วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

เคหาสน์สีแดง ตอนที่ 6

ตอนที่ 6

แม้ว่าเสาวรสจะไม่ แยแสรุจ เพราะเขาไม่เร้าใจและไม่ปรนเปรอตนเหมือน ภาคินัย แต่พระศัลย์ฯยังพยายามเกี่ยวรุจไว้ เพราะเห็นว่าเขาเป็นผู้ดีเก่า มีสกุล รุนชาติ เหมาะกับลูกตนที่จบนอกมา อีกทั้งยังเหยียดภาคินัยว่าเป็นชาวไร่คนละระดับกับคุณพระอย่างตน

หารู้ไม่ว่า วันนี้หัวใจของรุจ มีคนที่เขาสนใจเข้ามาแทรกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอารยานับวันดีขึ้น เย็นนี้เมื่อได้ยินเสียงซอของอารยา เขาก็สะดุดเดินตามเสียงซอไปจนเจอตัวคนสี อารยาตกใจนึกว่ารบกวนเขา แต่เขากลับบอกเธอว่า

"เล่นต่ออีกสักเพลงจะได้ไหม ฟังแล้วเศร้าแต่ไพเราะมาก"

วันต่อมา อารยาขออนุญาตรุจไปพาหุรัดเพื่อหาซื้อผ้ามาทำผ้าม่านใหม่ เขาไม่เพียงอนุญาตให้ไป แต่ยังให้ติดรถไปด้วยกัน จะไปส่งที่หน้าโรงหนังเฉลิมกรุง บ่ายออกเวรจะมา

รับกลับให้เธอกับแม่พินมารอที่เดิม

ด้วยความเป็นใจของแม่พิน อารยาถูกดันให้ขึ้นนั่งเบาะหลังคู่กับรุจและตัวแม่พินเองไปนั่งคู่กับนายสุขที่ทำหน้าที่ขับ

ตกกลางวัน ขณะรุจนั่งทำงานที่ห้องในโรงพยาบาล ท่านขุนฯเอาเอกสารรายจ่ายประจำเดือนไปให้เขาดูแล้ววางสำเนาพินัยกรรมให้เขาดูด้วย รุจบอกอย่างรู้ทันว่าตนมีแล้วเอามาให้อีกทำไม

"เผื่อคุณหนูลืมว่าเอาไว้ที่ไหน" ท่านขุนฯพูดและมองอย่างมีเลศนัย พอรุจเหล่ใส่ท่านก็ยิ้มแป้นที่ถูกรู้ทัน

ooooooo

เสาวรสหมายมั่นปั้นมือว่าจับภาคินัยสำเร็จแน่ เธอรุกอย่างหนักยั่วยวนจนเขาหลง วนเวียนหาเขาจนตัวแทบติดกันแจ วางแผนแต่งงานแล้วจะดึงเขามาอยู่ พระนครกับตนให้ได้

แต่แล้ว วันนี้เธอก็ฮึดฮัดขัดใจ เมื่อไปหาภาคินัยที่บ้านรู้ว่าเขากำลังเตรียมตัวเดินทางไปเชียงใหม่เพราะที่ไร่มีปัญหา เธอไม่พอใจที่เขาจะทิ้งตนไป ยุให้ภคินีไปแก้ปัญหาแทน

"ผมไม่ได้ทิ้ง ผมจะรีบกลับมาหาคุณเมื่องานเสร็จ ผมปล่อยน้องให้ดูแลไร่คนเดียวไม่ได้หรอก น้องเป็นผู้หญิง" ภาคินัยพยายามชี้แจง เธอลอยหน้าถามอย่างคิดว่าตัวเองเหนือกว่าว่าถ้าตนไม่ให้ไปล่ะ "เสาวรส...อีกหน่อยไร่นี้ก็จะเป็นไร่ของคุณ ของเรา" ภาคินัยเชยคางเธอขึ้นมองอย่างแสนรัก

เมื่อรั้งเขาไว้ไม่ได้เธอถามว่าจะไปนานเท่าไร ภาคินัยไม่แน่ใจเพราะปัญหาครั้งนี้หนักมากแต่จะเขียนจดหมายมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ"

"เดินทางเมื่อไหร่"

"รถไฟคืนนี้ครับ" ตอบแล้วเห็นเธอนิ่งเงียบ ภาคินัยชวน "ไปหาผมที่เชียงใหม่ซิเสาวรสไปนะ เตรียมตัวไว้ผมจะกลับมารับเสาวรสนะครับ"

เมื่อรั้งภาคินัยไว้ไม่ได้ เสาวรสกลับบ้านอย่างหัวเสีย มาถึงบ้านไม่พบใครเลย ทั้งบ้านเงียบกริบ เธอผิดสังเกต เดินปลายเท้าขึ้นชั้นบน เคาะประตูห้องพระศัลย์ฯพลางร้องเรียก

พระศัลย์ฯกำลังสำราญโลกีย์อยู่กับพิศ เสาวรสจับได้ เธอตบตีพิศเหมือนที่ทำกับนวลแต่พิศไม่ยอมฮึดจะสู้ กลับถูกพระศัลย์ฯชี้หน้าตวาด

"นังพิศ อย่ามากำแหงกับลูกฉัน ฉันเคยเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่า ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอแกออกไป"

พิศมองหน้าพระศัลย์ฯอย่างตัดพ้อที่โยนกลองให้ตนทั้งที่ตัวเองทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด พิศไปด้วยความแค้น ไม่นานก็กลับมาบอกว่าตนไปแจ้งความไว้แล้ว ร่องรอยบาดแผลตามตัวเป็นหลักฐานที่เสาวรสไม่อาจพ้นผิดได้ ตำรวจแนะนำให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย พิศพูดอย่างถือไพ่เหนือกว่าว่า ตนจะฟ้องหนังสือพิมพ์ดีกว่า

