วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 6

ตอนที่ 6

ภายในห้องทำงาน ไตรภูมิ อินทร์ กร และกัณฑ์ นั่งดูภาพลุงฉิ่งแอบหาข้อมูลจากกล้องวงจรปิด

"ผมว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ มันวุ่นวายไปใหญ่นะครับ" อินทร์ออกความเห็น

"ผมจัดการเอง" กัณฑ์เอ่ยพลางจะพุ่งออกไป

ไตรภูมิยกมือห้ามไว้ "ไม่เป็นไร...ดูแล้วไม่มีพิษมีภัยอะไร อยากจะดูอะไรก็ให้ดูไป"

"จะดีเหรอครับนายท่าน...ปกตินายท่านไม่ชอบให้คนภายนอกเข้ามาวุ่นวายภายในบ้าน" อินทร์แปลกใจ

"ตอนนี้มันอาจจะไม่ปกติแล้วมั้ง" ไตรภูมิยิ้ม อินทร์ กัณฑ์ และกรมองหน้ากัน แล้วไตรภูมิก็ถามต่อ

"เรื่องการประมูลครั้งต่อไป ได้ข้อมูลอะไรบ้าง"

กรสะดุ้งแล้วรีบตอบ "อ้อ ได้แล้วครับ" กรหันไปเปิดข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลของในครั้งต่อไป พลางอธิบาย

"เป็นหยกแกะสลักรูปผู้หญิงถือดอกไม้...เป็นวัตถุโบราณชิ้นที่ 115 ที่เรากำลังตามหาอยู่ สมบัติชิ้นนี้ตกทอดจากบรรพบุรุษมา 3 รุ่น เจ้าของคนปัจจุบันเป็นชาวญี่ปุ่น...การประมูลจะมีขึ้นที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นในอีก 4 วัน"

อินทร์ถามเจ้านายถึงกำหนดเดินทาง เพราะต้องจองเครื่องบินส่วนตัว เมื่อได้รับคำตอบว่าจะออกเดินทางวันรุ่งขึ้น เขาสั่งให้กรกับกัณฑ์ไปจัดเตรียมของ แต่ไตรภูมิห้ามไว้

"นายท่านจะไปคนเดียวเหรอครับ" อินทร์ถาม

ไตรภูมิพรายยิ้มออกมาแทนคำตอบ

ooooooo

เมื่อปลายฉัตรรู้เรื่องไปญี่ปุ่น เธอถึงกับตะลึงไปชั่วครู่ ยิ่งรู้ว่าไตรภูมิจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง เธอก็แทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความดีใจ แต่ยังรักษาอาการไว้

"อืมม์...ฉันขอคิดดูก่อนนะ..." ปลายฉัตรวางฟอร์ม แล้วแอบกรี๊ดแบบไม่มีเสียงเพราะดีใจสุดๆ ไตรภูมิเห็นท่าทางดีใจของปลายฉัตรก็อมยิ้ม "ก็ได้...ฉันไปร่วมการประมูลกับคุณที่ญี่ปุ่นก็ได้ แต่คุณห้ามบอกที่บ้านฉันเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะถ้าแม่ฉัน ลุงฉันรู้ว่าฉันไปญี่ปุ่น 4 วัน 4 คืน มีหวังอดไปแน่ๆ"

"ถ้าไม่บอกว่าไปญี่ปุ่น แล้วจะบอกว่าไปไหน"

สาวเจ้ากลับมาบอกทางบ้านว่า จะไปทำงานที่ภูเก็ต 4 วัน เฉิดเป็นห่วงถามลูกว่าทำไมไปนานนัก

"คืองานประมูลมันจัดหลายวันน่ะแม่ แล้วก็ต้องไปตามหาของที่เค้าต้องการด้วย มันก็เลยหลายวันหน่อย"

ปลายฉัตรอธิบาย สิงห์นึกสงสัย จึงขอให้ลุงฉิ่งตามไปด้วย ปลายฉัตรนึกถึงคดีเก่าได้ จึงหันมาเล่นงาน

"อ๋อ หรือว่าที่วันนี้ลุงไปกับฉันเพราะเป็นความคิด ของแก"

สิงห์อึกอัก ขอร้องให้ปลายฉัตรฟังเขาก่อนแล้วหันมาหาลุงฉิ่ง มหา และเฉิด แต่ทั้งสามพร้อมใจกันหันหน้าหนี

"ฉันไม่ฟังแกแล้วไอ้เพื่อนล้ำเส้น พอเลย แกไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องงานของฉันอีกแล้ว แม่ ลุงฉิ่ง แล้วก็ลุงมหาก็เป็นไปกับมันด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่รู้ล่ะ...ยังไงฉันก็จะไปทำงานที่ญี่...ที่ภูเก็ตและต้องทำงานนี้ให้สำเร็จให้ได้"

"แต่ไอ้ไตรภูมิมันจะทำให้ปลายเดือดร้อน มันเป็นคนไม่ดี" สิงห์โพล่งออกมา

"ไม่ดียังไง ไหนล่ะหลักฐาน"

"ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน"

"เอาไว้มีหลักฐานเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันดีกว่านะ ...ผู้หมวด"

