ตอนที่ 9
ซิลเวียวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก คว้าโทรศัพท์ โทร.ไปหาไทรรัตน์ด้วยน้ำเสียงร้อนรนเป็นทุกข์ แต่เวลานั้นไทรรัตน์กำลังทานอาหารกลางวันอยู่กับกรองกาญจน์ เขาจึงปฏิเสธที่จะไปพบเธอ แต่ให้เธอโทร. มาหาใหม่ตอนค่ำวันนี้ แล้วเขาจะฟังปัญหาของเธอ
กรองกาญจน์นั่งเฉยไม่สนใจว่าไทรรัตน์คุยกับใคร ขนาดเขาวางสายแล้วเธอก็ไม่คิดที่จะถามสักนิด ทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยกับท่าทีของเธอ และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทนเป็นคู่หมั้นของเธอไปอีกนานแค่ไหน
ตกเย็นเลิกงาน ไทรรัตน์ต้องแวะไปรับกรองกาญจน์ที่มหาวิทยาลัยเพราะวันนี้เธอไม่ได้เอารถมา จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปบ้านเจ้าสัวเชงตามนัด โดยที่ไม่รู้ว่าท่านต้องการพบเขาด้วยเรื่องอะไร ลองถามกรองกาญจน์ก็ไม่ได้คำตอบ ซ้ำเธอยังพูดให้เขารู้สึกเซ็งหนักไปกว่าเมื่อตอนกลางวันเสียอีก
ทั้งๆที่ร่างกายยังอ่อนเพลียไม่ค่อยพร้อมที่จะพบใคร แต่เพราะมีเรื่องร้อนใจเจ้าสัวเชงจึงเรียกทั้งไทรรัตน์และกรองกาญจน์มาพบ พอเจ้าสัวจะเริ่มพูดธุระ ปรากฏว่าเม่งฮวยโผล่เข้ามาอีกคน กรองกาญจน์ที่รู้แก่ใจว่าบิดาจะพูดเรื่องอะไรถึงกับชักสีหน้าทันที
เจ้าสัวกับเม่งฮวยยื่นคำขาดให้กรองกาญจน์แต่งงานกับไทรรัตน์ ถ้ายังไม่แต่งก็ไม่ต้องเรียกพวกตนว่าอาเตีย อาม้า...กรองกาญจน์ฟังแล้วอึดอัดเป็นบ้า โพล่งขึ้นมาว่า
"หนูยังไม่พร้อม ตอนนี้ไม่แต่งก็เหมือนแต่งอยู่แล้ว"
"ลื่อหมายความว่าไง"
"ทำไมพูดอย่างนั้น...อาไซรัก ลื่อสองคนเป็นผัวเมียกันแล้วเหรอ"
คำถามคาดคั้นของทั้งเจ้าสัวและเม่งฮวยทำเอาไทรรัตน์ หน้าเสีย แต่ก็รีบตอบ
"เปล่าครับ หมวยใหญ่กับผมไม่ทำอะไรผิดประเพณีหรอกครับ"
"อาไทรรัตน์...จะเป็นผัวเมียกันต้องทำตามประเพณีให้คนรับรู้ อั้วกับอาม้า และอาเตียอาม้าของลื่อมีชื่อเสียง คนซูฮกนับถือเยอะแยะ อย่าทำให้พวกอั้วต้องอับอาย ถ้าไม่คิดจะแต่งกับลูกสาวอั้ว อย่าได้กันก่อนแต่งเด็ดขาด"
เจ้าสัวเสียงดังดุดัน ไทรรัตน์ก้มศีรษะรับแทนคำตอบ ส่วนก้องเกียรติที่กำลังจะเข้ามาถึงกับหยุดกึกยืนฟังเงียบๆ
"รับคำเฉยๆไม่ล่ายนะอาไซรัก หรือว่าลื่อคิดจะเล่นๆกับอาหมวยใหญ่" เม่งฮวยสำทับ
"คนที่ลื่อจะเล่นๆด้วยน่ะมี แต่ไม่ใช่หมวยใหญ่" เจ้าสัวมองไทรรัตน์สายตาคมกริบ เขาหมายถึงซิลเวีย แต่ไทรรัตน์คิดไม่ถึง ทำหน้าฉงนก่อนยอกย้อน
"แต่ถ้าหมวยใหญ่ยอมล่ะครับ"
เจ้าสัวกับเม่งฮวยหันขวับมามองกรองกาญจน์เป็นตาเดียว คนถูกมองเลยร้อนฉ่า โวยวายทันทีว่า
"ยังค่ะ...ยัง ไทรรัตน์พูดบ้าอะไร ทำให้วุ่นวายไปหมดแล้ว กลับเถอะ"
"หมวยใหญ่...ท่าทางลื่อแปลกๆ ที่ว่าไม่แต่งเหมือนแต่ง ลื่อหมายความว่ายังไง"
"ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยค่ะอาเตีย ไม่มีอะไรอย่างที่อาเตียกลัวด้วย หนูรับรอง"
กรองกาญจน์ตอบด้วยหน้าตานิ่งเฉยมาก แสดงความบริสุทธิ์ใจ เจ้าสัวจ้องตอบแล้วลุกขึ้นช้าๆ เอ่ยโดยไม่มองหน้าใคร
"ผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง ได้เขาเป็นเมียแล้วไม่ ยอมรับ ไม่ใช่ผู้ชาย"
ก้องเกียรติสะดุ้งวาบ เจ้าสัวหันไปเห็นลูกชายยืนอยู่ นอกห้องจึงร้องทัก แล้วหันกลับมาทางลูกสาว
"หมวยใหญ่ อาเตียจะคุยกับอาเฮียลื่อเรื่องผลประกอบการของบริษัท ลื่อมาฟังด้วย"
"หนูไม่อยากฟัง ปันผลแล้วใส่บัญชีหนูแล้วกันค่ะ" กรองกาญจน์พูดจบเดินออกจากห้องทันที ไทรรัตน์รีบยกมือไหว้เจ้าสัวกับเม่งฮวยแล้วเดินตามเธอออกไป
ooooooo
ครู่ต่อมา เจ้าสัวเดินนำหน้าก้องเกียรติไปใน ห้องส่วนตัว พอลูกชายปิดประตูห้องเสร็จหันมา เจ้าสัวก็เปรยขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ
"หมวยใหญ่อีประหลาด เป็นเมียเขาแล้วแต่ไม่ยอมแต่งงาน"
"อาเตียทราบได้ไงครับว่า หมวยใหญ่กับไทรรัตน์..." ก้องเกียรติอึกอักไม่กล้าพูดตรงๆ
"ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ใกล้กันเหมือนไม้ขีดไฟใกล้น้ำมัน เหมือนมดอยู่ใกล้ขนม เหมือนผีเสื้ออยู่ใกล้ดอกไม้ ลื่อคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนอดใจได้เหรอ"
ก้องเกียรติหน้าไม่ดี แต่เจ้าสัวไม่ทันสังเกต เดินไปนั่งเปิดแฟ้มบัญชีเล่มใหญ่
"อาจจะมี...ผู้ชายอย่างลื่อไงล่ะอาใหญ่ ร้อยคนมีคนเดียว"
"ถ้าหมวยใหญ่เกิดพลาดขึ้นมา แล้ว..."
"ท้องน่ะหรือ ลื่ออย่าลืมว่าสองคนนั่นเรียนหนังสือเมืองนอก เรื่องพวกนี้อีรู้ดี อีไม่ปล่อยท้องหรอก แต่ถ้าท้อง ไทรรัตน์ก็ต้องรับผิดชอบ ผู้ชายทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบก็เป็นหมาแล้ว"
คราวนี้ก้องเกียรติถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย...ขณะเดียวกันนั้นที่สนามหน้าตึกเล็ก ไทรรัตน์กำลังเครียดจัดอยู่ต่อหน้ากรองกาญจน์ เพราะแน่ใจว่าเจ้าสัวรู้เรื่องของเราสองคนแล้ว แต่กรองกาญจน์กลับเฉยๆ แถมเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ยี่หระ
"ไม่รู้ก็ไม่ใช่อาเตีย ท่านมีเมียกี่คนแล้วล่ะ"
"งั้นก็...ตามที่ท่านพูด แต่งงานกันซะเถอะ"
"ยังไม่แต่งหรอก"
"ระวังเถอะ ผมจะแต่งกับคนอื่นให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย" ไทรรัตน์ยัวะ ผลุนผลันกลับไปทางตึกใหญ่ กรองกาญจน์ ไม่สนใจเดินเข้าตึกเล็กไปหน้าตาเฉย
ไทรรัตน์เดินกลับมาขึ้นรถที่จอดหน้าตึกใหญ่ พอจะออกรถปรากฏว่าซิลเวียโผล่พรวดมาเคาะกระจกข้างรถ เขาลดกระจกลงถามไถ่เธอว่าเป็นยังไงบ้าง ซิลเวียโอดครวญว่าอยากตาย พลางขอร้องให้เขาลงมาคุยกับเธอก่อน
"ตอนนี้ไม่ได้...โทร.หาผมตอน 3 ทุ่มแล้วกัน" เขาปิดกระจกแล้วออกรถทันที ไม่นึกว่าซิลเวียจะวิ่งตัดสนามไปดักหน้ารถอย่างไม่กลัวตาย
ไทรรัตน์ตกใจมาก เบรกรถตัวโก่งแล้วลงมากระชากเสียงถามเธอว่า
"ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ"
"ฉันรอคุณมาทั้งวันแล้ว"
"ก็บอกแล้วว่าคืนนี้ค่อยคุยกันตอน 3 ทุ่ม"
"ไม่..."
"แล้วจะเอาไงซิลเวีย"
"ขอฉันไปกับคุณด้วย ฉันเบื่อ อยากไปให้พ้น นะ... ไซรัส Take me out please."
