วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

ฝีมือของช่างชาวญี่ปุ่นเนรมิตให้ปลายฉัตรเป็นคุณหนูได้ในพริบตา ไตรภูมิมองด้วยความพอใจ ก่อนถามถึงความพร้อมเข้าประมูลของ คุณหนูจำแลงอึกอักเพราะหวั่นเรื่องภาษา

"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมการณ์ไว้อย่างดี ก่อนเข้าประมูลฉันจะบอกเธอเอง"

"แต่ฉันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ปกติอยู่บ้าน ถ้ามีงานใหญ่ ฉันจะไหว้พระสวดมนต์ ไหว้พ่อ ขอพร แต่อยู่ที่นี่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ฉันไม่มั่นใจไงไม่รู้"

ไตรภูมิมองหน้าปลายฉัตร แล้วลากขึ้นรถไปไหว้พระที่วัดชินเทนโน วัดเก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างนั้น รามกับมายาเพิ่งมาถึงประเทศญี่ปุ่น กำลังจะตรงไปยังงานประมูล

ใกล้เวลาประมูลแล้ว ปลายฉัตรกับไตรภูมิมาปรากฏกายหน้าโรงแรม ไตรภูมิส่งโทรศัพท์มือถือให้ปลายฉัตร ไว้ใช้ติดต่อระหว่างประมูล

"เธอไม่ต้องทำอะไร เปิดเครื่องไว้ และรอฟังคำสั่งจากฉัน ฉันบอกให้เริ่ม เธอค่อยเริ่ม แล้วก็อย่าหยุดจนกว่าจะได้ของ"

"ฉันสู้ตายอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง..."

ทั้งสองคนเดินมาเกือบถึงหน้าห้องประมูล ไตรภูมิหยุดบอกกับปลายฉัตร "ฉันจะไปรอเธออยู่ที่ห้องรับรองข้างๆ"

เมื่อถึงห้องรับรองไตรภูมิโทร.หาปลายฉัตร หญิงสาวรับสายและเชื่อมบลูธูท ได้ยินคำสั่งให้เริ่มงานได้ เธอตอบรับ แล้วเชิดหน้าเดินไปที่ห้องประมูล

ooooooo

ปลายฉัตรเดินเข้ามาในห้องประมูล ในมือถือเบอร์ 9 ไว้ เธอเลือกที่นั่งใกล้ลำโพง แล้วหันโทรศัพท์ไปใกล้ลำโพงให้มากที่สุด พิธีกรพูดเปิดการประมูลเป็นภาษาอังกฤษ ไตรภูมิฟังข้อความผ่านบลูธูทอย่างตั้งใจ

การประมูลเริ่มแล้ว แต่รามกับมายายังมาไม่ถึง ปลายฉัตร ยกป้ายหมายเลข 9 ขึ้นๆ ลงๆ ตามคำสั่งของไตรภูมิ แล้วในที่สุดก็ประมูลหยกแกะสลักรูปผู้หญิงจากสมัยราชวงศ์หมิง ไปได้ในราคา 15 ล้านเยน ไตรภูมิยิ้มพอใจลุกเดินออกจากห้องรับรอง พร้อมกับสั่งการผ่านโทรศัพท์

"ฉันจะติดต่อกับผู้จัดการประมูลให้ส่งของไปที่โรงแรม เธอรีบออกจากการประมูล ฉันจะไปรอที่เดิม"

"ค่ะ" ปลายฉัตรตอบรับแล้วลุกเดินออกจากห้องประมูล

รามและมายาเพิ่งมาถึงห้องประมูล รามสั่งมายาให้ไปตามหาไตรภูมิ ส่วนเขาเองตามหาปลายฉัตรแล้วแยกกันค้นหา รามเข้ามาในห้องประมูล เห็นที่ตั้งสมบัติราชวงศ์หมิงในห้องว่างเปล่า มีเพียงรูปติดอยู่ก็กัดฟันด้วยความแค้น รีบโทร.หามายา

"ของโดนประมูลไปแล้ว ผู้หญิงไม่ได้อยู่ในงาน รีบไปดักรอที่หน้าโรงแรม"

"รับทราบค่ะ" มายารีบวางสายเดินออกไป

ไตรภูมิยืนรอปลายฉัตรอยู่หน้าโรงแรม ครู่เดียวหญิงสาวก็เดินออกมา

"เธอทำงานดีมาก ก่อนกลับโรงแรม ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่ง ถือว่าเป็นโบนัสพิเศษที่ทำงานสำเร็จ" ไตรภูมิเดินนำไปหาพนักงานที่ทำหน้าที่เรียกรถแท็กซี่แล้วสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่น

