ตอนที่ 3
แคนไม่รอช้ากระโดดถีบยอดอกศรีไพรเซไปกระแทกตู้ร้านขายกาแฟข้างๆข้าวของแตกกระจาย ชาวบ้านที่อยู่ในร้านตกใจส่งเสียงร้องวี้ดว้ายลั่น ตามาพ่อของแคนกำลังซื้อโอเลี้ยง หันขวับไปมอง เห็นไอ้ดำกับไอ้ขาวช่วยกันจับตัวแคนไว้ ก่อนจะถูกเขาซัดหน้าหงาย ตามาทิ้งถุงโอเลี้ยง วิ่งเข้าไปหา
หมอลำหนุ่มโกรธจัด ตรงเข้ากระชากคอเสื้อศรีไพรให้ลุกขึ้น ศรีไพรเห็นชาวบ้านเริ่มเข้ามามุงดู ทำเป็นไม่สู้ ปล่อยให้แคนทำร้ายฝ่ายเดียว ตามาแหวกฝูงไทยมุงเข้ามาถามลูกชายมีเรื่องอะไรกัน
“มันส่งคนไปเผาบ้านแม่ครูคำแปง มันไม่พอใจที่แม่ครูคอยช่วยเหลือฉัน มันเล่นงานฉันไม่ได้ก็เลยหันไปเล่นงานแม่ครูแทน”
ดำให้แคนเอาหลักฐานมาแสดง ไม่ใช่กล่าวหากันลอยๆแบบนี้ แคนถึงกับอึ้ง ศรีไพรสบโอกาส กล่าวหาแคนใส่ร้ายตนเพราะต้องการกำจัดคู่แข่งให้พ้นทางเพื่อจะได้ครอบครองคำหล้า แคนฉุนขาดคว้าขวดน้ำหวานตีกับขอบโต๊ะแตกเป็นปากฉลาม แล้วดันตัวศรีไพรกระแทกผนัง เงื้อมือจะแทงให้สมแค้นตามาพุ่งเข้าไปปรามลูกชายให้มีสติ ขืนทำอะไรบุ่มบ่ามมีสิทธิ์ติดคุกหัวโต แคนชะงัก ศรีไพรกระซิบยั่วแคน
“ถ้าฉันรอดไปได้ พ่อแกตายแน่”
แคนโมโหเงื้อมือจะแทงศรีไพรอีก แต่คำหล้าเข้าดึงมือไว้ทัน ช่วยกันเขาออกมา ขณะที่ดำกับขาวดึงลูกพี่ตัวเอง
ถอยห่าง แคนฮึดฮัดจะเข้าไปเอาเรื่องศรีไพรให้ได้ ชาวบ้านเห็นพฤติกรรมของแคนแล้วรับไม่ค่อยได้ พากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา บางคนไม่ชอบใจถึงขนาดออกปากจะไม่ฟังเพลงที่แคนร้องอีกต่อไป แคนพยายามจะอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ แต่คำหล้าดึงแขนเขาไว้ แคนสะบัดมือออกอย่างไม่สบอารมณ์
“ขืนพี่ใช้อารมณ์อย่างนี้ ทำอะไรก็เข้าทางพวกมันหมด...อย่าลืมสิว่าครั้งนี้พวกมันวางแผนมาดี ทำทีเป็นเข้ามาขอโทษพวกเรา แต่ลับหลังก็ส่งคนไปเผาบ้านแม่ครู แล้วสร้างสถานการณ์ให้พี่ดูเหมือนเป็นคนเลวในสายตาทุกคน ถ้าพี่ไม่อยากให้แผนของพวกมันสำเร็จก็อย่าไปเล่นตามเกมพวกมัน”
แคนยังฮึดฮัด แต่ก็ยอมทำตามคำแนะนำของคำหล้า...
แผนการของศรีไพรได้ผล แม้แต่เถ้าแก่เส็งยังหลงเชื่อว่าแคนเป็นฝ่ายมาหาเรื่องเขาก่อน ดำไม่อยากมีปัญหากับเถ้าแก่เส็ง แนะลูกพี่ให้หยุดแผนพิฆาตแคนไว้ก่อน ศรีไพรปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่...โบราณว่าไว้จะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ชาวบ้านเริ่มไม่พอใจมันแล้ว ต่อไปฉันจะทำให้มันกลายเป็นหมาหัวเน่าในสายตาของทุกคน ถึงตอนนั้นมันก็เหมือนลูกไก่ในกำมือฉันจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”
ooooooo
ขณะครูตะวันกำลังคุยกับคำแปงถึงความคืบหน้าคดีลอบเผาบ้านของเธอ เขียวชาวบ้านที่คอยสืบเรื่องเรือดูดทรายให้ครูตะวัน วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงาน มีเรือออกมาดูดทรายนอกเขตสัมปทานอีกแล้ว พิณหันมาฟังด้วยความสนใจ ครู่ต่อมา ครูตะวันกับพิณมาซุ่มอยู่แถวริมฝั่งดูเรือดูดทรายลำใหญ่กลางแม่น้ำมูล
“ไอ้เรือพวกนี้ชอบมาดูดทรายนอกเขตสัมปทาน ทำให้ตลิ่งพัง ปลาไม่มีที่วางไข่ พวกชาวบ้านก็เลยรวมตัวกันจับพวกมันมาลงโทษ”
พิณเข้าใจแล้วทำไมครูตะวันกับพวกชาวบ้านถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นกับเรื่องนี้นัก จังหวะนั้น เขียวเข้ามารายงานครูตะวันทุกอย่างพร้อมแล้ว...
