ตอนที่ 3
หลังจากวายุกลับไป อินตรายังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว นพดลพาเธอเข้าบ้านแล้วถามว่าอยู่คนเดียวได้ไหม อินตราพยักหน้า นพดลยังคาใจถามว่าไม่รู้จักกันแน่หรือ อินตราพยักหน้าอีกครั้ง ตอบเบาๆ คล้ายกับพูดกับตัวเอง “จ้ะ ฉันไม่รู้จัก แต่เขาคงรู้จักกับพี่อิน”
“พี่อิน...คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณถึงชอบพูดเหมือนกับว่าไม่ใช่อินตรา”
“ช่างมันเถอะจ้ะ เพราะถึงฉันพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่ออยู่ดี”
นพดลกลับออกมาด้วยความสงสัย แต่กลับคิดไปว่า อินตราจะมาไม้ไหนอีก...
เย็นวันนั้น นิดรายงานมนชญาว่าอินตรามา ลงทุนก้มกราบกัลยาณีขอเข้าเยี่ยมไกรสร มนชญาไม่พอใจที่อินตราไม่เชื่อฟังตน...กลางดึกจึงเข้าไปในห้องนอนไกรสร ใช้มือถือบันทึกภาพตัวเองผลักไกรสรตกจากเตียงสลบแน่นิ่งไป เสียงหล่นตุ๊บทำให้นพดลตกใจ วิ่งมาที่ห้องไกรสร ผลักประตูเข้าไป เห็นมนชญายืนอยู่ก็แปลกใจ มนชญาตั้งสติได้รีบบอกนพดล
“นพ มาช่วยคุณพ่อเร็ว เป็นอะไรไม่รู้ อยู่ดีๆก็ตกเตียง” มนชญาปราดไปที่ร่างไกรสร
กัลยาณีตามเข้ามา ทั้งสามช่วยกันพาไกรสรส่งโรงพยาบาล...ภูมินทร์กับยุวดีตามมาที่โรงพยาบาล มนชญาทำเศร้าเสียใจให้ภูมินทร์ต้องปลอบ หมอออกมาบอกว่าไกรสรปลอดภัยแล้ว มีแต่รอยฟกช้ำ ต่อไปให้ระวัง อย่าให้กระทบกระเทือนอีก ทุกคนพยักหน้ารับกลับมาบ้าน กัลยาณีสั่งมะปรางนอนเฝ้าหน้าเตียง
ไกรสรอย่าให้คลาดสายตา แต่แล้วฉุกคิดแปลกใจว่าไกรสรตกจากเตียงได้อย่างไร ทั้งที่ขยับตัวยังไม่ได้ นพดลได้ยินคิดสงสัยเช่นกัน แต่แล้วสลัดความคิดตัวเองออกเพราะมนชญาจะทำอย่างนั้นทำไม นพดลเดินครุ่นคิด ชนเข้ากับมะปรางที่ถือตะกร้าขยะมา ตกหกกระจาย เขาช่วยมะปรางเก็บ สะดุดตาทำไมมีแต่กระดาษเต็มไปหมด จึงถามว่าของห้องไหน มะปรางตอบว่า ห้องมนชญา นพดลหยิบก้อนกระดาษมาคลี่ดูเป็นลายเซ็นมนชญาเต็มหน้ากระดาษ ยิ่งสงสัย ไม่ทันพูดอะไร ป้านวลมาเรียก
“นพ มาอยู่นี่เอง...นพ ป้าวานเอาตะโก้เผือกนี่ไปให้อินหน่อยสิ ของโปรดอินเขา” ป้านวลกระซิบ นพดลรับมาสีหน้าครุ่นคิด...
ooooooo
ขณะที่อินตรานั่งทานข้าวอยู่ในบ้านเช่าอย่างเดียวดาย มีเสียงออดดังขึ้น จึงเดินมาเปิดประตู ต้อง ตกใจเมื่อเป็นมนชญายืนหน้าเครียดดุดันอยู่ มนชญา ถามทันทีว่าเมื่อวานไปที่บ้านใช่ไหม อินตราอ้ำอึ้งตอบว่า แค่อยากไปเยี่ยมไกรสร มนชญาผลักอินตราเข้าไปในบ้านแล้วโวยวาย
“เธอคิดจะไปบอกความลับของเรากับคนอื่นใช่มั้ย”
“พี่อิน...มนเปล่า...”
“เธอไม่ต้องแก้ตัวแล้วมนชญา เพราะฉันมีอะไรมาให้เธอดู เป็นการตอบแทนที่เธอกล้าขัดคำสั่งฉัน” มนชญาหยิบมือถือมาเปิดวีดิโอให้อินตราดูภาพที่ตนผลักไกรสรตกเตียง
“คุณพ่อ...พี่อินใจร้าย พี่อินไม่มีหัวใจ พี่อินทำกับคุณพ่ออย่างนี้ได้ยังไงกันคะ”
“มันก็เหมือนกับที่พ่อเธอทำกับฉันนั่นแหละ พ่อกับแม่เธอบอกว่ารักฉัน ไม่เคยเห็นฉันเป็นลูกเลี้ยง แต่เขาก็ลำเอียง เขาให้ทุกอย่างกับเธอ แต่ไม่เคยให้อะไรฉันเท่าเทียมกับเธอเลย”
“พี่อินเอาแต่โทษคนอื่น แต่พี่อินไม่เคยมองตัวเองเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครรักพี่อิน ก็เพราะว่าจิตใจของพี่อินมันสกปรก” อินตราเริ่มมีอารมณ์บ้าง
นพดลเดินเข้ามาได้ยินการสนทนาของสองสาว ด้วยความสงสัยจึงแอบฟัง มนชญากำลังเชยคางอินตราให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง “เธอจำใส่กะโหลกเธอไว้ให้ดีนะ ที่ทุกคนไม่รักฉันก็เพราะว่าฉันเป็นลูกกาฝาก เป็นลูกโจร ไม่ใช่ ลูกสาวที่แท้จริงอย่างเธอ”
นพดลถึงกับผงะ ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คิดทบทวนที่ผ่านมา คำพูดแปลกๆของอินตรา การกระทำที่เปลี่ยนไป มาจนถึงลายเซ็นที่ไม่เหมือนเดิม และมีการหัดเซ็นใหม่ รวมถึง ที่อินตราขอร้องให้เขามาส่งข่าวไกรสร ท่าทางห่วงใยมาก นพดลพึมพำว่าเป็นไปได้อย่างไร