"แท็กซี่หนึ่งคันไปโอซาก้าคาสเซิ่ล"

พนักงานเดินออกไป ขณะปลายฉัตรและไตรภูมิยืนรอรถ มายาเหลือบมาเห็นเข้า เธอโทร.บอกราม แต่รามมาไม่ทัน เป้าหมายขึ้นแท็กซี่ออกไปแล้ว มายาวิ่งไปถามสถานที่ไปของคนทั้งสองจากพนักงาน แล้วบอกรามก่อนรีบตามไป

ปลายฉัตรกับไตรภูมิเดินอยู่ที่หน้าปราสาทโอซาก้า หญิงสาวเดินนำหน้าไปด้วยความตื่นเต้น โดยมีไตรภูมิทำหน้าที่ไกด์เล่าเรื่องราวของปราสาทให้ฟังอย่างเป็นกันเอง จนสาวเจ้าถึงกับแปลกใจในความรู้ของชายหนุ่ม

"เธอทำงานให้ฉันดี ฉันก็ต้องให้รางวัลนิดหน่อย...ก็แค่นั้นเอง"

สิ้นเสียง ไตรภูมิเดินนำไปที่พิพิธภัณฑ์ ปลายฉัตรผิดหวังเล็กๆ แต่เมื่อเห็นของในพิพิธภัณฑ์ก็ตาโต เธอหารู้ไม่ว่ารามกับมายาตามมาถึงหน้าปราสาทแล้ว

"แยกกันตามหา ฉันจะไปดูรอบๆ เธอขึ้นไปดูข้างบนถ้าสมบัติอยู่กับมัน ให้ทำลายทันที" รามสั่ง

"ค่ะ" มายาเดินแยกออกไป

ปลายฉัตรกับไตรภูมิยืนอยู่ที่ชั้น 8 ตรงระเบียงปราสาท ดื่มด่ำกับทัศนียภาพในมุมสูง

"ชอบหรือเปล่า" ไตรภูมิหันมา

ปลายฉัตรมองไปรอบๆแล้วตอบ "ชอบสิ...ทั้งสวย ทั้งขลัง ฉันชอบของเก่าๆอยู่แล้ว ยิ่งได้ไปเดินดูในพิพิธภัณฑ์ยิ่งมีความสุข คุณเองก็ชอบของเก่าเหมือนกัน คงเข้าใจ"

"เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบของเก่า ฉันอาจจะต้องทำเพราะความจำเป็นก็ได้" ไตรภูมิพูดลอยๆ

ปลายฉัตรนึกได้ถามถึงเรื่องคำสาปของถ้ำมังกรอมตะ

"แล้วเธอ...คิดว่ามันมีจริงหรือเปล่า"

"อืมม์...ฉันว่าไม่น่ามีหรอก...คำสาปให้เป็นอมตะไม่เห็นจะน่ากลัวเลย เป็นอมตะก็ดีออก อยู่ไปเรื่อยๆไม่ต้องแก่ไม่ต้องใช้ครีมหน้าเด้ง ถ้าคำสาปมันมีจริง สาปอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ อย่าง...สาปให้ตายภายในเจ็ดวันไรเงี้ยะ น่ากลัวกว่าอีก"

"ความเป็นอมตะมันอาจจะไม่ดีอย่างที่เธอคิด เพราะเธอไม่ตาย แต่คนที่เธอรักต้องตาย เธอจะต้องไปงานศพคนรักนับครั้งไม่ถ้วน และสุดท้ายถ้าไม่อยากเจ็บปวด เธอก็ต้องอยู่ คนเดียวโดยไม่รักใครอีกเลย"

ปลายฉัตรมองหน้าไตรภูมิ สัมผัสถึงความเศร้าที่ซ่อนลึกอยู่ในแววตา ชายหนุ่มมองหญิงสาวก่อนถามความต้องการเป็นอมตะ

"แค่พ่อตาย ฉันร้องไห้อยู่ตั้งนาน ถ้าฉันต้องอยู่ไปเรื่อยๆ แล้วไปงานศพคนโน้นคนนี้ ฉันคงเศร้า ฉันขอตายตามอายุขัยดีกว่า อะมะตง อะมะตะ ไม่อยากเป็นหรอก"

