ตอนที่ 9
หลังจากคุยกับเสาวรสวันนั้นแล้ว อารยาถูกพวกแม่ๆถามว่าผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรมั่ง ไหนสัญญาว่าจะเล่าให้ฟังหมดไง จนกระทั่งแม่พินเตือนว่า ผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวมาก เธอไม่ทันเขาหรอก แม่พินย้ำอีกว่าที่เสาวรสพูดมานั้นไม่จริงเขาพูดเพื่อหลอกล่อเธอเท่านั้น
อารยาก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำครัว ปลูกต้นไม้ ร้อยอุบะ ไม่พูดไม่จากับใคร จนแม่พินบอกว่าไม่พูดกับใครมาสองวันแล้ว เชยคางขึ้นดูบ่นว่านัยน์ตาแห้งหน้าซีดเชียวพูดลอยๆว่า
“ทำไมปล่อยให้ผู้หญิงอย่างนั้นมาทำให้คุณน้อยเป็นขนาดนี้” ไม่ว่าแม่พินจะพูดอย่างไร อารยาก็เอาแต่ก้มหน้าทำงานเงียบๆจนแม่พินบอกว่า “คุณหนูถามว่า คุณน้อยหายไปไหน ไม่เห็นหน้ามาสองวันแล้ว สั่งว่าเย็นนี้กลับมาต้องพบ ถ้าวันนี้ยังไม่พบ พรุ่งนี้เธอออกเวรอยู่บ้านทั้งวัน ถ้าไม่พบน้อยอีก...”
แม่พินหยุดแค่นั้น อารยาเงยหน้าถาม “คะ?” แม่พินจึงพูดหน้าตาเฉยว่า
“เธอพูดไว้แค่นี้ ป้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไร”
ooooooo
ที่หน้าตึก อารยาโผล่มาจะวิ่งไปทางท่าน้ำ เห็นนายสุขขับรถมา เธอชะงักลังเลนิดหนึ่งแล้วตัดสินใจวิ่งผ่านไป รุจสั่งให้นายสุขจอดรถ เขาลงจากรถเดินเร็วๆ ไปทางท่าน้ำ เห็นอารยาพายเรือออกไปแล้ว
รุจเดินกลับมาที่ห้องโถงในบ้านซักไซ้แม่ๆทั้งสามอย่างตึงเครียดว่าบอกอารยาตามที่ตนสั่งรึเปล่า อย่าให้อารยาทำกิริยาที่ไม่สมควรกับตนอีก ถามว่าอารยาพูดเหตุผลที่ทำอะไรแปลกประหลาดอย่างนี้ไหม
แม่พินมองไปทางแม่ละม่อมกับแม่พร้อมเชิงขอความช่วยเหลือ แต่สองแม่เมินไปทางอื่น แม่พินเลยตอบเสียงไม่เต็มปากเต็มคำว่า “เอ้อ...ไม่ได้พูดค่ะ”
“ฉันต้องการรู้เหตุผลของเขา ถ้าเหตุผลนั้นฟังขึ้น ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีกต่อไป จะอนุญาตให้เขาทำได้ตามใจ แต่ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้น เขาต้องหยุด แม่พินบอกอารยาด้วย” รุจสั่งเสียงเข้มแล้วหันมองสองแม่ “แต่ไม่ใช่แม่ม่อมกับแม่พร้อมจะอยู่เฉยๆสบายใจ พูดแค่นี้แม่ทั้งสองคงรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
พอรุจเดินออก สามแม่มองหน้ากัน ทำท่าลมตีขึ้นจะเป็นลมเสียให้ได้
เมื่อถูกบีบคั้นหนักเข้า แม่ๆทั้งสามก็ไปเล่าเรื่อง
เสาวรสมาเรียกอารยาไปคุยให้รุจฟัง
ตกเย็นขณะอารยากำลังง่วนอยู่กับการขุดดินปลูกต้นไม้ รุจก็ไปพูดอย่างเย็นชาว่าตนรอรับประทานอาหารเย็นควรรีบไปเพราะตนหิวแล้ว
รุจใจเย็น รอจนทานอาหารเย็นเสร็จ เขาบอกให้เธอไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหน่อย อารยาขอโทษเพราะตนนัดชาลีไว้แล้ว รุจหันไปสั่งแม่พร้อมทันทีว่า