ปลายฉัตรทอดเสียงประชด ก่อนจะเดินกระแทกเท้าขึ้นบ้าน ทำให้ทุกคนจ๋อยไปตามๆกัน

ooooooo

รามมาหาอโนถึงที่ทำงาน แล้วนัดออกไปทานอาหารค่ำ หวังจะใช้เธอเป็นตัวเชื่อมไปหาปลายฉัตรและไตรภูมิ แต่อโนกลับคิดเข้าข้างตัวเองว่า รามมาขอนัดออกเดทจึงรีบไปโม้ให้สิงห์ฟังอย่างออกรส สิงห์ฟังน้องสาวด้วยความตั้งใจ
เช้าวันใหม่ ปลายฉัตรสะพายกระเป๋าเป้ขนาดกะทัดรัดเข้ามาลาแม่กับลุง ลุงฉิ่งกำชับให้ซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบมาฝาก ปลายฉัตรไม่ทันคิดเผลอปฏิเสธ จึงได้เรื่อง

"ไม่มีได้ไงวะ...ถ้าภูเก็ตไม่มีน้ำพริกกุ้งเสียบ ก็ไม่ต้องไปหาที่อื่นแล้ว ตกลงไปภูเก็ตจริงป่ะวะเนี่ย" ลุงฉิ่งสงสัย

"จะ...จริงดิ...ฉันไปจริงๆ แต่แค่ไม่รู้แค่นั้นแหละ... ไม่ได้ทำงานการท่องเที่ยวนี่ จะได้รู้ว่าจังหวัดไหนขายอะไร เอาเป็นว่า...ถ้าฉันมีเวลาว่างออกมาหาซื้อของฝาก จะซื้อมาให้แล้วกัน...ไปก่อนนะจ๊ะ...สวัสดีจ้ะ"

ปลายฉัตรยกมือไหว้ลุงฉิ่งกับเฉิดแล้วเดินออกไปจากบ้านอย่างเร็ว ลุงฉิ่งมองตามไม่วางใจนักเพราะหลานสาวท่าทางมีพิรุธ เฉิดเองก็รู้สึกแต่ไม่พูด

ปลายฉัตรเมื่อเดินมาพ้นประตูบ้าน เธอรำพึงเบาๆ "แม่...ลุง...ฉันขอโทษด้วยที่ต้องโกหก" พลางตัดใจเดินออกไปหาไตรภูมิที่ยืนรออยู่ที่รถ

"กระเป๋าใบใหญ่ไปหรือเปล่า" ไตรภูมิประชด เมื่อเห็นกระเป๋าเป้ของปลายฉัตร

"คือ...ฉันไม่ได้บอกที่บ้านว่าไปญี่ปุ่น ฉันบอกว่าไปภูเก็ต ก็เลยต้องเอาของไปแค่นี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถึงจะน้อยแต่ครบ ฉันอยู่ได้ 4 วันสบายมาก ไปกันยัง ตื่นเต้น" ปลายฉัตรยิ้มเป็นเด็กๆ

ไตรภูมิยิ้มตามแล้วพยักหน้าให้ปลายฉัตรขึ้นรถ กรรีบเปิดประตูให้

"เครื่องบินส่วนตัวรออยู่แล้วนะครับ พร้อมเดินทางทันทีที่นายท่านไปถึง" อินทร์รายงาน

ไตรภูมิพยักหน้ารับรู้ และขึ้นรถตามปลายฉัตรไป กรหันมาถามอินทร์ด้วยความอยากรู้

"ที่นายท่ายเคยบอกว่า ถ้ารู้ว่ามันเริ่มมากเกินไปจะหยุดทันที นายท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่ามัน...ไม่น้อยแล้วนะ"

"คิดว่า...ไม่น่าจะรู้ตัว..." อินทร์ตอบ พลางมองตามไตรภูมิด้วยความเป็นห่วง

ooooooo

สนามบินเมืองโอซาก้า กลางผู้คนขวักไขว่ ปลายฉัตรกวาดตามองด้วยความตื่นเต้น เธอยืนตาวาว เป็นประกายอยู่ที่หน้าทางออกของผู้โดยสารขาเข้า ไตรภูมิยืนอยู่ข้างๆทำท่าเหมือนจะพูดอะไร

"อุ๊ย ทางโน้นมีร้านขายของด้วย เดี๋ยวฉันมานะ" ปลายฉัตรพูดจบก็รีบวิ่งไปทันที

ไตรภูมิเรียกไม่ทัน จึงได้แต่ถอนใจแล้วเดินตาม สาวเจ้ามาหยุดอยู่ที่หน้าร้านหนังสือ ทำท่าจะเข้าไปข้างใน ไตรภูมิรีบดึงไว้ พลางถามเรื่องชุดที่จะใส่ไปงานประมูล ปลายฉัตรเพิ่งนึกได้

"ไม่ได้เอามา...ลืม ก็ฉันมัวแต่กลัวว่าที่บ้านจะจับได้ก็เลยลืมคิดไปเลย...ฉันใส่ชุดแบบนี้ไปประมูลได้ป่ะ"

