ตอนที่ 2
รถเก๋งคันโก้เลี้ยวเข้ามาจอดในคฤหาสน์แสนโอ่อ่าของแสวง เดือนมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างหวั่นๆ เจี๊ยบคนรับใช้ประจำบ้านท่าทางไม่เป็นมิตรเดิน นำเดือนไปพบแสวงกับอัญชลีที่ห้องนั่งเล่น หญิงสาวผู้มาใหม่ ไหว้อัญชลีกับแสวงอย่างเก้อกระดากเจียมตัว เรียกเจ้าของบ้านทั้งสองว่าคุณผู้หญิงกับคุณท่าน
“ทำไมเรียกแม่เรียกพ่ออย่างนั้นล่ะจ๊ะ” อัญชลียิ้มให้อย่างเมตตา
เดือนอึดอัดใจเพราะยังไม่คุ้นเคย แสวงรู้ทันบอกให้เดือนเรียกลุงกับป้าไปก่อนก็ได้ ชินเมื่อไหร่ค่อยเรียกพ่อกับแม่ เดือนรับคำ จากนั้นอัญชลีกับแสวงพาเดือนขึ้นไปดูห้องนอน ทั้งเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเดือนถูกจัดไว้ในห้องนั้นอย่างเป็นระเบียบ
“ขาดเหลืออะไรก็บอกลุงกับป้าได้นะจ๊ะ”
เดือนไหว้ขอบคุณทั้งสองท่าน แสวงจับมือเธอเป็นเชิงรับไหว้ หญิงสาวตกใจรีบชักมือออก แสวงมองเธออย่างแปลกใจ ขณะที่อัญชลีมองยิ้มๆ ชวนแสวงออกมาคุยนอกห้อง อธิบายให้เขาฟังถึงสาเหตุที่ทำให้เดือนมีท่าทีอย่างนั้น คงเป็นเพราะท่าทางกรุ้มกริ่มของเขา แสวงมองเมียรักสีหน้าไม่สบายใจ
“คุณก็รู้ ผมเป็นเสือถอดเล็บมานานแล้ว ก็แค่เอ็นดู...”
“แต่หนูเดือนไม่ทราบนี่คะ...คงต้องให้เวลา ทั้งคุณทั้งหนูเดือนปรับตัวสักระยะ คุณก็อย่าคิดมากเลยค่ะ”
แสวงพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่วายเป็นกังวล
ooooooo
พิณในสภาพสะบักสะบอม เข็นรถจักรยานล้อเบี้ยวเข้ามาในโรงเรียน เห็นครูตะวันยืนคุยกับชายคนหนึ่ง อยู่ พิณปรี่เข้าไปต่อว่าที่เดือนต้องไปกรุงเทพฯโดยที่เขาไม่ได้รํ่าลา เป็นเพราะครูไม่ตั้งใจสอนหนังสือเด็กๆ
มัวแต่เอาเวลาไปจับพวกดูดทราย ถ้าเด็กๆมีความรู้ คงไม่ต้องหนีไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ ครูตะวันชักโกรธ
“เพราะเรื่องนี้นี่เองแกถึงมาพาลเอากับฉัน ฉันจะบอกให้ที่ไอ้บุญโฮมมานี่ มันมาบอกเรื่องคำหล้าถูกศรีไพรยิงอาการเป็นตายเท่ากัน”
พิณตกใจ รีบชวนครูตะวันไปโรงพยาบาล ครู่ต่อมา พิณกับครูตะวันมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน ทันได้ฟังข่าวดีจากหมอว่าคำหล้าพ้นขีดอันตรายแล้ว กระสุนทะลุปอดแต่ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ แคน คำแปง ครูตะวันกับพิณต่างดีใจโล่งใจ รีบเข้าไปเยี่ยม แคนจับมือคำหล้าขึ้นมากุมไว้
“เธอช่วยชีวิตพี่ไว้ ก็เท่ากับว่าชีวิตพี่เป็นของเธอ พี่ขอสัญญาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่ดูแลเธอตลอดไป ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเธอได้อีก” แคนจูบมือเธออย่างทะนุถนอม คำหล้ายิ้มตื้นตันใจ.
..
อีกมุมหนึ่งของโรงพยาบาล สีกับสาพ่อแม่ของคำหล้า รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากอ่อนทาคนของเถ้าแก่เส็งแล้ว ก็ถูกหลอกให้เซ็นสัญญาเงินกู้โดยอ้างว่าเป็นแค่หลักประกันให้สีกับสารักษาคำพูดไม่กลับคำมาฟ้องร้องทีหลัง แคนเพิ่งออกจากห้องฉุกเฉินเห็นเข้า เกรงสีกับสาจะถูกอ่อนทาข่มขู่รีบเดินมาดู
พอรู้ว่าสองผัวเมียรับเงินค่าสินไหมแลกกับการไม่เอาเรื่องศรีไพร แคนไม่พอใจโวยลั่นที่สีกับสาปล่อยให้ศรีไพรลอยนวลไปง่ายๆ บอกให้ทั้งคู่เอาเงินคืนเถ้าแก่เส็งไป พวกเราจะได้เอาเรื่องศรีไพรให้ถึงที่สุด สีอยากให้จบๆเรื่อง ไม่อยากมีปัญหา และที่สำคัญเขาเซ็นชื่อรับเงินไปแล้ว อ่อนทาเห็นแคนท่าทางเอาเรื่องรีบชี้แจง
“เถ้าแก่ให้ฉันมาไกล่เกลี่ยเพราะอยากให้เรื่องจบลงด้วยดี แต่ถ้าแกกลัวว่าศรีไพรจะกลับมาทำร้ายทุกคนอีกล่ะก็...
