลายดอกท้อแดง งาช้างแกะสลักรูปสิงห์คู่ และแผนที่ของอาณาจักรหมิงบนกระดาษโบราณ

"ของทุกชิ้น เป็นของจริงแน่นอน...คุณเปิดประมูลได้เลย" มายาบอกอย่างมั่นใจ

เมื่อชาญตกลง มายาจึงชวนพาลีกับคีรีกลับ ทั้งสามเดินมาถึงหน้าลิฟต์ และได้พบกับสิงห์และอโนที่กำลังจะมาพบชาญ ด้วยความไม่ระวัง สิงห์ชนเข้ากับคีรีอย่างแรง เขาจะอ้าปากจะขอโทษ แต่ไม่ทันคีรีที่สวนอย่างกวนๆ

"มีตาก็หัดใช้ซะบ้าง ก่อนที่จะไม่มีให้ใช้" สิงห์ชะงักกึกมองคีรีเต็มตาแล้วก็อึ้ง เพราะเป็นคนเดียวกับในภาพที่เห็นในผับ สิงห์ขยับจะเรียก แต่ทั้งหมดเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว สิงห์วิ่งตามลงไป แต่ก็ไม่ทัน

"ฉันไม่น่าเชื่อพี่เลย ถ้าฉันไปสืบเองป่านนี้คงได้ประวัติคุณไตรภูมิตั้งแต่เกิด ยันโคตรเหง้าศักราชหมดแล้ว...ฮึ่ย...

พี่นะพี่...เห็นคนร้ายดีกว่าน้องสาวตัวเอง" อโนกลับไปที่รถ ทิ้งให้สิงห์ยืนอยู่ที่หน้าบริษัทคนเดียว เขาเริ่มสังเกตรอบๆอย่างค้างคาใจ

"ไอ้สองคนนั้นมันมาที่นี่ทำไม...หรือว่า...มันจะมาบริษัทประมูล"

ooooooo

งานวันแรกของปลายฉัตรเสร็จแล้ว เธอระบายเสียงออกมาอย่างโล่งอก แล้วนวดขมับตัวเอง ขยับไหล่ อย่างเหนื่อยล้า ด้วยความกระหายน้ำจึงลุกออกมาหาน้ำดื่ม ขณะเปิดตู้เย็นสำหรับแช่เลือด แต่ยังไม่ทันเห็นข้างใน กัณฑ์โผล่เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

"ทำอะไร ตู้นี้ไม่มีน้ำ" กัณฑ์รีบปิดตู้ พรางตู้เย็นไว้ อีกชั้น

"แต่ว่ามันเป็นตู้เย็น มันจะไม่มีน้ำได้ยังไง" ปลายฉัตรเถียง

"บอกว่าไม่มีก็คือไม่มี...ถ้าอยากกินน้ำเดี๋ยวจัดให้ และต่อไปห้ามเดินเพ่นพ่าน รื้อโน่นรื้อนี่โดยไม่ได้รับอนุญาต คุณ อินทร์รอพบคุณอยู่ที่ห้องรับแขก ให้ไปพบเดี๋ยวนี้ ส่วนน้ำจะเอาตามไปให้" กัณฑ์จ้องปลายฉัตร

ปลายฉัตรจำใจถอยออกไปพบอินทร์ เธอจำใจรับเงินค่าตรวจสมอง แล้วซ้อนรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างออกไป เมื่อไตรภูมิเข้ามาในห้องทำงานของปลายฉัตร พบกระเป๋าสตางค์จึงเปิดดู เมื่อเห็นรูปปลายฉัตรถ่ายกับสิงห์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ด้วยความห่วงใยจึงขับรถตามเอากระเป๋าไปคืนที่บ้าน ระหว่างที่ปลายฉัตรขำอยู่กับท่าทีของไตรภูมิ สิงห์เข้ามา

"ถ้าไม่มีอะไร...ก็หยุดขำได้แล้ว ก่อนที่แฟนเธอจะเข้าใจผิด คิดว่าเธอกำลังคุยอยู่กับฉันอย่างมีความสุข"

