วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

ปลายฉัตรรุกถามไตรภูมิเรื่องผีดูดเลือด ไตรภูมินั่งคิด แล้วเอ่ย

"งั้นก็...ตอบไปตามความคิดของเธอ เธอคิดว่าฉัน...เป็นผีดูดเลือดหรือเปล่า"

"ฉันคิดว่า...คุณไม่ได้เป็นผีดูดเลือดแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ผีดูดเลือดมันเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก แล้วก็เป็นนิยายฝรั่ง มันไม่มีทางมีอยู่จริง เพราะฉะนั้น ฉันเลือกที่จะเชื่อว่าคุณไม่ได้เป็นผี ปีศาจ หรืออมนุษย์อะไรทั้งนั้น คุณคือผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อไตรภูมิ รวยมาก พูดน้อย และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ปากร้าย แต่ก็ใจดีเป็นบางครั้ง แถมยังแล้วแต่อารมณ์อีกต่างหาก สรุป คุณก็เป็นแค่ผู้ชายที่เอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็เข้าใจยากมั่กๆ"

ไตรภูมิหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว

"คุณน่าจะหัวเราะแบบนี้บ่อยๆ ค่อยดูเป็นคนขึ้นมาหน่อย แล้วตกลงคุณยังมีงานให้ฉันทำใช่ไหมคะ"

ไตรภูมิพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแทนคำตอบ

"ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณที่ไม่ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แล้วก็ยังให้โอกาสฉันทำงานต่อ"

"ฉันก็ต้องขอบใจเธอ ที่มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน"

ไตรภูมิรู้สึกอยากจะดึงปลายฉัตรมากอด เพื่อขอบคุณกับความรู้สึกดีๆ แต่ทำไม่ได้ แม้ความสัมพันธ์ของเขากับปลายฉัตรจะมีมากกว่าความเป็นเจ้านายและลูกน้องก็ตาม

ooooooo

สิงห์ยอมตามอโนมาพบรามที่ร้านอาหาร เพราะอยากได้ข้อมูลไตรภูมิ เมื่อได้พบกัน สิงห์ขอคุยกับรามเป็นการส่วนตัว รามแม้จะขัดใจนิดๆแต่ก็ยอมเดินตามสิงห์ไป ส่วนอโนได้แต่มองตามด้วยความอยากรู้

"น้องสาวผมบอกอะไรคุณบ้าง"

"อโนบอกว่า คุณกำลังทำคดีเกี่ยวกับผีดูดเลือด และไตรภูมิเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย"

สิงห์หลิ่วตามองราม แล้วถามความเห็นเกี่ยวกับคดีแปลกๆนี้

"ถ้าผมไม่รู้จักไตรภูมิ ผมคงคิดว่ามันแปลก แต่เพราะผมรู้จักเขา ผมเลยคิดว่ามันไม่แปลก เพราะผมอยู่ในวงการค้าของเก่ามาหลายปี แต่ไม่มีใครรู้จักตัวจริงของไตรภูมิสักคน เขาอยู่อย่างลึกลับ ไม่มีประวัติที่ชัดเจน ไตรภูมิหมกมุ่นกับการสะสมสมบัติราชวงศ์หมิงอย่างมาก"

"สมบัติของถ้ำมังกรอมตะ..." สิงห์พึมพำ

"ใช่" รามยิ้มนิดๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะและคำสาปในตำนานให้สิงห์ฟัง

"ตกลงคำสาปที่เกี่ยวกับความเป็นอมตะมันมีจริงหรือเปล่า"

"ผมคงตอบไม่ได้ ผมรู้แค่ว่า...ไตรภูมิอยู่ในวงการค้าของเก่ามาหลายสิบปี ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อผม ทุกคนวันนี้เขาก็ยังอยู่ ทุกคนพูดเหมือนกันว่า...ใบหน้าเขาไม่เคยเปลี่ยน เคยเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เสียดายที่ไม่เคยมีใครถ่ายรูปเขาในอดีตไว้ได้"

"ถ้าไตรภูมิเป็นคนที่เข้าไปในถ้ำ และโดนคำสาป แล้วเขาจะตามรวบรวมสมบัติอีกทำไม"

