ตอนที่ 2
เมื่อแน่ใจแล้วว่า เงาในกระจกนั่นไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นอินตรา มนชญาในร่างอินตราถอยกรูดไปชิดประตู มือปัดไปโดนแก้วตกมาแตก ไม่อยากจะเชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้ พยาบาลวิ่งเข้ามาถามเป็นอะไรหรือเปล่า อินตราหันไปเขย่าตัวพยาบาลว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตนเป็นแบบนี้
"ใจเย็นๆค่ะ คุณเป็นอะไรเหรอคะ"
"ทำไมฉันถึงกลายเป็นพี่อินไปได้คะ"
พยาบาลฟังแล้วงง ประคองอินตราให้กลับไปนอนที่เตียงตามเดิม เพราะคิดว่าคงเกิดจากการกระทบกระเทือนทางสมอง พอดีนพดลเดินเข้ามา อินตราโผเข้าไปหาทันที
"นพ ช่วยมนด้วย มันเกิดอะไรขึ้นกับมนก็ไม่รู้นพ"
"คุณไม่รู้จริงๆเหรออิน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ กับคุณมน"
"ไม่ใช่นะนพ นี่มนไม่ใช่พี่อิน อยู่ดีๆมนก็มาอยู่ในร่าง ของพี่อินได้ยังไงก็ไม่รู้"
"เลิกเล่นละครเถอะอินตรา มันไม่ได้ผลหรอก"
"เล่นละคร...เปล่านะ มนไม่ได้แกล้ง นี่มนจริงๆไม่ใช่พี่อิน ถ้านพไม่เชื่อ นพจะให้มนพิสูจน์อะไรก็ได้"
"อินตรา...ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่ได้ผล เพราะถึงยังไง คุณก็ยังมีความผิดที่คิดทำร้ายคุณมน บุญหรอกนะที่คุณไม่ตาย แค่สลบไปสองวัน แล้วก็มีชาวบ้านไปพบร่างคุณลอยมาติดท่าน้ำ"
ได้ฟังเรื่องแล้วยิ่งสับสน เพราะตัวเองไม่ใช่อินตรา แต่เป็นมนชญา...ในขณะที่อินตราซึ่งอยู่ในร่างของมนชญา กำลังมีความสุขกับชีวิตใหม่ มีภูมินทร์คอยป้อนอาหารให้อยู่ในห้องพักคนไข้ ยุวดีเห็นท่าทีของมนชญาเพื่อนรัก แล้วรู้สึกว่าแปลกไป จึงเอ่ยปากกับภูมินทร์ตอนนั่งรถกลับบ้าน แต่ภูมินทร์คิดว่า มนชญาคงเสียขวัญจากเรื่องร้ายๆที่เจอ
คิดแล้วก็อดโกรธอินตราไม่ได้ ที่ใจร้ายถึงขนาดจะฆ่าแกงกัน...
วันต่อมา นพดลมารับอินตราออกจากโรงพยาบาล อินตราถามนพดลอีกครั้งว่าไม่เชื่อหรือว่าตนคือมนชญา นพดลตอบว่าใช่ เพราะเขารู้จักอินตราดี
"อิน...เลิกเล่นละครเพื่อหนีความผิดสักทีเถอะ ผมว่าวิธีดีที่สุดสำหรับคุณที่จะแก้ไขสิ่งที่คุณทำลงไปก็คือ กลับไปหาคุณมนแล้วขอโทษเธอซะ ผมเชื่อว่าคุณมนต้องให้อภัยคุณ แล้ววันนี้คุณมนก็กำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้วด้วย"
อินตราสีหน้าผิดหวัง แต่อยากเห็นร่างของเธอ และเป็นห่วงพ่อจึงตามนพดลกลับไป...
รถภูมินทร์แล่นเข้ามาในบ้าน มนชญาเกาะแขนภูมินทร์ลงจากรถ กัลยาณีกับทุกคนในบ้านรอต้อนรับ ยุวดีเตือนพี่ชาย "ไหนๆยัยมนก็มาถึงบ้านแล้ว พี่ภูกลับไปประชุมที่บริษัทก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวยุอยู่ดูแลมนเอง"
"ไม่...มนไม่ให้พี่ภูไปไหน พี่ภูต้องอยู่กับมน นะคะ พี่ภู นะคะ"
ยุวดีบอกว่า วันนี้เป็นการประชุมประจำปีของผู้ถือหุ้น มนชญาแว้ดออกมาว่าผู้ถือหุ้นจะมาสำคัญกว่าตนได้อย่างไร ภูมินทร์หนักใจ แต่ไม่อยากขัดใจ บอกจะโทร.ไปเลื่อนการประชุม มนชญาดีใจโผกอดภูมินทร์ กัลยาณีเห็นว่าข้างนอกร้อนจึงชวนทุกคนเข้าบ้าน แล้วนึกได้ว่านพดลหายไปไหน ไม่ทันไร นพดลขับรถพาอินตราเข้ามา ทุกคนหันมองเป็นตาเดียว
พอเห็นอินตราลงมาจากรถ กัลยาณีก็ชักสีหน้าไม่พอใจ อินตราไม่ได้สนใจสายตาใคร เธอมองไปที่ร่างมนชญา พึมพำว่า "เธอเป็นใคร เข้ามาอยู่ในร่างของฉันได้ยังไง"
มนชญาเองก็ตกใจแต่พอตั้งสติได้ก็หลบหลังภูมินทร์ "พี่ภูช่วยมนด้วย พี่อินคิดจะทำอะไรอีกแล้วก็ไม่รู้ มนกลัวค่ะพี่ภู"
"พี่อิน...นั่นพี่อินเหรอคะ พี่อินทำอะไร ทำไมพี่อินถึงเข้าไปอยู่ในร่างของมนได้คะ" อินตราปราดเข้าไปเขย่าตัวมนชญา
มนชญาแกล้งทำเป็นกลัวลานขอให้ภูมินทร์ช่วย ภูมินทร์ปกป้องดันอินตราออกจากตัวมนชญา กัลยาณีโกรธ เข้าผลักอินตราอย่างแรง เอ็ดว่าต่อหน้าทุกคนยังกล้ารังแกมนชญาอีก
"อาณีขา...นี่มนเอง พี่อินบอกความจริงกับทุกคนไปสิคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา"
"จะต้องให้มนพูดอีกเหรอคะพี่อิน ว่าพี่อินขับรถชนมน เพราะพี่อินเกลียดมน พี่อินอยากให้มนตาย พี่อินจะได้ได้ทุกอย่างที่เป็นของมน โดยเฉพาะพี่ภู" มนชญาแสร้งร้องไห้