ไตรภูมิส่ายหน้า แล้วลากปลายฉัตรไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ในย่านอเมริกันวิลเลจ ย่านนี้มีเสื้อผ้าวัยรุ่นสีสันสดใส หญิงสาวเดินเข้าออกร้านโน้นร้านนี้ พร้อมกับถุงเสื้อผ้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ช็อปปิ้งจนหนำใจแล้ว ปลายฉัตรขอสาธิตการกินทาโกะยากิของขึ้นชื่อของเมืองโอซาก้าให้ ไตรภูมิดู เธอยัดเข้าปากทั้งลูก แต่ต้องคายออกมาเพราะความร้อนระอุของอาหาร

"สะใจพอไหม" ไตรภูมิถาม

แล้วไตรภูมิก็พาปลายฉัตรมายังโรงแรมที่จองไว้ "ไม่ต้องกลัว...ฉันจองไว้แค่ห้องเดียว...เธอต้องนอนกับฉันนอนห้องเดียวกัน..." ไตรภูมิเน้น ปลายฉัตรอึ้ง

เมื่อเปิดห้องออก ปลายฉัตรค่อยๆโผล่หน้าเข้ามา มองรอบๆห้องอย่างตื่นตะลึงในความหรูหรา

"ฉันจะพาเธอไปห้องนอน" ไตรภูมิเดินนำไปอีกห้อง

"มันมีแค่เตียงเดียว แล้วคุณ...กับฉัน...เราสองคน...เนี่ยนะ..." ปลายฉัตรชี้ไปที่เตียง

"เธออาจจะเสียใจ เพราะฉันไม่ได้นอนห้องนี้" ไตรภูมิชี้ไปอีกประตูห้องที่อยู่ติดกัน "ห้องโน้น...เป็นห้องของฉัน พักผ่อนตามสบาย...พรุ่งนี้เช้าเจอกัน"

พูดจบ ไตรภูมิเดินไปที่ห้องนอนตัวเอง ปลายฉัตรมองตามด้วยความค้างคาใจ

"ไม่ได้นอนด้วยกัน...แล้วทำไมฉันต้องเสียใจด้วย... อ๋อ นี่คุณคิดว่าฉันอยากนอนกับคุณหรือไง แค่หน้าตาดี มีฐานะ ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนอยากจะนอนกับคุณหรอกนะ...หลงตัวเอง" ปลายฉัตรนึกได้ตะโกนไล่หลัง ไตรภูมิอมยิ้มแล้วหันมายักคิ้วให้ ทำนองไม่เชื่อที่ปลายฉัตรกำลังแก้ตัว ก่อนปิดประตูห้อง

ชายหนุ่มเดินตรงเข้าเปิดกระเป๋าใบใหญ่ หยิบกล่องสีดำขลับด้านในออกมา คว้าถุงเลือดที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบออกมาฉีก เทลงคออย่างกระหาย พลันเสียงเคาะห้องดังขึ้น เขาชะงักทำให้เลือดหกเลอะเสื้อและพื้น

ปลายฉัตรยืนอยู่หน้าห้อง ในมือถือกล่องแซนด์วิช เธอเคาะประตูอีกครั้ง ไตรภูมิก็พยายามตั้งสติ รีบเก็บถุงเลือดใส่กล่องอย่างรวดเร็ว แล้วหันมาคว้าผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอยเลือดที่ไหลเลอะใบหน้าและพื้น แล้วโยนผ้าเปื้อนเลือดเข้าไปในตู้

"คุณไตรภูมิ" ปลายฉัตรเคาะเร่ง

ไตรภูมิหันไปที่ประตู พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นว่า เสื้อเปรอะคราบเลือดสีแดงฉาน เขารีบถอดเสื้อออกเผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะ และมัดกล้ามที่ทำให้สาวๆหัวใจละลาย ชายหนุ่มเดินเปลือยท่อนบนไปเปิดประตู ปลายฉัตรที่ยืนรออยู่ เห็นเข้าถึงกับอึ้ง เผลอรำพึงออกมาว่าขาวจัง ไตรภูมิอมยิ้ม ขณะสาวเจ้าฉีกยิ้มเจื่อนๆ แล้วยื่นกล่องแซนด์วิชให้

"คือ...ฉันนึกได้ว่าวันนี้ทั้งวันคุณยังไม่ได้กินอะไรเลย ฉันก็เลยคิดว่าดึกๆ คุณอาจจะหิว ก็เลยเอาแซนด์วิชมาให้

ฉันซื้อระหว่างทางที่ไปช็อปปิ้ง คุณเก็บเอาไว้สิ เผื่อหิว" ปลายฉัตรยิ้มจริงใจ

ไตรภูมิมองขนมปังแล้วก็มองหน้าปลายฉัตร "ไม่เป็นไร เธอเก็บไว้กินเถอะ"

"ไม่เป็นไร...ฉันอิ่มแล้ว คุณเอาไว้เถอะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ฉันไม่ได้เกรงใจ แต่โรงแรมมีอาหารบริการยี่สิบสี่ชั่วโมงส่งถึงห้อง ถ้าฉันหิว ฉันโทร.สั่งได้"

"อ้าวเหรอ...ฉันไม่รู้ ขอโทษทีที่รบกวน เคาะประตูเรียกตั้งนาน" ปลายฉัตรยิ้มเขินๆ

"คราวหน้าห้ามรบกวนฉันอีก ไม่ว่าจะมีอะไร สำคัญแค่ไหน ห้ามเรียก ห้ามปลุก ห้ามเคาะประตู และห้ามเข้ามาในห้องฉันเด็ดขาด" ไตรภูมิเสียงเข้ม ปลายฉัตรสะอึกนิดๆ ทำหน้าจ๋อยรีบขอโทษ จนไตรภูมิสงสาร

"ขอบใจมากที่เป็นห่วงฉัน วันนี้เธอเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน ไปนอนได้แล้ว" ปลายฉัตรยืนงงปรับอารมณ์ไม่ถูก ไตรภูมิถอยเข้ามาในห้องแล้วพูดทิ้งท้ายก่อนปิดประตู

"ฝันดี..."