“แม่พร้อมไปที่ท่าน้ำคอยบอกชาลีว่า วันนี้ยกเลิกนัดเพราะอารยาไม่ว่าง”
ooooooo
พอแม่พร้อมบอกชาลี เขาไม่เชื่อเพราะอารยาไม่เคยผิดนัด ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แม่พร้อมอึกๆอักๆ ทำให้ชาลียิ่งไม่เชื่อตัดพ้ออย่างน้อยใจว่า
“ป้าพร้อมครับ ป้าพร้อมเคยเข้าข้างชาลีไม่ใช่หรือครับ ทำไมวันนี้ป้าพร้อมทำกับผมอย่างนี้” แม่พร้อมยืนยันว่าอารยาไม่ว่างจริงๆ ชาลีไม่เชื่อ รำพึงรำพันว่า “คุณน้อยนัดผมจะพูดเรื่องวันเกิดคุณน้อยมะรืนนี้แล้วนี่ครับป้าพร้อม เรายังไม่ได้วางแผนอะไรกันเลย”
เมื่อหาเหตุผลจากแม่พร้อมไม่ได้ ชาลีเชื่อว่าต้องเป็นคำสั่งของรุจแน่ๆ แม่พร้อมไม่กล้าพูดขอร้องชาลีว่า “คุณชาลีเชื่อป้านะคะ พรุ่งนี้ป้าสัญญาว่าคุณชาลีต้องได้พบคุณน้อยแน่นอนค่ะ”
ชาลีกลับไปด้วยความรู้สึกสับสน เข้าใจไม่ได้ ถึงท่าน้ำที่บ้านก็ยกพายฟาดน้ำแตกกระจาย ทำเอาทั้งวัฒนาและคุณนายพนาเวสตกใจ ปลอบจนใจเย็นแล้วถามไถ่จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอชาลีโทษว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของรุจแน่นอน วัฒนาก็ติงน้องชายว่า
“ชาลีคิดโทษคุณรุจทั้งที่ยังไม่รู้ คิดโทษเขาให้ใจเป็นทุกข์ทำไม น้อยเขาไม่มีสิทธิ์ไม่ว่างเหรอ”
เลยกลายเป็นพี่น้องโต้เถียงขัดใจกัน จนผู้เป็นแม่ต้องไกล่เกลี่ยหว่านล้อมให้ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์ คุณนายทั้งโกรธทั้งขำที่สองพี่น้องทะเลาะกันทีไร ตนก็มีแต่บอกให้ใช้เหตุผลทุกที เป็นอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็เรียกทั้งสองมาบ่นว่า
“เบื่อ แม่เบื่อเธอสองคน โตแล้วทั้งคู่ มีเรื่องกันทีไรทะเลาะกันอย่างกับไม่ใช่พี่น้อง...เบื่อ...ฉันยังไม่เคยทำตัวน่าเบื่อกับแม่ของฉันเหมือนพวกเธอเลย” พูดแล้วลุกเดินไปเลย
ชาลีกับวัฒนามองหน้ากัน แล้วสะบัดหน้าไปคนละทางอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
ooooooo
เมื่อรุจขอให้ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนจนเธอเลี่ยงไม่ได้ อารยาเดินเกร็งไปกับเขา จนเขาบอกว่าเดินตามสบายแต่เธอก็ยังอดเกร็งไม่ได้ ครู่หนึ่งรุจจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“แม่สามคนบอกฉันว่าเสาวรสมาพูดอะไรให้เธอไม่สบายใจจริงหรือเปล่า”
อารยารับคำเบาๆ เขาถามว่าเสาวรสพูดอะไร เธอกลับเงียบ พอถูกเขาถามซ้ำเธอบอกว่าไม่ค่อยเข้าใจ เขาดักคอว่าแล้วร้องไห้ทำไม อารยาก้มหน้าตอบไม่ออก เขาพูดต่ออย่างจะให้เธอพูดให้ได้
“ไม่ยอมพูดจากับใครอยู่สองวัน คนที่เธอไม่พูดด้วยไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย คนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาคง นอนหลับสบายทุกคืนเพราะทำให้คนบ้านนี้ปั่นป่วนไปหมด ฉันรวมอยู่ในคนที่เธอไม่พูดด้วย บอกได้ไหมว่า สาเหตุอะไรฉันถึงถูกลงโทษอย่างนี้”