"ไม่ได้หรอก อาเตียรู้เข้าเราตายทั้งคู่แน่"
"เขาไม่สนใจหรอกว่าฉันจะอยู่หรือตาย ฉันแค่อยากไปพ้นที่นี่...For sometimes เท่านั้น...ฉันเบื่อ" ซิลเวียจ้องไทรรัตน์ด้วยสายตาวิงวอนสุดๆ
ooooooo
ก้องเกียรติขับรถกลับบ้านด้วยความไม่สบายใจ คำพูดของเจ้าสัวที่ก่นด่าผู้ชายได้ผู้หญิงเป็นเมียแล้วไม่รับผิดชอบยังกึกก้องอยู่ในหู...พอเข้ามาในบ้านไม่เห็นณฤดี เขาจึงเรียกสมปองมาถาม
"คุณผู้หญิงล่ะสมปอง"
"อยู่บนห้องค่ะ เห็นว่าจะนอนแล้ว คุณผู้ชายจะเอาอะไรรึเปล่าคะ"
"ขอยาแก้ปวดหัวเม็ดนึง ไม่ต้องบอกคุณผู้หญิงนะ ทานยาแล้วฉันจะทำงานต่อสักครู่"
สมปองรับคำแล้วไปจัดการเรื่องยา ส่วนก้องเกียรติเดินไปนั่งเหม่อหน้าทีวี นานเท่าไหร่เขาไม่รู้ แต่สะดุ้งสุดตัวก็ตอนได้ยินเสียงณฤดีเรียก
"คุณใหญ่...ได้ยินเสียงรถนานแล้ว เป็นอะไรคะ ปวดศีรษะหรือคะ" ณฤดีเห็นยากับแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ
"นิดหน่อยน่ะครับ"
"อาม้าโทร.มาบอกว่าอาเตียเรียกคุณใหญ่ไปกะทันหัน มีอะไรรึเปล่าคะ"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่คุณดี๋มีนักสืบประจำตัวแบบนี้ ผมต้องระวังตัวหน่อยแล้ว"
"ค่ะ คุณใหญ่ทำอะไรอย่าให้อาม้าทราบเท่านั้น" ณฤดีพูดยิ้มๆ
"คุณดี๋ล่ะครับ ถ้าทราบ..." ก้องเกียรติพยายามทำเสียงเล่นๆ แต่ลุกเดินกลบเกลื่อน
"เคยบอกแล้วไงคะ ถ้ามีอะไรๆแบบนั้นจริง คุณใหญ่ ไม่ต้องกลัวเรื่องอื้อฉาว เราไม่ต้องทะเลาะกันให้วุ่นวาย คุณใหญ่ สบายใจได้ค่ะ"
ก้องเกียรตินิ่งไป ณฤดีจึงเปลี่ยนเรื่อง
"ซัมเมอร์นี้น้าต๋อมจะไปเยี่ยมมิ มิก็เลยโทร.มาชวนเราไปด้วย คุณใหญ่จะชวนอาม้าไปด้วยก็ได้นะคะ"
"อาม้าคงไม่ไป ผมเองก็คงไปไม่ได้เพราะช่วงนี้งานยุ่ง คุณดี๋คงคิดถึงคุณแม่ ก็ไปเยี่ยมท่านสิครับ"
"คิดดูก่อนค่ะ คุณใหญ่ทำงานหนัก ดี๋ไม่อยากทิ้งไป ดี๋สิสบาย...ไม่ทำอะไรเลย"
ก้องเกียรติเดินมาใกล้ภรรยา กอดเธออย่างนุ่มนวลสุภาพ
"ผมสัญญากับคุณพ่อคุณแม่คุณว่าจะดูแลและไม่ทำให้ คุณดี๋เสียใจไปตลอดชีวิต จำได้มั้ยครับ"
"ตลอดชีวิตมันนานมากนะคะ คุณใหญ่ไม่ต้องสัญญานานขนาดนั้นก็ได้ กว่าจะถึงวันนั้นทุกอย่างเปลี่ยนแปลงกันได้ค่ะ ถ้าเมื่อไหร่ดี๋กลายเป็นสิ่งรกตาในบ้านที่คุณใหญ่ไม่อยากดูแลแล้วก็ขอให้บอก ให้ดี๋ได้จากไปอย่างที่อาจจะอยู่ในความทรงจำคุณใหญ่บ้าง ดีกว่าจะให้อยู่อย่างไร้ความหมาย"
น้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความจริงจังของณฤดี ทำให้ก้องเกียรตินิ่งงันไปด้วยความทุกข์ที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ooooooo
ค่อนข้างดึก ไทรรัตน์พาซิลเวียกลับมาส่งหน้าบ้านเจ้าสัวหลังจากพาเธอออกไปเที่ยวบาร์และเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ซิลเวียได้ปลดปล่อยอารมณ์อัดอั้นเบื่อหน่ายที่สั่งสมมาเป็นแรมเดือน ส่วนไทรรัตน์เองก็ได้แก้เซ็งเรื่องคู่หมั้นที่แสนจะเฉยชา
แม้ว่ารถจะจอดสนิทแล้วแต่ซิลเวียยังอิดออดไม่อยากลง แล้วจู่ๆเธอก็โผเข้ากอดจูบไทรรัตน์อย่างเร่าร้อนรุนแรง ไทรรัตน์ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ตอบสนองอย่างเต็มที่ จนซิลเวียเป็นฝ่ายผละออกมา
“ซิลเวีย...ขอให้คิดว่าจูบเมื่อกี้เป็นชีวิตแบบอเมริกันสไตล์ คุณจูบผมเพราะเหงา ผมจูบคุณเป็นการปลอบโยน เห็นใจ เข้าใจว่าคุณ Lonely ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“แต่ฉันจูบคุณ คุณก็จูบฉันตอบ มันเป็นจูบที่จริงจัง ยอมรับเถอะว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ถึงคุณไม่มี...แต่ฉันมี”
“เรามีไม่ได้ คุณเป็นภรรยาของพ่อของคู่หมั้นผม ผมเห็นใจและเข้าใจคุณทุกอย่าง แต่เมื่อ 15 ปีที่แล้วคุณได้ตัดสินใจไปแล้ว ว่าคุณจะยอมรับ...กับวันนี้...วันที่สามีคุณอายุเกือบ 80 ปี คุณแลกความสวยความสาวของคุณกับความร่ำรวย”
คำพูดไทรรัตน์กระแทกใจซิลเวียอย่างแรงจนเธออึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะลงจากรถไปทั้งน้ำตาคลอๆ
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของเยนหลิงที่ยืนมองมาจากชั้นสอง เยนหลิงซึ่งชิงชังซิลเวียตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านหลังนี้ มีหรือที่เห็นตำตาอย่างนี้แล้วเธอจะวางเฉยอยู่ได้
ซิลเวียชะงักกึกเมื่อเห็นเยนหลิงยืนหน้าตึงตาขุ่นอยู่หน้าห้อง แต่แล้วซิลเวียก็ปรับสีหน้าท่าทีเป็นสบายใจจะเดินผ่านไปห้องตัวเอง
“หน้าด้าน!”