ปลายฉัตรยิ้มออกมาด้วยความเขิน แบบไม่รู้สาเหตุ

ooooooo

ในขณะที่ปลายฉัตรกำลังฝันหวาน สิงห์กลับรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น เขาเฝ้ารอโทรศัพท์จากปลายฉัตรอยู่ที่บ้านของเธอ ลุงฉิ่งกับมหาที่เตรียมจะเข้านอนเห็นอาการก็สงสารจึงชวนให้นอนด้วยกัน เผื่อปลายฉัตรจะติดต่อมาตอนดึก เมื่อโทรศัพท์ มือถือของสิงห์ดังขึ้น สิงห์ดีใจรีบกดรับ กลับเป็นเสียงของอโน เธอขอให้ไปรับที่ร้านอาหารแถวทองหล่อ

"วันนี้ฉันมีเดทกับผู้ชายไง ทำเป็นลืมไปได้ นี่ๆ แล้วอีกสองชั่วโมงพี่มารับฉันกลับบ้านหน่อยนะ...ฉันกลัวเขาคิดทำมิดีมิร้ายกับฉัน แบบว่า...ขอไปส่งแล้วพาเข้าโรงแรมไรเงี้ยะ"

สิงห์ส่ายหน้าอย่างระอากับความช่างคิดช่างจินตนาการของน้องสาว

"ฉันแค่กลัว มันอาจจะไม่จริงก็ได้ เรื่องแบบนี้มันต้องเสี่ยง ไม่เสี่ยงแล้วจะมีแฟนได้ไง แค่นี้ก่อนนะ ถึงเวลานัดแล้วฉันไม่อยากไปสาย อีกสองชั่วโมงอย่าลืมมารับนะอ้อ...อีกเหตุผลนึงที่พี่ต้องมารับฉัน...เพราะฉันอยากให้พี่เจอกับน้องเขยในอนาคต แล้วเจอกันนะ...ชิบุชิบุ"

อโนวางสายไปด้วยความร่าเริง และอีกมุมหนึ่งของร้าน พาลียืนเฝ้าอยู่บริเวณรถสปอร์ตหรูของราม ใกล้กันมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ข้างๆ

สิงห์วางสายจากน้องสาวก็หันมาบอกลาสองผู้เฒ่าว่ามีธุระต้องรีบไป ลุงฉิ่งกับมหาช่วยกันปลอบใจสิงห์เรื่องปลายฉัตรและเตือนให้ขับรถดีๆ

"ไอ้สิงห์มันทำคดีอะไรของมัน ทำไมถึงได้เครียดขนาดนี้วะเนี่ย ถามว่าคดีอะไรก็ไม่บอก บอกว่าเป็นความลับ"

"สงสัยช่วงนี้ราหูจะเข้า งานก็เครียด แถมเรื่องความรักก็ดันมามีคู่แข่งซะอีก" มหาทำนาย

"เออว่ะ...นอกจากเรื่องงาน เรื่องความรัก ไอ้สิงห์มันจะมีเรื่องซวยอะไรอีกวะเนี่ย" ลุงฉิ่งถอนใจ...หนักใจแทน

ooooooo

อโนนั่งตัวลีบอยู่ในร้านอาหารหรู เมื่อรามถามถึงปลายฉัตร เธอรีบตีกันทันที

"อย่าบอกนะคะว่า คุณมาตีสนิทกับฉันเพราะต้องการรู้จักพี่ปลาย"

"ใช่...และตามข้อตกลงของเรา หลังจากที่ผมตอบสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวผม ตอนนี้คุณก็ต้องตอบสิ่งที่ผมอยากรู้บ้าง"

อโนผิดหวังอย่างแรง เธอลองหยั่งเชิงราม เพราะคิดว่าจะจีบปลายฉัตร

"เปล่า...มันเป็นเหตุผลทางธุรกิจ เค้าทำงานให้คู่แข่งของผมอยู่ ผมต้องการซื้อตัวเขา"

"คุณไตรภูมิ" อโนโพล่งออกมา รามแปลกใจที่อโนรู้จักไตรภูมิด้วย เมื่อรุกถามอโนจึงอธิบาย

"ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แค่เห็นรูป และก็ได้ยินชื่อ อ้อ...ฉันเคยเห็นเขามาส่งพี่ปลายที่บ้านครั้งนึงด้วย"