ท่ามกลางความมืด เรือหางยาวของครูตะวันและพวก ชาวบ้านจำนวน 4 ลำ แล่นออกจากที่ซ่อนเตรียมปิดทาง ไม่ให้เรือดูดทรายหนี คนขับเรือดูดทรายรู้ตัวก่อน สั่งลูกน้องปิดหัวดูดทราย แล้วเร่งเครื่องหนี พวกครูตะวันไล่ตาม พิณ ซึ่งเป็นคนขับเรือลำที่ครูตะวันนั่ง เร่งเครื่องนำหน้าลำอื่น ทันใด นั้น มีเรือหางยาวของพวกดูดทรายอีกสองลำแล่นสวนเข้ามายิงเปิดทางให้เรือดูดทรายหนี พวกครูตะวันต่างหลบกระสุน กันวุ่นวาย
ชาวบ้านระดมยิงโต้ตอบ ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ พวกชาวบ้านสู้ไม่ถอยต้องการจะจับคนเลวๆพวกนี้ให้ได้ พิณตะโกนบอกเขียวยิงคุ้มกันให้ด้วย แล้วเร่งเครื่องประกบข้างเรือดูดทราย ครูตะวันสลับที่มาเป็นคนขับเรือแทนพิณ พอได้จังหวะ พิณโดดขึ้นเรือดูดทราย ถีบลูกเรือกระเด็นตกน้ำ แล้วพุ่งเข้าหาคนขับซึ่งชักปืนยิงสกัดเขาไว้ พิณดีดตัวหลบยิงสวนกลับ คนขับเรือเห็นท่าไม่ดี กระโดดหนีลงน้ำ เรือหางยาวคุ้มกันแล่นเข้ามารับคนขับเรือดูดทรายหนีหายไปในความมืด ครูตะวันเร่งเครื่องตามแต่ไม่ทัน
ooooooo
เถ้าแก่เส็งโกรธมากที่เรือดูดทรายมูลค่าหลายล้านบาทถูกพวกชาวบ้านยึดไป ทั้งถีบทั้งตบคนขับเรือกับพวกลูกเรือที่ทำงานพลาด คนขับเรือซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มออกหน้าแทนลูกน้องรับอาสาจะไปเอาเรือคืนให้
“ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเรือ ถ้าพวกมันรู้ว่าอั๊วอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด พวกเราได้บรรลัยกันหมดแน่”
ศรีไพรซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วย รับเป็นธุระเรื่องนี้เอง เถ้าแก่เส็ง มองหน้าลูกชายอย่างไม่ค่อยจะเชื่อถือคำพูดนัก แต่ศรีไพรยืนยันจะเอาเรือกลับมาให้ได้...
ที่ท่าเรือริมแม่น้ำมูล ชาวบ้านช่วยกันตรวจค้นเรือดูดทรายทุกซอกทุกมุมเพื่อหาหลักฐานสาวไปถึงตัวการใหญ่ เขียวค้นเจอใบทะเบียนเรือเอามาให้ครูตะวันกับพิณดู ครูตะวัน นึกไว้ไม่มีผิดเถ้าแก่เส็งคือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง รวบรวมหลักฐาน ทั้งหมดเตรียมจะไปแจ้งความแต่ตำรวจ 2 นายโผล่เข้ามาเสียก่อน
“เราได้รับแจ้งว่ามีเรือหายและสงสัยว่าจะอยู่ที่นี่ ขออนุญาตตรวจค้นด้วยครับ”
ผู้กองเจ้าของคดีสั่งให้ลูกน้องตรวจค้นเรือ สักพัก ลูกน้องกลับมารายงานว่าทะเบียนกับรูปพรรณของเรือตรงกับที่เถ้าแก่เส็งแจ้งความไว้ว่าถูกลูกน้องเก่าขโมยไป คดีพลิกทันทีจากที่เถ้าแก่เส็งจะตกเป็นผู้ต้องหาคดีลักลอบดูดทราย เขากลายเป็นเจ้าทุกข์คดีเรือหายด้วยความเจ้าเล่ห์ของศรีไพร แถมพาแพะรับบาปมาให้ตำรวจเสร็จสรรพ พิณจำได้แม่น ชายคนนี้ไม่ใช่คนขับเรือที่เขาเห็น แต่ศรีไพรเถียงทำไมจะไม่ใช่คนเดียวกัน
“ในเมื่อมันเป็นลูกน้องเก่าที่พ่อฉันเพิ่งไล่ออกไป แล้วมันก็เป็นคนสารภาพความจริงทั้งหมดกับผู้กอง”
พิณอ้าปากจะเถียง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นครูตะวันขยิบตาให้เป็นเชิงไม่ให้เขาถามเซ้าซี้อะไรอีก ผู้กองบอกใช่คนนี้ก็ว่าตามนั้น พิณเข้าใจแล้ว แต่ไม่ยอมแพ้ เข้าไปยืนประจันหน้ากับศรีไพรอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่างนั้นก็แสดงว่า...ต่อไปนี้จะไม่มีลูกน้องเถ้าแก่เส็งเข้ามาดูดทรายแถวนี้อีกแล้วใช่ไหม”
ooooooo
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน พิณเตือนครูตะวันกับเขียวให้ระวังตัวไว้ ถึงตอนนี้พวกเถ้าแก่เส็งจะไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม แต่คนอย่างเถ้าแก่กับลูกชายไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ ระหว่างนั้น บุรุษไปรษณีย์เอาจดหมายมาส่งให้พิณ พอเห็นชื่อเดือนตรงมุมผู้ฝากบนซองจดหมาย พิณรีบแกะอ่านด้วยความดีใจ
ในจดหมายเขียนว่า “วันที่ฉันมากรุงเทพฯ ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกทอดทิ้ง แต่พอรู้ว่าพี่กลับไปหาฉัน... ฉันก็ดีใจ แต่ก็อดเสียใจไม่ได้ที่ทำให้พี่ไม่ได้เป็นครู”
พิณอ่านจดหมายต่อจนจบ ยิ้มอย่างมีความสุข ทั้งสองคนเขียนจดหมายหากันเป็นประจำ เดือนมักจะระบายให้ฟังว่าคิดถึงบ้านมากแค่ไหน คิดถึงอาหารฝีมือแม่ของเธอ และบ่นอยากกินแกงผักหวานไข่มดแดงมาก พิณเองก็คิดถึงแกงผักหวานไข่มดแดงฝีมือเดือนเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะมีโอกาสได้กินอีกเมื่อไหร่
เดือนนึกสนุกเลยส่งตำราทำแกงผักหวานมาให้พิณ บอกรายละเอียดการทำทุกขั้นตอน พิณลงมือทำตามสูตรที่เดือนให้มา ผลปรากฏว่ารสชาติอร่อยเหมือนที่เดือนเคยทำให้กินไม่มีผิดเพี้ยน ชายหนุ่มถึงกับน้ำตาคลอ คิดถึงเจ้าของสูตรอาหารใจจะขาด เดือนเองก็คิดถึงเขามากเช่นกัน...