"ตามตำนาน...บอกว่า สมบัติทั้ง 117 ชิ้น จะทำให้ผู้ที่ครอบครองมีพละกำลังเหนือกว่าคนอื่น ถ้าไตรภูมิรวบรวมสมบัติได้ครบเมื่อไหร่ เขาก็จะมีทั้งความเป็นอมตะ และพละกำลังเหนือมนุษย์ทุกคน และอีกสิ่งหนึ่งที่ตำนานบอกไว้...ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์กับคดีที่คุณทำอยู่ คนที่โดนคำสาป จะไม่กินอาหารเหมือนคนทั่วไป สิ่งที่ทำให้ความเป็นอมตะดำรงอยู่ได้คือ เลือดของมนุษย์ คุณหมวดลองจับตาดูไตรภูมิให้ดีๆบางทีคุณอาจจะปิดคดีได้เร็วๆนี้ โชคดีนะครับ"

รามทิ้งท้าย แล้วก้าวจากไป

ในขณะที่สิงห์กำลังคิดหนักจากข้อมูลที่ได้จากราม ไตรภูมิกำลังดูปลายฉัตรติดตั้งสมบัติที่ได้มาจากญี่ปุ่นอย่างตั้งใจ สักครู่อินทร์เข้ามาบอกข่าวดีว่า พบสมบัติชิ้นที่ 116 แล้ว ไตรภูมิและปลายฉัตรรีบไปหากรที่ห้องทำงาน

"พู่กันลายหงษ์และมังกร ด้ามเคลือบทองคำ ตอนนี้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เจ้าของคือ มิสเตอร์ปีเตอร์ หวัง ตามข่าวบอกว่า มีกำหนดจะประมูลต้นเดือนหน้า" กรรายงานพลางส่งกระดาษปรินต์ภาพพู่กันสลักลายมีทองเคลือบที่ด้ามให้ไตรภูมิ

"ช้าเกินไป ติดต่อมิสเตอร์หวัง บอกว่า เราต้องการซื้อไม่เกี่ยงราคา เราจะโอนเงินให้ทันทีที่เห็นของ" ไตรภูมิสั่ง

กรรีบหันไปที่คอมพิวเตอร์ ปลายฉัตรมองกรแล้วหันมาทางไตรภูมิที่รอฟังผลด้วยความตั้งใจ ระหว่างที่ไตรภูมิรอฟังข่าวจากมิสเตอร์ปีเตอร์ หวัง อยู่นั้น อโนเห็นรามเดินออกไปจากห้องอาหาร เธอรีบเข้าไปถามเรื่องไตรภูมิเป็นผีดูดเลือด แต่รามให้ไปถามสิงห์เอง

อโนช็อกเล็กๆกับกิริยาของราม แล้วหลุดปากบอกรามเรื่องปลายฉัตรกำลังอินเลิฟกับไตรภูมิ รามได้ยินเข้าก็แปลกใจ

ooooooo

ในที่สุดมิสเตอร์ปีเตอร์ หวัง ก็ตกลงขายสมบัติให้ไตรภูมิ เขาให้เลขาฯนำของมาประเทศไทยอีกประมาณ 2 ชั่วโมงข้างหน้า

"ผมจองโรงแรมที่เป็นที่นัดพบไว้แล้ว ส่วนเงินอยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้วครับ กรกับกัณฑ์จะไปกับนายท่าน" อินทร์เอ่ย พลางมองไปทางกัณฑ์ที่ยืนรออยู่ที่รถ

"มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ" ปลายฉัตรยื่นหน้าเข้ามา แต่พอเห็นสายตาทุกคนก็รีบออกตัว "ฉันเห็นทุกคนมีงานทำกันหมด...ฉันไม่อยากยืนเฉยๆเป็นตัวประกอบน่ะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้หรือเปล่า"

ไตรภูมิมองหน้าปลายฉัตร แล้วบอกกับอินทร์ว่า เขาจะไปกับปลายฉัตรสองคน กล่าวจบก็เดินไปที่รถ กัณฑ์มองด้วยสายตางุนงง ปลายฉัตรเองก็งงไม่แพ้กัน เธอรีบขอโทษ เพราะไม่รู้ว่าไตรภูมิต้องการให้เธอไปด้วย