ไม่ต้องกลัว เรื่องนั้นเถ้าแก่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมาย”
แคนมองหน้าอ่อนทาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ...
ขณะศรีไพรกำลังอาละวาดฟาดงวงฟาดงาอยู่ในห้องขัง จ่าเวรเข้ามาแจ้งว่ามีคนมาประกันตัวเขาแล้ว ศรีไพรเดินยิ้มออกจากห้องขังพร้อมกับไอ้ดำและไอ้ขาวมาที่ห้องร้อยเวร แต่ต้องแปลกใจที่เห็นคนมาประกันตัวเขาคือทองสาน้องสาวของเขาเอง ทันทีที่เห็นหน้าพี่ชาย ทองสาต่อว่าอย่างไม่พอใจ
“ที่แท้พี่ทำตัวกุ๊ยอย่างนี้นี่เอง เตี่ยถึงต้องตามฉันกลับมาจากกรุงเทพฯ”
“ฉันว่าเพราะแกเรียน 8 ปีไม่จบ เตี่ยก็เลยเบื่อส่งแรดเรียนมากกว่า...เร็วๆเข้า รีบพาฉันออกไปเสียที เบื่อเต็มทนแล้ว” ศรีไพรว่าแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“เสียใจ...เตี่ยให้ฉันมาบอกว่าจะไม่มีการประกันตัวอะไรทั้งนั้นจนกว่าพี่จะสำนึก”
ศรีไพรไม่ยอม จะออกจากที่นี่ให้ได้ ตำรวจเข้ามาขวางศรีไพรฮึดสู้ แต่สุดท้ายก็ถูกจับขังอย่างเดิม
ooooooo
พิณเห็นเดือนต้องทิ้งบ้านเกิดไปแสวงหาความก้าวหน้าที่อื่น เขาจึงคิดจะใช้ดนตรีปลุกจิตสำนึกให้ชาวบ้านรักถิ่นฐานบ้านเกิดจะได้ไม่ต้องส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือหรือทำงานไกลๆ เด็กๆก็จะได้เติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาหมู่บ้าน พิณเอาเรื่องนี้มาเสนอคำแปงกับชาวคณะแม่มูลลำเพลิน
“ฉันอยากให้แม่ครูตั้งคณะแม่มูลลำเพลินเต็มรูปแบบเพื่อให้ชาวบ้านดูเป็นตัวอย่างว่าภูมิปัญญาของคนรุ่นก่อนสามารถนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นอาชีพที่ดีได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เพียงแต่เราต้องปรับให้ทันยุคทันสมัย ถึงจะเรียกคนดูได้”
แคนเห็นด้วย ชาวบ้านจะได้มีทางเลือกใหม่ๆ พวกเราก็จะได้ไม่ต้องเร่ร่อนร้องเพลงตามตลาดให้คนอื่นดูถูกเอาอีก คำแปงก็เห็นดีด้วย แต่หนักใจเพราะการทำวงดนตรีต้องใช้ เงินเยอะ ในที่สุดเธอตัดสินใจจะเอาบ้านกับที่สวนไปจำนอง เพื่อเอาเงินมาปรับปรุงวงและขอคำมั่นสัญญาจากทุกคนในวงว่าจะไม่ทิ้งวงไปไหน จะอยู่ช่วยกันสร้างวงดนตรีคณะแม่มูลลำเพลินให้เป็นที่รู้จัก ทุกคนให้สัญญาอย่างพร้อมเพรียงกัน...
ขณะเดียวกัน ที่บ้านของแสวง เดือนตั้งใจไว้ว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยเปิด จะได้มีเวลาทำงานพิเศษหาเงินเป็นค่ารักษาแม่ อัญชลีฝากให้แสวงช่วยดูทีว่ามีเพื่อนคนไหนของเขาพอจะฝากเดือนไปทำงานด้วยได้
“จะไปฝากคนอื่นคนไกลทำไม ก็ฝากให้ไปทำงานกับไอ้นพมันสิ”
“จริงสิคะ คุณนพเป็นเจ้าของค่ายเพลงใหญ่ ส่วนแม่มาลัยก็เป็นคนบ้านเดียวกับแม่เพ็ง หนูเดือนรู้จักค่ายจีมิวสิค ไหมจ๊ะ ที่มีนักร้องชื่อสุดเขต ที่ดังที่สุดตอนนี้ไง”
ooooooo
สุดเขต นักร้องป๊อปแดนซ์สไตล์เกาหลีสุดฮิตกำลังถ่ายมิวสิกวีดิโอเพลงชุดใหม่อยู่ในสตูดิโอ พอผู้กำกับสั่งคัต ไฟในสตูดิโอเปิดพรึบ แฟนคลับถือป้ายไฟ
รออยู่ส่งเสียงกรี๊ด พร้อมกับกรูเข้ามาหา สุดเขตแปลกใจแฟนคลับรู้ได้อย่างไรว่าเขามีคิวที่นี่ พอรู้ความจริงจากเหล่าแฟนคลับ สุดเขตถึงกับของขึ้น...