ปลายฉัตรตอบอย่างมั่นใจ แล้วถามเรื่องวิธีทำให้พ้นจากคำสาป ไตรภูมิจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนชวนออกไปหาอะไรทาน

ooooooo

รามเดินมาถึงบริเวณสวน หยุดมองหาไตรภูมิกับปลายฉัตรแต่ไม่พบ มายาก็หาสองคนในปราสาทไม่พบเช่นกัน ครั้นไตรภูมิกับปลายฉัตรเดินลงมาจากตัวปราสาทแล้ว หญิงสาวขอเข้าห้องน้ำ ทำให้รามที่อยู่ในสวนมองเห็นปลายฉัตรพอดี

เมื่อทำธุระเสร็จปลายฉัตรเดินออกมาที่สวนข้างตัวปราสาท เพื่อจะไปสมทบกับไตรภูมิที่รออยู่ด้านหน้า รามที่รออยู่แกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์เป็นภาษาไทยเสียงดัง ปลายฉัตรดีใจที่พบคนไทย เมื่อรามหันมาส่งยิ้มให้ เธอก็เข้าไปทักทายตามประสาคนอัธยาศัยดี แนะนำให้รามไปพักที่โรงแรมเดียวกับเธอ แถมยังจดชื่อโรงแรมให้

ระหว่างที่ปลายฉัตรคุยอยู่กับราม อินทร์โทร.มารายงานไตรภูมิเรื่องรามและลูกน้องบุกมาที่บ้านและทำร้ายกรบาดเจ็บสาหัส ไตรภูมิกำมือแน่นรีบถามอาการกัณฑ์ด้วยความเป็นห่วง

"ค่อยๆดีขึ้น แต่คงต้องใช้เวลา ตอนที่คุณรามมา ยังไม่รู้เรื่องการประมูลที่ญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่า จะรู้หรือยัง นายท่านระวังตัวด้วย และอีกหนึ่งเรื่อง คือตอนนี้คนที่บ้านของปลายฉัตร ทราบแล้วว่าเธอไม่ได้ไปภูเก็ต และสงสัยว่าเธอจะไปญี่ปุ่นกับนายท่าน..."

ไตรภูมิฟังแล้วนิ่งคิด...เขาหันมาที่ปราสาทพลันสายตาสะดุดเข้ากับมายา เขารีบหันหลังกลับทันที แล้วบอกกับอินทร์ว่า รามกับมายามาถึงญี่ปุ่นแล้ว ให้ยกเลิกเครื่องที่จะมาโอซาก้า แต่ให้ไปรับที่สนามบินโกเบ

จังหวะนั้นเอง มายาที่ยืนอยู่บนปราสาทก็เห็นไตรภูมิเดินปะปนอยู่กับผู้คนด้านล่าง เธอรีบวิ่งตามลงมาและโทร.แจ้งราม รามที่กำลังแอบตามปลายฉัตรอยู่ห่างๆ หยุดรับโทรศัพท์ เป็นเวลาเดียวกับที่ไตรภูมิโทร.มาตามปลายฉัตรพอดี

"ค่ะ...ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้" ปลายฉัตรหันมาไม่เห็นใคร ก็รีบเลี้ยวและเดินไปอีกทางที่ไตรภูมิรออยู่

ปลายฉัตรเล่าเรื่องราวของหนุ่มไทยที่มาคุยด้วยให้ ไตรภูมิฟัง ไตรภูมิมั่นใจว่าต้องเป็นรามแน่ จึงเร่งให้ปลายฉัตรขึ้นรถกลับไปเก็บของที่โรงแรมโดยเร็วที่สุด

รถไตรภูมิแล่นออกไป คลาดกับรามและมายาวิ่งออกมาด้านหน้าปราสาทเพียงนิดเดียว ทำให้มายาหงุดหงิดที่ตามไม่ทัน แต่รามส่งยิ้มร้าย เพราะรู้แล้วว่าไตรภูมิพักอยู่ที่ไหน เขาหยิบชื่อโรงแรมออกมายื่นให้มายา

ขณะที่ไตรภูมิกลับมาเก็บของที่โรงแรมนั้น สิงห์มาหาปลายฉัตรที่บ้าน เพราะครบกำหนดสี่วันแล้ว แต่ต้องผิดหวัง เพราะเธอยังไม่กลับ ลุงฉิ่งกับมหาเข้ามาคุยกับสิงห์ แล้วชวนไปบุกบ้านไตรภูมิอีกครั้ง

"ฉันว่าใจเย็นๆดีกว่านะ พี่ฉิ่ง พี่มหา สิงห์...บางที...เรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้...อีกไม่นานปลายก็คงจะกลับมา..." เฉิดออกความเห็นและหวังอย่างยิ่งว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

ooooooo

รามกับมายาตามมาที่โรงแรม แต่ไม่พบไตรภูมิ เพราะเขาพาปลายฉัตรนั่งรถออกไปทางประตูด้านหลังแล้ว รามกัดฟันด้วยความแค้น พลางสั่งให้มายาติดต่อเครื่องบินส่วนตัวมารับกลับกรุงเทพฯทันที