มนชญายังขู่อินตราว่าตอนนี้ได้มาอยู่ในร่างของลูกโจรแล้ว ต่อไปจะเข้าใจเองว่าตนรู้สึกอย่างไร “แล้วฉันก็ขอเตือนอีกครั้งนะมนชญา ว่าชีวิตของคุณพ่ออยู่ในมือของเธอ เพราะ ฉะนั้น ถ้าเธออยากอยู่อย่างสงบสุขล่ะก็ อย่าไปที่บ้านหรือบอกให้ใครรู้เรื่องของเราอีก ไม่อย่างงั้น เธอก็เตรียมหาชุดดำใส่ไปงานศพพ่อของเธอได้เลย”
มนชญาเดินยิ้มสะใจออกมา ผ่านนพดลที่ซ่อน ตัวอยู่ พอมนชญาขึ้นรถขับออกไป นพดลเข้ามาในบ้านเห็นอินตราร้องไห้สะอึกสะอื้น เขามองอย่างเริ่มมั่นใจว่าผู้หญิงตรงหน้าคือมนชญา
“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับคุณมน”
อินตราสะดุ้งที่นพดลเรียกเธอว่ามนชญา แต่ก็ดีใจที่มีคนเชื่อ จึงเล่าเรื่องให้เขาฟัง นพดลอึ้งๆเมื่อได้ฟังว่าอินตรากับมนชญาสลับร่างกัน สืบเนื่องมาจากคำอาฆาตในชาติที่แล้ว นพดลรับปากว่าจะดูแลไกรสรให้ดีกว่าเดิม และบอกให้สบายใจว่าไกรสรไม่เป็นอะไรมากแค่ฟกช้ำ
“...แล้วนี่คุณมนจะทำยังไงต่อไปครับ”
“มนไม่รู้เหมือนกัน”
“งั้นผมว่าเดี๋ยวเราค่อยๆช่วยกันคิดหาทางแก้ปัญหาก็แล้วกันนะครับ แต่ตอนนี้ผมว่า คุณมนควรจะไปจากที่นี่เพื่อความปลอดภัยของคุณมน จากแฟนของอินตรา”
“แต่มนไม่รู้ว่ามนจะไปอยู่ที่ไหนแล้วนี่จ๊ะนพ”
“แต่ผมรู้ครับว่าคุณมนควรจะไปอยู่ที่ไหน...”
นพดลพาอินตรามาที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง บอกเธอว่า “ตอนแรกคุณท่านตั้งใจซื้อให้อินตราไว้เป็นของขวัญเซอร์ไพรส์วันเกิด แต่ผมคิดว่า ตอนนี้คุณมนจำเป็นต้องใช้มันมากกว่า”
“โธ่...คุณพ่อดีกับพี่อินขนาดนี้ ทำไมพี่อินถึงใจร้ายกับคุณพ่อได้ลงคอนักก็ไม่รู้”
“คนอย่างอินตรา ไม่เคยเห็นค่าความรักความหวังดีที่คนอื่นมอบให้หรอกครับ”
“นพจ๊ะ แต่นพต้องไม่ให้พี่อินรู้เด็ดขาดเลยนะจ๊ะ ว่านพรู้เรื่องของมนกับพี่อินแล้ว เพราะพี่อินอาจจะไม่พอใจแล้วทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้”
นพดลรับปากไม่ต้องห่วง เขาจะจับตามองไม่ให้ใครมาทำอันตรายไกรสรได้อีก
ooooooo
กลับมาบ้าน มนชญาต้องตกใจ เมื่อเห็นภูมินทร์กับครอบครัวพากันมาเยี่ยมไกรสร เธอรีบตีหน้าเศร้า ไหว้วารีและดุสิต ภูมินทร์ถามว่าไปไหนมา มนชญาโกหกว่า ไปไหว้พระขอพรให้พระคุ้มครองพ่อ แล้วเข้าไปเกาะแขนไกรสรอย่างเอาใจ ทุกคนยิ้มกับความกตัญญูของมนชญา แต่สายตาที่ไกรสรมองลูกสาวกลับมีแต่ความหวาดระแวง
พอทุกคนลากลับ ยุวดีบอกมนชญาให้ทำใจให้สบาย อย่าลืมว่ายังมีตนเป็นเพื่อนทั้งคน มนชญาฝืนยิ้มขอบใจ ภูมินทร์บอกแล้วเขาจะโทร.หา มนชญาพยักหน้าและโบกมือให้จนรถภูมินทร์แล่นออกไป เธอหุบยิ้มทันที บ่นว่า จะแห่กันมาทำไม ให้ภูมินทร์มาคนเดียวก็พอ...นพดลขับรถเข้ามาจอด มนชญาต่อว่าหายไปไหนมา ทำไมไม่อยู่ดูแลไกรสร นพดลมองมนชญาอย่างโกรธๆ พอนึกถึงคำที่อินตราเตือนก็ตอบมนชญาไปว่า เขาไปธุระมา แล้วย้อนถามว่าเธอหายไปไหนมาแต่เช้า ไกรสรถามหา
“มนไปวัด ไปขอพรให้คุณพ่อหายมาน่ะ ว่าแต่พรุ่งนี้มนไม่ไปทำงานนะ คุณพ่อไม่ค่อยสบาย มนอยากอยู่ดูแลคุณพ่อมากกว่า” มนชญาเดินเข้าบ้านไป
นพดลกังวลมองไปที่ระเบียงห้องไกรสร...กลางคืน นพดลเข้าไปหาไกรสร เห็นมะปรางเฝ้าอยู่ จึงให้ไปพัก คืนนี้เขาจะเฝ้าเอง ไกรสรนอนลืมตาโพลง นพดลจึงถามว่านอนไม่หลับหรือ ไกรสรมองเหมือนอยากจะสื่อสารบางอย่าง แล้วใช้สายตามองไปยังภาพถ่ายมนชญากับตน
“คุณท่านคิดถึงคุณมนเพราะคุณมนไม่ค่อยมาเยี่ยมคุณท่านใช่ไหมครับ”
ไกรสรกะพริบตาถี่ๆ นพดลถอนใจก่อนจะพูดให้สบายใจ “คุณมนเธอกำลังวุ่นเรื่องงานอยู่น่ะครับ ก็เลยอาจจะไม่ค่อยมีเวลา...คุณท่านครับ...คุณท่านเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมสัญญาว่าผมจะช่วยดูแลคุณมนและทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นของคุณมนให้ดีที่สุด ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาชุบมือเปิบเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของคุณมนไป ผมสัญญาครับ คุณท่าน”