นักร้องสุดฮิตเดินหน้าหงิกถือมือถือของแฟนคลับเข้ามาในห้องแต่งตัว โยนมือถือให้พลผู้จัดการส่วนตัวของเขา พลเปิดคลิปดูเห็นตัวเองกำลังรับเงินจากแฟนคลับแลกกับตารางงานของสุดเขตถึงกับหน้าซีด
“แฟนคลับผมแอบถ่ายคลิปนี้ไว้ พี่มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม”
พลเข้ามาเกาะแขนสุดเขต วิงวอนขอร้องให้เขายกโทษให้ สุดเขตไม่ให้โอกาสพลอีกแล้วไล่เขาออกทันที พยายามแกะมือพลออกแต่เขายื้อไว้สุดฤทธิ์ สุดเขตรำคาญผลักพลอย่างแรง หน้ากระแทกมุมโต๊ะเลือดออกจมูก พลแต๋วแตกปรี่เข้าตบตีสุดเขตอุตลุด ช่างแต่งหน้ากับทีมงานต้องมาช่วยกันดึงพลไว้ สุดเขตจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่อย่างเสียอารมณ์ แล้วออกไปขึ้นรถบ่ายหน้าไปยังค่ายเพลงจีมิวสิค...
เดือนมาทำงานเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ที่ค่ายเพลงจีมิวสิคเป็นวันแรก ก็ได้ปะทะคารมทางโทรศัพท์กับสุดเขตที่อารมณ์ค้างเรื่องอดีตผู้จัดการส่วนตัวเลยพาลหาเรื่อง เดือนไม่ได้ทำอะไรผิดจึงต่อปากต่อคำไม่ยอมแพ้ สุดเขตฉุนวางสายใส่ บิ๋มพนักงานรุ่นพี่เดินถือเอกสารเข้ามาได้ยินเสียงเอะอะถามมีเรื่องอะไรกัน
“ไม่ทราบสิคะ มาถึงก็ตะคอกเอาตะคอกเอา แล้วก็วางสายไปเลย ผู้ชายอะไรขี้โมโหชะมัด...พี่บิ๋มจะถ่ายเอกสารหรือคะ เดี๋ยวเดือนถ่ายให้” เดือนรับเอกสารจากบิ๋ม แล้วเดินออกไป บิ๋มพึมพำกับตัวเอง
“ผู้ชายขี้โมโหก็มีอยู่แค่คนเดียว...หรือว่าจะเป็น...ว้ายตายแล้ว...น้องเดือนคะ น้องเดือน” บิ๋มรีบวิ่งตามเดือน แต่ไม่ทันเสียแล้ว เห็นเดือนเดินพ้นมุมตึกชนเข้ากับสุดเขตอย่างจัง
เอกสารในมือเดือนและซองเอกสารสีน้ำตาลในมือสุดเขตตกพื้น เดือนอยู่ในอ้อมกอดของสุดเขต ทั้งสองคนหน้าเกือบชนกัน สุดเขตรู้สึกถูกชะตาหญิงสาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ทำวางฟอร์มผลักเธอออก ต่อว่าว่าเดินอย่างไรไม่ดูตาม้าตาเรือ เดือนแดกดันกลับเป็นผู้ชายประสาอะไรเดินชนผู้หญิงไม่ขอโทษสักคำ
สุดเขตจำเสียงเธอได้ เพิ่งพูดโทรศัพท์ด้วยกันเมื่อกี้ เดือนก็จำเสียงเขาได้เช่นกัน จังหวะนั้น เดือนเหยียบซองใส่เอกสารของสุดเขตโดยไม่ตั้งใจ เสียงดังกร๊อบ สุดเขตตกใจ ผลักเดือนออกคว้าซองมาเปิดดู เห็นแผ่นซีดีข้างในหักสองท่อน โวยวายอุตลุด เดือนตัดรำคาญขอรับผิดชอบเอง จะไปหาแผ่นใหม่มาคืนให้
“อวดดี ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะทำอะไรได้” สุดเขตตะโกนไล่หลัง...