ปลายฉัตรชะงักกึก...แล้วหันหลังมองไปตามสายตาของไตรภูมิ เห็นสิงห์เดินเข้ามา สิงห์พยายามจะยิ้มให้ปลายฉัตร พลางถามเธอเรื่องไม่ยอมรับสาย

"สงสัยเราจะอยู่บนมอžไซค์เลยไม่ได้ยิน มีไรด่วนหรือเปล่า"

"ก็...ไม่มีอะไรมาก แค่เป็นห่วง...แล้ว..." สิงห์มองหน้าปลายฉัตร และมองเลยไปที่ไตรภูมิแทนคำถาม ปลายฉัตรนึกได้รีบแนะนำ "เอ้อ...สิงห์นี่คุณไตรภูมิ เจ้านายเราเอง คุณไตรภูมิคะ...นี่สิงห์...เพื่อนฉันเอง" สิงห์สะอึกเล็กๆกับคำว่าเพื่อน ไตรภูมิปรายตามองมาทางสิงห์เห็นปฏิกิริยาก็รู้ทันที เขาอมยิ้มนิดๆก่อนเอ่ย

"พรุ่งนี้เธอไม่ต้องไปทำงาน ฉันให้ลาไปหาหมอ ได้หนึ่งวัน และถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกอินทร์...ฉันยินดีจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทุกอย่าง"

"เอ่อ...ค่ะ" ปลายฉัตรรับคำ ไตรภูมิเดินไปที่รถแล้วขับออกไป โดยไม่สนใจไยดีสิงห์แม้แต่น้อย คล้อยหลังไตรภูมิสิงห์ก็เริ่มต้นยิงคำถามทันที "ปลาย...นี่มันเกิดอะไรขึ้น นายนั่นมาที่นี่ทำไม แล้วปลายเป็นอะไรทำไมต้องไปหาหมอ แล้วเกี่ยวอะไรกับเค้าด้วย ทำไมต้องมารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล"

"โห...เป็นชุด นี่...เปลี่ยนอาชีพจากตำรวจมาเป็นทนายตั้งแต่เมื่อไหร่หะ คุณเพื่อน" ปลายฉัตรทิ้งหางเสียงประชด สิงห์ สะอึก รู้ตัวว่ายุ่งมากไป เขารีบเปลี่ยนเรื่องชวนปลายฉัตรเข้าบ้าน

ลุงฉิ่งที่รออยู่เห็นปลายฉัตรมากับสิงห์ ก็รีบเรียกหลานสาวเข้าบ้าน เพื่อไปฟังคำทำนายดวงชะตาจากมหา สิงห์ ตามไปด้วย มหากางคำทำนายแล้วเริ่มอ่าน

"พื้นดวง ไม่ต้องพูดนะ รู้ๆกัน เข้าประเด็นเลยแล้วกัน... เรื่องงาน...ช่วงนี้จะมีดวงผู้ใหญ่อุปถัมภ์ ไม่ใช่อุปถัมภ์ธรรมดาแต่ทั้งอุ้มชู ทั้งเกื้อกูลกันอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ไม่มีอดตาย ตกดวงมหาเศรษฐีพันล้าน หมื่นล้านต้องมี น้อยกว่านี้ไม่ได้ การเงิน... ตอนเด็กขัดสน แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่จะได้คู่ดี คู่เป็นคนบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่ จะร่ำรวยเพราะคู่ แต่ถ้า...คลาดกับคู่คนนี้อาจจะไม่มี อะไรเหลือเลย" ปลายฉัตรชะงักนิดๆ ฉิ่งถามเรื่องความรักอยากรู้ว่าหลานสาวจะได้แต่งงานไหม

"ความรัก...ตกช่อง...มหาเสน่ห์...จะมีผู้ชายเข้ามาให้เลือกมากมาย บางคนรู้ตัว บางคนไม่รู้ตัว บางคนเป็นคนใกล้ตัวแต่เราไม่รู้ บางคน...ที่เราชอบเขา...แต่ไม่คิดว่าเขาจะชอบเรา..."