อินตราอึ้งพูดไม่ออก กัลยาณีพุ่งเข้าตบหน้าอินตรา ด่าว่าเลวที่สุด และเงื้อมือจะตบอีก นพดลดึงมือไว้ กัลยาณีหันมาโวยอย่ามาปกป้อง อย่างไรเสีย วันนี้จะเอาอินตราเข้าคุกให้ได้ ว่าแล้วก็สั่งนิดโทร.เรียกตำรวจ...ไม่นาน ตำรวจสามนายก็มารวบตัวอินตรา ป้านวลกลับจากตลาดเห็นหลานสาวถูกจับก็ตกใจวิ่งเข้าไปดึง ถามตำรวจว่าจับหลานตนทำไม
นิดออกหน้าตอบแทนว่า อินตราพยายามฆ่ามนชญา ป้านวลตกใจวิ่งตามรถตำรวจร้องบอกหลานสาวว่า ไม่ต้องกลัวตนจะตามไปช่วยเอง มนชญายืนมองแอบยิ้มสะใจ
ooooooo
เรื่องที่เกิดขึ้น กัลยาณีสั่งทุกคนในบ้านห้ามพูดให้ไกรสรได้ยิน...ระหว่างที่อินตราถูกขังบนโรงพัก เธอนั่งร้องไห้อย่างเดียวดาย พลันตำรวจพาผู้หญิงสายเดี่ยวสามคนมาขังรวมกับเธอ ผู้หญิงเหล่านั้นโวยวายว่าพวกเธอฉี่ม่วงเพราะกินยาแก้ไข้ แต่ตำรวจไม่สนใจ หญิงสามคนหันมาเห็นอินตรา จำได้ว่าเคยทะเลาะตบตีกันในผับ จึงยิ้มอย่างสะใจแล้วเข้าไปรุมตบตีโดยไม่ฟังคำอธิบายของอินตราเลย
ภูมินทร์อยู่เป็นเพื่อนมนชญาจนค่ำ ตอนจะกลับ มนชญา กอดแขนเดินมาส่งที่รถ เธออดใจไม่ไหว โอบคอภูมินทร์มาจูบปาก ทำเอาชายหนุ่มตกใจ "มน...ทำอะไรน่ะ"
มนชญารู้สึกตัวว่าทำเกินไป จึงแกล้งขวยเขินแล้วขอโทษเขา แค่อยากขอบคุณที่อยู่เคียงข้างเธอ เวลาที่เธอมีเรื่องทุกข์ใจ ภูมินทร์แปลกใจเพราะมนชญาไม่เคยทำตัวแบบนี้ แต่ไม่ติดใจคิดว่าเธอคงจะกลัวมากจริงๆ พอภูมินทร์ขับรถออกไป มนชญายกมือแตะปากยิ้มอย่างสะใจ
เข้าบ้านเดินขึ้นบันไดมาอย่างอารมณ์ดี นพดลออกมาจากห้องไกรสรพอดี เขาจึงถามเธอว่าไม่เข้าไปหาท่านบ้างหรือ ท่านรอพบเธออยู่ทั้งวัน มนชญาชักสีหน้านิดหน่อย แต่เกรงนพดลจะสงสัย จึงเดินเข้าไปพร้อมนพดล มนชญาลังเลกลัวความผิดที่ตัวเองทำไว้ แต่พอนึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในร่างมนชญา ไม่ใช่อินตรา ก็สีหน้าดีขึ้น เข้าไปจับมือไกรสร มองสภาพที่นอนเป็นอัมพาตอยู่ แอบยิ้มสะใจ ไกรสรเห็น
แววตามนชญาก็รู้สึกแปลกๆ แต่ไม่สามารถพูดออกมา
ออกจากห้องไกรสร มนชญาเดินคุยกับนพดล ทำเป็นขอบคุณที่เขาช่วยดูแลไกรสรอย่างดี และรีบออกตัวว่าช่วงนี้ตนคงไม่มาดูแลบ่อยๆ เพราะทำใจเห็นสภาพพ่อเป็นแบบนี้ไม่ได้
"แต่คุณพ่อท่านคงต้องการกำลังใจจากคุณมากกว่าใคร" นพดลแย้ง
"งั้นมนจะพยายาม..." มนชญาตอบอย่างไม่เต็มใจ แล้วขอตัวไปนอน
"แล้วนั่นคุณมนจะเข้าไปห้องนอนอินตราทำไมครับ" นพดลทัก
ตอนที่ 2 (ต่อจากวานนี้)
มนชญาชะงักทำหน้ากลบเกลื่อนว่า จะไปเอาของที่อินตราเอาของตนไป แต่แล้วเปลี่ยนใจบอกนพดลว่า อินตราคงทำเสียหายไปหมดแล้ว พูดจบก็เดินตรงไปทางห้องของมนชญา พอเข้าห้องปิดประตู ก็ถอนใจ “เฮ้ย...เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ”
อินตราในร่างมนชญา มองไปทั่วห้องอย่างกระหยิ่มใจ เปิดตู้เสื้อผ้าเห็นชุดเชยๆก็เอาออกมาโยนทิ้ง มองไปเห็นรูปถ่ายมนชญากับภูมินทร์บนโต๊ะ หัวเตียง เดินไปหยิบมาดู
“ในที่สุดคุณก็หนีฉันไม่พ้น และต่อจากนี้ไป ฉันจะเป็นมนชญาอย่างเต็มตัว ฉันจะทำตัวอย่างที่ยัยมนทำ จะต้องไม่มีใครรู้ว่าฉันคือ...อินตรา” มนชญายิ้มร้ายอย่างมีแผน
ooooooo
แผนแรกของมนชญา คือชวนภูมินทร์ไปประกันตัวอินตราออกมา เพื่อทำให้เขาเห็นว่าตนจิตใจงดงาม ระหว่างที่ภูมินทร์ไปทำเรื่อง มนชญาเดินมายืนหน้ากรงขัง เห็นสภาพบอบช้ำบนใบหน้าของอินตราแล้วสมเพช อินตรารู้สึกตัวหันมามองเห็นมนชญาก็ดีใจปรี่เข้ามาเกาะลูกกรงถาม “พี่อิน...พี่อินมาช่วยมนออกไปแล้วใช่มั้ยคะ”
“ใช่ ฉันมาช่วยเธอ”
“แล้วพี่อินบอกให้ทุกคนรู้เรื่องของเราแล้วใช่มั้ยคะ”
“ยัง...และฉันจะไม่บอกใครด้วย เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะฉันมีความสุขม้ากมากเวลาได้อยู่ในร่างของเธอ ได้เป็นลูกสาวที่แท้จริงของคุณไกรสรนักธุรกิจพันล้าน ไม่ใช่เป็นแค่ลูกกาฝากที่มีแต่คนรังเกียจ แล้วเธอก็อย่าพยายามบอกเรื่องของเราให้คนอื่นรู้เด็ด
ขาด เข้าใจมั้ย ไม่ยังงั้นคุณพ่อจะไม่ได้แค่เป็นง่อยแน่...”