เสาวรสตกใจ แต่ยังปากแข็งว่าไม่มีใครเชื่อหรอก

"ที่ไหนได้ เขาเห็นกันทั้งนั้น บ้านนี้...บ้านโน้น...บ้านนั้น...พ่อคุณน่ะบ้ากาม รู้รึเปล่า"

เสาวรสหันขวับมองพ่อ พระศัลย์ฯตีหน้าเศร้าทันที เธอโกรธจนคว้าของใกล้มือปาลงอย่างแรง

ooooooo

กลัวข่าวจะฉาวไปทั้งประเทศ เสาวรสจำต้องไปค้นเครื่องเพชรที่ได้มาจากหนุ่มๆ มาตีราคาอย่างแสนเสียดาย พระศัลย์ฯตีหน้าเศร้ามาขอโทษ เธอบอกว่า

ไม่ต้องขอโทษแค่อย่าทำอีกก็พอแล้ว

"มันเรียกไม่น้อยหรอก คนอย่างนังพิศ..." เสาวรสคำรามอย่างแค้นจัด หยิบกล่องของขวัญที่รุจให้มาในวันเกิดมาเปิดดู พลันก็ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นสร้อยเพชรน้ำงาม เพชรขนาดกลางเรียงจากใหญ่ไปเล็ก

"โอ...รุจ" เสาวรสยื่นกล่องไปให้พ่อดู "ดูของขวัญวันเกิดที่รุจให้ ลูกนึกว่า...แค่ผ้าพันคอ ดูจากกล่อง..." พูดพลางพลิกกล่องไปมา สร้อยเพชรแกว่งส่องประกายวับ

"เห็นไหม...เห็นไหม...พ่อบอกแล้วว่าตระกูลรุจิโรจน์ต้องไม่ธรรมดา สร้อยเพชรน้ำงามถึงขนาดนี้..." พระศัลย์ฯละล่ำละลักบอกลูกสาว "ต้องหมอรุจเลยค่ะลูก ลองไปบ้านหมอรุจ ไปปากน้ำนะลูก"

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะรุจกำลังรู้สึกสนุกกับการขอร่วมปลูกต้นไม้กับอารยาอยู่นั้น มณีวิ่งมาบอกว่ามีโทรศัพท์ เขามารับสายฟังอึ้งไปนิดหนึ่ง เมื่อปลายสายเสียงหวานมาว่า

"รุจขา เสาวรสเอง จะมาหารุจ บอกทางหน่อย เสาวรสอยู่ปากน้ำแล้วค่ะ"

ครู่เดียวเธอก็เลี้ยวรถเข้าเคหาสน์สีแดง พอลงจากรถก็โผเข้ากอดหอมแก้มรุจซ้ายขวาอย่างไม่แยแสกับสายตาใครๆ อารยามองงงๆ สงสัยว่าเป็นใคร รุจมองมาทางอารยาแวบหนึ่งสบตากันพอดี สายตาอารยานั้นฉงนแต่หัวใจเธอเจ็บแปลบจนต้องรีบก้มหน้าขุดดินต่อ

การมาพบรุจครั้งนี้ เสาวรสรุกอย่างรวดเร็ว รุนแรง จนรุจแทบตั้งตัวไม่ติด เมื่อเขาพาเธอเข้าไปนั่งในห้องรับแขกโดยท่านขุนฯเข้าไปนั่งด้วยอย่างสังเกตสังกา

เสาวรสนึกขวางๆท่านขุนฯที่นั่งอยู่ด้วย แต่เธอก็ไม่แคร์แสดงความใกล้ชิดสนิทสนมแนบเนื้อแนบตัวกับรุจราวกับอยู่กันตามลำพัง จนท่านขุนฯเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า

"ผมต้องขอตัวไปคุยธุระกับแม่ทั้งสามก่อนนะครับ มีเรื่องสำคัญจริงๆ" พูดแล้วมองหน้าเสาวรส แต่พูดกับรุจว่า "พินัยกรรมของท่านนายพลครับ"

รุจมองเหล่ๆอย่างรู้ทัน ส่วนเสาวรสหูผึ่ง ฉะอ้อนฉอเลาะรุจราวกับจะเขมือบเสียให้ได้ในคราวนี้

หลังจากตัดพ้อต่อว่ารุจอ้อนๆว่าหลอกตนว่าอยู่บ้านเก่าๆที่บ้านนอก ที่แท้บ้านออกใหญ่โตสวยงามและก็อยู่ปากน้ำแค่นี้เอง เธออ้อนยั่วเขาสุดฤทธิ์ว่า

"ที่มาเนี่ยจะบอกรุจว่าคิดถึงรุจค่ะ จะบอกด้วยว่าที่เสาวรสไปกับเพื่อนเพราะเสาวรส

เบื่อที่จะต้องอยู่บ้านรอคอยรุจที่ทำแต่งาน แต่เวลาที่เราไม่ได้พบกัน เสาวรสรู้แล้วว่าขาดรุจไม่ได้..."