ด้วยความที่อยากกินแกงผักหวานมาก เดือนลงมือทำกินเองที่บ้านของแสวง อัญชลีไม่เคยกินเมนูนี้มาก่อน แต่พอได้ลิ้มลองถึงกับออกปากชมว่าอร่อยมาก ถามว่าแกงอะไร
“แกงผักหวานค่ะ ความจริงถ้าจะให้อร่อยต้องใส่ไข่มดแดงด้วย แต่เดือนหาไม่ได้ก็เลยใส่เห็ดแทน”
“อร่อยอย่างนี้ผมว่าน่าจะให้หนูเดือนเป็นคนทำกับข้าวให้พวกเรากินทุกวัน...ดีไหมจ๊ะหนูเดือน” แสวงส่งตาหวานให้เดือนโดยไม่คิดอะไร อัญชลีตีมือสามีเป็นเชิงกระเซ้า
“นี่น้อยๆหน่อยคุณ ทำตาหวานเยิ้มจนจะหกลงถ้วยแกงแล้ว”
แสวงหัวเราะ “ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย”
อัญชลีเห็นเดือนหน้าเศร้า เข้าใจไปเองว่าหญิงสาวอึดอัดใจ แต่ที่จริงแล้ว เดือนเห็นแกงผักหวานก็อดคิดถึงบ้านไม่ได้ ยิ่งใกล้วันสงกรานต์ยิ่งอยากกลับไปทำบุญ อยากไปเยี่ยมพ่อกับแม่ ขออนุญาตอัญชลีกลับบ้าน อัญชลีหันไปขอความเห็นจากแสวง
“ผมไม่มีปัญหาหรอก...ว่าแต่หนูเดือนไปลางานกับเจ้าสุดเขตหรือยัง” แสวงยิ้มให้เดือนอย่างเอ็นดู
ooooooo
ที่ค่ายเพลง จี.มิวสิค สุดเขตมีเวลาว่างช่วงหยุดสงกรานต์ 3 วัน โทร.ชวนแม่ไปพักผ่อนที่หัวหิน มาลัยสั่งให้ลูกชวนเดือนไปด้วย ไปกันหลายคนจะได้สนุก สุดเขตไม่เข้าใจทำไมแม่ต้องชวนผู้หญิงคนนั้นไปด้วย
“ก็หนูเดือนเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่าแม่แล้วก็เป็นผู้จัดการส่วนตัวของลูก อีกอย่าง...หนูเดือนเพิ่งมาจากต่างจังหวัดก็น่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นบ้าง ขืนปล่อยให้ทำงานกับลูกทุกวัน มีหวังหนูเดือนประสาทเสียซะเปล่าๆ” มาลัยพูดพลางหัวเราะอารมณ์ดี
“คุณแม่พูดเหมือนกับผมเป็นเจ้านายที่ใช้ไม่ได้”
“ลูกพูดเองนะแม่ไม่ได้พูด...เอาเป็นว่าแม่อยากให้หนูเดือนไปด้วย อย่าลืมชวนเธอมาล่ะ” มาลัยวางสาย
“...นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแม่ อย่าหวังเลยว่าฉันจะชวนเธอไป” สุดเขตบ่นกับตัวเองจบหันกลับมาเห็นเดือนยืนอยู่ ถึงกับสะดุ้งโหยงต่อว่ามายืนเงียบๆทำไมไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมด เดือนมองอย่างหมั่นไส้
“ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ ทำเป็นขวัญอ่อนเหมือนเด็กๆไปได้...ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
สุดเขตก็มีเรื่องจะคุยกับเดือนเช่นกัน ในฐานะที่เดือนเป็นผู้หญิง เขาจึงให้เธอพูดก่อน เดือนขอลาหยุดช่วงสงกรานต์จะกลับไปเยี่ยมบ้าน ทีแรกสุดเขตไม่ยอมให้ลา แต่ฟังเสียงรบเร้าของเดือนแล้วชักใจอ่อน
“นี่เธอคิดถึงบ้านจริงๆหรือ”
“ถ้าคุณเคยจากบ้านไปที่ไหนไกลๆคุณคงจะไม่ถามฉันอย่างนี้”
สุดเขตหน้าเศร้าเสียงอ่อย “ฉันถูกส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆทำไมฉันจะไม่รู้...งั้นจะไปกี่วัน”
ไหนๆเจ้านายจะให้ลาทั้งทีเดือนขอหยุด 5 วันรวด สุดเขตโวยลั่นไม่ยอม ให้ลาได้แค่ 2 วันเท่านั้น และยังห้าม ลาตรงกับวันที่เขาหยุด เดือนอ้าปากจะค้าน ชายหนุ่มชิงถามตัดบท จะเอาหรือไม่เอา
“เอาก็ได้ ว่าแต่เมื่อกี้บอกมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”
“ตอนนี้ไม่มีแล้ว” สุดเขตแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ พึมพำเบาๆ “มัดมือชกสนุกกว่า”
หญิงสาวได้ยินไม่ถนัด เมื่อกี้เขาพูดอะไร สุดเขตชี้หน้าเดือน บอกกฎข้อที่ 2 ของการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาคือ ห้ามถามเซ้าซี้น่ารำคาญ เดือนขัดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้...