อารยายังนิ่งเขาจ้องหน้าบอก “เพียงแต่เธอบอกเท่านั้นว่าเสาวรสพูดอะไร”
“น้อยขอไปหาชาลีได้ไหมคะ” อารยารวบรวมความกล้าเอ่ยขอ รุจนิ่งเมินหน้าไปทางอื่น อารยาใจเต้นไม่เป็นส่ำรอดูท่าทีเขา สุดท้ายเขาพูดเรียบๆว่า
“ใกล้ค่ำแล้วอย่าเพิ่งไปเลย”
เมื่อเดินกลับมาถึงหน้าตึก เขากำชับเธอว่า “พรุ่งนี้ฉันออกเวร ถ้าฉันเรียกเธอเมื่อไหร่ฉันต้องการให้เธออยู่” อารยามองหน้าถามว่าทำไมหรือ “นานๆฉันจะอยู่บ้านเสียที บางทีจะไปเที่ยวแถวนี้หรือบางทีฉันอาจจะไปเก็บดอกบัว”
อารยาเกี่ยงให้นายสุขพายเรือพาไป รุจตอบกำกวมกวนๆว่า
“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น เหมือนกับที่อาจจะให้เธอพาย”
แต่พอเธอขอไม่พาย รุจมองหน้านิ่งแววตาอ่อนโยนลึกซึ้งจนอารยาหลงเข้าไปในสายตาคู่นั้น แต่พอดีไฟหน้าตึกเปิด ทั้งคู่สะดุ้งถอยห่างจากกัน รุจผายมือเชิญเธอเข้าตึก เธอเดินไปอย่างว่าง่าย
ooooooo
รุ่งขึ้นขณะทานอาหารเช้าด้วยกัน รุจชวนเธอไปเที่ยวพระสมุทรเจดีย์ อารยาชะงักมองหน้าเขาอย่างคิดไม่ถึง พอมณีที่รับใช้อยู่แถวนั้นไปเล่าให้
สามแม่ฟัง แม่ทั้งสามลุกพรวดจากเก้าอี้ถามพร้อมกันว่าจริงหรือ พอมณียืนยัน แม่พร้อมทำหน้าจ๋อยพึมพำ “โธ่เอ๋ย...คุณชาลีของฉัน”
สายๆ ทั้งสองไปที่พระสมุทรเจดีย์ด้วยกัน เข้าไปไหว้พระในโบสถ์ ต่างอธิษฐาน แต่ก็มีแอบมองกันแว่บๆ พอสบตาก็มองไปทางอื่น และเมื่อไปที่องค์พระเจดีย์ รุจบอกว่าตนไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระสมุทรเจดีย์เลย อารยาจึงบรรยายอย่างละเอียดเพราะอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก และทางโรงเรียนก็สอนนักเรียนทุกคนให้รู้ถึงสัญลักษณ์ประจำถิ่นนี้ด้วย
ฟังอารยาแล้วรุจถามทึ่งว่าทำไมเธอถึงรู้เรื่องดี
“เด็กนักเรียนโรงเรียนปากน้ำจะรู้เรื่องทุกคน คุณรุจไปเรียนโรงเรียนฝรั่งที่พระนคร คุณรุจจึงไม่ทราบ”
“เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องไปเรียนโรงเรียนประจำที่พระนคร” รุจหน้าเครียดขึ้น
“น้อยเข้าใจ...น้อยเข้าใจค่ะ” อารยาหลบตาเขาที่จ้องมาอย่างแรงกล้า เขาขอบใจ แววตาที่มองเธออ่อนแสงลง
เมื่อกลับถึงบ้านรุจิโรจน์ ปรากฏว่าแม่พินเย็บเสื้อน่ารักให้อารยาสำหรับใส่ฉลองวันเกิด อารยาน้ำตาคลอคิดถึงแม่ขึ้นจับใจ บอกแม่ทั้งสามว่า
“คิดถึงแม่เหลือเกินค่ะ วันเกิดน้อย แม่เคยอยู่ด้วย...แม่เคยบอกว่า วันเกิดน้อย ถึงแม่อยู่ที่ไหนแม่ก็จะมา”
รุจยืนฟังอยู่หน้าห้อง สะเทือนใจกับความรู้สึกของอารยา เขาเดินกลับไปห้องนอน หูยังแว่วเสียงร้องไห้ของเธอ เขาหยิบกล่องในลิ้นชักเปิดดู เป็นเข็มกลัดรูปนาฬิกาห้อย พลันหูก็แว่วเสียงซอแผ่วมา...