แม้จะไม่เข้าใจในคำด่ารุนแรงนั้น แต่ก็ทำให้ซิลเวียหยุดเดินหันมาจ้องหน้าเยนหลิง
“ทำอะไรคิดมั่ง อย่าลืมสิว่าเป็นใคร ทำอะไรอย่าให้ นายต้องอับอาย”
“อายเรื่องอะไร”
“นังอั้งม้อไม่มีสมอง”
“เรียกฉันอั้งม้อเรื่อยเลยคุณนายสอง...แปลว่าอะไร”
“คนป่าเถื่อน สมองกลวงมีแต่โพรง ข้างในว่างเปล่า สติปัญญาสักนิดก็ไม่มี ปัญญาอ่อนเสียเลยยังดีกว่า อย่างน้อยพอมีบ้าง ถึงจะน้อยนิดแค่ไหนก็ยังดีกว่าไม่มีซะเลย วันๆได้แต่กิน นอน แล้วสมสู่ ผิดกับสัตว์ที่ตรงไหน”
“นี่คุณนาย...ถ้าจะว่าซิลเวียต้องพูดช้าๆ ไม่งั้นฉันฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งหมดฉันกองไว้ตรงนี้แหละ” พูดจบซิลเวียหันกลับไปทันที เยนหลิงโกรธจนตัวสั่น คำรามอย่างอาฆาตมาดร้าย
“อีนังแหม่ม...กำเริบมาต่อปากกะฉัน แกไม่รู้จักฉันซะแล้ว กระเด็นไปกี่คนแล้วแกรู้รึเปล่า”
แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นเยนหลิงก็ตรงดิ่งไปที่ห้องครัว ตะโกนเรียกพุ่มเอ็ดอึงราวกับองค์ลง พุ่มกำลังนั่งหั่นผักเพลินๆ ถึงกับสะดุ้งตกใจรีบลุกขึ้นยืน
“อุ้ย...คุณนายที่สอง มีอะไรเหรอคะ อุตส่าห์ลงมาถึงนี่ เชิญค่ะ เชิญนั่ง”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่มีวันนั่งตรงนี้”
“อ้าว แล้วคุณนายที่สองมีอะไรล่ะคะ”
“นังพุ่ม...นังลำยองหลานแกน่ะ มันติดต่อมาหาแกมั่งรึเปล่า”
“ไม่เลยค่ะคุณนาย นังนี่มันร้ายกาจ โกหกว่าจะไปหาแม่”
เยนหลิงหน้ากระตุกนิดหน่อย เพราะตอนนั้นเธอเป็นคนใช้ลำยองไปเอง แต่พุ่มไม่รู้เรื่องเลยด่ายาว
“อิฉันก็อุตส่าห์จะไปเป็นเพื่อน พอรุ่งเช้าดั๊นพาลูกหนีไปซะได้ กี่ปีแล้วละคะเนี่ย หายไปแล้วก็ไม่รู้”
“พอ...พูดมาก ถามนิดเดียว แกพอจะหาทางตามตัวมันได้มั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ”
“แกตอบแค่นี้เรอะ”
“อ้าว คุณนายว่าอิฉันพูดมาก อิฉันก็ตอบแค่นั้นแหละค่ะ”
“แล้วแกล่ะ จะไปหาน้องสาวแกได้มั้ย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ทำไม”
“เพราะอิฉันเกลียดน้องเขยอิฉัน มันเป็นหมอทำคุณไสย”
“แล้วมันเป็นไง หมอทำคุณไสย”
“อุบาทว์น่ะสิคะ พวกเล่นของทำคุณไสยมันพวกอุบาทว์” พุ่มลอยหน้าว่าไปตามความรู้สึกของตน โดยไม่รู้ว่าเยนหลิงแอบสะอึก เพราะเยนหลิงเองก็ชอบใช้วิธีอุบาทว์นี้จัดการกับศัตรูหัวใจ
เมื่อไม่ได้อย่างใจคิดแถมยังเหมือนถูกด่าซึ่งหน้า
เยนหลิงอารมณ์เสียปังปึงกลับขึ้นไปบนห้อง เรียกเง็กที่กำลังจัดเตียงนอนมาถามว่า มีโทรศัพท์ถึงตนบ้างไหม
“ไม่มีฮ่ะ”
เยนหลิงฟังแล้วห่อเหี่ยวหมดแรง หน้าหมองเศร้า ถามเสียงแผ่ว
“เง็ก...แกคิดว่าเพราะอะไรคุณหนูยี่หรงกับยี่ฮุยตั้งแต่ไปเรียนเมืองนอกไม่ค่อยติดต่อหาฉันเลย”
“เรียนหนักมั้งฮะ”
“เรียนหนักจนไม่มีเวลาพูดกับแม่เลยรึไง...เง็ก แกออกไปก่อน”
เห็นนายน้ำตาคลอเต็มตา เง็กพลอยไม่สบายใจไปด้วย แต่จำต้องถอยออกไปตามคำสั่ง...แล้วเยนหลิงก็ซบหน้ากับโต๊ะร้องไห้สะอึกสะอื้นน้อยใจคิดถึงลูก และอัดอั้นที่ไม่ได้จัดการกับซิลเวียอย่างที่ตั้งใจ
ooooooo
หลังจากทำงานครบ 7 วัน เรยากลับมาบ้านด้วย ความเหนื่อยล้า ลำยองเห็นแล้วสงสาร กุลีกุจอเอาใจลูกสาวทั้งเสิร์ฟน้ำส้มและเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ เรยาเอนตัวลงกับโซฟาหลับตาพูดกับแม่ได้ไม่กี่คำก็บอกว่าฟ้าจะนอน ถ้ามีโทรศัพท์แม่ไม่ต้องเรียก...