“พี่อินอย่าทำอะไรคุณพ่อนะ มนขอร้อง”
“อันนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เธอนะมนชญา ว่าเธอจะทำตัวได้น่ารักแค่ไหน จำเอาไว้ว่า ชีวิตของคุณพ่ออยู่ที่เธอ และเธอก็น่าจะรู้นะว่าคนอย่างฉัน ถ้าไม่พอใจอะไร ฉันทำได้ทุกอย่าง”
อินตราหน้าเสีย ทั้งกลัวทั้งเสียใจ พอดีภูมินทร์เดินมาพร้อมตำรวจ มนชญาถอยออกให้ตำรวจไขประตูปล่อยอินตราออกมา ภูมินทร์มองอินตราอย่างโกรธๆ
“อินตรา...ในเมื่อมนอุตส่าห์ให้โอกาสคุณมากขนาดนี้ คุณก็น่าจะกลับตัวกลับใจได้แล้วนะ”
อินตรามองภูมินทร์น้ำตาไหลเป็นทาง อยากบอกเขาเหลือเกินว่าตนคือมนชญา แต่เกรงพ่อจะเป็นอันตราย มนชญายิ้มอย่างพอใจ ควงแขนภูมินทร์ชวนกลับ ก่อนจะหันมาอวยพรให้อินตราโชคดี ทั้งสองพากันกลับไปโดยปล่อยให้อินตรายืนอยู่เดียวดายหน้าโรงพัก
ภูมินทร์ภูมิใจในตัวมนชญามากที่รู้จักให้อภัย ทั้งที่เขาไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่อินตราไม่ได้รับโทษเลย มนชญายิ้มอย่างพอใจ ออดอ้อนให้ภูมินทร์พาเธอไปช็อปปิ้งเป็นรางวัล...
ในขณะที่อินตราเดินอย่างไม่รู้จะไปไหน จนมานั่งร้องไห้ที่ป้ายรถเมล์...ขณะเดียวกัน นพดลรู้จากป้านวลว่า มนชญาไปประกันตัวอินตราออกมา เธอห่วงว่าอินตราจะไปอยู่ที่ไหน นพดลจึงตามไปดูที่โรงพัก เห็นอินตรานั่งร้องไห้อยู่ จึงจอดรถร้องเรียก อินตราเงยหน้ามาเห็นนพดลก็ดีใจขึ้นมาหน่อย แต่ด้วยความอ่อนแรงและบอบช้ำ จึงเป็นลมหมดสติไป
นพดลพาอินตรามาให้หมอตรวจร่างกาย หมอบอกว่า แผลตามร่างกายอักเสบจึงเป็นไข้ หมอจัดยาให้และบอกให้พักผ่อนมากๆก็จะหาย...จากนั้น นพดลพาอินตรามาทานข้าว เห็นเธอทานจนหมดเกลี้ยงจึงทักว่าท่าทางจะหิวมาก
“ก็มน...เอ่อ ฉันยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อวานนี่จ๊ะ ยังไงก็ต้องขอบใจนพมากนะ ถ้านพไม่มาหาฉัน ฉันคงแย่แน่ๆเลย”
“แล้วนี่จะไปไหนต่อ เดี๋ยวผมไปส่ง” นพดลมองอินตราอย่างแปลกใจ
อินตราส่ายหน้า นพดลจึงถามทำไมไม่ไปอยู่กับแฟน อินตราทำหน้างง นพดลหาว่าอินตราแกล้ง “คุณไม่ต้องมาทำหน้าใสซื่อใส่ผมหรอกน่า ผมรู้จักคุณดี คุณคิดจะอ้อนให้ผมพากลับไปบ้านใช่ไหมอินตรา”
“เปล่านะจ๊ะนพ แต่ความจริงฉันก็อยากจะกลับบ้าน กลับไปหาคุณพ่อ แต่ฉันรู้ว่าฉันยังกลับไปไม่ได้ ตอนนี้ฉันไม่เหลือใครแล้ว ทุกคนที่ฉันรัก ที่ฉันรู้จัก เขาก็รังเกียจฉันกันหมด”
แม้จะงงกับความเปลี่ยนแปลงของอินตรา แต่นพดลก็อดให้ความช่วยเหลือไม่ได้ เขาจัดแจงซื้อของใช้จำเป็น และพาเธอไปเช่าบ้านหลังเล็กๆให้อยู่ แถมให้เงินไว้ใช้ติดตัว อินตราซาบซึ้งใจ บอกนพดลว่า เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว ตนจะคืนเงินให้
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำพอที่จะเห็นคนที่โตมาด้วยกันลำบาก แต่ผมคงจะช่วยคุณครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะถึงยังไงคุณก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคนที่พยายามจะฆ่าลูกสาวของผู้มีพระคุณของผม”
อินตราน้ำตาร่วง บอกนพดลว่าตนเข้าใจ แต่ขออะไรเขาอย่างหนึ่ง ขอให้เขาดูแลไกรสรแทนตนด้วย นพดลยิ่งแปลกใจถามว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป อินตราอยากจะบอกความจริงแต่กลัวคำขู่ของมนชญาที่จะทำร้ายไกรสร ประจวบกับนพดลดักคอว่าอย่าบอกว่าเป็นมนชญาอีก อินตราจึงพูดไปว่า ตนรู้สึกผิดในทุกสิ่งที่เคยทำ นพดลยินดีด้วยที่อินตราสำนึกได้
ooooooo