ไกรสรมองนพดลอย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่แววตานพดลดูเด็ดเดี่ยวมาก...วันรุ่งขึ้น นพดลมาถึงบริษัท เขาบอกเลขาฯของมนชญาว่าต่อจากนี้ เอกสารทุกอย่างที่ต้องส่งให้ มนชญา เอามาให้เขาตรวจดูก่อน เพราะตั้งแต่มนชญาหายป่วยทำงานผิดพลาดบ่อยๆ แต่ไม่ต้องบอกมนชญา เดี๋ยวจะไม่พอใจ เลขาฯรับคำ ไม่ติดใจสงสัยอะไร
ooooooo
เช้านี้ มนชญาตื่นสายจนกัลยาณีแปลกใจ คิดว่าไม่สบายจึงมาเคาะประตูเรียก มนชญาหงุดหงิดจำต้องตื่น บ่นกับตัวเอง “ฮึ่ย..จะเป็นนังมนนี่ไม่มีสิทธิ์นอนตื่นสายเลยใช่ไหม”
เซ็งๆอยู่ นึกอะไรได้ มนชญากดโทรศัพท์หาภูมินทร์ กิ่งกาญจน์กำลังจัดเอกสารบนโต๊ะทำงานภูมินทร์ เห็นมือถือที่วางอยู่ดังขึ้น ภูมินทร์ไม่อยู่ พอเห็นว่าเป็นมนชญาโทร.มาจึงคิดแกล้งกดรับสาย แล้วไม่พูด กลับทำเสียงไกลๆ “อย่าทำแบบนี้สิคะคุณภู เดี๋ยวใครเข้ามาเห็นนะคะ...คุณภูอย่าใจร้อนสิคะ รอให้ถึงห้องประชุมก่อน...”
สายถูกตัดไป มนชญาโกรธจนตัวสั่น “นังกิ่งกาญจน์ วันนี้แกกับฉันต้องตายกันไปข้างหนึ่ง” มนชญาผลุนผลันไปอาบน้ำแต่งตัว...
มาถึงบริษัทภูมินทร์...มนชญาหน้าเครียดเดินฉับๆเข้ามา สวนกับยุวดี จึงถามหาภูมินทร์ ยุวดีบอกว่าน่าจะอยู่ห้องประชุม มนชญาตาวาวโรจน์ เดินไปทันที ยุวดีมองตามอย่างแปลกใจ
ภูมินทร์กำลังประชุมใหญ่กับพนักงานจำนวนมาก กิ่งกาญจน์มองออกไปเห็นมนชญาเดินมาแต่ไกล จึงบอกภูมินทร์ว่า เธอขอออกไปเอาเอกสาร พอออกจากห้องประชุม มนชญาเดินมาถึงพอดี กิ่งกาญจน์แกล้งทำตกใจหลบสายตา ขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง มนชญาปรี๊ดแตก
“นังหน้าด้าน ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับพี่ภูของฉัน” มนชญาตบกิ่งกาญจน์ล้มลง
ยุวดีตามมาเห็นตกใจเข้าห้าม มนชญาสะบัดยุวดีอย่างแรง ตะคอกอย่างลืมตัว “แกอย่ามายุ่งกับฉันได้ไหมนังยุ”
ยุวดีกระเด็นไป มนชญาหันมาตบกิ่งกาญจน์อีก กิ่งกาญจน์แกล้งกระเด็นเข้าไปในห้องประชุม “โอ๊ย...คุณภูช่วยกิ่งด้วยค่ะ”
ขาดคำ มนชญาผลักประตูตามเข้ามา แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นคนนั่งอยู่เต็มห้องประชุม ภูมินทร์ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน มนชญาพูดไม่ออก กิ่งกาญจน์ทำหน้าใสซื่อ ...ภูมินทร์ให้มาคุยในห้องทำงานของเขา มนชญาพยายามข่มอารมณ์โกรธไว้ เล่าให้ภูมินทร์ฟังเรื่องเสียงในโทรศัพท์
“มนจ๊ะ พี่ว่ามนใจเย็นๆก่อนดีกว่านะ พี่ว่าเรื่องนี้คง มีอะไรที่เข้าใจกันผิด”
มนชญาโกรธที่ภูมินทร์ไม่เชื่อ กิ่งกาญจน์ทำหน้าไม่รู้เรื่อง ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ได้พูด จะให้ไปสาบานที่ไหนก็ยอม มนชญาจึงท้าให้ไปสาบาน แต่ภูมินทร์ไม่เห็นด้วย มนชญาไม่ พอใจวิ่งหนีออกไป ภูมินทร์วิ่งตาม ยุวดีส่ายหน้าหนักใจ แล้วเห็นกิ่งกาญจน์แอบยิ้ม ยิ่งไม่สบายใจ
ooooooo
มนชญาขับรถมาจอดหน้าบ้านด้วยความโกรธ เห็นรถภูมินทร์ตามมา จึงแกล้งทำเป็นร้องไห้วิ่งเข้าบ้าน ภูมินทร์ลงจากรถตามไปฉุดไว้ขอให้คุยกันให้รู้เรื่องก่อน
“ไม่ค่ะ มนไม่อยากพูดอะไรให้ช้ำใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว มนรู้แล้วว่าพี่ภูไม่ได้รักมนจริง”
“ไม่จริง พี่รักมน”
“พี่ภูรักมน แต่ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อที่มนพูด พี่ภูเข้าข้าง ผู้หญิงคนอื่นทำไม”
ภูมินทร์บอกว่าเขาไม่ได้เข้าข้าง แค่อยากให้เธอใจเย็นลง แล้วถามว่าทำไมเมื่อก่อนเธอไม่เคยใช้อารมณ์เลย มนชญาเริ่มรู้ตัวว่าทำเกินไป จึงสงบลง แก้ตัวไปว่า
“ก็มนเสียใจนี่คะ มนเสียใจที่พี่ภูไม่รักมนแล้ว พี่ภูคิดจะทิ้งมนไปมีผู้หญิงคนใหม่”
“โธ่มน พี่บอกแล้วไง ว่าพี่ไม่มีวันที่จะรักผู้หญิงคนไหน ได้อีกแล้วนอกจากมน”
มนชญาไม่เชื่อ นพดลผ่านมาได้ยินสองคนโต้เถียงกัน ภูมินทร์ถามมนชญาจะให้ทำอย่างไร ถึงจะเชื่อว่าเขารักเธอ มนชญายื่นคำขาดให้แต่งงานกัน