พูดขาดคำ เสียงมือถือเรยาดังขึ้นทันที ลำยองเปิดกระเป๋าสะพายของลูกหยิบมือถือออกมา
“แม่บอกว่าฟ้าหลับแล้วกัน ขี้เกียจพูด”
ลำยองกดรับและทำตามที่ลูกบอก แต่พอเรยาได้ยินแม่เอ่ยชื่อคุณใหญ่ เธอก็ลุกพรวดคว้ามือถือไปจากมือแม่ทันที
“ฟ้าพูดค่ะ เพิ่งกลับมาถึงค่ะ คุณใหญ่โทร.กี่ครั้งแล้วคะ” เรยาเสียงใส สีหน้าปราศจากความเหน็ดเหนื่อย เดินกึ่งวิ่งขึ้นไปคุยต่อบนห้อง ทิ้งลำยองยืนงงอยู่ตรงนั้น
“ฟ้าเพิ่งเปิดเครื่องค่ะ ดีใจที่สุดที่คุณใหญ่โทร.หาฟ้า”
“ผม...จะขอนัดฟ้าให้มาพบ แต่ผมจะไม่รบกวนเวลาฟ้านานหรอกครับ”
“ค่ะๆ ฟ้าไปพบคุณใหญ่ได้ทุกที่ ทุกเวลา แล้วก็ไม่เป็นการรบกวน ฟ้ามีเวลาให้คุณใหญ่เสมอค่ะ ร้านอาหารหรือสวนสาธารณะไหนดีคะ”
“ขอบคุณฟ้ามากครับ แต่ผมขอเป็นที่ที่คนไม่เยอะ หรือว่าจะเป็นต่างจังหวัด...แต่ก็...เอ้อ จะยุ่งยากเกินไป”
“ที่ที่คนไม่เยอะ หรือว่าจะเป็นที่บ้านฟ้า ถ้าคุณใหญ่ไม่รังเกียจ”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณแม่ฟ้า หรือคนที่บ้านฟ้า ผมอยากพูดกับคุณแค่สองคนเท่านั้น เอาเป็นว่าที่ไหน เดี๋ยวผมบอกอีกทีดีกว่า ขอโทษนะครับที่ทำให้ยุ่งยาก”
“คุณใหญ่กลัวคนเห็นเหรอคะ”
“ครับ...ผมกลัวคนเห็น”
เรยาได้ยินแล้วน้ำตาแทบร่วง แต่แข็งใจเอ่ยออกไป
“ฟ้าเข้าใจค่ะ แต่ถ้าไม่อยากให้คนเห็นจริงๆ ก็ต้องเป็นที่บ้านฟ้า แต่ถ้าคุณใหญ่ไม่สบายใจ ฟ้าจะลองขอยืมบ้านเพื่อนที่ไว้ใจได้ จะขอให้เขาออกจากบ้านไปก่อนตอนที่ฟ้ายืมบ้านเขาเป็นที่ตกลงปัญหาชีวิต”
ก้องเกียรตินิ่งไปอย่างรู้สึกผิด จังหวะนี้เองวิมลเคาะประตูหน้าห้องก่อนเดินเข้ามากระซิบบอกเจ้านายว่า แขกที่นัดไว้มาแล้ว...ก้องเกียรติจึงรวบรัดกับเรยา
“ผมขอโทษนะครับ เผอิญมีแขกที่นัดไว้มาพบ ตกลงเป็นที่ว่านี้ก็ได้ครับ”
“ที่ว่านี้...ที่บ้านฟ้านะคะ”
“ครับๆ ขอโทษนะครับ เท่านี้ก่อน”
เรยาวางสายด้วยรอยยิ้มที่มาดหมาย จากนั้นก็ลงมาช่วยแม่ทำอาหารกลางวันและพูดคุยหยอกล้อแม่อย่างอารมณ์ดี ลำยองรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ไม่พูดหรือถามอะไรให้เสียบรรยากาศ
หลังอาหารมื้อที่แสนอร่อยและอบอวลไปด้วยความสุข เรยายังใจดีพาลำยองไปไหว้พระที่วัดใกล้บ้าน...ช่วงเวลานี้เอง คนเป็นแม่รู้สึกอิ่มเอมใจและเพลิดเพลินมาก แต่หารู้ไม่ว่าลูกสาวเบื่อมากที่ต้องทำอะไรฝืนใจตัวเอง
พอกลับถึงบ้าน เรยาจอมแผนการก็คิดอ่านต่อไปว่าจะพูดอย่างไรกับแม่ดีเพื่อให้แม่ไปจากบ้านหลังนี้เป็นการชั่วคราว
“แม่...แม่อยากไปทำงานกับแหม่มมั้ย”
ลำยองละมือจากงานบ้านหันไปมองหน้าลูกสาวอย่างพิศวง
“ทำไมเหรอลูก”
“ฟ้าถามแม่...แม่ยังอยากไปอยู่รึเปล่า”
“แหม่มคงมีคนใหม่แล้ว มันนานแล้วนี่ ฟ้าพูดเรื่องนี้กับแม่ทำไม”
“ก็...ฟ้าเห็นแม่เหงาน่ะ วันนี้ที่ไปวัด ฟ้ารู้สึกว่าแม่มีความสุขมาก ฟ้าก็เลยคิดว่าถ้าแม่ได้ไปทำงานให้แหม่มอีกอย่างหนึ่ง แม่ก็คงมีความสุขที่สุด ลองโทร.ไปถามแหม่มดูนะแม่นะ”
ลำยองยิ้มตื้นตันใจมาก พยักหน้าแล้วเดินไปที่เครื่องโทรศัพท์บ้าน ยกหูไปหานายแหม่ม ปรากฏว่าทางโน้นได้คนใช้ใหม่แล้วจริงๆ เรยาอึ้งเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็รีบร้อนออกจากบ้านไปโดยไม่บอกแม่ว่าไปไหน
ไม่นานนักเรยาก็มาปรากฏตัวที่บ้านนายแหม่ม ซึ่งการมาครั้งนี้ของเรยาทำให้นายแหม่มแปลกใจเป็นอย่างมาก เรยาต้องการให้แม่ลำยองกลับมาทำงานรับใช้นายแหม่มอีก โดยอ้างว่าเป็นความสุขของแม่ และเท่าที่เธอสังเกตคนใช้ใหม่ที่นายแหม่มได้มาก็ยังไม่ค่อยเป็นงาน