รุจถามหยอกว่าแล้วตอนนี้ไม่เบื่อแล้วหรือ เธอทำตาแป๋วมองหน้าเขาบอกว่า "รออยู่ที่บ้านหลังนี้หรือคะ เสาวรสจะนั่งรอรุจในบ้าน ที่สวน ที่ท่าน้ำ ไม่มีทางเบื่อแน่นอน" พูดแล้วชวนเขาไปดูบ้านกันดีกว่า ตนอยากเห็นให้ทั่ว รุจจึงพาเธอไปเดินดูทั้งที่หน้ามุข ที่ท่าน้ำ เธอ

หัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุขตลอดเวลา

อารยาเดินขึ้นมาบนบ้านถึงโถงชั้นสอง เธอหยุดแถวหน้ารูปแม่ยืนคว้างอยู่นาน จึงยกมือขึ้นลูบไล้บอกเสียงเครือ "แม่จ๋า...น้อยคิดถึงแม่เหลือเกิน..."

ooooooo

เดินดูบ้านแล้วรุจพาเธอไปที่ดงบัว เมื่อกลับมาก็ยังหัวเราะต่อกระซิกกัน ไปนั่งคุยต่อที่หน้าชาน แม้อารยาจะไม่ได้ยินเสียงคุย แต่จากกิริยาท่าทีที่เริงร่าของเสาวรสก็บอกถึงความสุขของทั้งคู่

จนกระทั่งเย็น รุจบอกเธอว่าดื่มชาเสร็จก็ควรกลับแล้วเดี๋ยวมืดจะขับรถลำบาก เธอก็ยังพิรี้พิไร จนรุจเป็นฝ่ายลุกขึ้น เธอจึงจำต้องลุกตาม

รุจเดินไปส่งจนเธอขับรถออกไปแล้ว เขาหันกลับมองขึ้นไปบนบ้าน สบตากับอารยาที่ยืนมองอยู่ก่อนแล้วพอดี อารยาไม่ทันระวังตัวรีบหลบเข้าบ้าน

ระหว่างเดินกลับ รุจมองไปทางแปลงต้นไม้ที่ช่วยกันปลูกเมื่อครู่นี้ เห็นปลูกเสร็จแล้วและฝนเริ่มตกลงมาประปราย เขาจึงเดินกลับเข้าบ้าน แต่ตัวเปียกฝนจนถูกแม่พินกับแม่ละม่อมเอ็ดว่าทีหลังอย่าไปเดินตากฝนอีก แล้วเคี่ยวเข็ญให้รีบไปอาบน้ำเสีย ส่วนแม่พร้อมก็จะรีบไปหาอะไรอุ่นๆมาให้ทาน

ooooooo

กลับจากเคหาสน์สีแดง คืนนี้เสาวรสเล่าความใหญ่โตของเคหาสน์ให้พ่อฟัง สองพ่อลูกพากันดีใจที่กลับลำทันก่อนที่จะเสียรุจไป เสาวรสวางแผนเตรียมตัวจะไปเป็นนายหญิงของเคหาสน์สีแดง พระศัลย์ฯก็ฝันหวานว่าจะได้อยู่ท่ามกลางข้าทาสบริวารที่คอยรับใช้

"ทันทีที่ประกาศแต่งงาน ผู้หญิงทั้งพระนครจะต้องอิจฉาลูก" เสาวรสฝันฟุ้งว่าจะเป็นงานแต่งงานที่หรูหราที่สุด จากนั้นก็จะบินไปฮันนีมูนที่ยุโรปกัน

แต่เพราะเชื่อว่าเสน่ห์ของตนขลังและรุจก็เป็นของตาย เสาวรสยักท่าเล่นตัว รุ่งขึ้นเธอไม่ไปหารุจด้วยเหตุผลที่บอกพ่อว่า

"เสาวรสจะทิ้งเวลาให้รุจไตร่ตรองสักนิด รุจจะได้รู้ว่าต้องประพฤติตัวยังไงถึงจะไม่เสียเสาวรสไป" เธอยิ้มเบิกบานใจกับแผนการของตัวเอง แต่พระศัลย์ฯฟังแล้วหนักใจ แต่ก็ไม่กล้าเถียง

ooooooo

เช้าวันเดียวกันนั้น ที่เคหาสน์สีแดง สามแม่ ตกใจหน้าเสียเมื่อนายสุขมาบอกว่ารุจไข้สูงตัวร้อนจี๋ทีเดียว ต่างวุ่นวายกันไปหมดไม่รู้จะเอายาอะไรให้กินลดไข้ นึกออกแต่ยาขมยาเขียว อาหารก็จะทำข้าวแช่ให้กินคลายร้อน

อารยานั่งที่โต๊ะอาหารได้ยินดังนั้นเธอลุกไปเงียบๆ ครู่หนึ่งกลับมาพร้อมยาและน้ำ แม่ละม่อมเข้าไปปลุกรุจให้ลุกขึ้นมาทานยา เขาถามว่ายาอะไรหรือ แม่ละม่อมบอกว่า

"คุณน้อยหยิบมาจากกล่องยาที่คุณหนูเก็บไว้ประจำบ้านค่ะ"

รุจพยักหน้ารับยารับน้ำไปทานแล้วส่งแก้วคืน อารยายืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง รุจเห็นสายตาคู่นั้น เขาพยักหน้าอย่างรับรู้ความห่วงใยของเธอแล้วหลับตาลง

ส่วนอาหาร อารยาก็ทำซุปให้เพื่อจะได้ไม่ต้องเคี้ยว

ปรากฏว่าไข้ไม่ลดแต่กลับตัวร้อนกว่าเมื่อเช้าอีก อารยา บอกว่าตนรู้ว่าจะทำอย่างไร พลางไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำจะมาเช็ดตัว ถูกแม่ๆทั้งสามค้านกันเสียงขรม ยืนกรานไม่ยอมให้เช็ดตัวกลัวจะยิ่งไข้หนัก จนอารยาต้องรับรองและขอรับผิดชอบเองหากเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่ในบ้านทุกคนกำลังโกลาหลทุกข์ร้อนกับอาการไข้ของรุจนั่นเอง ชาลีมาหาอารยา ถามนายสุขที่ดูแลต้นไม้อยู่ นายสุขบอกว่าไม่รู้เธอไปไหน ชาลีถามอะไรนายสุขก็เอาแต่ส่ายหน้า จนเจอมณีเขาถามเร็วปรื๋อ