“แต่คุณอาไกรสรยังป่วยอยู่เลยนะจ๊ะ”
“โธ่พี่ภูคะ ยังไงคุณพ่อก็ไม่มีวันกลับมาเหมือน
เดิมอีกแล้ว ถ้าขืนเรารอให้คุณพ่อหายก่อน เราก็คงจะไม่ได้แต่งงานกันหรอกค่ะ นะคะพี่ภู เราแต่งงานกันซะทีเถอะนะคะ”
ภูมินทร์นิ่งคิดสักพัก ก่อนจะตอบตกลง มนชญาดีใจโผกอดเขา นพดลสีหน้าไม่สบายใจ เขารีบไปหาอินตรา ที่คอนโดฯ เพื่อให้เธอขัดขวางไม่ให้ทั้งสองแต่งงานกัน
“แล้วมนจะทำอะไรได้ล่ะจ๊ะ บางทีนี่ก็อาจจะเป็น ผลกรรมที่มนต้องชดใช้ให้พี่อินก็ได้”
“แล้วคุณมนจะยอมปล่อยให้ผู้ชายที่คุณมนรัก ต้องไปเป็นของคนอื่นง่ายๆเหรอครับ”
“นพไม่ได้หึงพี่อินอยู่ใช่มั้ย” อินตราลองถามเพราะรู้มาก่อน
“เปล่าเลยครับ หลังจากที่เห็นพฤติกรรมทั้งหลายของอินตราแล้ว ความรู้สึกที่ผมมีให้อินตรามันลดน้อยลงทุกวันจนเกือบไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ผมสงสารคุณภู มันไม่ยุติธรรมเลย ถ้าเขาต้องแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่เขาเกลียดมากที่สุด โดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
อินตรานิ่งคิด นพดลย้ำว่าถ้ายังรักภูมินทร์อยู่ต้องหาทางช่วย แต่อินตราไม่รู้จะห้ามอย่างไร นพดลคิด “ถ้าคุณมนห้ามคุณภูไม่ได้ ผมว่าต้องให้คนอื่นช่วยห้ามแล้วล่ะครับ”
อินตรางงว่านพดลหมายถึงใคร...นพดลจัดการโทร.นัดยุวดีออกมาพบที่สวนสาธารณะในวันรุ่งขึ้น มาถึงยุวดีบ่นอุบที่ให้ตนถ่อร่างมาถึงนี่ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตนเอาเรื่องแน่ นพดลกลับบอกว่าไม่ใช่ธุระของเขา แต่เป็นของมนชญา ยุวดีโกรธเมื่อเห็นอินตรายืนอยู่ข้างหลังเขา
“มน...มนอะไรของนาย”
“ก็ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณคือมนชญาไม่ใช่อินตรา”
“นี่นายจะบ้าไปแล้วหรือไงนพ” ยุวดีโวยวายใส่นพดล อินตราเห็นท่าไม่ดีจึงจับมือยุวดี บอกนพดลไม่ได้
บ้า ขอให้ยุวดีมองตนดีๆ มนชญาอยู่ในร่างอินตราจริงๆ ยุวดีสะบัดมือออก “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน อ๋อ...ฉันรู้แล้ว คงอยากเป็นมนมากสินะ ถึงได้คิดจะฆ่ามน แต่พอมนไม่ตาย ก็เลยวางแผนปั่นหัวคนอื่น ว่าตัวเองเป็นมน แต่ฉันไม่เชื่อ”
อินตราเห็นยุวดีจะเดินไปจึงร้องบอก “เมื่อตอนวาเลนไทน์ ม.4 เธอแอบเอาของขวัญที่ทำเองไปใส่โต๊ะพี่ก้องรุ่นพี่ที่เธอแอบชอบ แต่พี่ก้องกลับโยนทิ้ง เธอเสียใจมาก และขอให้ฉันอย่าพูดเรื่องนี้อีก...กว่าเธอจะตัดใจได้ก็วันที่พี่ก้องแต่งงาน วันนั้น เธอยังชวนฉันไปคาราโอเกะฉลองกันสองคนอยู่เลย”
ยุวดีหันกลับมาจ้อง อินตราดีใจคิดว่ายุวดีเชื่อแล้ว แต่ยุวดีกลับเข้าใจว่ามนชญาเล่าให้อินตราฟัง จึงเดินหงุดหงิดกลับไป
วันเดียวกัน มนชญาแต่งตัวสวยจะออกไปข้างนอก บอกกัลยาณีว่าจะไปคุยเรื่องแต่งงานกับพ่อแม่ภูมินทร์ กัลยาณีตกใจเตือนว่า ไกรสรยังป่วยอยู่เลย แต่มนชญาไม่สนใจ
เมื่อภูมินทร์พามนชญามาบ้าน ปรากฏว่าดุสิตกับวารีไม่อยู่ไปดูเพื่อนที่ประสบอุบัติเหตุ ภูมินทร์ขอตัวไปโทรศัพท์ถามข่าว มนชญายืนเซ็ง พอดีกุ๊กไก่เข้ามาขอให้มนชญาสอนวาดรูป มนชญากำลังอารมณ์ไม่ดี บอกว่าตนวาดไม่เป็น ไปให้คนอื่นสอน กุ๊กไก่กลับบอกว่าวันก่อนยังสอนเธออยู่เลย และรบเร้าให้สอนอีก มนชญาโมโหตวาดไล่ กุ๊กไก่ตกใจว่ิงร้องไห้ออกไป
ยุวดีกลับมาพอดี กุ๊กไก่ร้องไห้วิ่งเข้าหา ฟ้องว่ามนชญาดุ ยุวดีแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเพื่อนดุใครมาก่อน จึงถามว่ากุ๊กไก่ดื้อหรือเปล่า กุ๊กไก่สะอื้นบอกว่าไม่ได้ดื้อ แค่ขอให้สอน วาดรูปเหมือนเคย แต่มนชญาบอกว่าวาดไม่เป็นและไล่ออกมา ยุวดีอึ้งไป เธอเดินเข้าไปในบ้านเงียบๆ เห็นมนชญากำลังแต่งเติมหน้าท่าทางมีจริต ไม่เหมือนมนชญาคนเดิม จึงคิดถึงคำพูดของนพดล และทบทวนเรื่องต่างๆที่เพิ่งผ่านมา