"นายท่านไว้ใจคุณ...พวกเราทุกคนก็ไว้ใจคุณ" อินทร์เอ่ย พลางส่งกระเป๋าเงินให้ปลายฉัตร

ปลายฉัตรรับกระเป๋าไว้ มองอินทร์ กร และกัณฑ์แล้วส่งยิ้มให้ ก่อนเดินตามไตรภูมิไป โดยมีสายตาลูกน้องไตรภูมิมองตาม

"นายท่านได้เลือกแล้ว" อินทร์เอ่ยอย่างมั่นใจ

กรและกัณฑ์ยืนนิ่ง แล้วพยักหน้าด้วยเข้าใจความหมาย

ooooooo

จิตต์กัดฟันกรอดเมื่อฟังรายงานจากมายาว่า สมบัติราชวงศ์หมิงจากถ้ำมังกรอมตะ ถูกไตรภูมิกว้านซื้อไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้พู่กันด้ามทองสลักลายหงษ์และมังกรสมบัติชิ้น 116 ที่จะเปิดประมูลในเดือนหน้า ก็ถูกยกเลิกไปแล้วด้วย

"ไอ้ไตรภูมิ มันต้องชิงซื้อสมบัติชิ้นที่ 116 ก่อนการประมูลแน่ๆ มันคงรู้ว่าเราจับตามองมันอยู่" จิตต์เสียงเครียด

"นายใหญ่ครับ...ถ้ามันได้สมบัติชิ้นนี้ไป ก็เหลืออีกแค่ชิ้นเดียวสิครับ" คีรีถามพรวด

"ก็เออสิวะ สมบัติ 117 ชิ้น มันได้ไป 116 ชิ้น มันก็ต้องเหลืออีกแค่ชิ้นเดียว มันยากตรงไหน ถึงต้องมาถามฉันสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่คืออะไร" จิตต์หันมาทางมายา

"สมบัติชิ้นสุดท้ายที่ยังไม่มีใครเคยเห็น และไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ก็คือ กฤชมังกร"

จิตต์รับรูปกฤชมังกรจากมายามาดูด้วยแววตาครุ่นคิด หวาดหวั่น

ooooooo

แล้วพู่กันด้ามทองสลักลายหงษ์และมังกรก็ตกมาอยู่ในมือของไตรภูมิ ปลายฉัตรยิ้มระรื่นที่ภารกิจเสร็จสิ้น ไตรภูมิพาเธอมาทานข้าวหมูแดงที่ร้านประจำเป็นการฉลอง ปลายฉัตรแอบเขินเล็กๆ แล้วก็นึกขึ้นได้

ว่ามีของต้องคืนไตรภูมิ เธอหันไปเปิดกระเป๋าเป้ หยิบห่อพระพุทธรูปออกมายื่นให้

"นี่ค่ะ...พระที่คุณให้ลุงฉิ่ง ฉันเอามาคืน เพราะเมื่อวานไม่ใช่วันเกิดแกจริงๆ เขาคิดแผนขึ้นมาเพื่อหลอกคุณมากินข้าว ฉันก็เลยเอามาคืนคุณ"

แต่ไตรภูมิไม่ยอมรับ บอกว่าต้องการให้ลุงฉิ่งในโอกาสที่ได้เจอกัน

"ไม่ได้หรอก ของมันแพงเกินไป ฉันให้ลุงรับไว้ไม่ได้ คุณเอาคืนไปเถอะฉันไม่อยากเอาเปรียบคุณ"

ไตรภูมิมองปลายฉัตรแล้วผุดยิ้มออกมาด้วยความพอใจและชื่นชม เขาชวนคุยต่อเรื่องค่าผ่าตัดตาของเฉิด

"ก็หลายแสนอยู่ ครั้งก่อนที่ถามหมอก็สามแสนกว่า รวมค่าโน่น นี่ นั่นอีก ก็เกือบๆห้าแสน"

"พรุ่งนี้ฉันจะบอกให้อินทร์เตรียมเงินค่าจ้างส่วนหนึ่งไว้ให้เธอ หลังจากได้สมบัติชิ้นสุดท้ายแล้ว ฉันจะจ่ายที่เหลือให้ แต่ถ้ายังไม่พอค่าผ่าตัดก็บอก ฉันจะช่วย"