ภูมินทร์พามนชญามาที่บ้าน กุ๊กไก่หลานสาวอุ้มตุ๊กตาวิ่งมากอด เพราะกุ๊กไก่รักมนชญามาก บอกว่าตนคิดถึงและน้องลูกเจี๊ยบก็คิดถึง มนชญางงถามว่าใครคือน้องลูกเจ๊ียบ กุ๊กไก่ชูตุ๊กตาในมือ บอกว่านี่ไงที่มน–ชญาเป็นคนซื้อให้วันเกิด กุ๊กไก่งอนที่มนชญาลืม
“เอ่อ...คุณอาจำได้ค่ะ แค่คุณอาแกล้งหยอกน้องลูกเจี๊ยบเฉยๆ คุณอาอยากรู้ว่าน้องลูกเจี๊ยบจะงอนหรือเปล่า”
ทุกคนหัวเราะ ไม่ติดใจสงสัย ยุวดีเข้ามาถามว่า ไปปล่อยตัวอินตราทำไม แล้วตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน วารีตัดบทอย่าไปสนใจเลย แล้วชมมนชญาที่จิตใจดี มนชญาทำเป็นบอกว่าไม่รู้จะโกรธไปทำไม ในเมื่อตนก็ปลอดภัยดี ทุกคนชื่นชมความเป็นคนดีของมนชญา แต่ในใจมนชญาเองเจ็บใจที่ทุกคนรุมว่าอินตรา โดยไม่รู้ว่าเธอคืออินตรา...
นพดลกลับมาบอกป้านวลว่าเขาพาอินตราไปเช่าบ้านอยู่แล้วไม่ต้องห่วง นิดแอบฟังมารายงานกัลยาณี มนชญานั่งฟังอยู่ด้วย โกรธนิดที่พูดจาไม่ดีถึงอินตรา เผลอปรี๊ดใส่แล้วรู้สึกตัวทำทีเป็นเห็นใจไม่อยากให้จิกเรียกอินตรา เพราะถึงอย่างไรก็เป็นลูกคุณพ่อ แล้วทำเป็นขอกัลยาณีให้ปล่อยป้านวลช่วยเหลืออินตราบ้าง อย่างไรเสียก็เป็นป้าหลานกัน...จากนั้น มนชญาก็เลียบเคียงถามนพดลถึงที่อยู่ของอินตราเผื่อจะแวะไปเยี่ยมบ้าง
แต่ที่จริงแล้ว มนชญาโทร.บอกวายุให้ไปหาอินตรา อ้างว่า อินตราคิดถึงเขาใจจะขาด วายุไม่รู้เรื่องอะไรรีบไปหาอินตราหวังจะได้เงินอีก...อินตรานั่งเศร้าอยู่ในบ้านเล็กๆ คิดถึงภูมินทร์จึงไปโทรศัพท์สาธารณะหา แต่ไม่พูดอะไร ได้แต่ฟังเสียงเขาเฉยๆก็พอใจ พอเดินออกจากตู้โทรศัพท์ วายุวิ่งมากอด อินตราตกใจผลักไสเขาออก
“ปล่อยฉันนะ คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ”
“ถ้าคุณจำผมไม่ได้ คุณก็คงจำทุกคนบนโลกนี้ไม่ได้แล้วแหละ เราสองคนมีเรื่องดีๆเด็ดๆให้จำกันเยอะจะตาย คุณอยู่ที่ไหนเหรอ เราเข้าบ้านกันเถอะ ผมคิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้วนะ” วายุลากอินตราเข้ามุมมืดซุกไซ้ซอกคอเธอ
อินตราดิ้นรนขัดขืน ร้องตะโกนให้คนช่วย ชาวบ้านแถวนั้นได้ยินเข้ามาช่วย วายุตกใจวิ่งหนีไป อินตรายกมือไหว้ชาวบ้านขอบคุณ วายุแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงของอินตรา...
กัลยาณีเรียกป้านวลกับนพดลมาเอ็ดเรื่องที่ช่วยเหลืออินตรา มนชญาได้ยินไม่พอใจแต่ต้องเก็บความรู้สึกไว้ พอกัลยาณีใช้นิดไปชงกาแฟจึงอาสาไปทำแทน มนชญาแกล้งเอาน้ำถูบ้านผสมในถ้วยกาแฟชงมาให้ กัลยาณีกินแล้วรู้สึกสากปาก แต่มนชญาบอกว่าเป็นกาแฟอราบิก้ายี่ห้อใหม่ กัลยาณีจึงฝืนกินจนหมดถ้วย...ศักดิ์วิ่งมารายงานว่า มีคนเอารถสปอร์ตมาส่ง ทุกคนออกมาดู กัลยาณีถามว่าใครสั่งซื้อ มนชญาจึงบอกว่าตนเอง กัลยาณีถามว่าจะสั่งมาทำไม ในเมื่อรถเธอก็เพิ่งเปลี่ยนไม่ถึงปี มนชญาแสร้งทำหน้าเศร้า บอกว่าเธอสั่งมาให้อินตราเพื่อปลอบใจที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไรในบริษัท แต่พอดีเกิดเรื่องเสียก่อน กัลยาณีเข้ามาลูบไล้ตื้นตันกับความมีน้ำใจของหลานสาว จึงไม่ติดใจ ปล่อยให้มนชญาใช้รถคันนั้นไปแทนดีกว่าสั่งมาเสียเงินเปล่า...มนชญาขึ้นรถขับออกไปยิ้มเยาะกับความโง่ของทุกคน เธอมุ่งหน้าไปหาอินตราที่บ้านเช่า
ooooooo
ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ได้ร่างกลับคืนมา อินตราฟุบหน้าร้องไห้อยู่กับตัวเอง มนชญาเดินเข้ามามองสภาพบ้านยิ้มเหยียดทัก
“ต๊าย...น่าสมเพชจัง ลูกสาวนักธุรกิจร้อยล้าน ต้องมาอยู่ในบ้านโกโรโกโสอย่างนี้ เธอคงลำบากน่าดูสินะ อินตรา...