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันแน่คือมนชญาเพื่อนของฉัน” ยุวดีตัดสินใจเข้าไปหยั่งเชิง “อ้าว...มน ฉันไม่รู้นะเนี่ยว่า
เธอจะมา ไม่อย่างงั้นฉันรีบกลับบ้านนานแล้วแหละ”
มนชญาตอบเรื่อยเปื่อยว่าตนเพิ่งมาเหมือนกัน ยุวดีจึงชวนคุย “มน...เธอจำรุ่นพี่ที่ฉันแอบชอบตอน ม.ปลายได้ไหม ที่ฉันเคยเอาดอกไม้ไปใส่ไว้ในลิ้นชักใต้โต๊ะเขาตอนวันวาเลนไทน์น่ะ...พี่เจตน์นั่นแหละจ้ะ กำลังจะแต่งงานแล้วนะ”
“เหรอ ก็ดีสิ” มนชญาทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน เพราะที่จริงไม่รู้จัก
ยุวดีแกล้งชวนไปงานแต่งงานด้วยกัน และเอ่ยชื่อเพื่อนสามสี่คนว่าไปกันหมด มนชญารับปากให้นัดมา ถ้าว่างจะไป ภูมินทร์เดินเข้ามา มนชญาจึงลุกไปหา ยุวดีขมวดคิ้วสงสัย เพราะเพื่อนทุกคนที่ตนเอ่ยชื่อมาไม่มีในรุ่นเลย จึงชักจะเชื่อ “นี่มนกับพี่อินสลับร่างกันจริงๆเหรอเนี่ย”
ตัดสินใจโทร.กลับไปหานพดล...วันรุ่งขึ้น นพดลพายุวดีไปหาอินตราที่คอนโดฯ อินตราดีใจที่ยุวดีเชื่อแล้วว่าตนคือมนชญา
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ มน...ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่เคยพูดไม่ดีกับเธอ”
อินตราโผกอดเพื่อนรัก ยุวดีตัวแข็งทื่อ ยอมรับว่ายังทำใจให้รู้สึกว่ามนชญากอดไม่ได้ เพราะเห็นๆอยู่ว่าเป็นอินตรา ทั้งนพดลและอินตราขำที่ยุวดีพูดตรง
“แล้วนี่เธอจะทนอยู่ในร่างพี่อินให้คนอื่นๆเกลียดเธอไปเรื่อยๆอย่างงั้นน่ะเหรอ”
“ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี่ แล้วฉันก็ขอร้องนะยุ เธออย่าบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด”
“แม้กระทั่งพี่ภูงั้นเหรอ”
“จ้ะ เพราะพี่ภูเขาเกลียดพี่อินมาก เขาคงจะไม่เชื่อเรื่องนี้ง่ายๆ แล้วถ้าเกิดว่าพี่อินรู้เข้าว่าเธอกับนพรู้เรื่องแล้ว เขาอาจจะทำร้ายคุณพ่ออีก”
ยุวดีเคืองความร้ายกาจของอินตรามาก นพดลบอกเหตุผลที่ให้ยุวดีมา เพราะอยากให้ช่วยขัดขวางไม่ให้ภูมินทร์แต่งงานกับร่างมนชญา ระหว่างนี้ก็จะช่วยกันหาวิธีให้กลับคืนร่างเดิมกัน ยุวดีคิดได้ พาอินตรากับนพดลไปหานักสะกดจิต พอเล่าเรื่องให้เขาฟัง นักสะกดจิตก็มองยุวดีเคืองๆ แล้วบอกว่าเขาเป็นนักสะกดจิตไม่ใช่หมอผี แล้วเชิญทุกคนออกไป...
อินตราเหนื่อยใจ
“ฉันบอกแล้วว่าไม่มีใครเชื่อเรื่องแบบนี้ง่ายๆหรอก”
ยุวดีเสนอใหม่ ให้ใช้วิธีไสยศาสตร์ไปเลย แต่พอพาไปหาหมอผี เห็นหมอผีเอาฝ่ามือกระแทกหลังอินตราจนหน้าคว่ำ และกำลังจะใช้หวายเฆี่ยนไล่วิญญาณ ยุวดีกับนพดลก็รีบเข้าไปห้ามแล้วพาตัวอินตรากลับออกมาทันที นพดลไม่เชื่อยุวดีอีกแล้ว ขอให้ค่อยๆคิดวิธีใหม่ดีกว่า
“ใช่จ้ะ อีกอย่างแม่ชีจันก็บอกว่าฉันจะกลับคืนร่างเดิมไม่ได้จนกว่าฉันจะชดใช้ตามคำที่พี่อินอาฆาตฉันเอาไว้เมื่อชาติที่แล้วหมด ฉันก็เลยคิดว่า...คงไม่มีทางไหนหรอกที่จะทำให้ฉันกลับคืนร่างเดิมได้” อินตราเศร้าลง
ยุวดีกุมมือเพื่อนปลอบว่าต้องมีทาง อย่าเพิ่งหมดหวัง
ooooooo
กลุ้มใจเรื่องเพื่อน พอกลับบ้านยุวดียังมาได้ยินภูมินทร์คุยโทรศัพท์กับมนชญาสีหน้าเครียด เพราะมนชญาเร่งเร้าให้คุยกับผู้ใหญ่เรื่องแต่งงาน ยุวดีจึงเข้าไปหาภูมินทร์
“ถ้าพี่ภูยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ พี่ภูก็น่าจะบอกยัยพี่อิน เอ่อ...มนไปตรงๆนะคะ”
“ก็มนเขาอยากมั่นใจว่าพี่รักเขาคนเดียว”
“แปลกนะคะ เมื่อก่อนมนไม่เคยเรียกร้องอะไรอย่างนี้เลย มนทำเหมือนกับว่า ไม่ใช่มนคนเดิม” ยุวดีพูดเป็นนัยๆให้คิด ทำเอาภูมินทร์ต้องถามว่าทำไมคิดแบบนี้ ยุวดีรีบบอก “ก็มันจริงนี่คะ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุมนเปลี่ยนไปจริงๆ หรือพี่ภูจะบอกว่ายัยมนไม่เปลี่ยนไปคะ”
พอเห็นภูมินทร์เงียบ ยุวดีจึงเกาะแขนอ้อนวอนให้เขาอย่าเพิ่งแต่งงานตอนนี้ รอให้ไกรสรหายป่วยก่อน อย่างไรเสียก็คบกันมานาน รออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป ท่าทางภูมินทร์ครุ่นคิดตาม...