รามอมยิ้มนิดๆด้วยความพอใจ "ผมสนใจจะทำงานกับ เอ้อ ปลายฉัตร...ผมยินดีจะจ่ายให้มากกว่าที่เขาได้จากไตรภูมิ ถ้าคุณติดต่อให้ผมได้ ผมจะมีเปอร์เซ็นต์ให้คุณ เป็นค่าเหนื่อย"

"ได้ค่ะ...ฉันยินดีช่วยเต็มที่...แต่ฉันไม่ได้ทำเพื่อเงินของคุณหรอก...ฉันทำเพราะต้องการช่วยคุณ" อโนยิ้มจริงใจ

"ขอบคุณมาก...คุณนี่เป็นคนดีที่น่าคบจริงๆ ยินดีอีกครั้งที่ได้รู้จักกัน และคิดว่าเราจะได้รู้จักกันมากกว่านี้" รามยกแก้วแชมเปญขึ้น...อโนรีบหันไปคว้าแก้วนํ้าอัดลมมาชูขึ้น ก่อนยกดื่มรวดเดียวหมด แล้วเรอออกมาเหมือนเด็กๆ

เวลาเดียวกันนั้น มายาเดินพล่านไปมาอยู่หน้าบ้านราม เธอมองซ้ายมองขวารอรามแต่ยังไม่เห็นกลับมาก็ร้อนใจ จึงเข้าถามหากับคีรีที่กำลังเล่นเกมต่อสู้อยู่กับสกรีนขนาดมหึมา แต่คีรีไม่สนใจตอบคำถาม มายาจึงกระชากจอยสติ๊กแล้วก็ขว้างไปที่กำแพงอย่างแรง ทำให้คีรีสุดเซ็ง

"เจ๊จะพังของหมดบ้าน ฉันก็บอกไม่ได้ว่านายไปไหน เพราะนายไม่ให้บอก"

"แล้วทำไมนายไม่ให้บอกฉัน" มายาดึงตัวคีรีขึ้นมา

"เพราะเจ๊ตกกระป๋องแล้วมั้ง" คีรีพูดจบก็โดนมายาเหวี่ยง

กระเด็นไปชนกับผนังอย่างแรง ผนังเป็นรอยร้าว คีรีส่ายหน้า

ลุกขึ้นมาเตือนสติ "เจ๊อย่ามาใส่อารมณ์กับผมเลย ไม่มีประโยชน์ หรอก ผมว่าเจ๊น่าจะพิจารณาตัวเองก่อนที่จะโดนนายเขี่ยทิ้ง เห็นว่าอยู่กันมานานถึงได้บอกให้รู้ตัว" คีรีปัดฝุ่นออกจากตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินไป

มายากัดฟันกรอดกำมือแน่นด้วยความเสียใจ

ooooooo

สิงห์ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หน้าร้านอาหาร เขามองไม่เห็นอโนจึงส่งข้อความไปตาม อโนกดอ่านแล้วบอกให้รามรู้ว่าพี่ชายมารับ และชวนเขาออกไปเจอกับพี่ชาย

ส่วนสิงห์ที่รออยู่มองไปเห็นรถของพาลีที่จอดอยู่ข้างรถสปอร์ตของราม จึงเดินเข้าไปดู แต่ยังไม่ทันถึงอโนก็ร้องเรียก แล้วเข้ามาดึงไว้ พลางบอกว่ารามจะออกมาพบ แม้สิงห์จะพะวักพะวงกับรถพาลี แต่อโนก็ลากไปจนได้ ทันทีที่สิงห์หันหลังให้รถ รามก็เดินออกมาจากอีกประตูหนึ่งของร้าน พาลีรีบเดิน ตามมาประกบดิ่งมายังรถสปอร์ต
เขาปรายตาไปมองสิงห์ เล็กน้อย แล้วเบือนหน้าหนีอย่างไม่ใส่ใจ

สิงห์รู้สึกสังหรณ์ใจ จึงหันมามองรถพาลีแต่ไม่เห็นเสียแล้ว

"เพื่อนคุณฝากมาบอกว่า ขอโทษที่มาหาไม่ได้ เพราะมีธุระด่วนต้องรีบกลับ" พนักงานออกมาบอก

"อ้าว...ไหงงั้นล่ะ...แต่เขาบอกว่าจะออกมาหาฉัน...คุณบอกผิดคนหรือเปล่า พี่สิงห์รอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันโทร.ถามก่อน แต่ไม่ได้ขอเบอร์เอาไว้อ่ะ...ทำไงดี"

ขณะที่อโนหงุดหงิด สิงห์จึงรีบชวนน้องกลับบ้าน

ooooooo

ปลายฉัตรไม่ได้ล็อกประตูไว้ ไตรภูมิจึงเข้ามาปลุกในห้องนอน สาวเจ้ามองชายหนุ่มอย่างหวาดระแวง

"ฉันเอาค่าจ้างสำหรับจ๊อบนี้มาให้เธอ" เอ่ยพลางวางซองเงินไว้ที่เตียง

ปลายฉัตรหยิบซองเงินมาเปิดดูแล้วทำตาโต

"ฉันแลกเป็นเงินเยนไว้ให้ เผื่อเธอต้องการใช้ แต่ถ้าไม่ใช้ก็กลับไปแลกเป็นเงินไทย"

"ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะเยอะ อยู่...ไงก็ขอบคุณมาก...แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะทำงานให้เต็มที่ สมกับเงินที่คุณจ่ายให้ฉัน"

"ฉันจะรอดู..." ไตรภูมิยิ้มนิดๆแล้วก็เดินไปที่ประตู ปลายฉัตรรีบหยิบซองเงินมาดูอีกที ไตรภูมิหันกลับมาเธอรีบเก็บซองเงินแสร้งทำเป็นนิ่งเหมือนเดิม ไตรภูมิอมยิ้มรู้ทันพลางสั่งให้ปลายฉัตรรีบอาบนํ้าแต่งตัว

"คุณจะพาฉันไปไหน" ปลายฉัตรตาวาว

"อยากรู้ก็ให้เร็ว...ฉันให้เวลาสิบนาที เริ่มจับเวลา" ไตรภูมิเดินออกไปทันที

"เฮ้ย" ปลายฉัตรลุกพรวดพราด รีบวิ่งไปหยิบกระเป๋ารื้อเอาเสื้อผ้าออกมา ของหล่นตกกระจาย...ส่งเสียงโครมครามสลับกับเสียงโวยวาย "แค่สิบนาทีใครจะไปเตรียมตัวทัน เดี๋ยวก็ไม่อาบนํ้าไปทั้งเหม็นๆนี่แหละ"

อีกสิบนาทีต่อมา ปลายฉัตรในชุดสุดแนวก็ออกมาจากห้อง ไตรภูมิมองอย่างอึ้งๆ

"ใช่...ชุดนี้ดีที่สุดในเวลา 10 นาทีที่คุณให้ฉัน และที่สำคัญ...ตอนนี้ไม่ใช่เวลางาน ฉันจะแต่งตัวยังไงก็ได้...ตกลงคุณพาฉันไปที่ไหนเนี่ย จะบอกได้หรือยัง" ปลายฉัตรรีบเอ่ย ไตรภูมิมองชุดปลายฉัตรอีกทีก่อนจะทำใจเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากมอง แล้วก็ใส่แว่นดำเดินนำออกไป ปลายฉัตรมองชุดตัวเองอีกครั้งแล้วก็ยักไหล่อย่างมั่นใจ

"แนวจะตาย...ไม่สวยยังไงเนี่ย ชิ"

ไตรภูมิพาปลายฉัตรมาร้านอาหารหรูในตึกอูเมดะ

อันใหญ่โต ปลายฉัตรยืนตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าแต่งตัวไม่เหมาะสม จึงถามไตรภูมิเสียงอ่อยๆ

"คุณมากับฉัน...คุณอายคนอื่นเขาหรือเปล่า" ไตรภูมิเลิกคิ้วนิดๆด้วยความสงสัย ปลายฉัตรอธิบายต่อ "ก็คุณดูออกจะเท่ เก๋ไก๋ เดินไปไหนมาไหนสาวๆก็มอง ฉันไม่อยาก ให้ความเป็นบ้านนอกของฉันทำให้คุณหมองอ่ะ ถ้าคุณไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าพาคนใช้มาเที่ยว คุณเดินนำฉันไปก็ได้นะ เดี๋ยวฉันเดินตามไปห่างๆ คุณจะได้ไม่ต้องอาย"

ไตรภูมิมองหน้าปลายฉัตรแล้วก็คว้ามือเธอจับมาคล้องเข้ากับแขนตัวเอง พลางถาม

"แล้วถ้าฉันทำแบบนี้...เธอจะอายหรือเปล่า"

ปลายฉัตรไม่ทันได้ตอบ ไตรภูมิเข้ากระชับแขนเธอไว้ แล้วลากไปที่จุดชมวิวของตึก คนรอบข้างมองทั้งสองคนด้วยความสนใจ ปลายฉัตรยิ่งเขินหนักขึ้นไปอีก ในวินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาในบัดดล ไตรภูมิหันมาเห็นรอยยิ้มสดใสของปลายฉัตรก็รู้สึกว่าโลกของเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ในขณะที่ปลายฉัตรนั่งทานอาหารอยู่กับไตรภูมิอย่างมีความสุข ที่เมืองไทยสิงห์กำลังมาเก็บหลักฐานจากศพหญิงสาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่โดนดูดเลือดจนหมดตัว แต่ถูกอำพรางคดีให้ดูเหมือนผูกคอตาย

"แล้วเราจะทำไงกันดีหมวด...นี่ถ้าผู้กองรู้ว่ามีเพิ่มอีกศพ รับรองว่าเต้นแน่ๆ ต้องจี้ให้รีบปิดคดีชัวร์...กลับมาคำถามเดิม...แล้วเราจะทำยังไงกันดีหมวด" จ่าดอนร้อนใจ สิงห์คิด...แล้วก็หันมาสั่ง