เหตุผลของเรยาทำให้นายแหม่มยินยอมแต่โดยดี เพราะลึกๆในใจเธอก็อยากได้ลำยองที่รู้จักรู้ใจกันมานานมาช่วยทำงานบ้านให้อยู่แล้ว ต่อมาเมื่อเรยากลับไปบอกข่าวดีนี้ ลำยองถึงกับยิ้มหน้าบาน โอบกอดและขอบใจลูกสาวที่อุตส่าห์ ไปพูดกับนายแหม่มเพื่อแม่
“นานๆ ฟ้าจะเป็นลูกสาวที่ดีของแม่ ทุกทีฟ้าไม่ดีนี่ ใช่มั้ยแม่” เรยาบีบแก้มแม่หยอกๆ
“แม่ไม่เคยเห็นฟ้าไม่ดี ลูกแม่ดีเสมอสำหรับแม่”
“ดียังไงเหรอแม่”
“ก็ฟ้ามีงานดีๆทำ เลี้ยงแม่มีความสุข ไม่มีเสียเรื่อง ผู้ชายพายเรือ”
คำพูดของแม่ทำให้เรยาสะอึกอึ้งไปในบัดดล ขณะที่คนเป็นแม่ยังแย้มยิ้ม ลูบหลังไหล่ลูกสาวอย่างปลาบปลื้ม
ooooooo
หลังจากตัดสินใจติดต่อนัดหมายเรยาไปแล้วเมื่อวันก่อน พอเที่ยงวันนี้มีโอกาสเจอโจกับเต้ที่งานเลี้ยงสังสรรค์ในกลุ่มเพื่อน ก้องเกียรติจึงลองให้โจร่างข้อตกลงระหว่างตัวเองกับเรยาขึ้นมา
“ฉันจะรับเป็นพ่อของเด็ก จะจดทะเบียนรับเด็กเป็นลูก ฉันจะไปหาเขาเท่าที่ฉันจัดเวลาได้ เขาไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไรจากฉันทั้งสิ้น เมื่อลูกเกิดมาเขาต้องเป็นคนเลี้ยงคนเดียว ฉันจะให้ค่าเลี้ยงดูสำหรับเด็ก ไม่เกี่ยวกับแม่ ความรับผิดชอบของฉันต่อเด็กจะสิ้นสุดลงเมื่อเด็กอายุ 21 ปี ที่โรงเรียนเขาต้องเป็นผู้ปกครองคนเดียว”
ก้องเกียรติอ่านข้อตกลงนั้นแล้วหน้าตาไม่ค่อยสบายใจขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันขอดูหน่อยสิ” เต้ดึงสมุดจากมือก้องเกียรติมาอ่านอย่างรวดเร็ว “อืม...ก็โอเค ไอ้โจแกก็คิดรอบคอบดีนี่หว่า แต่ขาดเรื่องสำคัญสองเรื่องคือ เรื่องเงินเขาจะไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องค่าอะไรทั้งสิ้นของตัวเขา ถ้าจะมีการให้เงิน ไม่เกี่ยวกับภาระจำยอมใดๆ แต่เป็นไปโดยความเต็มใจของแกคนเดียว แล้วเรื่องสำคัญที่สุด ให้ไอ้ใหญ่ไปหาเขาตามเวลาที่มันจะไป พูดง่ายๆเขาจะมาเรียกมันไปหาตามใจชอบไม่ได้”
“ไม่ถูกเหรอ” โจทำหน้างงๆ
“ถูก...เก่งมากไอ้ลูกชาย แต่ฉันถามคำหนึ่ง ถ้าเขาเป็น ฝ่ายมาล่ะ เขามาได้ตลอดเวลาใช่มั้ย เขียนไปด้วยว่าเขาจะมาหาไอ้ใหญ่ไม่ได้ ถ้าไม่มีการนัดหมายสถานที่และเวลาล่วงหน้า จะเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งเวลาล่วงหน้า อย่างเช่น นัด 10 โมง มา 9 โมงอย่างเนี้ย...ไม่ได้ และสุดท้าย...สำคัญมาก สรุปไปในข้อสุดท้ายว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญาแม้แต่ข้อเดียว สัญญานี้เป็นโมฆะทันที”
ก้องเกียรตินิ่งฟังด้วยความไม่สบายใจตลอดเวลา แล้วยกมือเหมือนจะห้าม แต่เต้ชิงดักคอเสียก่อนอย่างรู้ทัน
“ใหญ่...แกห้ามใจอ่อน ฉันดูผู้หญิงคนนี้ออก เดี๋ยวพอเขาเล่นแง่ เล่นตัวเรียกเงิน แกจะเดือดร้อนแสนสาหัส”
“ฉันขอโทษ แต่ฉันทำไม่ได้ที่จะยื่นเงื่อนไขหมดนี่กับเขา”
“ทำไม” เต้เริ่มเสียงแข็ง
“ฉัน...เห็นใจเขา เขาเสียหายอยู่แล้ว ฉันคุยดูก่อน แล้วจะค่อยๆบอกเขา”
“ถ้าไม่มีลายลักษณ์อักษร แกคอยเจอความยุ่งยากแล้วกันไอ้ใหญ่ แล้วนี่นัดเขาที่ไหน อย่าบอกนะว่านัดที่บ้านเขา”
แม้ก้องเกียรติจะไม่ตอบ แต่หน้าตาก็ฟ้องว่าเป็นอย่างนั้น ทั้งเต้และโจเลยพากันถอนหายใจดังเฮือกอย่างหนักใจแทน แล้วก็ช่วยกันสำทับเพื่อนแสนซื่อว่า ถึงวันนัดอย่าให้เขาพาขึ้นห้องได้เป็นอันขาด!