แต่มนชญากลับได้ใจจะไปเยาะเย้ยอินตราที่บ้านเช่าว่าตนกำลังจะแต่งงานกับภูมินทร์ มาถึงพบว่าบ้านว่างเปล่า
ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าอินตราย้ายออกไปแล้ว มีผู้ชายหน้าตาดีมารับ มนชญาเอะใจสงสัย...กลับมาบ้านจึงเลียบเคียงถามนพดลว่าอินตราย้ายไปอยู่ที่ไหน ตนเป็นห่วง นพดลตอบว่าไม่รู้เพราะเขาไม่เคยไปหาอินตราเลย มนชญามองนพดลอย่างจับผิด...
วันรุ่งขึ้น ขณะที่นพดลขับรถจะไปหาอินตราที่คอนโดฯ มนชญาสะกดรอยตาม ใกล้จะถึงนพดลมองเห็นทางกระจกหลัง ตกใจรีบขับรถหนีเข้าซอยเล็กซอยน้อยจนหนีพ้นมาได้...
มนชญาเจ็บใจ เบนรถไปบริษัทของภูมินทร์ เดินหงุดหงิดเข้ามา เห็นกิ่งกาญจน์กำลังนั่งแต่งหน้าทาปากอยู่ก็ยิ่งหมั่นไส้ เดินเข้าไปใกล้ กิ่งกาญจน์ตกใจลุกขึ้นเตรียมพร้อมรับมือ
มนชญาหัวเราะ “กลัวฉันเอาคืนเรื่องเมื่อวานสินะ อย่าห่วงไปเลยฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ฉันต้องขอบใจเธอด้วยซ้ำที่แผนชั่วๆของเธอ มันทำให้ฉันกับพี่ภูได้แต่งงานกันในเร็วๆนี้” พอเห็นกิ่งกาญจน์อึ้ง มนชญาก็เยาะเย้ย “ยังไงก็อย่าลืมเตรียมตัดชุดล่วงหน้านะ แล้วไอ้ประเภทจะใส่ชุดดำไปงานฉันล่ะก็อย่าทำเชียวนะ น้ำเน่า อย่างนั้นมันมีอยู่แต่ในละคร”
มนชญาเดินกระแทกไหล่กิ่งกาญจน์ไปเข้าห้องภูมินทร์ ปล่อยให้กิ่งกาญจน์ยืนเจ็บใจว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร... มนชญาเข้ามาสวมกอดภูมินทร์ถามว่าคุยเรื่องแต่งงานกับพ่อแม่แล้วใช่ไหม ภูมินทร์หันมาหน้าหม่นๆ พยายามพูดกับเธอดีๆ ขอเลื่อนไปก่อน มนชญาโวยทันที
“พี่ภูจะไม่แต่งงานกับมน”
“ไม่ใช่จะไม่แต่งจ้ะ แต่พี่ว่าเราน่าจะรออีกสักพักก่อนดีกว่า เพราะคุณอาไกรสรยังไม่หายเลยนะจ๊ะ มนไม่อยากให้คุณอาอวยพรชีวิตคู่ให้เราสองคนเหรอจ๊ะ”
“พี่ภูไม่ต้องเอาคุณพ่อมาอ้างหรอกค่ะ ที่พี่ภูไม่อยากแต่งงานก็เพราะว่าพี่ภูไม่ได้รักมนมากกว่า”
“มน...ทำไมมนไม่ฟังเหตุผลของพี่บ้าง”
“ก็เพราะว่ามนฟังน่ะสิคะ มนถึงเข้าใจแล้วว่าพี่ภูคิดยังไงกับมน ถ้าพี่ภูไม่รักมน เราก็จบกันแค่นี้เถอะค่ะ” มนชญาร้องไห้วิ่งออกไป
ภูมินทร์ทรุดนั่งอย่างอ่อนใจ...มนชญาวิ่งมาถึงรถ อารมณ์เสียเมื่อเห็นภูมินทร์ไม่ตามมา กลับมาบ้านเห็นมะปรางป้อนข้าวไกรสรเสร็จกำลังยกถาดไปเก็บ ไกรสรนั่งมองวิวตามลำพังจึงเข้าไประบายอารมณ์ใส่
“เป็นไงคะคุณพ่อ สะใจคุณพ่อรึยังคะ แทนที่อินจะได้แต่งงานกับพี่ภูก็ไม่ได้แต่งเพราะคุณพ่อยังเป็นง่อยอยู่อย่างนี้ คุณพ่อหายสักทีได้ไหมคะ หรือไม่ก็ตายๆไปซะเลยไป จะได้ไม่ต้องอยู่เป็นมารชีวิตของอินอีก”
ไกรสรได้แต่มองลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ นพดลขับรถเข้ามาเห็นมนชญายืนคุยกับไกรสรท่าทางไม่น่าไว้ใจ มนชญา สะบัดหน้าเดินไป ไกรสรเกิดอาการกระตุกๆ มะปรางเดินกลับมาเห็นตกใจร้องลั่น นพดลรีบวิ่งลงจากรถมาประคองไกรสร ซึ่งสายตายังมองตามหลังมนชญาอยู่...นพดลไม่พอใจ ตามไป เคาะประตูห้องมนชญาเพื่อจะถามว่าพูดอะไรกับไกรสร ท่านถึง มีอาการทรุดลง มนชญาทำหน้าใสบอกว่าตนแค่ทักทายเฉยๆ แต่นพดลไม่เชื่อ มนชญารำคาญ
“เอ๊ะ นพ มนบอกว่าทักทายเฉยๆ มันก็คือทักทายเฉยๆสิ แล้วก็บอกคุณพ่อด้วยก็แล้วกันว่าวันนี้มนเหนื่อย คงเข้าไปหาไม่ได้แล้ว นพมีธุระจะพูดกับมนแค่นี้ใช่มั้ย งั้นมนขอตัวก่อนนะ”
นพดลขยับปากจะพูด มนชญาปิดประตูใส่หน้า ทำเอาเขาหงุดหงิดกับพฤติกรรมของอินตราที่อยู่ในร่างของมนชญา
ooooooo
ด้านภูมินทร์ก็ถอนใจกลัดกลุ้มเรื่องมนชญา ยุวดีสงสารพี่ชายเข้ามาถามว่ากลุ้มใจที่มนชญาโกรธ เรื่องแต่งงานใช่ไหม ภูมินทร์ย้อนถามว่ามนชญา โทร.ไปเล่าให้ฟังหรือ ยุวดีส่ายหน้าแล้วถามว่าเขาไป ง้อมนชญาบ้างหรือเปล่า
“ยังเลย พี่ว่าจะปล่อยไปสักพักก่อน ให้เวลากับมนเขาสักหน่อย เผื่อมนใจเย็นลงแล้วคงคิดได้เอง เพราะปกติ มนไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลสักหน่อย”
“แต่กับมนคนนี้ไม่ใช่แน่...” ยุวดีบ่นเบาๆก่อนจะบอกภูมินทร์ว่าเธอไปก่อนนะ...