"มณีเห็นคุณน้อยไหม อยู่บนตึกรึเปล่า คุณน้อยทำอะไรอยู่ ทำไมบ้านเหมือนไม่มีใครอยู่อย่างนี้ ไปไหนกันหมด" ถามแล้วเดินวนมาทางประตูทำท่าจะตะโกน แต่แล้วก็ไม่กล้าได้แต่ยืนกระวนกระวายอยู่ตรงนั้น

ส่วนที่ห้องรุจ อารยาตัดสินใจใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเช็ดตัวให้เขา ปรากฏว่าตัวเย็นลง จนสามแม่ยอมรับความจริง เมื่อรุจตัวเย็นลง แม่พร้อมจึงเดินลงมา เจอชาลีพอรู้ว่ามาหาอารยาก็อาสาจะไปตามมาให้

แม่พร้อมขึ้นไปบอกอารยาว่าชาลีมาหา เธอขอให้ไปบอกเขากลับไปก่อน ตนจะอยู่ดูอาการของรุจต้องวัดไข้เรื่อยๆ และถ้าไข้ขึ้นก็จะได้รีบเช็ดตัว ลงไปพบชาลีไม่ได้จริงๆ

แม่พร้อมจึงเดินกลับลงไป แม่ละม่อมกำชับตามหลังว่าอย่าพาขึ้นมานะ

ที่ไหนได้ แม่พร้อมที่เอาใจช่วยชาลีเรื่องอารยาอยู่แล้ว พาชาลีขึ้นไปยืนที่ประตูมองเข้าไปในห้อง ชาลีเห็นอารยาดูแลรุจอยู่อย่างเป็นห่วงใกล้ชิดก็ไม่พอใจ ครั้นแม่ละม่อมกับแม่พินหันมาเห็นชาลีก็ไม่พอใจแม่พร้อมที่พาชาลีขึ้นมาถึงห้องนอนของคุณหนู สองแม่เลยต่อว่าแม่พร้อมที่ทำในสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง

ooooooo

เมื่ออารยาหันไปเห็นชาลีจึงลงไปคุยกับเขาที่ห้องรับแขก เธอบ่นกับเขาว่า บอกแล้วว่าไม่ว่างทำไมต้องตามขึ้นมาอีก ชาลีถามว่าทำไมเธอต้องห่วงรุจมากถึงขนาดนั้น เธออ้างว่าเพราะเขาเป็นผู้ปกครองตน เมื่อเขาไม่สบายตนก็ต้องดูแล

ชาลีน้อยใจ เสียใจ ที่อารยาให้ความสำคัญกับรุจมากกว่าตน ตัดพ้อต่อว่าเธอที่ปฏิเสธจะพบตนทั้งที่มาได้แค่อาทิตย์ ละครั้งเดียว เมื่ออารยาเห็นอารมณ์ของเขา เธอบอกให้เขากลับไปก่อนเพราะตนต้องไปแล้วจริงๆ สัญญาว่าแล้วจะไปหาเขา ชาลีมองหน้าเธออย่างน้อยใจ

"ไม่เอานะชาลี อย่าทำหน้าอย่างนี้ น้อยไม่สบายใจนะจ๊ะ"

"คุณน้อยก็ควรไม่สบายใจเพราะคุณน้อยปฏิเสธที่จะพบเพื่อนคนนี้ เพื่อนที่อาทิตย์หนึ่งได้เจอแค่ครั้งเดียว" ว่าแล้วชาลีหุนหันเดินลงบันได ถึงขั้นสุดท้ายหันกลับมองขึ้นมาอีกที ไม่เห็นอารยาแล้ว เขายิ่งเสียใจน้อยใจ จนเมื่อกลับถึงบ้านแม่กับพี่สาวถามอะไรก็ไม่พูดด้วย เดินงุดๆเข้าห้องไปอย่างหงุดหงิด

ooooooo

ที่ไร่รวงผึ้ง ภาคินัยกลับถึงเชียงใหม่แล้วแต่เขาไม่มีแก่ใจจะทำอะไร ใจพะวักพะวนถึงแต่เสาวรส จนภคินีบ่นพี่ชายว่าหลงเสน่ห์เสาวรส เตือนว่าผู้หญิง

คนนี้ไม่ใช่คนดีนัก ก็ถูกถามอย่างไม่พอใจว่าเขาไม่ดี ตรงไหนยังไง

ไม่เพียงมีปัญหากับภคินีเท่านั้น กับคนงานเขาก็อาละวาดเกรี้ยวกราดอย่างไร้เหตุผล จนถึงขั้นต่อยคนงานที่พยายามชี้แจงการทำงาน ยังความแค้นใจแก่คนงานคนนั้นนัก

น้าสังวาลย์ไม่สบายใจกับหลานทั้งสองที่มีปากเสียงกัน วันนี้ไปเก็บกะหล่ำปลีกับภคินีกลับมาเจอภาคินัย ถามว่าจะทานผัดกะหล่ำไหมเพิ่งเก็บมาสดๆจะผัดให้

"ไม่ทานละครับ ผมไม่หิว" ภาคินัยตอบน้าแต่ตามองน้องแล้วเดินผละไป

"เห็นรึยังคะคุณน้า ว่าพี่ชายเปลี่ยนไป น้องว่า พี่ชายต้องโดนยาเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ฮึ...แม้แต่ชื่อน้องก็ยังไม่ อยากเรียกให้เป็นเสนียด" ภคินีบ่นกับน้าอย่างกลุ้มใจ

ooooooo

อารยาดูแลรุจด้วยความเอาใจใส่อย่างที่สุด เมื่อจะเอาข้าวต้มมาให้ทาน เขาถามว่าให้คนป่วยกินของอร่อยบ้างได้ไหม เธอก็รีบไปทำม้าห้อมาให้อย่างเร็ว แม้เขาไม่รู้จักไม่เคยทานแต่เขาก็ชมว่าอร่อย ทานจนหมด ยังความปลื้มใจแก่อารยายิ่งนัก เธอยิ้มอย่างสุขใจที่ได้ดูแลเขา