"จริงเหรอคะ...ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมากๆ ฉันจะช่วยคุณตามหาสมบัติชิ้นสุดท้ายให้เจอโดยเร็วที่สุด ถ้าคุณได้ สมบัติครบเมื่อไหร่ แม่จะได้ผ่าตัดสักที รีบกลับไปบอกแม่ดีกว่า ฉันไปจ่ายเงินค่าข้าวก่อนนะ" เอ่ยพลางรีบลุกไป

ไตรภูมิปรายตามองนิดๆ แล้วดึงสายตากลับมาที่ห่อพระ ก่อนจะจากไป

ปลายฉัตรจ่ายเงินเสร็จหันกลับมาที่โต๊ะ เห็นแต่กล่องพระวางอยู่

"อ้าว...พระ ทำไงดี...ถ้าเอากลับไป ลุงฉิ่งต้องไม่ยอมให้คืนแน่ๆ..." ปลายฉัตรคิด...หาทางออก

ooooooo

ขณะไตรภูมิเดินทางกลับ เขาโทร.สั่งให้อินทร์ เตรียมห้องไว้เพื่อเก็บสมบัติชิ้นที่ 116 อินทร์รับคำแล้วเดินไปที่ห้องเก็บสมบัติ เวลานั้นเอง จิตต์พาคีรี กับพาลีมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านไตรภูมิแล้ว

"คืนนี้เราต้องหาที่ซ่อนสมบัติให้เจอ แล้วทำลายสมบัติทุกชิ้นให้สิ้นซาก ยกเว้นกฤชมังกร ห้ามทำให้กฤชมังกรเสียหายเป็นอันขาด" จิตต์สั่งเสียงเข้ม

จิตต์กับลูกน้องแอบเข้าบ้านไตรภูมิอย่างเงียบๆ ต่างแยกย้ายกันหาที่ซ่อนสมบัติ กรที่เฝ้าอยู่หน้าจอเห็นสิ่งผิดปกติ เขาแจ้งกัณฑ์และอินทร์ กัณฑ์วิ่งออกไปเจอพาลี จึงต่อสู้กันด้วยมือเปล่าที่ลานหน้าบ้าน

กรวิ่งออกมาจากห้องเห็นคีรี ต่างเปิดฉากซัดกัน ส่วนอินทร์ที่รีบมาห้องสมบัติแล้วพยายามจะเลื่อนตู้เพื่อปิดทางเข้าออก แต่โดนจิตต์พุ่งเข้าเล่นงาน อินทร์ตั้งรับแทบไม่ทันล้มลง จิตต์ตามกระชากอินทร์ขึ้นมาถามหาที่ซ่อนสมบัติ แต่อินทร์ไม่ยอมบอก จึงโดนซัดกระเด็นออกไป

กรที่สู้อยู่กับคีรีได้ยินเสียงอินทร์ก็รีบผละมาดู คีรีจึงเข้าไปช่วยพาลีเล่นงานกัณฑ์

"ท่านจิตต์..." กรถึงกับผงะด้วยความยำเกรง

"สมบัติอยู่ไหน" จิตต์พุ่งเข้ามาหากร

"ข้า...ข้า...ไม่รู้"

"แกคิดว่าฉันจะเชื่อหรือไงหะ ไอ้พวกหางแถว" จิตต์ โยนกรลอยออกไปนอกบ้าน แล้วหันไปเล่นงานอินทร์ต่อ "พวกแกมันดื้อด้าน อยู่เป็นอมตะดีๆไม่ชอบ ชอบหาเรื่องเจ็บปวด ฉันให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย จะบอกฉันดีๆ หรือจะโดนเผาทั้งเป็น"

พูดจบจิตต์ก็หยิบไฟแช็กออกมาดีดเปิด เปลวไฟลุกพึ่บทันที

ooooooo

ไตรภูมิขับรถใกล้ถึงบ้าน ในวูบนั้น...เขารู้สึกได้ถึงคลื่นบางอย่างที่รุนแรงผิดปกติ จึงเหยียบคันเร่งเต็มที่ เมื่อถึงหน้าบ้านเห็นกัณฑ์โดนพาลีกับคีรีรุมเล่นงานอยู่ในสวน ไตรภูมิรีบเข้าไปช่วยจัดการพาลีกับคีรีแล้วถามหาอินทร์