เอ้อ ว่าแต่เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง วายุเขาถึงใจดีมั้ย”
“วายุ...พี่อินสั่งให้ผู้ชายคนนั้นมาหามนเหรอคะ ทำไมพี่อินทำแบบนี้”
“อ้าว...ก็ไหนๆเธอเป็นฉันแล้ว เธอก็ควรจะได้รับทุกอย่างที่ฉันเคยได้สิจ๊ะ ส่วนร่างกายของมนก็ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะทำให้มันได้อะไรๆตื่นเต้นๆบ้างไงล่ะ ไหนๆเกิดมาแล้ว มันต้องใช้ให้คุ้มค่า”
“พี่อินอย่าทำให้ร่างกายอินแปดเปื้อนนะคะ”
“เสียใจ ตอนนี้ร่างนี้มันเป็นของฉันไปแล้ว เพราะฉะนั้นฉันมีสิทธิ์จะทำอะไร ยังไงก็ได้ เอ...หรือจะเริ่มจากคุณภูก่อนเลยดี”
ขาดคำ ภูมินทร์ก็โทร.เข้ามือถือมนชญา เธอจงใจเปิดสปีกเกอร์โฟนให้อินตราได้ยิน
“มนกำลังคิดถึงพี่ภูอยู่เลยค่ะ แล้วพี่ภูล่ะคะคิดถึงมนบ้างหรือเปล่าเอ่ย”
“คิดถึงซิจ๊ะ...”
อินตราได้ยินเมินหน้าหนีน้ำตาไหล มนชญาแกล้งพูดจาออดอ้อนจนอินตราต้องเดินเลี่ยงไปที่อื่น ไปนั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน มนชญาตามมามองยิ้มอย่างสะใจ...
กลับมาที่บริษัท เลขาฯหอบแฟ้มมาวางบนโต๊ะเพื่อให้มนชญาเซ็น เธอก้มหน้าเซ็นทันที เลขาฯถามว่าไม่อ่านดูก่อนหรือ มนชญาตอบว่า เธอไว้ใจพนักงานทุกคนอยู่แล้ว
ooooooo
เสียใจอย่างบอกไม่ถูก อินตรามากราบเจดีย์กระดูกแม่ ร่ำไห้รำพันเรื่องที่เกิดขึ้นกับตน จนไม่รู้จะอยู่อย่างไร มีแต่คนรังเกียจ อินตราเอื้อมมือไปลูบไล้ภาพแม่ ร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงแม่ชีจันดังขึ้น “สิ่งที่เกิดขึ้นกับหนู ไม่มีใครจะช่วยหนูได้หรอก”
อินตราหันมามองเห็นแม่ชีจันนั่งอยู่บนพื้นใต้ร่มไม้ จึงเข้ามากราบ “แม่ชีคะ มนไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับมน ทำไมมนกับพี่อินถึงสลับร่างกันอย่างนี้คะแม่ชี”
“มันเป็นไปตามคำอาฆาตของเจ้าของร่างนี้ตั้งแต่อดีตชาติ” แม่ชีจันเปรย
อินตราไม่เข้าใจ แม่ชีจันเล่าว่า อดีต...เจ้าของร่างคือเอี่ยมแค้นที่ถูกทิ้งให้จมน้ำตาย ในขณะที่เห็นท่านทัดว่ายน้ำไปช่วยบัวซึ่งก็คือมนชญา จึงสาปแช่งถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้บัวทรมานจนตายเหมือนอย่างที่ตัวเองเป็น หนำซ้ำชาตินี้เมื่อปีก่อน วันที่ภูมินทร์กับมนชญาไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง เกิดสุริยคราสขึ้น อินตราได้เปลี่ยนดอกไม้ที่มนชญาถวายพระคู่กับภูมินทร์เป็นของตัวเองแทน แล้วอธิษฐาน “ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้อินตราคนนี้ ได้รักได้สมหวังแทนแม่มนชญาบ้างเถิ้ด...”