เขาเดินย้อนกลับลงบันไดไปอีกครั้ง เสียงซอหายไปแล้วแต่เห็นอารยาถือซอเดินขึ้นมา เธอสะดุดนิดหนึ่งจนเซ รุจขยับจะไปช่วยแต่เปลี่ยนใจหยุดตัวเองไว้ จนอารยาร้องครางเบาๆ นายสุขเดินมาพอดีรีบเข้ามาดูถามว่าเจ็บมากไหม อารยาลุกขึ้นถามนายสุขว่ามีอะไรหรือเปล่า
นายสุขบอกว่าได้ยินเสียงซอเลยเดินมาดู ถามว่าไม่เล่นแล้วหรือ บ่นอย่างเสียดายว่า
“ผมว่าจะมาขอให้คุณน้อยเล่นเพลงลมพัดชายเขา แหม...ไพเราะเสนาะหูเหลือเกินขอรับ”
อารยาบอกว่าวันอื่นค่อยเล่น เอาตอนกลางวันตอนที่รุจไม่อยู่ นายสุขตอบรับอย่างเข้าใจว่า “คุณหนูต้องหนวกหูแน่ๆ” อารยาอดพูดไม่ได้ว่าใช่แล้ว เพราะคนเคยฟังแต่เพลงฝรั่ง
รุจฟังอย่างสนใจ พอนายสุขไป อารยาลุกขึ้นเดินโขยกนิดๆ เงยหน้าเห็นรุจยืนมองอยู่ ทั้งเจ็บเท้าและตกใจเลยเซ ทำให้รุจรีบเข้ามาประคองช่วยให้ยืนขึ้น เตือนให้ระวังด้วยเดี๋ยวจะเจ็บเหมือนเมื่อกี้นี้
อารยาเพิ่งรู้ว่าเขามายืนมองเธอนานแล้ว และเมื่อเขาถามอย่างสนใจว่าเพลงลมพัดชายเขาเป็นอย่างไร เพราะแค่ไหน บางทีตนได้ฟังแล้วอาจจะไม่เปิดเพลงฝรั่งอีกเลยก็ได้
อารยาจึงสีซอเพลงลมพัดชายเขาให้ฟังตรงบันไดนั่นเอง เสียงเพลงเหมือนจะซึ้งเข้าไปถึงจิตใจของรุจ จนเมื่ออารยาหยุดเล่นเดินเลี่ยงขึ้นข้างบนไปแล้ว เสียงซอก็ยังแว่วอยู่ในความรู้สึกของเขาอย่างเพราะพริ้ง...
ooooooo
อารยาใส่บาตรในเช้าวันเกิดของตัวเอง ชาลีอยากมาหาเธอใจแทบขาดแต่ก็ไม่กล้ากลัวถูกไล่กลับ พี่สาวกับแม่เลยได้แต่มองอย่างสงสาร
ขณะที่อารยารอพระอยู่นั้น รุจจะออกไปทำงานเขาถือกล่องนาฬิกาที่หยิบมาเมื่อคืนนี้มาฝากแม่ๆให้เป็นของขวัญวันเกิดอารยา แม่พินกับแม่ละม่อมเลยช่วยกันลุ้นให้เอาไปให้เองและใส่บาตรด้วยกันเสียเลย
ขณะมอบของขวัญวันเกิดให้อารยานั้น รุจอวยพรอ่อนโยนว่า
“ขอให้มีความสุขในวันเกิดนะอารยา วันนี้ฉันกลับมาฉลองกับเธอไม่ได้ ต้องอยู่เวร ก็อยากจะมา แม่พร้อมคงทำอาหารพิเศษที่แปลกและอร่อย น่าเสียดาย”
แต่พอออกไปถึงประตูก็เห็นยายจ้วนมาด้อมๆมองๆอยู่รุจลงไปถามว่ามีอะไรหรือ ยายจ้วนมาขอทำงานที่บ้านรุจิโรจน์ อีก รุจบอกว่าเรื่องนี้ต้องไปขอกับแม่ละม่อมและตนจะไม่พูดเรื่องนี้อีก เมื่อขอรุจไม่สำเร็จยายจ้วนเป่าหูทันทีว่า
“ไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วพูดเรื่องคุณนายอัมพามีชู้หรือเปล่าล่ะคุณหนู พูดหรือเปล่า” เห็นรุจนิ่ง ยายจ้วนฉอดๆว่า “พูดสิ พูดให้อีแม่แก่สามคนรู้เรื่องไปเลย ไม่งั้นล่ะเทิดทูนกันนักกับอีนังลูกสาวคนคบชู้สู่ชาย”
รุจฟังหน้าเครียดนิ่ง แล้วเปิดประตูรถขึ้นไป ยายจ้วนพรวดมาที่หน้าต่างรถดูเข้าไปว่า
“คุณหนูเชื่อจ้วนนะ คุณนายอัมพาน่ะมีชู้ เอาทรัพย์สมบัติมาให้ชู้ นี่...เห็นกะตา รู้หมดทุกอย่าง ไม่รู้อยู่อย่างเดียวเท่านั้นว่าไอ้ชู้คนนั้นเป็นใคร มันไม่ใช่คนปากน้ำหรอก ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน”
ร้ายกว่านั้นคือเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่านายชอบลูกนายชิดตายไปแล้ว นายชิดแค้นใจหาว่ารุจฆ่าลูกชายตน คว้ามีดจะแทง เมื่อ รปภ.และพยาบาลช่วยกันจับไว้ได้ รุจถามนายชิดว่าตนเป็นหมอจะฆ่านายชอบทำไม ฆ่าแล้วตนจะได้อะไรขึ้นมา
“ได้สิ มึงได้มากด้วย ก็ไอ้ชาญลูกกูเนี่ย มันเป็นลูกชายของนังอัมพา แม่เลี้ยงของมึงไง กูนี่แหละเป็นผัวเก่าของแม่เลี้ยงมึง กว่าจะมาชูคอเป็นเมียนายพลพ่อมึง มันเป็นเมียกู เป็นแม่ของไอ้ชาญที่มึงเพิ่งฆ่าให้ตายนี่แหละเว้ย”
นายชิดระบายความแค้น ด่าว่ารุจฆ่าชอบเพื่อหนีความอับอายที่ลูกชายแม่เลี้ยงเป็นโจร
การรับรู้เรื่องราวที่นายชิดมาแฉนี้ ทำให้รุจชิงชังอัมพาขึ้นมาอีก เสียงเล่าของนายชิดยังทิ่มแทงความรู้สึกของเขาอยู่ตลอดเวลา
ooooooo
ที่บ้านรุจิโรจน์ ทางสะดวกเมื่อรุจบอกว่าจะอยู่เวร และไม่กลับบ้าน ชาลี วัฒนา และคุณนายพนาเวสจึงพากันมาอวยพรวันเกิดอารยา ทานอาหารและร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์แล้ว คุณนายเป็นคนมอบของขวัญวันเกิดให้ พูดอำๆว่าให้เธอรับหัวใจตนไว้ด้วย อารยางงๆ ชาลีเดินยิ้มหน้าบานเข้ามาบอกมองสร้อยรูปหัวใจในมือ
“คุณน้อย ดูแลหัวใจของคุณแม่ดีๆนะ”
ทั้งหมดร้องเพลงหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน จนดึกคุณนายพนาเวสชวนลูกๆกลับ ชาลีขออยู่ต่อ ถูกแม่ทักท้วงว่า เดี๋ยวคุณหมอรุจคงกลับมา
“ไม่กลับ คุณน้อยบอกว่าวันนี้คุณหมออยู่เวรค้างโรง พยาบาล เราสนุกได้เต็มที่ใช่ไหมคุณน้อย”
“ใช่จ้ะ วันนี้คุณรุจอยู่เวร สนุกได้เต็มที่จ้ะชาลี”
ที่แท้รุจมายืนจ้องมองอยู่นานแล้ว แววตาเขาวาวขึ้นทันที ก้าวออกไปเผยตัว ท่านขุนฯเห็นก่อนเพื่อนร้องทัก พอทุกคนหันมองต่างตกใจ พากันเงียบกริบไปทันที