เดือนรีบเขียนจดหมายบอกข่าวดีนี้ให้พิณรู้ แต่จดหมายของเธอกลับไม่ถึงมือพิณ ขุนทองรับจดหมายของเดือนจากไปรษณีย์แล้วเอาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานพิณ ทองสาเห็นชื่อเดือนที่มุมผู้ฝากแอบเอาจดหมายไปเปิดอ่านแถวมุมลับตาคน พอหันมามองอีกทางหนึ่งต้องตกใจหน้าซีดเมื่อเห็นคำหล้ายืนถือตะกร้าใส่ผักมองอยู่ ทองสารีบเอาจดหมายซ่อนไว้ด้านหลัง ถามเสียงแข็งมองอะไรคำหล้า ไม่ตอบเอาแต่จ้องหน้า
ทองสาโวยวายกลบเกลื่อน “เรื่องวันก่อนฉันยังไม่ได้คิดบัญชี”
“วันนี้ฉันอารมณ์ดี ไม่อยากมีเรื่อง” คำหล้าพูดจบผละจากไปไม่ติดใจสงสัยอะไร ทองสาค้อนขวับ รีบคลี่จดหมายออกอ่าน...ด้านคำหล้าเอาตะกร้าผักที่แม่ฝากมาให้ขุนทองแล้วทำท่าจะกลับ พิณเดินเข้ามาพอดี คำหล้าไม่อยากพูดกับคนหลายใจรีบเดินหนี พิณเดินตามพยายามอธิบายเรื่องของเขากับทองสา หญิงสาวไม่อยากฟัง ไล่พิณกลับไปหาทองสาผู้หญิงที่เขาต้องรับผิดชอบ
“เธอก็รู้ว่าพี่รักเดือนแค่ไหน พี่ไม่มีวันทรยศหักหลังความรักที่เดือนมีต่อพี่แน่”
“สงกรานต์นี้เดือนจะกลับมา พี่ไปอธิบายกับเดือนเองแล้วกัน” คำหล้าพูดแล้วสะบัดหน้าหนี
“ว่าไงนะ สงกรานต์นี้เดือนจะกลับมา” พิณทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ คำหล้าแปลกใจที่พิณไม่ได้รับจดหมายแจ้งข่าวนี้จากเดือน พิณเอะใจรีบกลับมาที่ห้องพักครู ค้นหาบนโต๊ะทำงานตัวเองแต่ไม่เจอจดหมาย เขาเหลือบเห็นขุนทองเดิน อยู่หน้าห้อง เรียกมาถามเรื่องจดหมาย ขุนทองไม่ตอบกลับ ชี้ไม้ชี้มือเป็นเชิงว่าอยู่บนโต๊ะ แล้วเข้ามาช่วยหา แต่ไม่เจอ ขุนทองนึกขึ้นได้ รีบเขียนใส่สมุดฉีกที่คล้องคอ แล้วส่งให้พิณอ่าน
“ทองสามานี่” พิณตาวาวโรจน์
ooooooo
พอทองสารู้ว่าเดือนจะกลับมาวันสงกรานต์ที่จะถึงนี้ จัดการฉีกจดหมายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยความไม่พอใจ ระหว่างนั้น มีเสียงเรียกชื่อเธอจากด้านหลัง ทองสาสะดุ้งเฮือก หันไปเห็นพิณ คำหล้ากับขุนทองเดินตรงมาหา ก้มมองเศษจดหมายในมือไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะยัดใส่อกเสื้อก็ยัดไม่เข้า
“ทองสาเห็นจดหมายของพี่ไหม”
เสียงพิณใกล้เข้ามาทุกที ทองสาจวนตัวตัดสินใจยัดเศษจดหมายใส่ปาก คำหล้าหมั่นไส้ที่ทองสาไม่ยอมตอบคำถาม กระชากแขนให้หันมาแล้วถามซ้ำอีกครั้ง ทองสาทำเสียงอู้อี้ โบกมือเป็นทำนองไม่เห็น
“มันโกหกพี่พิณ เมื่อกี้ฉันยังเห็นมันยืนอ่านอยู่เลย” คำหล้าหันไปทางทองสา “...ฉันรู้ว่าแกเป็นคนเอาไป...เอาไปซ่อนไว้ไหน...เอาคืนมาเดี๋ยวนี้” คำหล้าค้นตัวทองสาให้ควั่ก ทองสาเคี้ยวจดหมายในปากรีบกลืน
คำหล้าชักสงสัย จับปากทองสาง้างออก พิณกับขุนทองรีบเข้าไปห้าม แต่ไม่ทัน คำหล้าล้วงคอทองสาจนอ้วกออกมาเป็นเศษจดหมายเต็มไปหมด ทองสาถึงกับหน้าถอดสี พิณตำหนิเธออย่างแรงที่ทำแบบนี้ ทองสาอ้างทำไปเพราะรักเขาไม่อยากเห็นเขาเป็นของคนอื่น พิณเคยบอกแล้วเรื่องของเธอกับเขาเป็นไปไม่ได้ เขารักเดือนคนเดียว ทองสาไม่พอใจทวงถามสัญญาที่พิณเคยพูดไว้จะให้ผู้ใหญ่ไปผูกข้อมือเธอ
“พี่ไม่เคยพูดอย่างนั้นนะทองสา พี่บอกว่าจะรับผิดชอบก็คือพี่จะพูดความจริงกับทุกคนว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น เราต่างรู้กันอยู่แก่ใจว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น อย่าหลอกตัวเอง อย่าโกหกคนอื่นอีกเลยทองสา”
พิณเดินหนีอย่างไม่สบอารมณ์ ทองสาไม่ยอมทิ้งกันง่ายๆ จะวิ่งตาม คำหล้าขวางหน้าไว้ ถ้าสิ่งที่พี่พิณพูดเมื่อกี้ยังไม่เข้าหูทองสาเดี๋ยวเธอจะช่วย แล้วเงื้อมือจะตบบ้องหู ทองสาร้องกรี๊ดๆ ชี้หน้าจะเอาเรื่อง คำหล้าขยับเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว นางมารร้าย
เลยต้องเป็นฝ่ายถอย...