ที่กรุงเทพฯ สิงห์กำลังนั่งใจจดใจจ่อรอโทรศัพท์จากปลายฉัตร รอนานเข้าก็ตัดสินใจโทร.หาปลายฉัตรเอง แต่ติดต่อไม่ได้เพราะเธอปิดเครื่อง ระหว่างนั้นจ่าดอนที่ปลอมตัวเป็นคนเก็บขยะสังเกตการณ์อยู่หน้าบ้านไตรภูมิโทร.มารายงาน

"เงียบๆพิกลนะหมวด เหมือนไม่มีคนอยู่"

"ลุงจำหน้าไตรภูมิได้หรือเปล่า"

"จำได้ หมวดไม่ต้องห่วง ผมดูรูปที่ติดอยู่บนบอร์ดทุกวัน อีกอย่างหน้ามันเหมือนผมเด๊ะเลย ผมอาจจะหล่อกว่านิดหน่อย แต่รับประกันเห็นแค่เงาก็จำได้แล้ว"

ดอนวางสาย แล้วรีบกลับมาทำตัวเป็นคนเก็บขยะเหมือนเดิม เขากวาดตามองไปรอบๆเห็นพาลีกับคีรี จอดมอเตอร์ไซค์ซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง จ่าดอนจึงแอบหยิบกล้องถ่ายรูปอันจิ๋วออกมาถ่ายภาพ

ooooooo

ทันทีที่ถึงเมืองโกเบ ไตรภูมิโทร.หาอินทร์เช็กเวลาที่เครื่องจะมารับ ปลายฉัตรหอบกระเป๋าพะรุงพะรังตามมาได้ยินคำว่าเมืองโกเบก็โวยลั่น

"โกเบ นี่ฉันมาโผล่ที่โกเบได้ไงเนี่ย คุณไตรภูมิตอบฉันมาเดี๋ยวนี้นะ นั่งรถมาก็ทำเป็นหลับตาตลอดทาง ถามอะไรก็ไม่ตอบ นี่คุณ เราต้องกลับประเทศไทยวันนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม"

ไตรภูมิไม่สนใจตอบคำถาม เขาบอกกับเธอว่าต้องพักเมืองโกเบ แล้วเดินนำเข้าไปในโรงแรม

"หะ นี่คุณ...คุณไตรภูมิ...คุณไตรภูมิ"

ปลายฉัตรยืนงง มองซ้ายมองขวา แล้วจำใจต้องลากกระเป๋าเดินตามไป และเมื่อตามทันเธอก็โวยวายใส่ไตรภูมิอีกชุด

"ฉันพักที่นี่ไม่ได้นะคุณ วันนี้ฉันต้องกลับบ้าน มันครบกำหนด 4 วันที่ฉันบอกทางบ้านไว้ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องกลับประเทศไทยภายในวันนี้"

"เธอพักห้องนี้ ฉันจะพักห้องข้างๆ ฉันให้เวลาเธอจัดของและเปลี่ยนเสื้อผ้ายี่สิบนาที เจอกันที่ล็อบบี้ จะมีไกด์พาเราไปเทือกเขาร็อคโค ถ้าเธอไม่อยากไปก็อยู่ที่นี่คนเดียว" ไตรภูมิส่งกุญแจห้องให้แล้วเดินไปห้องพักของตน

"ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะกลับบ้าน" ปลายฉัตรตะโกนลั่น

ไตรภูมิจ้างไกด์มาพาชมเทือกเขาร็อคโคที่แสนอลังการ ทัศนียภาพสวยงาม หวังจะไม่ต้องตอบคำถามของปลายฉัตร

แต่หาสำเร็จดังฝันไม่ ปลายฉัตรไม่สนใจฟังคำบรรยายของไกด์เลย รอจังหวะคุยกับไตรภูมิให้รู้เรื่อง

"ผมจะพาคุณทั้งสองคนไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นไปข้างบนนะครับ" ไกด์เอ่ยพลางเดินนำหน้าไป

ปลายฉัตรได้โอกาสรีบโพล่งใส่ไตรภูมิ "เมื่อไหร่คุณจะพาฉันกลับบ้าน ฉันถามมาเป็นร้อยรอบเมื่อไหร่คุณจะตอบฉันสักที"