"จ่าตามฉันมา" สิงห์เดินออกจากที่เกิดเหตุไป

"อ้าว...แล้วหมวดจะให้ผมตามไปไหนเนี่ย...หมวดรอด้วย... เฮ่อ...หมวดใหม่ไฟแรงก็เงียะ...ทำอะไรเร็วไปหมด ไม่เห็นใจคนแก่เลยวุ้ย" ดอนบ่นๆแล้วก็เดินตามไป

ooooooo

ลุงฉิ่งนั่งอัดกรอบพระอยู่หน้าบ้าน มหานั่งส่องพระอยู่ข้างๆ ลุงฉิ่งหันมาบอกกับเฉิดให้ไปนอนพักก่อน ถ้าปลายฉัตรโทร.มาแล้วจะเรียก เฉิดไม่ตอบอะไร ได้แต่ขยับมือจับโทรศัพท์ ด้วยความเป็นห่วงลูก

"เฮ่อ...ไอ้ปลายนะไอ้ปลาย...มันหายหัวไปไหนของมัน โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่เป็นห่วงกันทั้งบ้าน" ลุงฉิ่งบ่นไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์สิงห์แล่นเข้ามา มหาหันไปมองแล้วบอกกับลุงฉิ่ง

"ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เอ็งว่ามาอีกคนแล้ว ไอ้นี่ก็โทร.มาถามทุกสิบนาที นี่ท่าทางจะร้อนใจมาเองเลย"

มอเตอร์ไซค์ของจ่าดอนตามมาจอดเทียบข้างๆมอเตอร์ไซค์สิงห์ มหาหลิ่วตามองพึมพำว่าสิงห์พาใครมาด้วย สิงห์พาจ่าดอนเข้ามาทำความรู้จักกับลุงฉิ่งและมหา จ่าดอนรีบฝากเนื้อฝากตัวกับสองผู้เฒ่า และคุยกันเรื่องพระเครื่องอย่างถูกคอ สิงห์ได้โอกาสขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

สิงห์เดินเข้ามาในบ้าน เฉิดจำเสียงฝีเท้าได้จึงเอ่ยทัก สิงห์บอกว่าขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะออกมาคุยด้วย เฉิดยิ้มให้ สิงห์ยิ้มรับนิดๆทำท่าเหมือนจะไปทางห้องน้ำ แต่พอเห็นว่าไม่มีคนก็ค่อยๆย่องขึ้นบนห้องปลายฉัตร เพื่อหาหลักฐานที่พอจะบอกตัวตนของไตรภูมิได้ แล้วเขาก็พบแฟ้มที่ปลายฉัตรซ่อนไว้ เธอเขียนที่หน้าแฟ้มว่า "งานคุณไตรภูมิ" สิงห์รีบเปิดอ่าน

"สมบัติจากถ้ำมังกรอมตะ คำสาปของสมบัติถ้ำมังกรอมตะ" สิงห์รีบหยิบกระดาษและปากกาที่พกติดตัวออกมาจดอย่างชำนาญและรวดเร็ว และเริ่มสังหรณ์ใจ

ด้านปลายฉัตรที่กำลังเที่ยวสนุก เธอตกใจมาก เมื่อจู่ๆสร้อยคอที่มีล็อกเกตรูปพ่อก็ร่วงลงพื้น

"ใส่อยู่ดีๆขาดได้ไงเนี่ย" ปลายฉัตรก้มลงเก็บขึ้นมา แล้วรู้สึกใจเสียนิดๆ ไตรภูมิหันมาเห็นพอดี เขามองด้วยความแปลกใจ

ooooooo

จ่าดอนคุยเรื่องพระกับลุงฉิ่งและมหาไปได้

สักพักก็หลุดปากบอกเรื่องผีดูดเลือดให้ทั้งคู่ฟัง เพราะหวังจะขอของดีไปป้องกันตัว ลุงฉิ่งกับมหาชะงักกึกรีบซักต่อ

"แล้วเอ็งจะเอาไปทำไมวะ อย่าบอกนะว่า...พวกเอ็งกำลังทำคดีผีดูดเลือดอยู่" ดอนอึกอัก แล้วจังหวะนั่นเอง เฉิดก็ค่อยๆลุกขึ้น และคลำทางมานิ่งฟัง

"คือ...คดีนี้มันยังเป็นความลับ รู้แล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด เหยียบไว้เลยนะ เมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว...จู่ๆก็มีผู้หญิงต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาขายบริการในกรุงเทพฯ แบบสวยๆหุ่นดีๆตายเกือบทุกวัน ตอนแรกๆพวกฉันก็คิดว่าคงจะเป็นพวกมาเฟียที่เป็นเอเย่นต์ซ้อมหรืออาจจะอัพยามากช็อกตาย แต่มัน

ไม่ใช่ครับ เพราะมันมีรอยเขี้ยวประหลาดเจาะเข้าไปตรงนี่" จ่าดอนไม่พูดเปล่า แสดงท่าประกอบโดยงอนิ้วชี้กับนิ้วกลางเหมือนตะขอแล้วเจาะเข้าไปที่ท้ายทอยลุงฉิ่ง ลุงฉิ่งตกใจร้องลั่น

"นี่แค่เล่า ถ้าเห็นของจริงจะยิ่งลุกพรึ่บพรั่บ แล้วมันไม่เจาะเปล่า มันเจาะแล้วดูดด้วยครับ มันเลือกกัดเฉพาะที่ที่มองเห็นไม่ชัด"

"แสดงว่ามันต้องวางแผนมาอย่างดี" ฉิ่งออกความเห็น

"พวกฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันทำงานกันยังไง และมันเป็นอะไร...แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่คนแน่นอน..."