เดือนโทร.ขออนุญาตนพใช้ห้องอัด เพื่อทำซีดีใหม่ แทนแผ่นเก่าที่หักโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นใช้แทนกันไม่ได้ แต่ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่น ทำให้สุดเขตพึงพอใจหญิงสาวมาก แต่ยังคงวางฟอร์มเช่นเคย
“เอาเป็นว่าถ้าเธออยากไถ่โทษที่ทำงานฉันพัง อย่างนั้นมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวฉันจนกว่าฉันจะหาคนใหม่ได้ มันอาจจะยากกว่างานรับโทรศัพท์ที่เธอเคยทำ แต่ฉันจะลองให้โอกาสเธอดู”
“แต่ฉันรับปากคุณนพแล้วว่าจะทำงานนี้”
“ถ้าเธอกลัวพ่อฉันจะว่า ฉันจะบอกพ่อเอง นอกเสียจากเธอไม่อยากทำเพราะรู้ว่าทำไม่ได้...ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษที่พูดไม่ดีกับฉัน แล้วฉันจะยกโทษให้”
“ใครบอกว่าฉันทำไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ถือว่าเธอรับปาก นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอเป็นผู้จัดการคนใหม่ของฉัน” สุดเขตเห็นเดือนอ้าปากจะเถียง ชี้หน้าปรามไม่ให้พูด “เป็นผู้จัดการฉัน...กฎข้อแรกคือห้ามขัดใจ”
เดือนฮึดฮัด ขณะที่สุดเขตแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แกล้งหญิงสาวสำเร็จ
ooooooo
วงดนตรีคณะแม่มูลลำเพลินพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ แถมได้บัวผัน นักร้องวัยใสลูกศิษย์ชั้น ม.3 ของพิณมาเป็นนักร้องนำฝ่ายหญิงคู่กับแคนทำให้วงมีสีสันมากขึ้น หลังจากฝึกซ้อมกันอย่างหนัก วงดนตรีคณะแม่มูลลำเพลินเปิดแสดงสดครั้งแรกที่เวทีริมแม่น้ำมูล ชาวบ้านมาดูกันล้นหลาม
พอจบเพลงสุดท้ายผู้ฟังลุกขึ้นตบมือเกรียว แคน บัวผัน บุญเหลือ บุญหลาย และลูกวงโค้งคำนับคนดูอย่างภาคภูมิใจ มีชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “เอาอีกๆ” คนดูพากันขานรับเสียงดังกระหึ่ม คำแปงซาบซึ้งใจกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พิณยกนิ้วแม่โป้งให้บัวผันซึ่งยกนิ้วโป้งตอบครูพิณเช่นกัน...
ศรีไพรแข็งขืนอยู่ในห้องขังได้ไม่กี่คืน ยอมสำนึกผิด ขอโทษพ่อของเขาและสัญญาจะไม่ทำอย่างนี้อีก พ่อจะให้ทำอะไรยอมทุกอย่างขอให้ประกันตัวเขาออกจากที่นี่ เถ้าแก่เส็งสั่งให้อ่อนทาไปจัดการเรื่องเอกสารประกันตัว จากนั้น เขาพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปยังร้านคาราโอเกะของเขา
“อั๊วอยากให้ลื้อช่วยงานอั๊ว แล้วงานแรกที่อั๊วจะให้ทำ ก็คือดูแลร้านนี้”
“ถ้าเตี่ยต้องการแค่คนคุมร้าน ทำไมไม่ไปจ้างคนอื่น ทำไมต้องให้อั๊วทำด้วย”
“เพราะธุรกิจริงๆของที่นี่มันไม่ใช่อย่างที่ลื้อเห็นนะสิ”
ศรีไพรมองพ่องงๆ ทันใดนั้น มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นจากหลังร้าน ศรีไพรหันไปมองตามเสียงเห็นเด็กหญิงหน้าตาดีอายุประมาณ 15 ปีวิ่งออกมา ผลักเถ้าแก่เส็งล้มกระแทกโต๊ะแล้ววิ่งหนีไม่สนใจจะหันมามองด้วยซ้ำ ศรีไพรรีบเข้าไปดูพ่อเห็นไม่เป็นอะไร วิ่งตามจะไปเอาเรื่องเด็กหญิงคนนั้นจนทัน กระชากแขนมาตบคว่ำ เด็กหญิงยกมือไหว้ปลกๆ ด้วยความหวาดกลัว อ้อนวอนอย่าทำร้ายตนเลย
“คนที่กล้าลองดีกับฉันมันต้องตาย” ศรีไพรพูดจบ ยกเท้าจะถีบหน้าเด็กหญิง เถ้าแก่เส็งร้องห้ามไว้ทัน ศรีไพรงง ไม่เข้าใจพ่อจะห้ามทำไม มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง
“ถ้าหน้ามันชํ้า...อั๊วจะจ่ายแค่ครึ่งเดียว”
ศรีไพรหันไปมองตามเสียง เห็นนายหน้าค้าเด็กทั้งชายและหญิงจากกรุงเทพฯยืนเต๊ะจุ๊ยอยู่ ชายคนนั้นลากเด็กหญิงไปรวมไว้กับเด็กคนอื่นๆที่กำลังต่อแถวรอขึ้นรถ เถ้าแก่เส็งเดินเข้ามาหาลูกชาย
“คราวนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมอั๊วถึงอยากให้ลื้อทำงานนี้”
“แค่ฉันทะเลาะกับไอ้แคน เตี่ยโกรธฉันแทบตาย แต่เตี่ยกลับมาบอกให้ฉันทำเรื่องผิดกฎหมายนี่นะ”
“ปากเสีย ผิดกฎหมายที่ไหนอั๊วแค่เป็นนายหน้าหางานให้พวกมันทำ พอมันไปถึงกรุงเทพฯแล้วมันจะทำ
อะไรก็เรื่องของมัน...หรือว่าแกไม่อยากทำงานนี้”
ศรีไพรก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง เถ้าแก่เส็งพอใจที่ลูกรับงานนี้ไปดูแล เพราะเขาจะได้มีเวลาไปคุมเรือดูดทรายได้เต็มที่ นายหน้าเอาเงินมายื่นให้ เถ้าแก่เส็งสงสัยทำไมน้อยนัก
“ก็นอกจากอีนังเด็กคนนั้นแล้วไม่เห็นมีใครหน้าตาดีอีกเลย จะขายก็ได้แค่แรงงานสวะ”
เถ้าแก่เส็งหันมาถามอ่อนทา ช่วงนี้เด็กเพิ่งจบ ม.3ไม่ใช่หรือ แล้วมันหายหัวไปไหนหมด
ooooooo
หลังเวทีริมแม่น้ำมูล บัวผันพาเพื่อนหน้าตาสะสวยรุ่นราวคราวเดียวกันมาขอคำแปงเข้าร่วมวงดนตรีด้วย แต่พวกเด็กๆร้องเพลงไม่เป็นสักคน พิณจำได้ว่าวิทยาลัยนาฏศิลป์เคยมาสอนพวกนี้ฟ้อน ถ้าให้เป็นนางไหคงพอทำได้ บุญหลายกับบุญเหลือตาโตด้วยความดีใจที่จะมีเด็กสาวหน้าตาดีๆมาร่วมวง คำแปงลังเล
เด็กๆช่วยกันอ้อนวอน “ถ้าครูให้พวกเราเป็น เราจะได้มีงานทำไม่ต้องไปทำงานโรงงานยังไงจ๊ะ”
“ฉันก็จะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย...แม่ครูรับพวกฉันนะ”
คำแปงเห็นความมุ่งมั่นของเด็กแล้วปฏิเสธไม่ลง บัวผัน กับผองเพื่อนส่งเสียงเฮด้วยความดีใจ...
ด้านหน้าเวที คนดูเริ่มทยอยกันกลับบ้าน ทองสาบ่นกับกิ๊บและเชอร์รี่เพื่อนสก๊อตที่พามาดูการแสดงว่านี่ไม่ใช่ คอนเสิร์ตอย่างเพื่อนว่าสักหน่อย แต่เป็นวงหมอลำชัดๆ กิ๊บยืนยันวงนี้ดังที่สุด
“แหวะบ้านนอก...ทีหลังอย่าพาฉันมาดูอะไรแบบนี้อีกนะ ฉันรับไม่ได้” ทองสาเดินสะบัดออกไป แต่เหลือบเห็นหนุ่มหล่อคนหนึ่งยืนคุยกับกลุ่มเด็กสาวอยู่ข้างเวที หันมาถามกิ๊บว่าใคร พอรู้ว่าเป็นพิณเด็กวัดที่ไม่มีพ่อมีแม่คนนั้น ทองสาจำได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ ปรี่เข้าไปหาทิ้งเพื่อนหน้าตาเฉย กิ๊บกับเชอร์รี่รีบวิ่งตาม...
ทองสาแกล้งเดินชนพิณแล้วอ่อยเหยื่อเต็มที่ ถึงขนาดชวนขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปบ้านเธอด้วยกัน พิณไปไม่ได้ มีงาน
ต้องเคลียร์อีกหลายอย่าง และยังต้องอยู่ฉลองความสำเร็จกับเพื่อนร่วมวง แล้วผละจากมาอย่างไม่สนใจ ทองสาหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ เจ็บใจเดินกระฟัดกระเฟียดมาที่รถมอเตอร์ไซค์
“เป็นที่กรุงเทพฯหน่อยไม่ได้ อ่อยขนาดนี้ยังไงก็ต้องมีได้เสีย”
กิ๊บเตือนทองสาอย่าเสียเวลากับพิณเลย เขามีแฟนแล้วชื่อเดือน เป็นลูกของลุงบุญกับป้าเพ็ง ได้ข่าวว่าทั้งคู่รักกันมาก พิณคงไม่เปลี่ยนใจง่ายๆหรอก ทองสาวีนแตก
“นี่เธอจะบอกว่าฉันไม่มีทางสู้อีเดือนดำงั้นหรือ ฉันเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯนะ แถมยังสวยขนาดนี้ มันต่างหากที่ต้องทำใจที่เจอคู่แข่งอย่างฉัน คอยดูฉันจะเอาพิณมาเป็นของฉันให้ได้” ทองสาสีหน้าเอาจริง...