ในที่สุด เสาวรสก็เป็นฝ่ายต้องมาหารุจเมื่อรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นเขาไปหา เธอมาเจอยายจ้วนที่ประตูบ้านรุจิโรจน์ ยายจ้วนแถเข้าไปขวางรถถามว่าจะเข้าไปหารุจหรือ ถ้าอยากรู้ อะไรในบ้านรุจิโรจน์ให้ถามตนได้ตนรู้หมดทุกเรื่อง

เสาวรสมองสารรูปยายจ้วนอย่างรังเกียจ ไล่ให้ออกห่างรถตนแล้วขับพรวดเข้าไปทันที

"เออ...ทำเป็นหยิ่ง อย่ามาง้อกูทีหลังแล้วกัน แม่จะหัวเราะให้ฟันโยก" ยายจ้วนตะโกนด่า

เมื่อเข้าไปในบ้านเจอแม่ละม่อมบอกว่าคุณหนูเป็นไข้หวัดใหญ่นอนอยู่บนห้อง เธอก็จะขึ้นไปหา แม่ละม่อมพยายามทักท้วงว่ามันไม่งามตนจะไปบอกคุณหนูดีกว่า แต่พอแม่ละม่อมลุกเดินไป เสาวรสก็ตามไปทันที แม่ละม่อมหันมาต่อว่า เธอพูดนิ่มๆแต่ยโสเหลือเกินว่า

"ฉันไม่จำเป็นต้องฟังแม่บ้าน ดีหรือไม่ดีไม่ใช่ใครมาบอก ฉันคิดเองได้"

ooooooo

เสาวรสพรวดเข้าไป เห็นอารยากำลังติดกระดุมเสื้อให้รุจอย่างสนิทมือสนิทใจ ถามว่าเธอเป็นใคร อารยาตอบก้มหน้านิ่งๆว่า เป็นคนอยู่บ้านนี้ เป็นผู้อาศัย เสาวรสดูท่าทางอารยาไม่มีพิษสงอะไร ก็ไม่สนใจหันไปหารุจที่นอนหลับอยู่ จับตัว พลันก็ร้องเสียงดังเมื่อเขาตัวร้อนจี๋

เสาวรสให้มณีไปตามคนมาเพื่อจะให้พารุจไปหาหมอ อารยาขึ้นไป เสาวรสไม่พูดด้วย บอกให้ไปตามผู้ใหญ่มา

พูดกับตน พอดีแม่ละม่อม แม่พิน แม่พร้อมเดินตามกันมา เสาวรสเลือกบอกแม่พินว่าจะให้พารุจไปโรงพยาบาล แม่พิน บอกว่าตนรับคำสั่งไม่ได้ โบ้ยไปทางแม่ละม่อม แม่ละม่อมรีบบอกว่าตนก็รับคำสั่งไม่ได้

"แล้วจะให้ฉันสั่งใคร" เสาวรสเสียงเขียว แม่ละม่อมบอกว่าต้องบอกอารยา เธอหันขวับถามอย่างระแวงว่า "เธอเป็นใครกันแน่"

เสาวรสถามอารยาตั้งแต่หน้าห้องจนเข้าไปในห้อง อารยาก็ยังไม่ยอมตอบ เธอเข้าไปดูรุจ บอกว่าคงไม่ต้องพาเขาไปหาหมอแล้วกระมัง เพราะอาการดีขึ้นจากเมื่อวาน ตัวไม่ร้อนจัดแล้ว

เสาวรสไม่พอใจบอกว่าตนจะพาไปเอง ขณะนั้นเอง รุจปรือตาพูดเสียงแผ่วอย่างอ่อนแรง

"เสาวรส ทำตามที่อารยาบอกเถอะ ผมดีขึ้นแล้วจริงๆ" เธอถามว่าอารยาคือใคร รุจไม่ตอบ สบตาอารยานิดหนึ่ง

แล้วพูดลอยๆ "ผมจะนอนต่อ ขอโทษนะเสาวรส"

เมื่อออกมาเจอกันที่โถงบันได เสาวรสถามอารยาอย่างระแวงว่าเธอเป็นใคร อารยายังคงนิ่ง ทำให้เสาวรสนึกถึงยายจ้วนขึ้นมา ขับรถออกไปเจอยายจ้วนยังป้วนเปี้ยนอยู่ จอดรถลงไปยืนกอดอกซักไซ้ จึงรู้จากยายจ้วนว่า

อารยาเป็นลูกติดแม่เลี้ยงของรุจ ท่านนายพลพ่อของรุจรับอัมพามาเลี้ยงดูและเชิดชูอารยาเป็นลูกสาวอีกคน ด่าอารยาว่า "อุ๊ยมันผยองจะตายค่ะ คุณรุจต้องกระเด็นไปอยู่เมืองนอกทางนี้เลยสบาย"

ยายจ้วนยังลอยหน้าเล่าจนเหนียงสะบัดว่า อัมพามีชู้ แล้วยกยอเสาวรสว่า

"นี่อิฉันเห็นคุณแวบแรกก็รู้เลยนะคะว่าวาสนาชักนำให้มาเป็นคุณผู้หญิงของรุจิโรจน์แน่ๆ อิฉันเลยตัดสินใจเล่าให้คุณฟัง คุณจะได้รู้ทางหนีทีไล่"

พูดแล้วเห็นเสาวรสมองเฉย ยายจ้วนถามว่ารู้เรื่องที่ตนเล่าไหม เธอตอบหน้าตาเฉยว่ารู้หมดแล้ว พลางจะขึ้นรถยายจ้วนร้องว่าเดี๋ยวก่อน เธอออกรถพร้อมกับบอกว่า "ฉันจะมาฟังต่อวันหลัง"