ท่านขุนฯถามว่าวันนี้ไม่อยู่เวรแล้วหรือ
“ควรอยู่ แต่เผอิญได้รับรู้เรื่องบางอย่างที่ทำให้...ไม่สามารถทนทำงานอยู่ได้ จึงขอแลกเวรกับหมอคนอื่น” ท่านขุนฯถามว่าเรื่องอะไรหรือ “ความจริงที่น่าอับอายยิ่ง แม้ว่าจะเคยรู้มาก่อนบ้างแต่ไม่น่าอับอายเท่าที่รู้วันนี้” รุจตอบเสียงเข้มจ้องหน้าอารยานิ่ง
รุจเดินตรงไปขึ้นบันไดไม่มองใครเลย แม่ทั้งสามมองกันตาค้าง อารยาหน้าเสียรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา
จนเมื่ออารยาเดินขึ้นบันไดไปด้วยความรู้สึกชอกช้ำใจ จนอยากร้องไห้ในวันเกิดของตัวเอง เจอรุจยืนอยู่ เขามองเธอแววตาแค้น เจ็บปวด จนอารยาชะงักสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ครู่หนึ่งรุจหันหลังเดินจากไปเงียบๆ อารยายังยืนอึ้งเหมือนถูกตรึงอยู่ตรงนั้น...
ooooooo
คืนนี้ทั้งอารยาและรุจต่างนอนไม่หลับ จนดึกรุจได้ยินเสียงผิดปกติที่ระเบียง เขาลุกพรวดขึ้นอย่างระวังตัว
นายชิดนั่นเอง นายชิดปีนหน้าต่างเข้ามาจ้วงแทงที่เตียงไม่ยั้งคิดว่ารุจนอนอยู่ แต่ที่แท้เป็นหมอนข้างใต้ผ้าห่ม รุจวิ่งเข้าล็อกคอนายชิดที่จะปีนหน้าต่างหนี นายชิดเงื้อมีดจะแทง ถูกรุจจับบิดแขนคร่อมไว้
นายชิดท้าให้ฆ่าตนเสีย รุจไม่ทำแต่จะเรียกตำรวจมาจับ ถูกนายชิดขู่ว่าดี ตนจะได้แฉเสียให้สิ้นไส้ว่าเขาเป็นฆาตกร ฆ่าลูกตน แล้วพูดพล่ามเหมือนคนเสียสติว่าแม่เลี้ยงเขาเคยเป็นเมียตน หากแฉออกมาคนทั้งปากน้ำจะรู้สึกอย่างไรที่นายพลพ่อเขารับเดนจากตนไปเป็นเมีย
รุจทนไม่ได้ที่นายชิดก้าวร้าวถึงพ่อ นายชิดไม่หยุด
ยังพูดถึงเครื่องเพชรว่าอัมพาเอามาปรนเปรอตนหมดแล้ว ทั้งยังเยาะเย้ยว่าอัมพาเหลือแต่ลูกสาวที่ไม่มีราคาไว้ เขาจะรับลูกโสเภณีไว้เป็นเมียมาล้างผลาญอีกคนหรือ หัวเราะเยาะพูดเสียงสะใจว่า “โง่เหมือนพ่อไม่มีผิด”
อารยามาได้ยินพอดีเธอปฏิเสธเสียงสั่นว่าไม่จริง แม่อัมพาไม่มีวันทำอย่างนั้น พลันก็เปิดไฟสว่างขึ้น แล้วเธอก็หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นหน้านายชิดเต็มตา
ที่แท้นายชิดคือคนที่เธอเคยเห็นตอนเธอยังเด็กวิ่งไล่เล่นกับชาลี ไปเจอนายชิดเธอตกใจแล้วก็ตกใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นแม่อัมพาอยู่กับนายชิดตรงนั้น เธอจำรอยบากที่หน้านายชิดได้ติดตา จนวันนี้!
