วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

รักไม่มีวันตาย ตอนที่ 12

ตอนที่ 12

จิตต์หอบความผิดหวังกลับมาบอกรามที่บ้าน เรื่องเกือบถูกเผาทั้งเป็น ถ้าไม่มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่เข้ามา รามถามทันทีว่า หญิงคนนั้นเป็นใคร

"ไม่รู้ อยู่ๆก็ร้องกรี๊ดซะดังลั่น ป่านนี้คงโดนไอ้พวกลูกสมุนฆ่าปิดปากไปแล้วมั้ง"

"หรือว่าจะเป็นปลายฉัตร ผมสืบรู้มาว่าตอนนี้ไตรภูมิสนิทสนมกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อปลายฉัตร มันใช้ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวแทนในการประมูล ตอนประมูลที่ญี่ปุ่นก็ไปกันแค่สองคน เท่าที่รู้ ผมว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้มีมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง"

"ไอ้ไตรภูมิมันมีความรัก เหอะๆ คนอย่างมันก็โง่เป็นกับเขาเหมือนกัน นอกจากมันจะโง่ถอนคำสาปแล้ว มันยังจะโง่มารักกับมนุษย์ แบบนี้ไม่ใช่โง่ธรรมดา ต้องเรียกว่า... โง่บัดซบ" จิตต์หัวเราะหยัน

รามกับสมุนทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงมายาที่ยืนนิ่ง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอีกคนที่โง่

"ราม...ทำให้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นพวกของเราให้ได้ ถ้ามันเป็นคนสำคัญจริงๆ มันจะต้องรู้ว่าไอ้ไตรภูมิมันเก็บสมบัติไว้ที่ไหน ไอ้ไตรภูมิ...ฉันจะตอบแทนที่แกคิดจะเผาฉัน ด้วยการ ทำลายทุกอย่างที่เป็นของแก รวมทั้งผู้หญิงที่แกรัก" จิตต์ เค้นเสียงด้วยความอาฆาต

คนที่จิตต์พูดถึงกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ตั้งแต่วันแรกที่เจอไตรภูมิ จนมาถึงวันที่เขาถามว่าถ้ารู้ความจริงว่าเขาไม่ใช่คนเหมือนเธอ จะวิ่งหนีออกไปหรือจะทำงานต่อ กลางความสับสนนั้น ไตรภูมิเดินออกมาฟังคำตอบ

"ฉันจะทำงานให้คุณต่อไป ฉันจะช่วยคุณหาสมบัติชิ้นสุดท้าย และถอนคำสาปตามที่พ่อคุณต้องการเพื่อยุติความเป็นอมตะ แล้วคุณเอง...ก็จะได้เลิกกินเลือดชาวบ้านเขาสักที"

ไตรภูมิซาบซึ้งใจแล้วอธิบายต่อว่า พวกเขาไม่ได้ฆ่าผู้หญิงที่เป็นเหยื่อในคดีของสิงห์ เลือดนั้นรับซื้อมาจากคนที่สมัครใจขาย มีนายหน้าเป็นคลินิกเล็กๆ และมีเลือดมากพอ โดยที่ไม่ต้องฆ่าใคร

"ถ้าพวกคุณไม่ได้ฆ่า แล้วใครเป็นคนฆ่า"

"เธออย่าเพิ่งรู้เลย ยิ่งรู้มาก เธอจะยิ่งลำบาก แค่เรื่องที่เธอรู้ในวันนี้ มันก็มากพอแล้ว ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบการโกหกต่อจากนี้ไปถ้าคนที่บ้านเธอ ถามเรื่องของฉัน...เธอจะบอกเขายังไง"

ถ้อยคำของไตรภูมิโดนใจอย่างจัง ปลายฉัตรเครียดคิดหาทางออก

ooooooo

สิงห์รวมข้อมูลจากรามกับที่มีอยู่ แล้วสรุปว่าไตรภูมิคือผีดูดเลือด เขาชวนจ่าดอนไปที่บ้านเฉิด บอกความจริงกับทุกคน ระหว่างนั้นปลายฉัตรกลับมาได้ยินพอดี

เธอได้ยินเฉิดถามสิงห์ว่าถ้าไตรภูมิโดนคำสาปอย่างที่สิงห์ว่า ทำไมจะต้องตามหาสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะและทำไมต้องมายุ่งกับปลายฉัตรด้วย