"ฉันชอบเขาเนี่ยนะ ไม่มีหรอกลุงมหา...ฉันเนี่ยนะ จะไปชอบใครได้ มั่วป่ะเนี่ย" ปลายฉัตรเถียง

"อ่ะ...อ่ะ...ยังไม่จบ นี่ยังแค่ 2 จริงๆแล้วยังมีอีก 1 กำลังจะเข้ามาในไม่ช้า...แต่คนนี้ร้อนยิ่งกว่าไฟ ถ้าอยู่ใกล้ๆไม่ระวังพลาดพลั้งขึ้นมาเมื่อไหร่...ชีวิตจะตกช่องหายนะทันที" มหาทำเสียงจริงจัง

ปลายฉัตรส่ายหน้าไม่เชื่อ สิงห์ฟังแล้วใจคอไม่ค่อยดี ส่วนเฉิดหน้าเสียถามถึงวิธีแก้ไข แต่มหาไม่ทันตอบสิงห์ก็ยิงคำถาม "ลุงมหา ฉันอยากรู้ว่า...ไอ้คนนี้...มันจะมาเมื่อไหร่"

ลุงฉิ่งกับมหาถึงกับผงะในความแรงของสิงห์

ooooooo

รามอยู่ในห้องออกกำลังกาย กำลังฝึกการต่อสู้ กับพาลี และคีรีที่เข้ามารุมแบบไม่ยั้ง แต่รามรับได้ อย่างรวดเร็วและซัดกลับไปอย่างรุนแรงจนเลือดตกยางออก แต่สักพัก พาลีกับคีรีก็แผลหาย และลุกขึ้นมาสู้ต่อ การเคลื่อนไหวของรามดุดัน แข็งกร้าว โหดร้ายและรุนแรง เวลานั้นเองมายาเดินยิ้มร่ามาแจ้งข่าวดี

"การประมูลจะมีขึ้นในอีก 3 วันค่ะ แต่นายท่านจะแน่ใจได้ยังไงว่าการประมูลครั้งนี้ เราจะล่อให้พวกนั้นออกมาได้สำเร็จ"

"ถ้าไตรภูมิมันยังยืนยันที่จะทำลายความเป็นอมตะด้วยการตามหาสมบัติให้ครบ แล้วเอาไปคืนเพื่อล้างคำสาปมันจะต้องออกมา"

"แต่ถ้า...ไตรภูมิล้มเลิกความคิดที่จะถอนคำสาป เค้าอาจจะไม่มาก็ได้นะคะ"

"คนอย่างไตรภูมิ ไม่ใช่คนที่จะเลิกล้มอะไรง่ายๆ ยิ่งเป็นคำสั่งจากพ่อมัน...ถ้าทำไม่สำเร็จ มันไม่มีทางหยุด...อีกสามวัน...มันจะต้องมาประมูลด้วยตัวเอง" รามตอบอย่างมั่นใจ แล้วยกแก้วเลือดขึ้นจิบอย่างชื่นใจ

ส่วนไตรภูมิ เมื่อรู้ข่าวการประมูล เขาให้ปลายฉัตรไปเป็นตัวแทน

"สมบัติตั้ง 5 ชิ้น ราคาชิ้นนึงตั้งหลายสิบล้าน ถ้าเกิดฉันประมูลมาแล้ว คุณไม่เอา ฉันก็ตายสิ"

"ไม่ต้องห่วง...ไม่ว่าเธอจะประมูลมาด้วยราคาแพงแค่ไหน จะกี่ร้อยล้าน...ฉันก็จ่ายให้ หน้าที่ของเธอก็คือ... ประมูลสมบัติทั้ง 5 ชิ้นมาให้ฉัน ทำได้หรือเปล่า" ไตรภูมิมองปลายฉัตร ปลายฉัตรตัดสินใจรับปาก

"ได้ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง"

ปลายฉัตรตอบอย่างมุ่งมั่น สู้ตาไตรภูมิอย่างกล้าหาญ ไตรภูมิอมยิ้มนิดๆ สายตาที่ทั้งสองมองกัน นัยที่แอบแฝงนั้น อินทร์สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง จึงก้มหน้าเหมือนกับยอมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น