วันรุ่งขึ้น ยุวดีซื้อของกินมามากมาย หอบหิ้วมายืน รอลิฟต์คอนโดฯ พอลิฟต์เปิด ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกมาชนเธออย่างจังแล้ววิ่งไปเลย ยุวดีเซจะล้ม นพดลเข้ามารับไว้พอดี ทั้งสองสบตากันปิ๊งๆ พอยุวดีรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของนพดลก็เขินรีบผละออกทำเป็นบ่นว่าคนที่ชน
“ผู้ชายสมัยนี้นี่มันแย่ที่สุดเลย ชนคนอื่นจะขอโทษสักคำก็ไม่มี สะกดเป็นไหมคำว่าสุภาพบุรุษน่ะ”
“เอาเถอะน่ะคุณ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนี่ โวยวายไปก็อายคนอื่นเขาเปล่าๆ แล้วนี่มาเยี่ยมคุณมนเหรอ”
“ใช่ แล้วนายล่ะ มาทำอะไร ไหนว่าจะไม่มาหามนบ่อยๆ แล้วไม่ใช่เหรอ”
นพดลว่ามีเรื่องจะมาบอก...พออินตรารู้ว่ามนชญาพูดอะไรให้ไกรสรเกิดอาการกระตุกก็เป็นห่วง นพดลบอกให้สบายใจว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่เขาไม่ได้ยินเรื่องที่พูด อินตรา ตัดสินใจบอกยุวดีกับนพดลว่า ในเมื่อตนต้องอยู่ในร่างนี้ตลอดไป จึงอยากหางานทำ ไม่อย่างนั้นคงบ้าตายแน่ นพดลถามว่าจะทำอะไรได้ เมื่ออินตราเรียนจบแค่ ม.ปลาย อินตราถอนใจยอมรับสภาพทำงานอะไรก็ได้ แต่ยุวดีคิดได้
“ฉันรู้แล้วว่าจะให้เธอไปทำงานอะไรดีมน แต่...นายต้อง ไปเอาเอกสารการเรียนของยัยพี่อินมาก่อน” ยุวดีชี้ไปทางนพดล...
ขณะเดียวกัน มนชญากำลังอาละวาดปาข้าวของในห้อง กระจัดกระจาย ร้องห่มร้องไห้ กัลยาณีตกใจวิ่งเข้ามาถามว่าเกิด อะไรขึ้น มนชญาสะอึกสะอื้นอ้อนกัลยาณีว่า ภูมินทร์ใจร้ายทะเลาะกันแล้วไม่มาง้อ คงอยากเลิกกับตน กัลยาณีปลอบว่าไม่น่าเป็น ไปได้ เพราะดูภูมินทร์ออกจะรักมาก แล้วแนะให้ไปปรับความเข้าใจกัน
“แต่มนไม่อยากเป็นฝ่ายไปง้อพี่ภูก่อนนี่คะ”
“งั้นไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวอาจัดการให้เอง” ว่าแล้วกัลยาณีก็ไปโทร.หาภูมินทร์...
ไม่นาน ภูมินทร์ขับรถเข้ามาจอด กัลยาณีออกไปต้อนรับแล้วบอกให้ไปหามนชญาในสวนท่าทางเสียใจมาก พอภูมินทร์มาหา มนชญาทำเป็นแปลกใจไม่รู้ว่าเขาจะมา แล้วทำท่าจะเดินหนี ภูมินทร์ขวางหน้าแล้วพยายามพูดให้มนชญาเข้าใจว่าเธอเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน มนชญาเกรงเขาจะจับได้ จึงทำเป็นร้องไห้อ้างว่าเพราะตนรักเขามากเกินไป
“โธ่มน...พี่ก็รักมนนะจ๊ะ แต่พี่อยากให้มนมีเหตุผล ที่พี่ไม่แต่งงานไม่ใช่พี่ไม่รัก แต่พี่คิดว่าเวลายังไม่เหมาะจริงๆ แต่ถ้ามนจะให้พี่ทำอย่างอื่นเพื่อให้มนไว้ใจพี่ มนบอกมาเลย พี่ยินดีทำ”
มนชญาดีใจ โผกอดแล้วอ้อนให้เขาพาไปกินข้าวนอกบ้าน...นพดลกลับมาพอรู้ว่ามนชญาไม่อยู่ ก็แอบเข้าไปค้นเอกสารการศึกษาในห้องอินตราจนเจอ ไม่ทันออกจากห้อง มนชญากลับมาเสียก่อน กำลังเดินผ่านห้อง นพดลเผลอทำของหล่น มนชญาได้ยินเปิดประตูเข้ามาดู เห็นห้องมืดมิด จึงคิดว่า ตนหูฟาด กลับออกไป นพดลถอนใจเพราะเขาแอบอยู่หลัง ประตูนั่นเอง...