หลังจากแผนทำให้ชาวบ้านไม่ชอบใจแคนสำเร็จด้วยดี ศรีไพรเริ่มแผนสองทันที เขากับสมุนคู่ใจเอาขนมปังปี๊บราคาถูกไปเป็นของกำนัลแทนคำขอบใจที่ตามาช่วยเขาไว้จากแคนเมื่อวันก่อน แล้วพูดใส่ร้ายป้ายสีคำหล้า หาว่าคอย
ปั่นหูแคนจนเกิดเรื่องลุกลามใหญ่โต ยายมีได้ยินเข้า กระแทกกระด้งฟัดข้าวไม่พอใจ
“ผู้ชายอะไรวะ พอถูกผู้หญิงทิ้งแล้ว ยังมีหน้ามาพูดจาสาดโคลนใส่เขาอีก”
“ป้ามีจะเชื่อหรือไม่เชื่อที่ฉันพูดก็ได้ แต่ความจริงก็คือคำหล้ามันเป็นของฉันแล้ว แต่พอมันเห็นว่าไอ้แคนทำท่าจะดัง มันก็เลยตีจากฉัน”
“นั่นปะไร ฉันว่าแล้ว อยู่ดีๆอีคำหล้ามันจะทิ้งลูกเศรษฐีอย่างพ่อศรีไพรมาเอาลูกชายเราทำไม”
ตามาเชื่อสนิทใจ แต่ยายมีไม่เชื่อ ศรีไพรยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ใครไม่เชื่อก็ตามใจ ถ้าวันไหนแคนเสียคนเมื่อไหร่อย่าหาว่าเขาไม่เตือนก็แล้วกัน จากนั้นศรีไพรเดินตามแผนสาม ตรงไปบ้านคำหล้าพูดให้ร้ายแคนให้ตาสีกับยายสาพ่อแม่ของคำหล้าฟังว่าเป็นคนจับจด ไม่ทำมาหากิน เอาแต่ร้องรำทำเพลงไปวันๆ
“งานสวนงานไร่ก็ไม่เคยจับ ถ้าคำหล้าแต่งงานกับมัน จะเป็นอย่างไร ไม่ต้องทำงานหาเลี้ยงมันหรือ”
ยายสากับตาสีไม่เชื่อว่าแคนจะเป็นคนแบบนั้น ศรีไพร แล้วแต่สองผัวเมียจะคิด เขาแค่มาเตือนเอาไว้แล้วขอตัวกลับ...ระหว่างทางกลับร้านคาราโอเกะ ไอ้ขาวยกนิ้วหัวแม่โป้ง ให้เจ้านายพร้อมกันสองข้าง
“แหม แผนแอ๊บแบ๊ว นกสองหัว ตีสองหน้า ลิ้นสองแฉกยุให้พวกมันตีกันเองของตั่วเฮียนี่แจ๋วจริงๆ...ว่าแต่พวกมันจะเชื่อที่ตั่วเฮียพูดหรือ”
“ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จ คราวต่อไปก็ต้องเอาให้หนักขึ้น” ศรีไพรยิ้มเจ้าเล่ห์
ooooooo
ศรีไพรไม่ต้องถึงคราวหน้า ตามาเชื่อคำยุแหย่ของเขา ด่าคำหล้าเสียๆหายๆ และยังกล่าวหาเธอได้เสียกับศรีไพรมาแล้ว คำหล้าน้ำตาคลอปฏิเสธว่าไม่เป็นเรื่องจริง ตามาไม่เชื่อ
“หน้าด้าน ฉันรู้ความจริงจากพ่อศรีไพรหมดแล้ว แกคิดจะจับไอ้แคน ฉันไม่ต้องการผู้หญิงสกปรกอย่างแกมาเป็นลูกสะใภ้...ไป...ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” ตามายกขันน้ำสำหรับล้างมือสาดหน้าคำหล้า
แคนกับยายมีตะลึง คำหล้าอายแทบแทรกแผ่นดิน ทนอยู่ต่อไม่ไหว ผลุนผลันออกไป แคนต่อว่าพ่อที่ทำเกินเหตุแล้ววิ่งตามคำหล้าทันที่หน้าบ้าน ฉุดมือเธอไว้ขอร้องอย่าเพิ่งไป
“พ่อพี่ด่าฉันขนาดนี้ ยังจะให้ฉันหน้าทนอยู่ที่นี่อีกหรือ” คำหล้าสะบัดมือแคนออกวิ่งร้องไห้กลับไป แคนได้แต่มองตามหญิงคนรัก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ครู่ต่อมา คำหล้ากลับถึงบ้านด้วยน้ำตานองหน้า ตาสีเห็นสภาพลูก คาดคั้นให้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าลูกโดนตามาเล่นงาน ตาสีตรงลิ่วไปบ้านแคน คำหล้ากับยายสาวิ่งตามมาติดๆ พยายามจะห้ามตาสีแต่ไม่สำเร็จ ตา
มากับตาสีทะเลาะกันอุตลุดถึงขั้นวางมวย ลูกเมียของแต่ละฝ่ายต้องช่วยกันแยกคนของตนออก
“มันด่าแกขนาดนี้มาห้ามฉันทำไม ฉันจะเอาเลือดหัว
มันออก” ตาสีโวยวายใส่คำหล้า
“ก็ลูกสาวแกมันหน้าด้าน แน่จริงก็เข้ามาเลย...คิดว่าฉันกลัวหรือไงวะ”
“แล้วแกคิดว่าฉันอยากได้คนไม่เป็นโล้เป็นพาย วันๆ
เอาแต่ร้องรำทำเพลง หนักไม่เอาเบาไม่สู้อย่างลูกชายแกมาเป็นลูกเขยหรือไง...คำหล้า...ฉันขอสั่งห้ามแก ต่อไปนี้เลิกติดต่อกับมันเด็ดขาด...ไป...กลับบ้าน”
ตาสีฉุดมือลูกสาวออกไปด้วยความโมโห แคนจะตาม ตามาดึงมือไว้ ขู่ว่าถ้าตามนังผู้หญิงสกปรกนั่นไปก็ไม่ต้องกลับมาบ้านนี้อีก แคนหนักใจไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ooooooo
ทองสายอมเสียพิณให้ผู้หญิงอื่นไม่ได้ ใช้ไม้ตายขั้นสุดท้าย เอาเรื่องพิณไปฟ้องพ่อ แล้วแกล้งร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจตาย เถ้าแก่เส็งเอะอะลั่น ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้
“ตอนนั้นพี่พิณบอกจะรับผิดชอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ อั๊วอยากตายๆๆ” ทองสาร้องไห้ตีอกชกตัว
“เรื่องเก่ายังไม่ได้สะสาง ดี...อั๊วจะได้ปิดบัญชีลื้อซะทีเดียวเลยไอ้ครูพิณ”
เถ้าแก่เส็งตาวาวอย่างเคียดแค้น จากนั้น เถ้าแก่เส็ง อ่อนทากับสมุนมือดีอีกคนออกตามล่าตัวพิณให้ควั่ก พอรู้ว่าชายหนุ่ม
อยู่ที่เวทีริมแม่น้ำมูล ทั้งสามคนเจ้านายลูกน้อง บ่ายหน้าไปที่นั่นทันที...
บรรยากาศบริเวณเวทีริมแม่น้ำมูลเต็มไปด้วยความคึกคัก เสียงดนตรีดังกระหึ่ม บัวผันกับแก๊งนางไหเซิ้งอยู่บนเวทีอย่างสนุกสนาน ชาวบ้านที่มาดูการแสดงเซิ้งตามอย่างเมามัน หนุ่มสาวอีกส่วนหนึ่งเล่นน้ำสงกรานต์อยู่แถวริมแม่น้ำ
มูล เถ้าแก่เส็ง อ่อนทา และสมุนมาถึงบริเวณงาน ซะเง้อมองหาพิณแต่ไม่เจอ...