"อยู่กับท่านจิตต์ในบ้าน" กรตอบ

ไตรภูมิรีบเข้าบ้าน ทันช่วยอินทร์ที่กำลังจะโดนจิตต์เผาพอดี อินทร์ถอยกรูดออกไปทางด้านที่ไฟแช็กกระเด็นไป ไตรภูมิขอร้องให้จิตต์กลับไป แต่จิตต์ไม่ฟัง ยืนยันจะทำลายสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะทิ้งให้หมด แถมยังให้ไตรภูมิเลิกล้มความคิดที่จะถอนคำสาป เพื่อจะได้อยู่กันอย่างสงบเหมือนที่ผ่านมา ถึงจะยอมกลับไปแต่โดยดี

"ขอบคุณ แต่ผมรับไว้ไม่ได้...ไม่ว่ายังไง...ผมต้องถอนคำสาปให้ได้"

"ได้...แกอยากจะตายตามพ่อแกก็ได้...ฉันจัดให้"

จิตต์พุ่งเข้าหาไตรภูมิอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไตรภูมิอาศัยความไวหลบทัน แล้วพยายามพาจิตต์ออกห่างจากห้องเก็บสมบัติ ในที่สุดทั้งสองก็มาหยุดอยู่ในสวน

ลูกน้องที่อยู่ข้างนอกรีบเข้าประกบเจ้านายของตน ขณะนั้นจิตต์ประเมินว่าตัวเองได้เปรียบ จึงสั่งให้ลูกน้องลุย พลันปรากฏเปลวไฟสว่างวาบขึ้น พร้อมกับเสียงของอินทร์

อินทร์โยนคบเพลิงลอยข้ามหัวจิตต์ พาลี และคีรีไป ไตรภูมิรับไว้ได้ แววตาของเขาแข็งกร้าวดุดันแล้วแยกเขี้ยวคำรามเห็นฟันขาว จิตต์ พาลี คีรีเมื่อเห็นคบเพลิงก็ผงะ ถอยกรูด ระหว่างนั้นเปลวไฟพุ่งปราดเข้าหน้าพาลีหนึ่งวูบ

"เฮ้ย" พาลีร้อง หันไปเห็นกร กัณฑ์ และอินทร์ยืนอยู่ ทั้งสามคนถือคบเพลิงอยู่ในมือ พร้อมกับขวดน้ำมัน สมุนจิตต์หน้าเสียหันไปหาเจ้านายที่กำลังคิดหาทางออก

"ครั้งที่แล้ว ลูกน้องของอาเข้ามาเผาคนของผมถึงในบ้าน...วันนี้ผมจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2" ไตรภูมิคำรามเสียงกร้าว

กร กัณฑ์ อินทร์ ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เป้าหมาย

กลางสถานการณ์ตึงเครียดนั้น ปลายฉัตรนั่งแท็กซี่มาถึงพอดี เธอตั้งใจจะเอาพระมาคืนไตรภูมิ เมื่อเห็นรถของชายหนุ่มจอดค้างอยู่หน้าประตูก็นึกสังหรณ์ใจ รีบเข้าไปข้างใน พลันได้ยินเสียงไตรภูมิดังก้อง

"พวกเราไม่เคยรุกรานอาและคนของอาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดสี่ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา เราอยู่อย่างสงบ"

ปลายฉัตรหันไปตามเสียง และค่อยๆเดินตามต้นเสียงไปอย่างแผ่วเบา

"เพราะที่ผ่านมา ฉันไม่รู้ว่าแกแอบสะสมสมบัติ ฉันถึงไม่ทำอะไร ถ้าฉันรู้ว่าแกคิดจะถอนคำสาป ฉันฆ่าพวกแกไปตั้งนานแล้ว" จิตต์พูดพลางแยกเขี้ยวขาววับ

ปลายฉัตรช็อกคำพูดของจิตต์ แต่ก็ยังกัดฟันกลั้นใจ เดินเข้าไปหลังพุ่มไม้ข้างหน้า ด้วยความอยากรู้