แม่ชีจันกล่าวว่า “ปรากฏการณ์สุริยคราสนั้น ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ วันที่เกิดปรากฏการณ์นี้ จึงถือเป็นวันที่มีอาถรรพณ์ เรื่องเหนือความคาดคิดใดๆจึงเกิดขึ้นได้”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วอีกนานไหมคะแม่ชี กว่าที่มนจะชดใช้ให้พี่อินหมด”
“แม่ชีไม่รู้ รู้แต่ว่าตามดวงชะตาหนู เปรียบเสมือนพระจันทร์ ส่วนเจ้าของร่างนี้เขาเปรียบเป็นพระอาทิตย์ เมื่อทั้งสองสิ่งวนมาทาบทับกันเมื่อใด หนูกับเขาก็ไม่สามารถกลับร่างเดิมได้อีก”
“หมายความว่า ถ้าเกิดปรากฏการณ์สุริยคราสอีกครั้ง มนก็อาจจะต้องอยู่ในร่างพี่อินตลอดไปอย่างงั้นเหรอคะ” อินตราเริ่มร้องไห้โฮ
“แต่หนูจำเอาไว้ ไม่ว่าวิญญาณของหนูจะอยู่ในร่างไหนมันไม่สำคัญ จิตใจที่ดีงามต่างหากล่ะที่สำคัญ และจิตใจที่ดีงามจะเป็นสิ่งที่คุ้มครองหนู จำเอาไว้นะ” แม่ชีจันเตือนด้วยแววตาสงสารและเห็นใจ
ooooooo
ทำอะไรก็ไม่เป็น เอกสารก็ขี้เกียจอ่าน มนชญาเบื่อหน่ายจึงคว้ากระเป๋าออกไปหาภูมินทร์ที่บริษัท ถามพนักงานข้างล่างว่าห้องทำงานภูมินทร์อยู่ชั้นไหน พนักงานบอกว่าอยู่ชั้น 15 ทั้งที่แปลกใจว่ามาหากันอยู่บ่อยๆ ทำไมต้องถาม
กิ่งกาญจน์ เลขาฯสาวที่พยายามยั่วยวนภูมินทร์เอาแฟ้มเอกสารมาให้ในห้อง และแกล้งเบียดชิดชี้ตำแหน่งที่ต้องเซ็นแต่ละหน้า มนชญาเปิดประตูเข้ามาเห็นกิ่งกาญจน์ให้ท่าภูมินทร์ก็โกรธจนลืมตัว ตรงเข้ากระชากกิ่งกาญจน์เหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ภูมินทร์ตกใจเข้าประคองให้ลุกขึ้น ปากก็ตำหนิมนชญาว่าทำอะไร
“แม่นี่เป็นใครคะพี่ภู” มนชญาย้อนถาม
“คุณกิ่งกาญจน์ เลขาฯของพี่ไงมน” ภูมินทร์ตอบแล้วขอโทษขอโพยกิ่งกาญจน์
กิ่งกาญจน์ยิ้มอ้อนๆเหลือบมองมนชญาตาขวาง ทำให้มนชญารู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นภัย ภูมินทร์หันมาถาม “เป็นอะไรไปจ๊ะ ทำไมถึงต้องโมโหคุณกิ่งกาญจน์ขนาดนี้ด้วยล่ะ”
มนชญาไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จึงแกล้งทำท่าจะเป็นลม กิ่งกาญจน์มองอย่างไม่อยากเชื่อ เดินออกจากห้องท่าทางโกรธบ่นว่ามนชญาทำเป็นใสซื่อมานาน ที่แท้ก็หลอกให้ภูมินทร์ตายใจ
มนชญาเดินตามออกมาได้ยิน สวนทันควัน “ก็คงไม่น้อยไปกว่าแกนักหรอก”
กิ่งกาญจน์สะดุ้ง มนชญาเข้ามาจ้องหน้าถาม “ทำไมเป็นเลขาฯ เงินเดือนมันไม่พอกินหรือไง ถึงต้องมาจ้องจับเจ้านายทำผัว”
“นี่ถ้าคุณภูรู้ว่าคุณมาพูดจาต่ำๆอย่างนี้กับฉัน คุณภูต้องไม่พอใจแน่ๆค่ะ” กิ่งกาญจน์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง มนชญาย้อนถามว่าจะทำไม ลองดูก็ได้ว่า ภูมินทร์จะเชื่อใคร
ว่าแล้วมนชญาก็หยิบถ้วยกาแฟบนโต๊ะมาเทราดตัวเอง แล้วทิ้งแก้วลงแตกเพล้ง ภูมินทร์ออกมา มนชญาแสร้งร้องไห้ก้มมองคราบกาแฟบนเสื้อตัวเอง ภูมินทร์รีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่ภู คุณกิ่งคงไม่ได้ตั้งใจเอากาแฟราดมน”
“กิ่งเปล่านะคะคุณภู คุณมนนั่นแหละค่ะ เอากาแฟราดตัวเอง”
ภูมินทร์งง มนชญาดันเขากลับเข้าห้อง ทำทีไม่อยากมีเรื่อง ทำเอากิ่งกาญจน์ยืนอ้าปากค้างด้วยความงง ภูมินทร์ไม่ยอมจะเอาเรื่อง เขาให้กิ่งกาญจน์ขอโทษมนชญา มิฉะนั้นเขาคงทำงานร่วมกับเธอไม่ได้ กิ่งกาญจน์จำต้องยกมือไหว้ขอโทษ มนชญาแอบยิ้มเยาะ...ภูมินทร์จะพามนชญากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงเข้าห้องไปเอากระเป๋าให้ มนชญาหันมากระซิบเยาะ
“แกคงรู้แล้วสินะว่าพี่ภูเขาเชื่อใคร แล้วต่อไปนี้ก็อย่ามายุ่งกับพี่ภูอีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
ภูมินทร์ออกมาพร้อมกระเป๋าถือของมนชญา และพาเธอเดินไป กิ่งกาญจน์มองตามอย่างโกรธจัด “ต๊าย...ในเมื่อแกประกาศเป็นศัตรูกับฉัน ฉันก็จะไม่มีวันยอมแพ้แกนังมนชญา”
ในลิฟต์ มนชญาออดอ้อนให้ภูมินทร์พาเธอไปซื้อชุดใหม่แล้วไปเที่ยวต่อกัน แต่ภูมินทร์กลับบอกว่า เธอไม่ค่อยสบายอย่าเพิ่งเที่ยวเลย กลับไปทานข้าวที่บ้านดีกว่า เขาถือโอกาสเยี่ยมไกรสรด้วย มนชญาทำหน้าเซ็ง