"อูย...อีหน้าขาว หยิ่งสะบัด เออ กูยังไม่ได้เล่าเรื่องสำคัญ มึงยังไม่รู้สิว่าเครื่องเพชรเครื่องทองน่ะหมดแล้ว ไม่เหลือ กูรู้ด้วยว่าใครเอาไป" ยายจ้วนแสยะยิ้มทำหน้าราวกับแม่มด

เมื่อเสาวรสไปเล่าให้พ่อฟัง พระศัลย์ฯถามถึงเรื่องสมบัติเก่าพวกเพชรนิลจินดายายแก่นั่นเล่าให้ฟังไหมว่าเป็นของใคร เสาวรสตอบอย่างมั่นใจว่าต้องเป็นของรุจเพราะเขาคือทายาท แต่พอพระศัลย์ฯเตือนว่าไม่ได้มีเขาคนเดียว ยังมีลูกติดแม่อีกคน เสาวรสจึงคิดได้พึมพำอย่างเจ็บใจว่าทำไมอยู่ๆก็มีอารยาโผล่มา

พระศัลย์ฯเร่งรัดว่าไว้ใจไม่ได้แล้ว เกิดเด็กอารยามันนกรู้คิดจะฮุบทุกอย่างไว้คนเดียวล่ะ ยิ่งหนุ่มสาวสมัยนี้อยู่บ้านเดียวกัน เหมือนนํ้ามันกับไฟจุดเมื่อไรก็ติดพึ่บพั่บ แม้เสาวรสจะระแวงขึ้นมาแต่ยังปากแข็ง

"ไม่มีทางค่ะ รุจจะไม่มีวันเห็นใครดีกว่าผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างเสาวรส"

ooooooo

ศยามขับรถเฟียตเก่าโทรมเข้ามาในบ้านหลวงพิศาล ท่อไอเสียระเบิดเสียงดังสนั่นปล่อยควันดำโขมงจนคนในบ้านตกใจวิ่งออกมาดู

"คุณพระคุณเจ้าช่วย เสียงอะไร ใครมาขว้างระเบิดใส่บ้านเรา" คุณนายจินดาร้องลั่น แล้วประชดต่อเมื่อเห็นศยามลงมาจากรถ "นี่ถ้ามีเสียงหวอนำมาก่อน แม่ต้องนึกว่าญี่ปุ่นบุกอีกรอบแน่ๆเชียว โอ๊ยตาย คนขับก็โทรม รถก็เก่า เข้ากันจริงจริ๊ง"

ศยามยิ้มแห้งๆ รีบจัดทรงผมและเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ผิดกับโสรัตน์ที่แต่งตัวเนี้ยบขับรถอเมริกันคันหรูมารับวิชชุดาไปทานอาหาร แถมยังมีดอกไม้ช่อใหญ่และช็อกโกแลตมาเป็นของกำนัลด้วย

วิชาติสำรวจเพื่อนรักแล้วถามย้ำว่าทำตามคำแนะนำของสอางทิพย์ทุกขั้นตอนหรือเปล่า

"ไม่ต้องห่วง กันทำตามที่คุณสอางแนะนำทุกอย่างเลย แล้ววันนี้กันจะต้องทำให้น้องวิชประทับใจในตัวกันให้ได้" โสรัตน์มั่นใจ แต่วิชาติยังไม่วางใจรีบกำชับว่างานนี้โสรัตน์ ต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษให้มากที่สุดเพราะวิชชุดาชอบผู้ชายที่เข้มแข็งสมเป็นชายชาตรี

วีรชาตินึกขำพี่ชายจึงตัดบทชวนโสรัตน์เข้าไปรอในบ้านก่อน เพราะวิชชุดากำลังให้สองพี่สะใภ้แต่งตัวอยู่ ด้วยพี่ทั้งสองเกรงว่าจะไม่สมกับโสรัตน์ที่แต่งเต็มยศ

ส่วนศยามนั่งเกร็งฟังว่าที่แม่ยายต่อว่าเรื่องทิ้งสุดถนอมไว้ที่งานเลี้ยง แถมยังให้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาส่งที่บ้านอีก

"ผมขอโทษครับ คุณป้า ผมต้องทำยังไงถึงจะชดเชยความผิดที่ทำไปคุณป้าบอกมาได้เลยครับ ผมยินดีทำตามทุกอย่างครับ"

คุณนายจินดานิ่งไปนิด แล้วสั่งให้ศยามพาสุดถนอมไปทานอาหารฝรั่งเศสที่ร้านหรูย่านถนนสุรวงศ์เป็นการแก้ตัว

"ร้านนี้อาหารก็แพง พิธีรีตองก็มากมาย พ่อว่าเปลี่ยนร้านเถอะ ที่ซอยประมวล รู้สึกว่าจะมีร้านอาหารไทยเปิดใหม่ แม่ครัวเป็นชาววังเก่า" หลวงพิศาลช่วยต่อรอง

"ไม่ได้ค่ะ ยังไงคุณศยามก็ต้องพายายแหววไปกินอาหารฝรั่งเศส แล้วก็ไม่ใช่ว่าแค่พาไปกินข้าวมื้อนี้มื้อเดียวจะทำให้คุณพ้นความผิดไปได้นะ คุณยังต้องทำอะไรอีกเยอะ รวมทั้งปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเวลามาหายายแหวว คุณควรจะแต่งตัวให้มันดีกว่านี้ แล้วก็ไม่ใช่นึกจะมาก็มา ควร โทร.มาบอกล่วงหน้า อ้อ แล้วควรจะมีอะไรติดไม้ติดมือมาด้วย ไม่ใช่มามือเปล่าอย่างนี้ ดอกไม้ซักช่อก็ยังดี" คุณนายจินดาใส่เป็นชุด