"ไม่ว่าพวกแกเก็บสมบัติไว้ที่ไหน ฉันจะต้องหามันให้เจอ และทำลายมันด้วยมือของฉัน จากนั้นฉันจะเผาพวกแก ให้เป็นจุณ เหมือนที่ฉันทำกับพ่อของแก"

"มันจะไม่มีวันนั้น ต่อให้อาฆ่าพวกเราทุกคน อาก็ไม่มีวันหาสมบัติเจอ และการถอนคำสาปจะต้องดำเนินต่อไป ชีวิตที่ไม่มีวันตาย ความเป็นอมตะที่ต้องหล่อเลี้ยงด้วยเลือดของมนุษย์ ถึงเวลาต้องหยุดลงได้แล้ว"

ไตรภูมิแยกเขี้ยวคำรามด้วยเสียงที่ทรงพลังและน่ากลัว ปลายฉัตรเห็นเข้าก็ช็อกสุดขีด มือไม้อ่อน ค่อยๆก้าวถอยหลังอยากจะหนีไปให้พ้น แต่ขาเจ้ากรรมดันไร้กำลังขึ้นมาเฉยๆ เธอหมดแรงล้มลง ปล่อยมือจากกล่องพระมายันพื้นไว้ด้วยสัญชาตญาณ ทำให้กล่องพระหล่นกระทบพื้น

พวกจิตต์และไตรภูมิหันขวับมาที่ต้นเสียง ทุกคนประกายตาดุดัน แยกเขี้ยวขาววับ ด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัว

ด้านปลายฉัตรรู้สึกเจ็บแปลบที่มือ เลือดซึมออกมาเพราะแรงกดลงบนพื้นดินที่มีหินคม ไตรภูมิสูดกลิ่นเลือดที่ลอยมา

"เลือดมนุษย์" ไตรภูมิระเบิดเสียง

"มีคนอยู่ในนี้ หาให้เจอ" อินทร์สั่ง

ในจังหวะที่ไตรภูมิ อินทร์ กร กัณฑ์ เบี่ยงความสนใจออกไป จิตต์ได้โอกาสสั่งให้ลูกน้องกลับ ทั้งสามกระโดดสุดแรง ลอยข้ามออกจากวงล้อม และหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

ปลายฉัตรเห็นเข้าก็รีบคลานถอยหลังหนี แต่ดันไปชนเข้ากับต้นไม้พุ่มเตี้ยๆที่อยู่ข้างหลังอีก อินทร์หันมาเห็นก็สั่งให้กรกับกัณฑ์ไปดู หญิงสาวกรี๊ดสุดเสียงด้วยความกลัว พร้อมกับลุกพรวดขึ้นจากพุ่มไม้ กรกับกัณฑ์หยุดชะงัก

ส่วนไตรภูมิตกใจเขี้ยวหายไป ใบหน้ากลับมาเป็นคนปกติ เขาเรียกชื่อปลายฉัตร เธอหยุดกรี๊ดค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง

กร กัณฑ์ และอินทร์มองหน้ากัน เมื่อเห็นเจ้านายมองปลายฉัตรแล้วก็คิดหนัก

ooooooo

กร กัณฑ์ และอินทร์ กลับเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

"ผู้หญิงคนนั้นรู้ความจริงหมดแล้ว...พวกเราจะเดือดร้อนหรือเปล่า" กัณฑ์เป็นกังวล แต่อินทร์กลับมั่นใจว่า

"เจ้านายคงมีวิธีจัดการไม่ให้พวกเราเดือดร้อน ถ้าปลายฉัตรจะทำให้เราลำบาก เจ้านายคงไม่ปล่อยให้เธอเข้ามาใกล้ความจริงมากขนาดนี้"

กรกับกัณฑ์มองหน้ากัน ก่อนจะก้มหน้ายอมรับ ขณะนั้นปลายฉัตรนั่งตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้ในสนามหน้าบ้าน ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เธอเกาะพระพุทธรูปไว้แน่น เมื่อเห็นไตรภูมิเดินเข้ามา

"อย่าเข้ามานะ...ฉันมีพระนะ" ปลายฉัตรยกพระเป็นโล่

ไตรภูมิเห็นท่าทางของปลายฉัตรแล้วก็ส่ายหน้า เข้ามาดึงพระไปไว้บนโต๊ะข้างๆ ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไร

"อย่าเข้ามานะ...ฉันสู้จริงๆด้วย...ไม่เชื่อลองดูสิ" ปลายฉัตรตั้งการ์ดทำเป็นเก่งแต่ในใจกลัวสุดฤทธิ์

"นี่...เป็นอะไร...เธอเคยบอกว่าไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร...เธอก็ไม่กลัวไม่ใช่เหรอ"

"ก็ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็น เอ้อ จริงๆนี่...แล้วคุณ...ทำไมคุณต้องโกหกฉันด้วย"

"ฉันโกหกอะไร ตั้งสติ แล้วคิดดูดีๆ ตอนที่เธอถามฉันตอบว่าอะไร" ไตรภูมิเสียงเข้ม

ปลายฉัตรพยายามรวบรวมสติคิดทบทวน แล้วก็ได้คำตอบแต่เธอยังแถต่อ

"ถึงจะไม่ได้โกหก แต่คุณก็ไม่ยอมบอกความจริงกับฉัน พูดจาวกวนหลอกให้ฉันคิดไปเอง ฉันเพิ่งรู้...โดนผีหลอกมันเป็นแบบนี้นี่เอง"

"ฉันไม่ใช่ผี"

"โห ฉันเห็นเต็มสองตา ได้ยินเต็มสองหู ยังจะมีหน้ามาหลอกฉันอีกเหรอ"

"โอเค...เธอจะเชื่ออะไรก็ได้...แต่ฉันขอยํ้า...ฉันไม่เคยคิดจะหลอกเธอ ไม่เคยคิดดึงเธอเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ เธอ...เป็นคนพยายามจะเข้ามาเอง เธอเป็นคนเข้ามาหาฉัน มาของานจากฉัน"

"สรุป...ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันงั้นสิ...ที่อยู่ๆก็ลากตัวเองเข้ามาอยู่ภายในวงล้อมของผี หรือครึ่งคนครึ่งผี หรืออะไรก็ไม่รู้ ฉันผิดเอง...มันเป็นความผิดของฉันเอง"

"เธอไม่ผิด เธอแค่รู้ความจริงช้าเกินไป...แต่ตอนนี้เธอก็รู้แล้ว เธอจะวิ่งหนีออกไปและไม่กลับมา หรือ...เธอจะทำงานกับฉันต่อ ทั้งที่รู้ว่า...ฉันไม่ใช่คนเหมือนเธอ"

ปลายฉัตรชะงัก หันขวับมาทางไตรภูมิที่รอลุ้นคำตอบ

"ตอนนี้ฉันยังตอบไม่ได้ ฉันจะตัดสินใจหลังจากที่คุณบอกความจริงกับฉัน ฉันอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวคุณ ความเป็นอมตะ และคำสาป ฉันอยากรู้ว่าจริงๆแล้วคุณเป็นใคร และเป็นอะไรกันแน่"

ooooooo

ไตรภูมิพาปลายฉัตรไปที่ห้องเก็บสมบัติ มีกร กัณฑ์ และอินทร์ตามไปด้วย เขาเล่าเรื่องราวของพระเวทผู้ค้นพบสมบัติราชวงศ์หมิงที่ถูกฝังอยู่ในถํ้ามังกรอมตะให้ปลายฉัตรฟัง

"พ่อคุณ...คือคนเจอสมบัติเหรอเนี่ย แล้วไงต่อมันเกิดอะไรขึ้นในถํ้า แล้วคำสาปมันมายังไง"

ไตรภูมิปรายตามาทางอินทร์ให้เป็นคนตอบ อินทร์เล่าว่า หลังจากที่พระเวทผู้เป็นนายใหญ่รู้เรื่องสมบัติในถํ้ามังกรอมตะจากเพื่อนรักคนหนึ่ง ก็เกิดความมุ่งมั่นจะไปที่ถํ้าให้ได้ พระเวทใช้เวลาไม่นานแกะรอย พาทุกคนรวมทั้งจิตต์น้องชายมาถึงถํ้ามังกรอมตะ และพบสมบัติ 117 ชิ้นอยู่ปะปนกับโครงกระดูกของโจรที่ฆ่ากันตายเพื่อแย่งสมบัติ