ooooooo
หน้าบ้าน อินตรามาเกาะรั้วมองเข้าไปในบ้านด้วยความคิดถึงไกรสร เห็นมะปรางกำลังป้อนข้าวพ่ออยู่ตรงระเบียง ก็ร้องไห้อยากเข้าไปกอดใจแทบขาด พลันเห็นรถภูมินทร์แล่นมา จึงรีบหลบ แอบมองภูมินทร์ประคองมนชญาเข้าบ้าน ภูมินทร์รู้สึกผิดสังเกตจึงบอกให้มนชญาเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาจะไปเอาของในรถแล้วไปเจอกันที่ห้องไกรสรเลย
ภูมินทร์เดินอ้อมมาจับแขนอินตราที่หลบอยู่หลังต้นไม้ ถามจะมาก่อกวนอะไรอีก
“มน...เอ่อ ฉันเปล่านะคะ ฉันแค่เป็นห่วงคุณพ่อก็เลยแวะมาเยี่ยม”
“คนอย่างคุณเหรอจะห่วงใครเป็น นอกจากตัวเอง...บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณคิดจะมาทำอะไรที่นี่” ภูมินทร์บีบแขนอินตรา จนเธอเจ็บร้องโอ๊ย เขาจ้องตาเธอ เห็นแววตาเศร้าๆเหมือนมนชญา ก็ชะงัก สะบัดหน้าไม่อยากเชื่อ “คุณนี่มันเล่นลูกไม้เก่งเหมือนเดิม เลยนะ แต่อย่าคิดนะว่าน้ำตาแค่นี้ จะทำให้คนที่นี่ใจอ่อนอีก
เพราะทุกคนเขารู้ทันคนอย่างคุณกันหมดแล้ว”
“ไม่จริง ทุกคนกำลังเข้าใจฉันผิด”
ภูมินทร์บีบไหล่ทั้งสองข้างของอินตรา “เข้าใจผิดเหรออินตรา ผมอาจจะยอมฟังคุณบ้างหรอกนะ ถ้าผมไม่ได้เห็น สิ่งที่คุณทำด้วยตาตัวเอง แต่ในเมื่อมนให้อภัยคุณ ผมก็ยอม ให้อภัยคุณเหมือนกัน จงจำเอาไว้นะอินตรา ถ้าคุณมาแตะต้อง มนชญาอีกแม้เพียงปลายเล็บ ผมไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่”
อินตราถูกภูมินทร์ผลักล้มลง แล้วเดินไป ปล่อยเธอ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเดียวดาย เมื่อมนชญาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาที่ห้องไกรสร เห็นมะปรางป้อนข้าวพ่ออยู่ แต่ไม่เห็นภูมินทร์จึงถามหา มะปรางตอบว่ายังไม่เข้ามาเลย มนชญาแปลกใจ พอดีได้ยินเสียงภูมินทร์ทักทายกับกัลยาณี มนชญารีบดึงชามข้าวจากมะปรางมา ทำท่าป้อนข้าวและพูดคุยกับไกรสร ผิดจากเมื่อสักครู่ ภูมินทร์ถือของเยี่ยมเข้ามาสวัสดี แล้วส่งหนังสือที่นำมาให้ มนชญาไว้อ่านให้ไกรสรฟัง มนชญาทำหน้าเบื่อๆแต่ทำเป็น ยิ้มแย้มบอกไกรสรว่า คืนนี้เรามีนัดกันอีกแล้วสินะ
มะปรางอึดอัดใจมาบ่นในครัวถึงความเปลี่ยนแปลงของมนชญา นพดลเองก็เห็นด้วย...
คืนนั้น มนชญานั่งข้างเตียงไกรสร เปิดหนังสือไปมา แล้วบ่น “มีแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด มนไม่อ่านให้ฟังหรอก ขี้เกียจ...” พอเห็นสายตาไกรสร ก็โยนหนังสือลงบนเตียงถาม “มองอะไรคะคุณพ่อ คงแปลกใจล่ะสิว่าทำไมมนถึงไม่เหมือนมนชญาลูกสาวแสนดีอ่อนหวานของคุณพ่อคนเดิม จะบอกอะไรให้นะคะ ถึงคุณพ่อจะลำเอียงกับอิน แต่สวรรค์ไม่ได้ลำเอียงเหมือนคุณพ่อหรอกค่ะ”
มนชญายิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ไกรสร มองตามอย่างไม่เข้าใจ...มนชญากลับมาที่ห้อง เห็นนาฬิกา เพิ่งสี่ทุ่ม ไม่คิดจะนอนเร็วเหมือนมนชญาตัวจริง จึงคว้ากระเป๋าออกไปท่องราตรี นั่งดื่มชิวๆอยู่คนเดียวที่ผับประจำ วายุเข้ามาทักทายเพราะจำได้ว่าเป็นน้องสาวอินตรา เขาใช้มุก หลีสาวเดิมๆ ทำให้มนชญารู้ทัน แต่พอวายุชมว่ามนชญาสวยและดูดีกว่าอินตราเท่านั้น มนชญาก็คว้าแก้วเหล้าสาดใส่หน้าวายุด้วยความโกรธ วายุกลับชอบใจ คิดจะจับมนชญาให้อยู่หมัดเหมือนอินตรา
ooooooo
วันต่อมา พนักงานถือเอกสารเข้ามาหานพดล ให้ดูว่าไม่สามารถเบิกจ่ายเช็คได้ นพดลเอาเอกสารมาถามมนชญาที่ห้องทำงาน และเลยถามว่าเมื่อคืนออกไปไหนมา เขาได้ยินเสียงรถกลับมาตอนตีสอง มนชญาแก้ตัวว่าออกไปวันเกิดเพื่อนเพราะขัดไม่ได้ แล้วถามนพดลว่าต้องการให้เธอเซ็นอะไร
“ผมไม่ได้ให้คุณเซ็นอะไรหรอก แต่ผมอยากให้คุณมนดูทางฝ่ายบัญชีไม่สามารถเบิกเงินกับธนาคารได้ เพราะลายเซ็น คุณไม่เหมือนเดิม” นพดลเอาเอกสารเก่าให้ดูลายเซ็น
มนชญาอึ้ง แก้ตัวว่าเธอปวดหัวยังไม่หายดี แล้วเธอจะเซ็นให้ใหม่ พอนพดลออกไป มนชญาก็ปัดเอกสารทั้งหมดตกโต๊ะไป “มันจะอะไรนักหนา แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ยังไงฉันก็จะต้องเป็นทุกอย่าง อย่างที่แกเป็นให้ได้...”