ตกเย็น ทองสาสืบรู้ว่าพิณกับเพื่อนๆมาฉลองกันที่บ้านคำแปง หอบเหล้านอกติดมือมาด้วย อ้างเถ้าแก่เส็งฝากมาให้แทนคำขอโทษที่ศรีไพรทำไม่ดีกับทุกคน แคนไม่อยากได้ บอกปัดที่นี่ไม่มีใครดื่มเหล้า แต่ทองสาคะยั้นคะยอให้รับไว้ คำแปงอยากให้เรื่องขุ่นข้องนี้จบๆไป ขอร้องแคนให้อภัยศรีไพร แคนไม่ยอมญาติดีกับพวกนี้เด็ดขาด คว้ามือคำหล้าออกไป พิณเห็นทองสาหน้าเศร้า รีบเอ่ยปากขอโทษเธอแทนแคน
เข้าทางทองสาทันที “งั้นพิณก็ช่วยรับเหล้าขวดนี้ไว้หน่อยสิ คิดเสียว่าเป็นคำขอโทษ”
คำแปงพยักพเยิดให้พิณรับไว้ พิณรับเหล้ามาอย่างลำบากใจ ทองสายิ้มแฉ่ง เชิญทุกคนร่วมดื่มด้วยกัน เจ้ากี้เจ้าการชงเหล้าแจก ไม่นานนัก ชาวคณะต่างเมาปลิ้น คำแปงมองสภาพลูกวงตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ทองสาจะชงเหล้าให้พิณอีกแก้ว ชายหนุ่มส่ายหน้า พรุ่งนี้เขามีคุมสอบแต่เช้าแล้วลุกขึ้นจะกลับ แต่ด้วยความเมามาย ถึงกับเซหัวทิ่ม ทองสาเข้าไปช่วยประคอง
“เมาขนาดนี้ เดี๋ยวฉันไปส่งดีกว่า” ทองสายิ้มพอใจแผนที่วางไว้สำเร็จไปอีกขั้น
ครู่ต่อมา ทองสาพยุงพิณเข้ามาที่เตียงนอนภายในห้องพักของเขา แกล้งทำเสียหลักดึงพิณล้มลงบนเตียงด้วยกัน พิณคร่อมอยู่บนร่างของหญิงสาว ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง ทองสาทำอิดออดพอเป็นพิธี ขณะที่พิณเห็นหน้าทองสาเป็นเดือน พึมพำชื่อเธอเบาๆ ทองสาขัดใจเล็กๆที่เขาเรียกชื่อคนอื่น ก่อนยักไหล่ไม่สนใจ หลับตาพริ้มยื่นปากให้จูบ แต่พิณกลับเมาหลับไปเสียก่อน ทิ้งทองสาให้อารมณ์ค้างอยู่อย่างนั้น
ooooooo
เช้าวัดถัดมา คำหล้าทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจมากที่ได้รับจดหมายจากเดือน เมื่อคืนนี้ เธอกับพิณเพิ่งบ่น
ถึงเดือนที่ไม่ส่งข่าวมาหา คำหล้าผลุนผลันออกจากบ้านพร้อมจดหมาย...
ขณะเดียวกัน ขุนทองทำความสะอาดโรงเรียนมาถึงหน้าห้องพักพิณก็เปิดประตูจะเข้าไปกวาดห้องให้เหมือนเช่นทุกวัน แต่ต้องตกใจที่เห็นพิณกับทองสานอนอยู่บนเตียงในสภาพเปลือยเปล่ามีผ้าห่มคลุมแค่อก ขุนทองรีบปิดประตูหันมาเจอครูตะวันที่มาตามหาพิณ พอรู้ว่าพิณอยู่ในห้อง ครูตะวันเปิดประตูจะเข้าไปหา
แต่ขุนทองรีบดึงประตูปิด ครูตะวันมองหน้าถามว่า
มีอะไร ขุนทองส่ายหน้า ครูตะวันเปิดประตูจะเข้าไปอีก ขุนทองก็ดึงปิดอีก ทั้งสองคนยื้อประตูกันไปมา สุดท้ายขุนทองดึงประตูปิดแรงไปหน่อยเสียงดังปัง
พิณนอนหลับอยู่สะดุ้งตื่น ได้ยินเสียงครูตะวันด่าขุนทองอยู่หน้าห้อง พิณพลิกตัวมาเจอทองสานอนร้องไห้กระซิกๆอยู่ ตกใจลุกพรวด ถามว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทองสาบีบน้ำตาปั้นเรื่องโกหกว่าพิณขอให้เธอมาส่งที่ห้อง แล้วใช้ กำลังปลุกปล้ำเธอ ถึงพิณจะเมามาย แต่เขาไม่มีทางทำอย่างที่ทองสาพูดแน่นอน
“พูดอย่างนี้จะไม่รับผิดชอบใช่ไหม...ได้” ทองสาว่าแล้วลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า “ฉันจะประกาศให้รู้กันทั้งโรงเรียนว่าคนอย่างครูพิณไม่มีความรับผิดชอบ”
พิณร้องห้ามเสียงหลงกระชากแขนทองสาไว้จนเสียหลักล้มลงบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ เป็นจังหวะเดียวกับครูตะวันเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นพิณกำลังคร่อมทองสาอยู่ก็ตกใจ ทองสาได้ทีรีบผลักพิณออกแล้ววิ่งไปหาครูตะวันในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย คร่ำครวญว่าถูกพิณข่มขืนและยังขู่ไม่ให้เธอบอกใคร ถ้าครูตะวันไม่ช่วยเธอจะตายให้ดู ครูตะวันปลอบให้ใจเย็นๆจะให้ช่วยอะไรก็บอกมา
ทองสาแอบยิ้มก่อนตีหน้าเศร้า บีบน้ำตาสุดฤทธิ์ “ให้พี่พิณส่งผู้ใหญ่ไปผูกข้อมือฉัน...แต่ถ้าพี่พิณไม่ยอมรับผิดชอบ ฉันก็ขอตายดีกว่าทนอดสูเป็นขี้ปากชาวบ้านให้คนเขาดูแคลน”