สุดถนอมเห็นท่าไม่ดี รีบชวนศยามออกไป

"ห้ามกลับเกินสี่ทุ่มนะ แล้วคุณต้องพายายแหววกลับบ้านด้วยตัวเอง อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยล่ะ" คุณนายจินดาสั่งตามหลัง

ooooooo

เมื่อสอางทิพย์กับสดสวยเดินนำวิชชุดาลงมา โสรัตน์ก็บรรจงยื่นช่อดอกกุหลาบและกล่องช็อกโกแลตให้ วิชชุดารับอย่างไม่ใส่ใจนัก เธอส่งให้เด๋อไปใส่ แจกันและยกช็อกโกแลตให้อีก เด๋อเปิดกล่องหยิบช็อก-โกแลตมากินทันที โสรัตน์มองตาปริบๆทำอะไรไม่ได้

วิชชุดายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่โสรัตน์ถามว่าเอารถคันไหนมา เพราะเธอขอเป็นคนขับเอง โสรัตน์ยอมตามใจ วิชาติกับวีรชาติร้องห้ามแต่ไม่ทัน วิชชุดาซิ่งรถออกไป เห็นโสรัตน์จับเบาะรถไว้แน่นด้วยความเสียวไส้

ไม่กี่อึดใจเธอก็พาโสรัตน์มาถึงร้านอาหารจีน และให้เหตุผลว่า รสชาติถูกปากกว่าอาหารฝรั่งและที่สำคัญไม่ต้องมานั่งประดิดประดอยกินทีละอย่างสองอย่างแบบธรรมเนียมฝรั่งด้วย โสรัตน์อึกอักไม่กล้าค้านจำใจตามวิชชุดาเข้าไปข้างใน

ส่วนศยามเมื่อพ้นเขตบ้านก็สารภาพกับสุดถนอมว่า เขามีเงินไม่พอคงพาเธอไปทานอาหารฝรั่งตามที่คุณนายจินดาสั่งไม่ได้ สุดถนอมเข้าใจ รีบบอกว่า ไม่เป็นไร เพราะทานอาหารฝรั่งจนเบื่อแล้ว

ศยามโล่งใจรีบพาสุดถนอมไปทานอาหารจีนที่ร้านประจำและบังเอิญเป็นร้านเดียวกับที่วิชชุดาพาโสรัตน์มา ในระหว่างที่ศยามสั่งอาหาร โสรัตน์ที่นั่งอยู่ด้วยก็พยายามสานสัมพันธ์กับวิชชุดาหวังให้เธอประทับใจ แต่สาวเจ้าไม่สนก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างเดียว

โสรัตน์ตัดสินใจสารภาพความในใจ วิชชุดาเงยหน้าขึ้น แล้วสวนกลับทันควัน

"ที่วิชมากินข้าวกับคุณวันนี้ ก็เพื่อจะขอร้องให้คุณเลิกวอแวกับวิชเสียที แล้วกรุณาไปบอกพี่ใหญ่ด้วยว่า ให้ เลิกบังคับวิชได้แล้ว ยังไงวิชก็ไม่มีทางจะคบกับคุณเป็นแฟนได้หรอกค่ะ เพราะวิชไม่ชอบคุณ"

โสรัตน์ตะลึงจนช้อนหลุดจากมือ

คล้ายกับสุดถนอมที่นั่งอึ้งมองผู้คนแวะเวียนมาทักทาย ศยามไม่หยุด ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัว เธอเอ่ยถามศยามว่า คนพวกนั้นเป็นใคร

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเคยเจอกันตามงานเลี้ยงที่ไหนซักงานมั้งครับ"

"คุณศยามก็เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ถ้าไม่ใช่เรื่องจับผู้ร้ายแล้วล่ะก็ ไม่เคยจะใส่ใจกับอะไรเลย"

"แต่ผมใส่ใจกับคุณเสมอนะครับ คุณแหวว เพราะผมต้องทุ่มกายทุ่มใจให้คุณแหววนี่ไงครับ ผมก็เลยไม่มีเวลาจะไปใส่ใจกับเรื่องอื่น"

"แหม แหววอยากจะเชื่อคุณศยามจริงๆเลยค่ะ"

"แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเองว่า ผมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อคุณได้ คุณแหววครับ" ศยามดึงมือสุดถนอมมากุมไว้ทำท่าจะบอกรัก แต่ก็มีนายตำรวจรุ่นพี่เข้ามาทักและบอกว่าโสรัตน์ พาแฟนมาทานอาหารที่นี้ด้วย แต่นั่งอยู่ด้านใน ศยามชะเง้อมองหาโสรัตน์ ไม่ทันเห็นสุดถนอมที่นั่งเซ็ง

โสรัตน์นั่งมองวิชชุดาตาละห้อยขอร้องให้เธอยอมให้โอกาสเขาอีกครั้ง พร้อมรับปากจะปรับปรุงตัวเองเพื่อเธอ แต่วิชชุดาไม่ยอมรีบตัดบท

"ฉันไม่ชอบตำรวจ ถ้าคุณลาออกจากการเป็นตำรวจเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันใหม่ ฉันขอตัวไปล้างมือหน่อยนะคะ" วิชชุดาเดินออกไปอย่างหน้าตาย โสรัตน์ยังอ้าปากค้างอยู่

ooooooo

ศยามเดินสวนเข้ามาและคลาดกับวิชชุดาไปชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด เขาเดินตรงทักทายโสรัตน์ที่นั่งนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดลอยไป ศยามตกใจรีบลากกลับไปหาสุดถนอมที่โต๊ะ