ที่ด้านหลังเวที พิณแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ เข้ามาบอกคำแปงว่าวันนี้ขอกลับก่อน คำหล้าบอกเดือนจะกลับมาถึงเย็นวันนี้ เขากะจะไปรอเธอที่บ้าน คำแปงอดดีใจไปกับพิณไม่ได้ที่จะได้เจอหญิงคนรัก บอกให้รีบไปเดี๋ยวจะไม่ทันนัด พิณพยักหน้า เดินออกมาอย่างอารมณ์ดี แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเถ้าแก่เส็งถือปืนเล็งมายังตน
“ลื้อข่มเหงลูกสาวอั๊ว อย่างนี้มันหยามกันชัดๆ...จับมัน คนอย่างมันมีกฎหมายเท่านั้นที่จะจัดการได้”
อ่อนทากับสมุนเข้ามาช่วยกันล็อกตัวพิณ ซึ่งพยายามจะเล่าความจริงให้เถ้าแก่เส็งฟัง ทองสาเกรงความลับจะแตกรีบเข้ามาขัดจังหวะ ขอร้องพ่ออย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ พูดจากันดีๆก็ได้
“มันทำกับลื้อขนาดนี้ ลื้อจะให้อั๊วพูดดีกับมันอีกหรือ”
“แล้วเตี่ยไม่คิดหรือ ถ้าเรื่องบานปลายใหญ่โตแล้วอั๊วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เตี่ยจัดงานแต่งงานให้ฉันกับพี่พิณ แค่นี้ก็ไม่มีใครต้องเสียหาย”
เถ้าแก่เส็งไม่มีทางญาติดีกับคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตนเด็ดขาด ทองสาไม่พอใจ ถ้าพ่อไม่ช่วย เธอขู่จะฆ่าตัวตายให้ดู แล้ววิ่งลุยลงไปในแม่น้ำ เถ้าแก่เส็งวิ่งตาม อ่อนทาเห็นเจ้านายหมดแรงจะจมน้ำรีบโดดลงไปช่วย สมุนเกรงอ่อนทาจะ
เป็นอะไรไป โดดตามลงไปอีกคน ไม่มีใครสนใจทองสา
หญิงสาวเกิดสำลักน้ำทำท่าจะตายจริง ร้องขอความช่วยเหลือลั่น พิณกระโดดลงไปช่วยไว้ได้ทัน ประคองเธอขึ้นมาบนฝั่ง สมุนทั้งสองช่วยกันหิ้วปีกเถ้าแก่เส็งตามมาข้างหลัง เถ้าแก่เส็งรีบเข้าไปดูลูกด้วยความเป็นห่วง คนที่มาเล่นน้ำสงกรานต์เข้ามามุงดูเหตุการณ์กันเต็มพรืด
“ทำไมลื้อคิดสั้นอย่างนี้อาหมวย...ทำไม...เพราะลื้อคนเดียวไอ้พิณ” เถ้าแก่เส็งแค้นใจมากชักปืนจ่อหัวพิณ ทองสาตกใจรีบเข้าไปแย่งปืน ร้องห้ามไม่ให้พ่อทำอะไรพิณ เถ้าแก่เส็งไม่ยอมจะฆ่าพิณให้ได้
ทองสากลัวพิณจะเป็นอันตรายรีบสารภาพ “พี่พิณไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องทั้งหมดฉันโกหก ฉันเป็นคนแต่ง
เรื่องขึ้นมาเอง ฉันอยากแต่งงานกับพี่พิณก็เลยแต่งเรื่องทั้งหมดขึ้นมา ไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้”
“โธ่เว้ย...ทำไมอั๊วมีแต่ลูกไม่ได้เรื่อง วันๆก็หาแต่เรื่องปวดหัวมาให้ แล้วนี่อั๊วจะเอาหน้าไปไว้ไหน” เถ้าแก่เส็ง เดินจากไปอย่างสุดเซ็ง...
ครู่ต่อมา พิณพาทองสามาหลังเวที เห็นเธอตัวเปียกม่อลอกม่อแลก เกรงจะไม่สบายรีบหาผ้าขนหนูมาให้เช็ดตัว
ทองสารับผ้าขนหนูมาอย่างตื้นตันใจ ขนาดเธอทำไม่ดีกับเขา แต่เขายังมีแก่ใจเป็นห่วงเป็นใย ทองสาซาบซึ้งใจมาก โผกอดพิณ
“ฉันขอโทษ...ฉันทำทั้งหมดเพราะรักพี่จริงๆนะพี่พิณ”
“เรื่องความรักบางทีก็เข้าใจยาก พี่ไม่โกรธหรอก” พิณดันตัวทองสาออก “อ้อ...เกือบลืมไปพี่มีนัด...พี่ต้องรีบไป อย่าคิดมากนะ”
“ชอบให้อ้อนก็ไม่บอกตั้งแต่แรก” ทองสาหรี่ตามองตามพิณที่เดินออกไปอย่างมีความหวัง
ขณะเดียวกัน ที่ห้องทำงานของสุดเขต เดือน สะพายกระเป๋า ถือสมุดคิวเตรียมจะกลับบ้าน ดูนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนใจเกรงจะไปไม่ทันนัดพิณ พอหันมาเห็นสุดเขตกลับจากถ่ายทีเซอร์เปิดตัวอัลบั้มใหม่ของตัวเอง เดือนยิ้มออก ในเมื่อเขาเสร็จงานแล้วเธอขอกลับก่อน จองตั๋วรถทัวร์ไว้เดี๋ยวไปไม่ทัน
“ฉันก็ลืมไปว่าวันนี้เธอขอลากลับบ้าน...งั้นไปตามพี่บิ๋มมา ฉันจะให้ทำงานแทนเธอระหว่างที่เธอไม่อยู่”
เดือนดีใจรีบวางกระเป๋าสะพายและสมุดคิวงานลงบนโต๊ะทำงาน แล้ววิ่งปรู๊ดออกไป สุดเขตเห็นจดหมายฉบับหนึ่งวางคั่นไว้ในสมุดคิว เหลียวซ้ายแลขวาเห็นปลอดคน ถือวิสาสะหยิบซองจดหมายขึ้นมาดูเห็นจ่าหน้าซองถึง “พิณ เคียงมูล” นึกสงสัยเปิดจดหมายออกอ่าน อารมณ์บูดขึ้นมาทันที
“บอกว่าจะกลับไปหาพ่อแม่ ที่แท้ก็นัดผู้ชายไว้นี่เอง” สุดเขตขบกรามแน่น...