ไตรภูมิไม่พูดอะไร แต่ชี้ไปที่ไกด์ เป็นทำนองว่า...ให้ทำตามที่เขาบอก

ปลายฉัตรสุดเซ็ง จำใจเข้าไปนั่งในกระเช้าไฟฟ้า มองไปรอบๆเห็นไตรภูมิแยกไปนั่งด้านหลังสุด ทำเหมือนไม่สนใจเธอ ปลายฉัตรจึงทำเมินใส่

ไตรภูมิแอบมองปลายฉัตร แอบหวังว่าจะผ่านวันนี้ไปโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่นานไกด์ก็พาไตรภูมิกับปลายฉัตรมาที่จุดชมวิวอันสวยงาม และอธิบายเรื่องราวแต่ยังพูดไม่ทันจบ ปลายฉัตรโพล่งออกมาอีก

"เลิกทำเป็นนิ่งเงียบแบบนี้สักทีได้ไหม ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้สนใจจะฟังข้อมูลพวกนี้ แต่คุณทำเป็นฟัง เพราะไม่อยากคุยกับฉัน"

ไกด์หน้าเหวอ แต่ไตรภูมิยังนิ่งไม่ตอบโต้

"ฉัน-ต้อง-กลับ-บ้าน-วันนี้" ปลายฉัตรเน้นเสียง

ไตรภูมิหันไปทางไกด์ ขอเวลาไกด์อย่างสุภาพ ก่อนเดินนำปลายฉัตรไปที่รอคโคชินดาเร่ แล้วอธิบาย

"วันนี้เครื่องลงที่สนามบินไม่ได้ กะทันหันเกินไป พรุ่งนี้เราจะออกจากที่นี่ตั้งแต่ตี 5 สำหรับเวลาที่เสียไป ฉันจะชดใช้
เป็นค่าล่วงเวลาให้เธอ"

"เงินคุณ...แก้ไม่ได้ทุกปัญหาหรอกนะ แค่ฉันปิดมือถือไม่ยอมให้ที่บ้านติดต่อมา เพราะไม่อยากโกหก ฉันก็กลุ้มใจจะแย่ แต่ก็คิดว่าถ้ากลับไปอย่างปลอดภัย บอกความจริง พวกเขาคงให้อภัย แต่คุณกลับไม่สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง นึกจะย้ายก็ย้าย นึกจะอยู่ต่อก็อยู่ คุณเคยคิดถึงชีวิตคนอื่นบ้างหรือเปล่า"

"ถ้าฉันไม่คิด ฉันไม่พาเธอหนีมาที่นี่" ไตรภูมิหลุดออกมา แล้วรีบหยุด

ปลายฉัตรชะงักถามว่าหนีอะไร แต่ไตรภูมิไม่ตอบ

"คุณมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า คุณไตรภูมิ...ตกลงคุณเป็นใครกันแน่...คุณบอกฉันมาสิ ว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน คุณให้ฉันมาทำงานอะไรให้คุณ"

"เธอเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีสิทธิ์มาคาดคั้นฉันแบบนี้ และฉันก็ไม่จำเป็นต้องตอบ" ไตรภูมิเสียงดังใส่

ปลายฉัตรรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิว รอบตาร้อนผ่าวๆน้ำตาจะไหล "คุณเคยบอกว่า...จะไม่ปล่อยให้ฉันต้องลำบากจากปัญหาที่คุณเป็นต้นเหตุ กลับถึงประเทศไทยเมื่อไหร่ คุณเตรียมแก้ปัญหาให้ฉันได้เลย ฉันลำบากแน่ ทำให้ได้ตามที่พูดไว้ก็แล้วกัน" ปลายฉัตรสะบัดหน้าเดินไปหาไกด์

ไตรภูมิมองตามแล้วก็ครุ่นคิด ทั้งสองคนแยกจากกันด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

ปลายฉัตรมาบอกไกด์ให้กลับโรงแรม ไกด์ขอไปถามไตรภูมิก่อน เมื่อไตรภูมิอนุญาต จึงพาปลายฉัตรนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงด้านล่าง ระหว่างนั่งอยู่บนกระเช้าปลายฉัตรรู้สึกเศร้ากับคำพูดของไตรภูมิที่ยังดังก้องอยู่ในความคิดน้ำตาเอ่อออกมา

ไตรภูมิเองก็รู้สึกผิดกับหญิงสาว ทำให้ต่างคนต่างอารมณ์หมอง แม้ทัศนียภาพเทือกเขาร็อคโคจะสวยงามปานใด ก็ไม่ได้ช่วยให้ทั้งสองดีขึ้นเลย

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น