ooooooo
เช้าวันนัดกับเรยา ก้องเกียรติจำต้องโกหกณฤดีว่าวันนี้ตนต้องออกไปตรวจตลาด ส่วนเรยาหลังวางแผนไว้ดิบดีก็รีบส่งแม่ลำยองขึ้นรถแท็กซี่ที่เรียกมาจอดรอถึงหน้าบ้าน และใจดีบอกแม่ว่าไม่ต้องรีบกลับก็ได้ วันนี้ตนอยู่บ้านทั้งวัน
พอแท็กซี่เคลื่อนออกไปแล้ว เรยาก็ยิ้มร่าวิ่งเข้าบ้านมาแต่งตัวแต่งหน้าเพื่อรอต้อนรับก้องเกียรติ เมื่อเขามาถึงเรยาก็ไม่รอช้า ทำราวกับรักเขาเต็มประดา โผเข้ากอดจูบเขาอย่างโหยหา ทั้งที่ความจริงแล้วเรยาต้องการจะท้องให้ได้
ก้องเกียรติเหมือนจะเคลิ้มไปกับรสสัมผัสนั้น แต่จู่ๆ เขาก็ดึงตัวเองออกห่าง บอกกับเธอว่า ขอน้ำดื่มสักแก้วหนึ่ง เรยาจึงต้องลุกออกไปทางครัว แต่ครู่เดียวเธอก็กลับมาพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้ว
หลังจากเขาดื่มน้ำแล้ว เรยาจะไปเอากาแฟมาให้อีก แต่เขารีบยกมือห้าม เรยาจึงเดินมานั่งลงข้างๆ ถามด้วยเสียงออดอ้อนว่า เขารักเธอบ้างไหม แม้สักนิดหนึ่ง...
“ผมเคยบอกแล้วว่า สำหรับผม...ความรักไม่ได้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ผมรักคนยาก”
“ก่อนที่จะแต่งงานกัน คุณใหญ่กับภรรยารักกันมานานไหมคะ”
“เราไม่ได้รักกันมาก่อนครับ เราแต่งงานกันด้วยวิธีโบราณที่เรียกว่าคลุมถุงชน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นเราเหมาะสมกัน ก็จัดการสู่ขอให้เราแต่งงานกัน”
“ไม่รักแต่ทำไมยอมคะ”
“เพื่อความสบายใจของพ่อแม่ ท่านอยากให้ผมที่เป็นลูกชายคนโตแต่งงานมีครอบครัว เพราะท่านแก่แล้วทั้งคู่”
“แล้วตอนนี้...คุณใหญ่รักภรรยาไหมคะ”
“รักครับ ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดา อยู่ด้วยกัน ดีต่อกัน ไม่มีเรื่องที่ขุ่นมัวต่อกัน ในที่สุดก็ต้องรักกันอยู่แล้ว”
“แล้วภรรยาคุณใหญ่รักคุณใหญ่มากไหมคะ”
“ผมไม่เคยถามและเขาก็ไม่เคยบอก เราอยู่กันอย่างไม่หวือหวา ชีวิตเขาเรียบๆ ผมก็เรียบๆ พูดน้อยทั้งคู่”
“ทำไม...ฟ้าถึงพบคุณใหญ่ช้าไป ทำไมฟ้าไม่พบก่อนหน้าคุณใหญ่แต่งงาน”
“ผมแต่งงานสิบกว่าปีแล้วนะครับ ฟ้าเพิ่งอายุยังไม่สิบขวบมั้ง”
“ฟ้าเชื่อว่าฟ้าจะรักคุณใหญ่ได้ คุณใหญ่เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนจะมีความสุขที่สุด ถ้าคุณใหญ่รัก ทำไมคุณใหญ่ไม่รักฟ้า ไม่รักฟ้าซักนิดเลยหรือคะ” เรยาบีบน้ำตาโอดครวญชวนสงสาร
ได้ผล...ก้องเกียรติใจอ่อนเอื้อมมือมาโอบบ่าเรยาที่เริ่มสะอื้น เรยาลอบยิ้มและพยายามจะรุกล้ำทำมากกว่าโอบกอด แต่ก้องเกียรติไม่โอนอ่อน กลับจับตัวเธอให้นั่งตรงๆ
“ผมมีเรื่องจะพูดกับฟ้าหลายเรื่อง...ผมจะทำหนังสือรับรองความเป็นบิดา...เรียกอย่างนี้หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่รับรองว่าเด็กเป็นลูกผม ผมจะมาดูแลฟ้าบ้างตามที่ผมจะมาได้ ฟ้าต้องการอะไรบอกผม ผมจะจัดหาให้ทุกอย่าง ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องยาบำรุง เรื่องอาหาร เรื่อง...”