สักพัก เดือนกลับเข้ามาพร้อมบิ๋ม จะส่งต่อสมุดคิว ให้แต่หาไม่เจอ สุดเขตแกล้งเอาสมุดคิวไปซ่อนไว้ใน ลิ้นชักโต๊ะตัวเอง ทำไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้เดือนหน้าดำคร่ำเคร่งค้นหาให้ควั่ก เดือนค้นบนโต๊ะทำงานตัวเองก็ไม่เจอ ถามสุดเขตเห็นบ้างไหม เขากลับทำเป็นโกรธ ขู่ว่าถ้าหาสมุดคิวไม่เจอ จะไม่ให้เธอกลับบ้าน
“แต่ฉันจองตั๋วรถทัวร์ไว้แล้ว”
“งั้นก็รีบหาสิ ไม่มีสมุดนั่นแล้วคนอื่นจะทำงานแทนเธอได้อย่างไร”
บิ๋มอาสาจะช่วยหา แต่สุดเขตไม่ยอม ใครทำหายคนนั้นต้องรับผิดชอบเอง ถ้าเขากลับมาแล้วเดือนยังหาไม่เจอมีเรื่องแน่ สุดเขตทำทีเดินออกจากห้องทำงาน พอบิ๋มลับสายตาไปแล้ว เขาย้อนกลับมาแง้มประตูห้องทำงานดู เห็นเดือนหน้าเครียดค้นหาไปทั่วทุกซอกทุกมุม หญิงสาวนึกขึ้นได้ เหลืออีกที่หนึ่งที่ยังไม่ได้หาจึงเดินไปที่โต๊ะทำงานของสุดเขต กำลังจะเปิดลิ้นชักดู สุดเขตเข้ามาโวยลั่น ไม่ยอมให้ค้น
“คิดว่าฉันจะเอาสมุดบ้าๆของเธอไปทำไม”
“จะไปรู้หรือ คนอย่างคุณมันปกติเหมือนคนอื่นที่ไหน” เดือนว่าแล้วจับลิ้นชักโต๊ะดึง
สุดเขตรั้งไว้ไม่ยอมให้เปิด ทั้งคู่ยื้อกันไปมาจนลิ้นชัก กระแทกมือสุดเขตถึงกับร้องโอดโอย เดือนตกใจจับมือเขา ขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วง ไม่ทันเห็นสมุดคิวในลิ้นชักที่แง้มอยู่ สุดเขตมองเธอด้วยความซาบซึ้งใจแต่ไม่ลืมใช้ตัวดันลิ้นชักปิด ทันใดนั้น มีเสียงมือถือของสุดเขตดังขึ้น เขาลืมตัวเปิดลิ้นชักหยิบมือถือขึ้นมารับสาย
เดือนเห็นสมุดคิวอยู่ในลิ้นชักโต๊ะก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สุดเขตเห็นท่าไม่ดีเดินหนีไปดื้อๆ เดือนไม่ปล่อยให้ลอยนวลง่ายๆ เดินตามไปต่อว่า ทำไมต้องทำกับเธอแบบนี้
“ก็เธอโกหกฉันก่อน...เธอบอกว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อแม่ แต่ที่จริงเธอนัดผู้ชายไว้...เธอมีแฟนแล้วทำไมไม่บอกฉัน” สุดเขตหึงเลยพาลหาเรื่อง
“ฉันจะมีแฟนหรือไม่มีมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
“ทำไมฉันจะไม่เกี่ยว ก็ฉัน...” สุดเขตอยากบอกรักเดือน แต่ฟอร์มจัดค้ำคอ เลยพูดไม่ออก
“ก็ฉันอะไร...คนไม่รู้จักเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นอย่างคุณใครอยู่ด้วยก็ไม่มีความสุข...หลีกไปฉันจะกลับบ้าน” เดือนผลักเขาพ้นทาง ขยับจะเดินหนี สุดเขตดึงข้อมือเธอไว้
“ไม่...ฉันไม่ยอมให้เธอไปไหนเด็ดขาด เธอต้องอยู่กับฉันที่นี่”
เดือนพยายามแกะมือเขาออก “คุณมีสิทธิอะไรมาห้ามฉัน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชีวิตคนอื่นหรือไงถึงได้ชอบบังคับให้คนอื่นทำโน่นทำนี่ รู้ไหมฉันเกลียดคนอย่างคุณที่สุด...ได้ยินไหม ฉันเกลียดคุณๆ”
สุดเขตโกรธจัด ลืมตัวกระชากเดือนเข้ามาจูบปาก หญิงสาวตกใจยืนแข็งทื่อเหมือนถูกสาป แฟนคลับที่มาดักรอดูดาราอยู่หน้าตึกต่างหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมากดชัตเตอร์รัวกระหน่ำ เดือนได้สติ ผลักสุดเขตออกแล้วฟาดฝ่ามือใส่ แต่เขาเอาแขนกันไว้ เงื้อหมัดจะต่อย เดือนตกใจร้องไห้โฮ
“คุณก็ดีแต่รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ เอาสิ...เอาเลย ต่อยฉันให้ตายไปเลย แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” เดือนผลักอกเขา แล้ววิ่งร้องไห้ออกไปอย่างไร้จุดหมาย วิ่งจนหมดแรง ทรุดตัวนั่งร้องไห้ริมถนนด้วยความอัดอั้นตันใจ ไม่แคร์สายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ooooooo
ขณะเดียวกัน พิณจอดรถจักรยานพิงต้นไม้หน้าปากทางเข้าบ้านเดือน เปิดหม้อดูแกงผักหวานไข่มดแดงที่บรรจงทำอย่างสุดฝีมือเพื่อหญิงคนรัก แต่รอแล้วรอเล่าจนตะวันลับขอบฟ้า ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ...