พอนายชิดเห็นอารยาก็ยิ้มเยาะ “อ้อ...นี่นะหรือลูกนังอัมพา หน้าตาเหมือนแม่มันไม่มีผิด” แล้วนายชิดก็บอกอารยาว่า อัมพาทิ้งชู้เก่าอย่างไม่ดูดำดูดีจนตัวเองตาย เยาะเย้ยรุจว่าถ้าเอาอารยาเป็นเมียก็ให้ระวังไว้ว่าจะเป็นแบบเดียวกับอัมพาที่ล้างผลาญไปให้ชู้หมด เป็นลูกโสเภณีก็ไม่แคล้วเหมือนแม่ตัวเอง
นายชิดพล่ามจนทั้งอารยาและรุจตะลึงอึ้ง มันฉวยโอกาสนั้นกระโดดหน้าต่างหนีไป รุจไม่สนใจแต่หันมาถามอารยาว่าได้ยินหมดแล้วใช่ไหม ระบายความแค้นออกมาว่า
“ทีนี้คงเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมฉันถึงรังเกียจแม่ของเธอ เพราะฉันรู้มานานแล้วว่าแม่ของเธอมีผู้ชายคนอื่น ฉันเคยเห็นเขา”
อารยายืนช็อก อึ้ง รุจพูดต่ออย่างขมขื่นว่า
“ฉันเพิ่งมารู้เมื่อวานนี้เองว่า ผู้ชายคนนี้เป็นชู้ของแม่เธอ เขาพาลูกชายไปรักษาที่โรงพยาบาลฉัน ต่อมาลูกชายเขาก็ตายเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ยอมทำตามพยาบาล เมื่อวานลูกชายเขาตายเขาประจานเรื่องราวทั้งหมดต่อหน้าคนในโรงพยาบาล ฉันเดินออกจากโรงพยาบาล ทุกสายตามองมาที่ฉันเหมือนสายตาของนายชิดเมื่อครู่นี้”
อารยายืนอึ้งเหมือนหุ่น รุจยังคงพูดต่ออย่างแค้นใจว่า
“สมบัติเครื่องเพชรเครื่องทองที่คุณพ่อให้ แม่เธอก็เอาไปบำเรอมัน ฉันไม่ว่า แต่นี่เพชรพลอยที่เป็นเครื่องหมายประจำตระกูลก็หายไปด้วย ของที่ควรจะต้องตกเป็นของฉัน แม่เธอก็เอาไปบำเรอชู้หมด”
อารยาพูดเสียงแผ่วเหมือนจะหมดลมหมดแรงว่าไม่ต้องพูดซ้ำเรื่องแม่ตนอีก ตนได้ยินจากนายชิดหมดแล้ว ถามอย่างเจ็บปวดว่า “หรือคุณรุจคิดว่าพูดซ้ำอย่างนี้แล้วจะทำให้น้อยเจ็บยิ่งขึ้น ไม่หรอกค่ะ มันถึงที่สุดแล้ว”
รุจเสียงอ่อนลงว่า “มันช่วยให้ฉันสบายใจขึ้นที่เธอได้รับรู้ความจริงเสียบ้าง ต่อไปฉันอาจจะทำในสิ่งที่เธอคิดว่าเลว เธอจะได้รู้ว่าเพราะอะไร”
“ค่ะ น้อยทราบมานานแล้วว่าคุณเกลียดแม่ของน้อย แต่ไม่ทราบเหตุผล ถ้าน้อยรู้ น้อยก็จะไม่สามารถอยู่บ้านนี้ได้ ไปเป็นขอทานยังดีกว่ากินอาหารของศัตรู”
รุจถามว่าเธอคิดว่าตนเป็นศัตรูหรือ เธอตอบทันทีว่าอย่างเดียวกับที่เขาคิดว่าตนเป็นศัตรู อารยาระบายความอัดอั้นว่า ตนรับกรรมแทนแม่ แต่ขอยืนยันว่าแม่ไม่ผิด แม่เสื่อมเสียเพราะคนอื่นบังคับและได้ช้ำใจตายในที่สุดเพื่อที่จะกู้ชื่อเสียงให้ลูกของตัวเอง
อารยาระเบิดความคับแค้นใจออกมาว่าตนเกลียดเขา ยอมตายดีกว่าที่จะอยู่ร่วมชายคากับคนใจร้ายอย่างเขา พูดแล้วจะเดินไป เธอซวนเซล้มลง รุจตกใจพรวดเข้าถึงตัวประคองขึ้นเรียกอย่างห่วงใยแต่เธอหมดสติไปแล้ว เขามองใบหน้าซีดขาวนั้นอย่างห่วงใยก่อนอุ้มออกจากห้อง
ooooooo
รุจอุ้มอารยาไปที่ห้องของเธอ เช็ดตัว ป้อนยาป้อนน้ำ พร่ำบอกว่าเธอไม่สบายมาก ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก นั่งเฝ้าอยู่จนเธอหลับ ความรู้สึกที่ชิงชังผ่อนคลายลง แววตาที่มองก็อ่อนโยนลงจนอารยาพลิกตัว เขารีบเข้าไปประคองบอกว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรจะกระทบกระเทือนจิตใจ แล้วเอ่ยขอโทษ