เมื่อนายใหญ่สั่งให้รีบขนของออกจากถํ้าให้เร็วที่สุด...อินทร์รับหน้าที่คุมลูกหาบขนสมบัติที่วางกระจัดกระจายอยู่ออกมา ส่วนพระเวทและจิตต์คอยส่องไฟและมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ในขณะที่ทุกคนทยอยออกมาจากถํ้า ก็ได้ยินเสียงค้างคาวร้องอย่างเกรี้ยวกราด ตามด้วยเสียงของจิตต์และพระเวทที่ร้องด้วยความเจ็บปวด

อินทร์รีบกลับเข้าไปช่วยเจ้านาย และพบว่าทั้งสองถูกค้างคาวตัวโตกัดที่ซอกคอ อินทร์ขนหัวลุกรีบลากจิตต์และพระเวทวิ่งออกมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

"พ่อและอาของคุณถูกค้างคาวในถํ้ากัด...เป็นจุดเริ่มต้นของคำสาป แต่เขาโดนกัดแค่สองคน...แล้วทำไมพวกคุณถึงเป็นไปกับเขาด้วย" ปลายฉัตรครุ่นคิด

"พ่อถ่ายทอดความเป็นอมตะมาให้พวกเรา เพราะต้องการให้พวกเราช่วยถอนคำสาป" ไตรภูมิเฉลย

"ถอนคำสาป แสดงว่ามีวิธีทำให้คุณหายจากการเป็นผี เอ่อ...เป็นอมตะ แล้วก็เลิกกินเลือดด้วยเหรอ แล้วมันคืออะไร หรือว่ามันเกี่ยวกับสมบัติจากถํ้า"

"ถูกต้อง วิธีเดียวที่จะยุติคำสาป ทำลายความเป็นอมตะก็คือ นำสมบัติ 117 ชิ้น จากถํ้ามังกรอมตะกลับคืนสู่ ประเทศจีน" อินทร์อธิบาย

ปลายฉัตรเริ่มเข้าใจ เธอถามถึงสาเหตุที่ไตรภูมิต้องต่อสู้กับจิตต์ผู้เป็นอา

"พ่อของผมต้องการจะถอนคำสาป แต่อาจิตต์ต้องการที่จะอยู่เป็นอมตะตลอดไป อาจิตต์ฆ่าพ่อและตามล่าพวกเรา"

"ฆ่า...อ้าว...ไหนบอกว่าเป็นอมตะแล้วอาคุณฆ่าพ่อคุณได้ยังไง"

"เผาทั้งเป็นเป็นทางเดียวที่จะฆ่าพวกเราได้ และต้องเผาให้ร่างกายสลายเป็นผง ไม่อย่างนั้นแผลจะหายและกลับคืนสู่สภาพปกติ"

ปลายฉัตรปะติดปะต่อเรื่องราว แล้วต่อว่าไตรภูมิที่ใช้เธอเป็นไม้กันผีออกหน้าประมูลสมบัติแทน

"นี่ถ้าฉันพลาดพวกนั้นจับฉันกินเลือด คุณจะทำยังไง"

"มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะพวกเราดูแลคุณอย่างดี" กัณฑ์ยืนยันมั่นใจ

ปลายฉัตรทำท่าจะพาลต่อไตรภูมิรีบตัดบท

"ตกลงเธอมีอะไรจะถามฉันอีกหรือเปล่า"

"มี...แต่ตอนนี้คิดไม่ออก คือมันเยอะมากจนฉันลำดับไม่ถูก ฉันขอรู้แค่นี้ก่อนแล้วกัน...ถ้าฉันคิดคำถามออกจะถามใหม่"

"ฉันบอกความจริงเรื่องที่เธออยากรู้แล้ว เธอยังจะทำงานให้ฉันอยู่หรือเปล่า"

ปลายฉัตรชะงัก มองหน้าอินทร์ กร และกัณฑ์ แล้วกวาดตามองไปรอบๆห้องเห็นสมบัติวางเรียงรายอยู่ ครั้นถึงที่ว่างสุดท้ายก็คิดหนัก

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น