"พวกแกก็เลยคิดว่ามันเป็นผีดูดเลือดเหมือนในหนังฝรั่ง ไอ้พวกที่กินเลือดแล้วเป็นอมตะ..." มหามองหน้า

"พวกผีดิบ" ลุงฉิ่งฟันธง ทันใดนั้นเสียงแจกันตกกระแทกพื้นก็ดังขึ้น ลุงฉิ่ง มหา และดอนร้องดังลั่น ทั้งสามมองเข้าไปในบ้าน เห็นเฉิดพยายามก้มลงเก็บเศษแจกัน

"ฉันทำแจกันตกเองจ้ะ..." เฉิดบอก

ฉิ่งกับมหารีบวิ่งเข้ามาแล้วอาสาจัดการให้เอง สิงห์เงี่ยหูฟังเหตุการณ์ข้างล่าง แล้วก็รีบเก็บเอกสารปลายฉัตรเข้าที่เดิม ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา ดอนโผล่หน้าเข้ามามองเฉิดงงๆ ลุงฉิ่งจึงต้องแนะนำ

"น้องสาวฉันเอง ตาไม่ค่อยดี...มองไม่เห็นมาพักนึงแล้ว"

เวลานั้นสิงห์ค่อยๆย่องลงมาจากข้างบน ดอนหันไปเห็นก็ร้องเรียก "โห หมวด...เข้าห้องนํ้านานจริงๆ ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าหมวดมาด้วย"

สิงห์ยิ้มเก้อแก้ตัวว่าท้องไม่ค่อยดีแล้วก็หยิบถังขยะที่วางอยู่ใกล้ๆเดินเข้าไปช่วยเก็บเศษแจกัน จึงไม่ทันสังเกตเฉิดที่นั่งหน้าซีดปากสั่น เพราะได้ยินคำบอกเล่าของดอนเรื่องผีดูดเลือด เธอนึกเป็นห่วงลูกสาวขึ้นมา เพราะจำได้ว่าเคยคุยกับปลายฉัตรเรื่องสมบัติในถํ้ามังกรอมตะและชีวิตที่ต้องคำสาป

"ปลาย...ปลายอยู่ไหนลูก...รีบติดต่อมาหาแม่นะ" เฉิดนํ้าตาร่วง คลำหาโทรศัพท์ สิงห์เงยหน้ามาเห็นเฉิดร้องไห้ก็นึกสงสารและยิ่งเป็นห่วงปลายฉัตรมากกว่าเดิม

ooooooo

ไตรภูมิยื่นสร้อยคอเส้นใหม่ให้ปลายฉัตร ท่ามกลาง แสงราตรีของเมืองโอซาก้า

"สร้อยขาดไม่ใช่เหรอ เปลี่ยนซะสิ"

"ไม่เป็นไรหรอกคุณ...ฉันกลับไปเปลี่ยนที่บ้านก็ได้...ฉันรับของคุณมามากแล้ว ฉันเกรงใจ" ปลายฉัตรยิ้มเจื่อนๆ
ไตรภูมิไม่พูดอะไรต่อ แต่คว้ากระเป๋าจากปลายฉัตรมาเปิดซิปด้านหน้าและหยิบล็อกเกตออกมาใส่เข้าไปในสร้อยเส้นใหม่อย่างชำนาญและรวดเร็ว พลางพูดกับปลายฉัตรที่ยืนงงไปด้วย

"ก็แค่สร้อยขาด มันไม่มีอะไรมากหรอก แล้วมันก็ไม่ได้เป็นลางบอกเหตุอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องคิดมาก..."

"แต่ฉันใส่มาตั้งแต่เป็นเด็ก มันไม่เคยขาดเลยนะ พอขาดแล้วมันใจคอไม่ค่อยดีไงไม่รู้" ปลายฉัตรใจหาย

"เธอคิดไปเอง ถ้าเธอคิดว่าสร้อยขาด มันจะหมายถึงสิ่งที่ไม่ดี นี่ไง...ตอนนี้มันก็ดีขึ้นแล้ว" ไตรภูมิยื่นสร้อยให้ ปลายฉัตรรับสร้อยเส้นใหม่ที่ดูเก๋ไก๋กว่าเดิมมามอง แต่ใจยังคิดวนเวียนด้วยความไม่สบายใจ

"สร้อยขาด คุณเปลี่ยนเส้นใหม่ให้ฉันได้...แล้วถ้ามันเป็นปัญหาอื่น คุณจะช่วยฉันได้หรือเปล่า" ปลายฉัตรเงยหน้ามองไตรภูมิ ไตรภูมิตอบปลายฉัตรด้วยแววตามุ่งมั่นและนํ้าเสียงหนักแน่น

"ถ้ามันเป็นปัญหาที่เกิดมาจากฉัน...ฉันไม่ปล่อยให้เธอต้องลำบากแน่นอน" แล้วไตรภูมิก็หันหลังเดินนำออกไป
ปลายฉัตรยิ้มได้ เธอมองรูปพ่อในล็อกเกตพลางเกิดคำถามขึ้นในใจ

"ปลายจะไว้ใจคำพูดของผู้ชายคนนี้ได้ไหมคะพ่อ"

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น