ครูตะวันหลงเชื่อ หันไปด่าพิณเป็นชุด จังหวะนั้น คำหล้า มาถึงพอดี ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน พอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอปราดเข้าไปจิกหัวทองสาตบไม่เลี้ยง ครูตะวัน ขุนทองกับพิณต้องช่วยกันกันคำหล้าไว้ คำหล้าไม่เชื่อเรื่องที่ทองสากล่าวอ้าง พี่พิณต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกนังผู้หญิงหน้าด้านคนนี้มอมเหล้า เมื่อคืนนี้ทองสาเอาเหล้าไปให้ที่งานฉลองแต่ไม่มีใครอยากกิน มันก็คะยั้นคะยอให้รับไว้
“พี่พิณบอกครูไปสิว่า ที่ฉันพูดเป็นความจริง พี่รักเดือน พี่ไม่ได้มีอะไรกับมัน”
พิณหนักใจ ด้วยความเป็นลูกผู้ชายถึงเขาจะจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้ทองสาเสียชื่อเสียง ดังนั้น เขาต้องรับผิดชอบ คำหล้าผิดหวังทำท่าจะร้องไห้
“พี่รู้ไหมทำไมฉันถึงมาหาพี่แต่เช้า เพราะเดือนมันเขียนจดหมายมาหาฉัน มันถามถึงพี่ มันคิดถึงพี่ แต่เวลาแค่ไม่กี่วันพี่กลับนอกใจมัน” คำหล้าพูดจบ ปาจดหมายของเดือนใส่หน้าพิณ แล้ววิ่งออกไป พิณตะลึงหยิบจดหมายขึ้นมาดู เห็นชื่อเดือนที่ช่องผู้ฝาก ใช้นิ้วลูบเบาๆด้วยความคิดถึง...
จากนั้น พิณเอาจดหมายมานั่งอ่านใต้ต้นคูนริมแม่น้ำต้นเดิม ได้รู้ว่าระหว่างรอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เดือนได้งานพิเศษทำ พิณละสายตาไปยังผืนน้ำเบื้องหน้า ก่อนจะอ่านจดหมายต่อ
“แล้วพี่พิณเป็นอย่างไรบ้าง คงได้เป็นครูอย่างที่เขาฝันไว้สินะ ฉันอดดีใจด้วยไม่ได้จริงๆ...ทุกคืนก่อนนอนฉันจะสวดมนต์ไหว้พระขอให้เขามีความสุข มีชีวิตที่ดีอย่างที่หวังไว้ ฉันก็คงทำได้แค่นี้ เฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆแค่ได้รู้ว่าเขามีความสุข ฉันก็มีความสุขแล้ว” พิณอ่านถึงตรงนี้ เห็นเหมือนคราบน้ำตาหยดเปื้อนหมึกเป็นดวง เขาเอามือลูบไล้เบาๆรับรู้ถึงความเศร้าของหญิงคนรักด้วยหัวใจปวดร้าว
ooooooo
เดือนได้รับจดหมายฉบับหนึ่งตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน กว่าจะเคลียร์งานเสร็จก็ใกล้เที่ยงถึงได้มีเวลาว่างเปิดอ่าน มีเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ เดือนเอาจดหมายเหน็บไว้ในสมุดคิวงาน ก่อนรับสาย
“สวัสดีค่ะ ติดต่องานโฆษณานมเปรี้ยวหรือคะ สุดเขตมีคิวคอนเสิร์ตต่างจังหวัดจนถึงสิ้นเดือนเลยค่ะ”
“เลื่อนงานอื่นไปก่อนไม่ได้หรือคะ ลูกค้าอยากได้น้องเขตมาก เรียกเท่าไหร่ก็ได้” เอเจนซี่อ้อนวอน
“แต่ว่าคิวไม่ได้จริงๆเอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ... สวัสดีค่ะ” เดือนวางสายแล้วหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านต่อจนจบ เป็นจังหวะเดียวกับสุดเขตเดินหน้าหงิกเข้ามาในห้องทำงานโวยวายเรื่องที่เธอปฏิเสธงานถ่ายโฆษณานมเปรี้ยว เดือนไม่รู้โฆษณาชิ้นนี้จะสำคัญกับเขามาก
“แล้วทำไมไม่ถาม มัวแต่นั่งอ่านจดหมายบ้าๆนี่อยู่ล่ะสิ” สุดเขตดึงจดหมายไปจากมือเดือน หญิงสาวพยายามขอคืน นอกจากเขาจะไม่ให้ยังฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโยนทิ้งถังขยะ เดือนโกรธตบหน้าเขาอย่างแรง
“คุณทำอย่างนี้กับจดหมายพ่อแม่ฉันได้อย่างไร” เดือนพูดจบวิ่งร้องไห้ออกจากห้อง สวนกับนพและมาลัย พ่อแม่ของสุดเขตที่ผลักประตูเข้ามาพอดี สองผัวเมียมองตามเดือนงงๆพอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด นพตำหนิลูกชายอย่างแรง มาลัยเล่าให้ลูกฟังว่าที่เดือนต้องมาทำงานที่นี่ก็เพราะแม่ของเธอป่วยเป็นมะเร็ง
“ลูกลองคิดดูสิ หนูเดือนจะรู้สึกยังไงที่ต้องจากแม่มาทั้งยังเป็นห่วง แล้วยังมาเจอลูกทำอย่างนี้อีก”
“ลูกมีโอกาสที่ดีในชีวิตมากกว่าคนอื่น อย่าใช้โอกาสนั้นเหยียบย่ำทำร้ายหัวใจใครนะลูก”
สุดเขตทบทวนคำพูดของพ่อกับแม่แล้วคิดได้ ยืนมองเศษจดหมายในถังขยะอย่างสำนึกผิด...