ปรากฏว่าอารยายังตัวร้อน รุจเช็ดตัวให้เธออีกครั้งห่มผ้าให้ บอกเบาๆ “นอนให้หลับ” แล้วเฝ้ามองอย่างห่วงใย ครู่หนึ่งจึงกลับไปที่ห้องทำงาน
นายสุขเห็นไฟห้องทำงานสว่างลุกเดินมาดู เห็นรอยแผลบนแขนที่ถูกมีดของนายชิดถาก นายสุขถามอย่างเป็นห่วง รุจบอกว่าโดนคนร้ายฟันแขน แล้วให้นายสุขช่วยทำแผลให้
นายสุขจึงเล่าว่า สิงห์บอกเหมือนกันว่าสองวันก่อนมีคนมาด้อมๆมองๆหน้าบ้าน รุจเตือนว่าต่อไปก็ให้ระวังบนตึกให้ดี และอย่าให้แม่ทั้งสามรู้เรื่องเดี๋ยวจะตกอกตกใจกันใหญ่ บอกให้นายสุขไปนอนได้แล้ว
เมื่ออยู่ลำพังคนเดียว รุจก็อดคิดถึงเวลาที่ได้อยู่กับอารยาไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องที่ดงบัว การทำสวน จนกระทั่งรสสัมผัสที่ได้อุ้มเธอขณะเป็นลม...
จนครู่ใหญ่เขาลุกเดินออกจากห้อง ผ่านห้องอารยาได้ยินเสียงเธอเพ้อแว่วๆออกมาว่า
“แม่...แม่จ๋า...ป้าพิน ป้าพิน แม่...ช่วยน้อยด้วย”
รุจรีบเข้าไปในห้องเปิดไฟดู อารยาตกใจลุกพรวดเมื่อเห็นเขาอยู่ในห้อง ถามว่าเข้ามาทำไม จึงรู้ว่าเขาได้ยินเสียงเธอละเมอเลยเข้ามาดู แต่ความทิฐิทำให้เธอปฏิเสธว่าตนไม่ได้ละเมอและไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น
“ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่สบาย เธอคงคิดมากเกินไปจนเส้นประสาทกระทบกระเทือน ฉันขอร้องสักอย่างได้ไหม ขอให้เธอหยุดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ลืมเรื่องร้ายๆ ลืมเสียว่ามันเกิดขึ้น แล้วเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
เขาเอามืออังหน้าผากเธอ บ่นว่ายังมีไข้สงสัยยายังไม่พอ แล้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ จากนั้นไปเอายามาประคองเธอขึ้นนั่ง ป้อนยาป้อนน้ำให้ อารยากล้ำกลืนกินยา อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ แต่ในยามนี้เธอไม่มีแม้แต่แรงที่จะผละจากวงแขนเขา
ooooooo
ระหว่างอยู่ในห้อง รุจปลอบใจเธอว่าให้เลิกคิดเรื่องนั้นเสีย ตนขอโทษ ตนเชื่อว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรรับกรรมจากเรื่องที่เธอไม่ได้ก่อ พูดแล้วถามเสียงอ่อนโยนว่า
“มีอะไรที่ฉันต้องพูดแล้วทำให้เธอสบายใจอีกไหม”
“คุณรุจพูดไปหมดแล้วว่า น้อยกับแม่ทำให้คุณได้รับความอับอาย ทำให้คุณต้องเสียศักดิ์ศรี” พูดแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น รุจกอดเธอไว้แน่น อัดอั้นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายเขาขอให้เธอแต่งงานด้วยเพื่อลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา อารยาชะงักถามว่า เพื่อแก้ความผิดของใคร ของเขาหรือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น