วันต่อมา นพดลรีบเอาใบการศึกษาและบัตรประชาชนของอินตรามาให้ ยุวดีมองเกรดเฉลี่ยแล้วบ่น “แหม...ครบสูตร จริงๆนิสัยไม่ดีแล้วยังหัวทื่ออีก ดูสิ เกรดเฉลี่ยไม่ถึงสองสักเทอม”
นพดลว่า จบ ม.6 มาได้ก็ดีมากแล้ว ว่าแล้วก็ถามยุวดีจะให้อินตราไปทำงานอะไร ยุวดียิ้มไม่ตอบ...ยุวดีพาอินตรามาสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนของลุงเธอ ที่กุ๊กไก่เรียนอยู่ พอลุงสัมภาษณ์อินตราเป็นภาษาอังกฤษก็รับทันทีโดยไม่สนใจวุฒิการศึกษาเลย
“เห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่าเธอต้องได้ เธอน่ะเก่งภาษาอังกฤษจะตาย แค่คุณลุงฉันฟังสำเนียงเธอพูดก็รีบรับแทบไม่ทัน”
อินตราขอบใจยุวดีที่เป็นธุระให้ พอดีกุ๊กไก่วิ่งมาหา ยุวดีจึงให้สวัสดีอินตราและบอกว่าจะมาเป็นคุณครูคนใหม่ กุ๊กไก่ไหว้อย่างน่าเอ็นดู ยุวดีชวนไปทานไอศกรีมเลี้ยงต้อนรับ จึงไป เลื่อนรถมารับ อินตราย่อตัวคุยกับกุ๊กไก่ ถามว่าน้องลูกเจี๊ยบ สบายดีไหม
“คุณครูรู้ได้ยังไงคะ ว่ากุ๊กไก่มีน้องชื่อน้องลูกเจี๊ยบ”
อินตรานึกได้ว่าเผลอไป รีบแก้ตัวว่ามนชญาเล่าให้ฟัง กุ๊กไก่ยิ้มดีใจผิดกับอินตราที่แววตาหม่นลง...สามคนมานั่งทานไอศกรีมที่ร้าน อินตราหยอกล้อกุ๊กไก่ด้วยความรักและเอ็นดู...
พอมาถึงบ้าน กุ๊กไก่เห็นภูมินทร์นั่งอ่านหนังสืออยู่ ก็วิ่งเข้ามาจะเล่าถึงครูคนใหม่ให้ฟัง ยุวดีตามมารีบเอามือปิดปากกุ๊กไก่ แล้วบอกภูมินทร์ว่า ตนพาหลานไปทานไอศกรีมแล้วเดินเล่นที่ห้างนิดหน่อย แล้วหันมาบอกกุ๊กไก่ว่าควรขึ้นไปอาบน้ำ ทำการบ้านไวๆจะได้เข้านอน กุ๊กไก่รับคำแล้วเดินไป ยุวดีเดินตามมา พอเข้าห้องก็กำชับว่า
“กุ๊กไก่อย่าบอกอาภูนะคะว่าคุณครูอินตราสอนอยู่ที่โรงเรียนกุ๊กไก่”
“ทำไมเหรอคะคุณอา”
“ก็เพราะว่าอาภูกับอามนไม่ชอบคุณครูอินตราน่ะสิคะ โดยเฉพาะอามน แล้วถ้าเกิดอาภูกับอามนรู้เข้า คุณครูอินอาจถูกอามนสั่งลุงปิติไล่คุณครูออกเลยก็ได้”
กุ๊กไก่ตกใจรีบสัญญาโดยดี...วันต่อมา ภูมินทร์พามนชญามาเดินช็อปปิ้ง เขาแปลกใจที่เธอซื้อของมากมาย ปกติไม่เคยเห็นเธอชอบช็อปปิ้ง มนชญาอ้อนภูมินทร์พาเที่ยวต่อ เผอิญเห็นวายุเดินมา กลัวเข้ามาทัก จึงรีบบอกภูมินทร์ว่านึกได้ ตนต้องกลับไปทานข้าวกับพ่อที่บ้าน ว่าแล้วก็ถือของเดินลิ่วไปที่รถ ภูมินทร์แปลกใจนิดฯ...วายุเดินตามมนชญามาที่รถ ทักทาย ขอไปส่งบ้าน มนชญารีบบอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวคู่หมั้นไม่พอใจ วายุมองตามรถมนชญาที่แล่นออกไปอย่างหมายมาดว่าสักวันเขาจะต้องเผด็จศึกให้ได้
ภูมินทร์เห็นว่าตัวเองอยู่ใกล้กับโรงเรียนกุ๊กไก่ จึงแวะไปรับหลาน พอกุ๊กไก่เห็นก็ถามถึงยุวดี ภูมินทร์ตอบว่าเขาผ่านมาแถวนี้เลยรับกุ๊กไก่เอง กุ๊กไก่ขอเอาผ้าเช็ดหน้าไปคืนคุณครูก่อนเพราะคุณครูให้ตนเช็ดน้ำตาตอนหกล้มร้องไห้ และกำชับให้ภูมินทร์รอตรงนี้ ภูมินทร์แปลกใจเดินตามไป กุ๊กไก่วิ่งมาหาอินตราที่ห้องเรียน
“คุณครูอินขา กุ๊กไก่เอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แล้วนี่คุณอายุยังไม่มารับอีกเหรอคะ”
“คุณอายุไม่มาค่ะ แต่คุณอา...” กุ๊กไก่พูดไม่ทันจบ ภูมินทร์เดินเข้ามา
“อินตรา...” ภูมินทร์เรียกด้วยความไม่พอใจ
อินตราตกใจวิ่งหนี ภูมินทร์ตามไปกระชากเธอไว้ แล้วตะคอกถามว่าคิดมาก่อกวนสร้างความเดือดร้อนอะไรที่นี่อีก อินตราน้ำตาคลอ พยายามยื้อตัวเองให้หลุดจากภูมินทร์...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น