คืนวันเดียวกัน เดือนเอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอนตัวเองอย่างท้อแท้หมดกำลังใจ ดีที่ได้อัญชลีคอยปลอบโยนและพูดให้กำลังใจ จนเดือนมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง
ooooooo
เดือนมาถึงโต๊ะทำงานแต่เช้า สะดุดตากับอะไรบางอย่าง หยิบสมุดจดคิวงานขึ้นมาเปิดดู เห็นจดหมายตัวเองซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเรียงต่อกันอย่างเรียบร้อยด้วยสก๊อตเทป เดือนบ่นด้วยความแปลกใจว่าใครทำให้ แต่สุดท้ายเธอก็รู้ว่าเป็นสุดเขตนั่นเองที่นั่งหลังขดหลังแข็งติดจดหมายพวกนั้น...
ในเวลาต่อมา เดือนได้รับจดหมายจากพิณรีบเปิดอ่าน จึงได้รู้ความจริง วันนั้น พิณไม่ได้ไปรายงานตัวพยายามปั่นจักรยานกลับมาหาเดือนเพื่อจะล่ำลา แต่ไม่ทัน
“พี่ไม่อยากให้เดือนนึกน้อยใจหรือท้อแท้ใจในวาสนา อยากให้เดือนกลับมาเป็นคนเข้มแข็งเหมือนเดิม ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบเร็วๆ อย่านึกกังวลกับสิ่งใด ส่วนตัวพี่ก็มุ่งมั่นเป็นครูให้ได้ตามใฝ่ฝันเหมือนกัน”
เดือนอ่านจดหมายจบ เผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข...
วงดนตรีคณะแม่มูลลำเพลินได้รับความนิยมไปทั่ว ทุกครั้งที่ขึ้นแสดงบนเวที คนดูต่างเซิ้งตามอย่างสนุกสนานวันนี้ก็เช่นกัน คำแปงกับพิณเห็นคนดูมีความสุขก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย ไม่ทันสังเกตเห็นศรีไพรกับสมุนยืนมองการแสดงของพวกตนอย่างมาดร้าย พอเห็นคนดูลุกขึ้นตบมือเกรียวเมื่อ การแสดงจบ ศรีไพรแทบอกแตกตายด้วยความริษยาที่เห็นความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของวงดนตรีคณะนี้...
ครู่ต่อมา แคนเข้ามาหลังเวที เห็นศรีไพรกับสมุนยืนอยู่กับคำแปงและพิณ มองมาทางเขาด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท แคนไม่พอใจเดินเข้าไปถามศรีไพรว่ามาทำไม
คำแปงยกมือเป็นเชิงปรามแคนให้ใจเย็นๆ
“ฉันมาแสดงความยินดีที่วงของแกโด่งดังขนาดนี้”
“เอาความหวังดีของแกกลับไปซะ แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก”
“ฉันขอให้เรื่องบาดหมางในอดีตของเราจบลงแค่นี้”
แคนยังโกรธไม่หายเข้าไปกระชากคอเสื้อศรีไพรจะเอาเรื่อง แต่เขากลับไม่สู้ แคนขัดใจมากไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ผลักเขาออก ศรีไพรจัดเสื้อให้เข้าที่ อวยพรให้คำหล้ากับแคนรักกันนานๆ ส่วนเขายอมรับสภาพได้แล้วที่คำหล้าเลือกแคนไม่ใช่เขา แล้วบอกลาทุกคน คำหล้ามองตามศรีไพร รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล
เป็นจริงอย่างคำหล้าคาด ศรีไพรส่งสมุนอีกกลุ่มหนึ่งไปเผาบ้านกับกระต๊อบเก็บของของคำแปง โชคดีที่ชาวบ้านช่วยกันดับไฟที่ไหม้บ้านได้ทัน แต่กระต๊อบเก็บของวอดเป็นจุณ คำแปงมองอย่างสิ้นหวัง น้ำตาซึม
“ทุกอย่างกำลังจะดีอยู่เชียว”
แคนกำมือแน่นด้วยความแค้น ก่อนจะวิ่งลิ่วออกไป ไม่นานนัก แคนมาถึงตลาด เห็นศรีไพรกับสองสมุนคนสนิทกำลังเดินชมตลาดอย่างเย็นใจ แคนปราดเข้าไปชี้หน้า
“ฉันรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือแก...ไอ้ศรีไพร”
ooooooo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น