ทันทีที่ถึงบ้านแสวง เดือนเก็บเสื้อผ้าข้าวของทั้งหมดของตัวเองใส่กระเป๋าเดินทางด้วยน้ำตานองหน้า อัญชลีกับแสวงเข้ามาเห็น แปลกใจค่ำมืดป่านนี้แล้วทำไมเดือนยังไม่เดินทางอีก และทำไมต้องเก็บของไปหมด ทั้งๆที่จะไปแค่ 2 วัน เดือนบอกผู้มีพระคุณทั้งสองว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
“หนูเดือนร้องไห้ เกิดอะไรขึ้น มีใครทำอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ แต่หนูคิดว่าหนูคงไม่เหมาะกับที่นี่ ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะคะที่ดูแลหนูเป็นอย่างดี” เดือนยกมือไหว้ทั้งสองท่าน แล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางออกจากห้อง แสวงกับอัญชลีเดินตามมาพูดให้เดือนได้คิด
“ป้าไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หนูจำได้ไหมว่าหนูมาอยู่ที่นี่ทำไม...หนูมาเรียนต่อ มาหางานดีๆทำเพื่อที่จะได้กลับไปดูแลพ่อแม่ แต่ถ้าหนูยอมแพ้เสียตั้งแต่วันนี้ ความตั้งใจของหนูก็จะไม่มีวันสำเร็จ”
“แรกๆมันอาจจะลำบากหน่อย แต่ถ้าหนูปรับตัวได้ ทุกอย่างก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เราทุกคนกำลังเอาใจช่วยหนูอยู่นะ...หนูเดือน” ความปรารถนาดีของแสวงกับอัญชลี ทำให้เดือนซาบซึ้งใจมาก กลั้นน้ำตาไม่อยู่ปล่อยโฮ อัญชลีกอดเธอไว้ปลอบใจ
ooooooo
สองวันถัดมา มาลัยถือหนังสือซุบซิบดาราจ้ำพรวดตรงไปหาสุดเขตกับนพที่ห้องทำงานของนพ แล้วยื่นหนังสือเล่มนั้นให้นพดู
“เห็นนี่หรือยังคุณนพ น้องนักข่าวบอกว่าสำนักพิมพ์ถึงกับเปลี่ยนปกใหม่ ก่อนหน้าตีพิมพ์แค่วันเดียว”
นพมองภาพหน้าปก แม้จะไม่ชัดมากแต่ก็พอดูออกว่าเป็นภาพสุดเขตกำลังจูบเดือน “นี่แกกับหนูเดือนนี่ เกิดอะไรขึ้น” นพยื่นหนังสือให้ลูกชายดู สุดเขตไม่พอใจมาก
“นี่มันก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลกันชัดๆ ผมจะตั้งทนายฟ้อง มันทำให้ผมเสียชื่อเสียงมันต้องรับผิดชอบ”
“แล้วที่ลูกทำให้หนูเดือนเสียชื่อเสียงล่ะ ลูกจะทำอย่างไร...บอกแม่มามันเกิดอะไรขึ้น”
สุดเขตแก้ตัวว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่มาลัยไม่เชื่อ ภาพโจ่งแจ้งขนาดนั้นจะเป็นอุบัติเหตุได้อย่างไร สุดเขตเถียงไม่ออกในที่สุดก็ยอมรับ แต่ไม่วายโทษว่าเป็นความผิดของเดือนที่มาทำปากดีกับเขาก่อน
“ตายๆ อกอีแป้นจะแตก นี่ลูกจูบผู้หญิงเพราะเถียงไม่ทันเขาเนี่ยนะ”
“แกเป็นผู้ชายนะสุดเขต ทำอะไรต้องรับผิดชอบ” นพปรามเสียงแข็ง
“แล้วคุณพ่อจะให้ผมทำอย่างไร แต่งงานกับแม่นั่นเหรอ ฝันไปเถอะ คนอย่างผมมีตัวเลือกเยอะแยะ ไม่มีวันคว้าแม่นั่นมาเป็นแฟนแน่ๆ” สุดเขตพูดจบ เดินออกจากห้องอย่างหัวเสีย...
มาลัยร้อนใจมาก เกรงอัญชลีกับแสวงจะเข้าใจผิด รีบชวนนพไปบ้านแสวงทันที อธิบายความจริงทุกอย่างให้สองสามีภรรยาฟัง แล้วขอโทษทั้งคู่ที่ดูแลหนูเดือนไม่ดี มาทำงานไม่ถึงเดือนก็เจอฤทธิ์เดชลูกชายของเธอเข้าไปเต็มๆ แสวงถึงบางอ้อ ทำไมวันก่อนหนูเดือนถึงร้องห่มร้องไห้จะลาออกจากงานกลับบ้านนอก
“ต๊าย...นี่หนูเดือนถึงขั้นจะกลับบ้านนอกเลยหรือคะ”
“แกคงจะอายมาก” อัญชลีพูดแล้วอดสงสารเดือนไม่ได้
“เรื่องนี้คงจะเป็นข่าวไปอีกนาน มาช่วยกันคิดดีกว่าจะทำอย่างไรให้ข่าวนี้ซาไป หนูเดือนกับสุดเขตจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ” นพถอนใจเหนื่อยใจกับความเอาแต่ใจตัวเองของลูกชาย...
ในเวลาเดียวกัน คำหล้าส่งผักเสร็จ แวะแผงขายหนังสือหน้าตลาด หยิบหนังสือเรื่องย่อละครขึ้นมาดูไม่ทันสังเกตเห็นหนังสือซุบซิบดาราวางอยู่ข้างล่าง จนกระทั่งได้ยินเสียงหญิงสาวสองคนคุยกันถึงภาพหลุดของสุดเขตนักร้องสุดฮิต และพูดถึงผู้หญิงที่มีภาพหลุดกับสุดเขตว่าชื่อเดือน คำหล้าหันมองแต่ไม่สนใจนัก
“ยัยเดือนเนี่ยนะจะเป็นข่าวกับนักร้องดังระดับประเทศ ฉันว่าไม่ใช่หรอก คนหน้าเหมือนมากกว่า”
คำหล้าวางหนังสือเรื่องย่อละครลง ขยับจะออกไปเป็นจังหวะเดียวกับสองสาววางหนังสือซุบซิบดาราลงบนหนังสือเล่มนั้น คำหล้าชะงัก หยิบหนังสือซุบซิบดาราขึ้นมาดู จำได้ทันที รีบพลิกเนื้อในอ่านเพื่อความแน่ใจ ถึงกับตาโต ใช่เดือนเพื่อนรักของเธอจริงๆ
ooooooo
ทองสาในชุดสวยงามทันสมัย เดินสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ในมือมีหนังสือซุบซิบดารามาถึงหน้าบ้านคำแปง โดยมีกิ๊บกับเชอร์รี่เดินตาม กิ๊บถามทองสา จะเอาหนังสือเล่มนี้ให้พิณดูจริงๆหรือ
“ก็ใช่นะสิ ถ้าพี่พิณรู้ว่านังเดือนมีแฟนใหม่ก็จะได้ตัดใจ คราวนี้ประตูสวรรค์สำหรับฉันจะได้เปิดซะที”
จังหวะนั้นมีเสียงดังออกมาจากในบ้าน “ถ้าจะมาหาครูพิณก็กลับไปเลย ครูพิณไม่อยู่”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น