มนชญามาหาอินตราที่บ้านเช่า บังคับให้เซ็นชื่อเป็นตัวอย่างให้ อินตราถามว่าจะเอาไปทำไม มนชญาโมโห เอาความปลอดภัยไกรสรมาขู่
“พี่อินจะกล้าทำร้ายคนที่เลี้ยงดูพี่อินมาเหรอคะ”
มนชญาบีบคางอินตรา “ไม่ต้องเอาบุญคุณของพ่อแกมาทวงกับฉัน บุญคุณของพ่อกับฉัน มันหมดลงตั้งแต่วันที่ฉันเอาแกออกมาจากตะรางแล้ว และต่อไปนี้ฉันจะทวงสิทธิ์ของฉันคืน”
อินตราขอร้องอย่าทำร้ายไกรสร และยอมเซ็นชื่อให้เป็นตัวอย่าง มนชญาขู่ว่าความปลอดภัยของไกรสรขึ้นอยู่กับการ ทำตัวของเธอ...
ระหว่างที่กิ่งกาญจน์นั่งเครียดอยู่ ยุวดีแวะมาหาภูมินทร์ เพราะเบื่อไม่รู้จะไปไหน โทร.หามนชญาก็ไม่รับสาย หมู่นี้ทำท่าเหินห่าง เห็นท่าทางซึมๆของกิ่งกาญจน์จึงถามภูมินทร์ว่ากิ่งกาญจน์เป็นอะไร ภูมินทร์ตอบว่ามีปัญหากับมนชญานิดหน่อย ยุวดีแปลกใจ
“คนอย่างยัยมนน่ะเหรอคะ มีปัญหากับคนอื่น สงสัยโลกคงใกล้จะแตก...ยุเป็นเพื่อนกับยัยมนมาตั้งแต่เด็กๆ แค่มองตา ยุก็รู้แล้วว่ามนคิดยังไง แต่...ยุก็ว่ามนแปลกๆไป เหมือนไม่ใช่คนเดิม” ยุวดีชักลังเล ผิดสังเกตเหมือนกัน
ภูมินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่เชื่อตามที่ยุวดีพูด
ooooooo
คืนนั้น มนชญาสั่งห้ามทุกคนเข้าไปรบกวน อ้างว่าจะเข้านอนแต่หัวค่ำ แท้จริงแล้วเธอหัดเซ็นลายเซ็นมนชญา เธอเซ็นแล้วขยำทิ้งอยู่หลายแผ่นกว่าจะได้เหมือนของจริง
วันรุ่งขึ้น มนชญาออกไปทำงานแล้ว อินตรามาเกาะรั้วบ้านอีกครั้ง เห็นมะปรางก็ขอร้องให้เธอได้เข้าเยี่ยมไกรสร สักครั้ง มะปรางสงสารยอมปล่อยให้อินตราเข้ามาแต่กำชับให้ รีบกลับออกไป นิดเห็นเข้า แล่นไปรายงานกัลยาณี พออินตรา เดินเข้าบ้านมา นิดก็เอาน้ำถูบ้านสาดใส่ กัลยาณีหัวเราะร่า และไล่ให้ออกไป อินตราขอร้องขอเยี่ยมไกรสร เธอก้มลงกราบท่ามกลางความตกตะลึงของนิดกับมะปราง แต่กัลยาณีกลับบอกว่า
“เผอิญว่าสิ่งที่แกทำไว้กับฉันมันมากมายเกินกว่าที่แกกราบเท้าฉัน แล้วฉันจะให้อภัยได้ ฉันไม่มีวันให้แกเข้าไปพบคุณพี่อีก แล้วแกก็ไสหัวออกไปจากบ้านฉันก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ”
ป้านวลวิ่งออกมาประคองอินตรา กัลยาณีสั่งให้พาอินตรา ออกไป ป้านวลพาอินตรามานั่งคุยนอกรั้วบ้าน ถามทุกข์สุขและให้เงินไว้ใช้ติดตัว ขาดเหลืออย่างไรให้โทร.บอก อินตรา ยกมือไหว้อย่างซาบซึ้ง และรับปากว่าจะใช้คืนให้ อินตราโผกอดป้านวล ทำเอาป้านวลร้องไห้โฮ เพราะในชีวิตไม่เคยได้รับ การสัมผัสที่ดีจากหลานสาวเลย...
ระหว่างที่อินตราเดินปาดน้ำตามาตามถนน นพดลขับรถกลับมาเห็น จึงเรียกให้ขึ้นรถเขาจะไปส่ง พอถึงหน้าบ้านเช่า นพดลถามอีกครั้งว่าเธอไปที่บ้านไกรสรทำไม
“ฉันไปเยี่ยมคุณพ่อ นพ...ต่อไปนพช่วยมาบอกอาการของคุณพ่อให้ฉันรู้หน่อยได้ไหม ไม่ว่าคุณพ่อจะดีขึ้นหรือแย่ลงยังไง ฉันก็อยากรู้ นะจ๊ะนพ ฉันขอร้อง” อินตราเกาะแขนเว้าวอน
นพดลลังเลก่อนจะยอม แต่ขอข้อแลกเปลี่ยนว่าเธอจะไม่ไปที่บ้านอีก อินตรารับปาก...วายุขับรถมาจอดเห็นอินตรา เกาะแขนนพดลอยู่ก็คิดว่าอินตรามีที่หมายใหม่ ถึงหมางเมินกับเขา จึงเข้าไปคว้าแขนอินตราต่อว่า อินตราตกใจยื้อแขนกลับ
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่คนรักของคุณ ฉันไม่ใช่พี่อิน ฉันไม่รู้จักคุณ...”
“แต่ผมรู้จักคุณ นี่คุณคิดจะทิ้งผมจริงๆเหรออิน” วายุรุกเร้า
นพดลเข้าช่วย บอกให้ปล่อยอินตรา เมื่อวายุไม่ปล่อย เขาจึงชกหน้าวายุล้มลงและไล่
“ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามายุ่งกับอินตราอีก ไม่อย่างนั้น ผมจะเรียกตำรวจมาจับคุณ”
วายุโกรธชี้หน้าอาฆาตทั้งสองคนก่อนจะกลับไป นพดลหันมามองอินตราด้วยความแปลกใจ ทำไมเธอถึงบอกว่าตัวเองไม่ใช่อินตรา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขามองอินตราอย่างค้นหา เหตุผล
ooooooo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น