“จะพาฟ้าไปฝากท้องไหมคะ” เรยาถามสวนคำทั้งที่เขายังพูดไม่จบ
“ผม...เอ้อ...ผมต้องไปใช่ไหมครับ”
“ค่ะ...แต่ไม่ต้องก็ได้ ฟ้าไปฝากเองได้ ฟ้าเข้าใจค่ะ คุณใหญ่ ฟ้าเข้าใจสถานภาพของตัวเองดีว่าฟ้าเรียกร้องอะไรไม่ได้ ทุกอย่างแล้วแต่คุณใหญ่จะเมตตา ลูกออกมาแล้วจะเรียกพ่อ ก็อาจจะไม่ได้ด้วยซ้ำ”
พูดจบเรยาก็ลุกขึ้นสะอื้นแรงๆ แล้ววิ่งขึ้นบันไดไปข้างบนทันที ก้องเกียรติลุกตามโดยอัตโนมัติ แต่มาหยุดชะงักอยู่แค่ประตูที่เปิดกว้างมองเห็นเรยาสะอึกสะอื้นบนเตียงนอน เขากวาดตาไปทั่วห้องเห็นโต๊ะ เก้าอี้ ห้องน้ำ ทุกอย่างคือความเป็นที่รโหฐานที่ตัวเองตั้งใจจะไม่ขึ้นมา แถมเพื่อนยังเตือนไว้ล่วงหน้า
“คุณใหญ่กลับไปก่อนเถอะค่ะ ฟ้าอยากอยู่คนเดียว... ช่วยปิดประตูให้ฟ้าด้วย”
เรยาแผนสูง ทำให้เขาอึกอักลังเล แล้วเธอก็เดินเช็ดน้ำตาเข้าห้องน้ำไป แต่ทุกอย่างก็ยังนิ่งสนิท คราวนี้เรยา ถึงกับร้องไห้โฮ รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก...หลังจากล้างหน้าแล้วกลับออกมา เธอคิดว่าจะไม่เห็นเขาอีกแล้ว แต่ผิดคาด เขาเข้ามายืนอยู่ในห้องด้วยสีหน้าท่าทีอัดอั้นตันใจ
“คุณใหญ่...” เรยาโผเข้าไปกอดจูบเขาและพร่ำรำพันขอความรักเป็นการใหญ่...
ในที่สุด ก้องเกียรติก็หมดความเหนี่ยวรั้งตัวเอง ตอบสนอง เรยาอย่างลืมตัว
ooooooo
กลับถึงบ้านในคืนนั้น ก้องเกียรติรู้สึกผิดมากๆ ต่อณฤดี พอเช้าขึ้นจึงแก้ตัวด้วยการชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกันในคืนนี้...
ณฤดีค่อนข้างประหลาดใจแต่ก็ไม่ขัดใจสามี แต่ในระหว่างที่สองสามีภรรยาเต้นรำมีความสุขอยู่ในไนต์คลับ
เรยาอยู่ที่บ้านกำลังจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ เพราะวันนี้ทั้งวันก้องเกียรติไม่ติดต่อกลับมาเลย
รอจนรู้สึกว่าความหวังริบหรี่ลงทุกที เรยาตัดสินใจส่งข้อความไปถึงเขาว่า “คิดถึงคุณใหญ่เหลือเกิน” แต่จนแล้ว จนรอดเขาก็ยังเงียบเชียบ ทำให้เธอกระวนกระวายหนักขึ้น และพาลมองแม่ตาขวาง แต่ลำยองไม่รู้เรื่องเพราะกำลังสนุกกับรายการตลกในจอทีวี
เมื่อรอจนทนไม่ไหวเรยาจึงเป็นฝ่ายโทร.ไปหาเขา พอดีก้องเกียรติกับณฤดีออกจากฟลอร์เต้นรำกลับมาที่โต๊ะ ณฤดีเหลือบเห็นโทรศัพท์มือถือก้องเกียรติมีแสงไฟกะพริบจึงหยิบขึ้นมาดูเบอร์
“เบอร์ใครไม่รู้ค่ะ R.J.”
ก้องเกียรติใจเต้นแรง รับโทรศัพท์จากณฤดีมากดรับ แล้วบอกปัดเรยาที่พยายามถามมาว่าเขาอยู่ที่ไหน
“ที่นี่เสียงดังมาก ไม่ได้ยินครับ ผมจะโทร.กลับนะครับ สวัสดีครับ”
ก้องเกียรติตัดสายทันที ณฤดีถามอย่างอาทรว่าด่วนหรือเปล่า ถ้าด่วนเรากลับกันเถอะ เขาจะได้รีบโทร.กลับไป
“ไม่ครับ ไม่ด่วน ผมอยากเต้นรำต่อ” เขาวางโทรศัพท์ลงที่เดิมแล้วพาภรรยาออกไปเต้นรำ...ปล่อยให้เรยาผิดหวังเสียใจแทบคลุ้มคลั่ง วิ่งร้องไห้ขึ้นไปขังตัวเองในห้อง โดยที่ลำยองไม่รู้สาเหตุอีกเช่นเคย
ooooooo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น