"สวัสดีค่ะ คุณโสรัตน์ ยินดีที่ได้พบกันอีกนะคะ แหววขอบคุณมากนะคะที่ขับรถไปส่งแหววเมื่อคืน" สุดถนอมยกมือไหว้ โสรัตน์เริ่มได้สติหันมารับไหว้ ศยามล้อให้พี่ชายไปพาแฟนมานั่งด้วยกัน

"น้องวิชยังไม่ได้เป็นแฟนฉันโว้ย อย่าพูดซี้ซั้วไป"

"วันนี้ยังไม่เป็น วันหน้าก็ต้องได้มาเป็นแฟนแน่ๆ ผู้ชายดีพร้อมอย่างพี่โสรัตน์ ผู้หญิงคนไหนไม่ยอมเป็นแฟนด้วย ไม่บ้าก็โง่แล้วล่ะครับ" ศยามมองโสรัตน์ที่ยังทำหน้าเซ็งชีวิตอยู่

วิชชุดากลับมาที่โต๊ะไม่เห็นโสรัตน์ก็เข้าใจว่า เขาคงหนีกลับไปร้องไห้แล้ว จึงเดินออกมาจากร้านอย่างสบายใจแล้วแวะซื้อเกาลัดไปฝากเด๋อ เธอเห็นโจรแคระกระชากกระเป๋าสะพายของผู้หญิงคนหนึ่งจึงไล่ตามไปติดๆ ขณะที่หญิงเคราะห์ร้ายเข้ามาขอความช่วยเหลือจากคนในร้าน ศยามกับโสรัตน์จึงออกไปช่วย ทิ้งให้สุดถนอมนั่งหงอยอยู่ในร้านเพียงลำพัง

วิชชุดาวิ่งมาทันโจรแคระ มันโยนกระเป๋าให้กับโจรโย่งที่ยืนรอแอบอยู่ในซอย เธอตัดสินใจกระโจนเข้าใส่โจรแคระแล้วนั่งทับร่างไว้ ฤทธิรงค์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี วิชชุดาเรียกให้มาช่วยอีกแรง พอดีโสรัตน์กับศยามตามมา วิชชุดาสั่งให้โสรัตน์ตามไปจับคนร้ายที่วิ่งเข้าซอยไป สองพี่น้องวิ่งหายเข้าไปในซอย

โจรโย่งวิ่งหนีมาจนถึงก้นซอยตัน โสรัตน์เดินอาดๆเข้าไปหา มั่นใจว่าจับตัวได้แน่ แต่แล้วพวกโจรนับสิบคนก้าวออกมา โสรัตน์ผงะถอยหลังมาหาศยาม กลุ่มโจรเข้าล้อมทั้งสองไว้ เมื่อไม่มีทางเลือกสองพี่น้องจึงต้องสู้

ไม่นานนักตำรวจท้องที่ก็มาถึง และเข้าไปจับกุมพวกโจรได้ทั้งหมด โสรัตน์เดินโซเซเข้ามาหวังจะคุยอวดวิชชุดา แต่พอเห็นเลือดที่หน้าผากตัวเองก็ถึงกับลมใส่ ทำให้วิชชุดากับฤทธิรงค์ยืนอึ้ง ด้วยคิดไม่ถึง

ooooooo

ศยามเดินเข้ามารินน้ำดื่มอั๊กๆ นมคล้ามเห็นแล้วก็หนักใจขอร้องให้ชายหนุ่มย้ายเข้ามาทำงานในกรมฯ เหมือนกับโสรัตน์ แต่ศยามไม่ยอม

"ถ้าไม่ห่วงตัวเองก็น่าจะห่วงคุณแหววเธอนะคะ มีแฟนกับเขาก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตากัน คุณต้องเอาใจเธอให้มากๆ ต้องขยันซื้อของไปฝาก มีเวลาก็ต้องไปหา ต้องพาไปเที่ยว" นมคล้ามพูดจบ ศยามก็นึกได้ว่าลืมสุดถนอมไว้ที่ร้านอาหาร เขารีบพรวดพราดออกไปทันที เวลาเดียวกันนั้น วิชาติเข้ามาต่อว่าวิชชุดาเรื่องคบหากับฤทธิรงค์ และสั่งห้ามไม่ให้ ฤทธิรงค์มาเหยียบบ้านอีก

"พี่ใหญ่ทำอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าพี่ใหญ่ไม่ให้ฤทธิ์มาหาวิชที่บ้าน พี่ใหญ่ก็ต้องไม่ให้ตาโสรัตน์มาที่บ้านนี้ เพราะวิชก็เกลียดขี้หน้าอีตานั่นเหมือนกัน ฤทธิ์เป็นเพื่อนที่ดีของวิชเขาเป็นผู้ชายที่เข้าใจวิชทุกอย่าง อยู่กับเขาแล้วสบายใจ ถ้าหากให้เลือกล่ะก็ วิชเลือกแต่งงานกับฤทธิ์ดีกว่าแต่งงานกับตาโสรัตน์ ของพี่ใหญ่"

"แต่ยังไงเธอก็ต้องแต่งงานกับโสรัตน์ ฉันไม่ปล่อยให้ ชีวิตเธอดิ่งลงเหวไปกับไอ้ผู้ชายเสเพลนั่นหรอก แล้วเธอก็ไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งฉันเพราะฉันเป็นพี่ของเธอ และถ้าเธอคิดจะอยู่บ้านนี้ต่อไป เธอก็จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน เธอจะต้องแต่งงานกับโสรัตน์"

"งั้นวิชไม่อยู่บ้านนี้ก็ได้ วิชจะไปอยู่ที่อื่น วิชจะไม่ อยู่กับคนบ้าอำนาจอย่างพี่ใหญ่แล้ว พอกันที" วิชชุดาเอ่ยพลางวิ่งออกไป

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น