"แหล่งข่าวบอกว่าสมบัติทั้ง 117 ชิ้น จะทำให้ผู้ที่ครอบครองมีพละกำลังเหนือกว่าคนอื่น ถ้าไตรภูมิรวบรวมสมบัติได้ครบเมื่อไหร่ เขาก็จะมีทั้งความเป็นอมตะ และพละกำลังเหนือมนุษย์ทุกคน"

"ไม่จริง" ปลายฉัตรทนฟังไม่ได้เดินเข้ามา เธอต่อว่าสิงห์และถามถึงที่มาของข้อมูล

"ก็จากคนที่เชื่อถือได้ เขาทำงานเหมือนนายไตรภูมิ และเขาก็รู้จักนายไตรภูมิมานานแล้ว เราว่าครั้งนี้ปลายต้องฟังเราบ้าง"

"ไม่ฟัง เพราะฟังไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันว่าครั้งนี้แกเองก็ต้องฟังฉันบ้างเรื่องสมบัติทำให้มีพละกำลังมากกว่าคนอื่น มันเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่จริง และคุณไตรภูมิเขาไม่ได้ เป็นคนที่นายกำลังตามหา เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับเขาได้แล้ว" ปลายฉัตรพูดจบก็เดินขึ้นบ้านไป

ลุงฉิ่ง มหา และจ่าดอนทำตาปริบๆ หันไปมองสิงห์ที่ยืนจ๋อยด้วยความเห็นใจ ส่วนเฉิดแม้จะไม่เห็นท่าทางของปลายฉัตร แต่พอจะเดาได้ว่าเป็นอย่างไร ลุงฉิ่งกับเฉิดหันมาช่วยกันปลอบใจสิงห์ แนะนำให้อยู่ห่างๆปลายฉัตรและเลิกพูดถึงเรื่องไตรภูมิไปก่อน รอให้ปลายฉัตรมีสติค่อยพูดกัน

"ผมกลัวว่า กว่าปลายจะมีสติมันอาจจะสายเกินไป" สิงห์กังวล

ooooooo

ดึกแล้ว ปลายฉัตรเดินกระวนกระวายอยู่ในห้องนอน เพราะเป็นห่วงไตรภูมิ เธอจะโทร.หาเขา แต่เฉิดเข้ามาเสียก่อน ปลายฉัตรทำฟอร์มว่านอนหลับ รอจนกระทั่งเห็นว่าแม่เฉิดหลับจึงย่องออกมาโทร.หาไตรภูมิ สักพักเฉิดก็ลืมตาขึ้นเงี่ยหูฟังลูกสาวคุยกับไตรภูมิ

ไตรภูมิทั้งแปลกใจและดีใจที่ปลายฉัตรโทร.มาตอนตีสองกว่าๆ เขาถามเธอว่ามีอะไร แล้วเดินไปคุยไปอยู่ในสวนบอนไซ อารมณ์เหมือนคุยโทรศัพท์กับแฟน

ปลายฉัตรมองซ้ายมองขวาก่อนจะพูดเรื่องสิงห์ที่ได้ ข้อมูลมาว่า ไตรภูมิสะสมสมบัติเพราะต้องการมีพละกำลังเหนือกว่าคนอื่น แต่เธอบอกไปว่าไม่เกี่ยวกันและสั่งห้ามสิงห์ยุ่งกับไตรภูมิอีก

ไตรภูมิยิ้มๆเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ แล้วถามกลับเรื่องความคิดเห็นของคนที่บ้านปลายฉัตร

"ก็จังหวะนั้นมันไม่ทันคิด ฉันแค่ไม่อยากให้เขามายุ่งกับคุณ หรือเข้าใจคุณผิด แล้วที่ฉันรีบโทร.มาบอกเผื่อคุณจะได้ระวังตัว เอ้อ...คนที่ให้ข้อมูลเขาทำงานเหมือนกับคุณ แล้วเขาก็รู้จักคุณมานานแล้วด้วยนะ"

"รู้หรือเปล่าว่าชื่ออะไร" ไตรภูมิรีบถาม

"ไม่รู้...ฉันไม่ได้ถาม แล้วคุณพอจะเดาได้หรือเปล่าว่าเป็นใคร"

ไตรภูมิมั่นใจว่าต้องเป็นราม แต่ไม่อยากให้ปลายฉัตรรู้ จึงบอกปัดแล้วไล่ให้เธอกลับไปนอน ปลายฉัตรทำตามอย่างว่าง่าย แล้วแทบจะกรี๊ดออกมา เมื่อได้ยินคำทิ้งท้าย

"ฝันดีครับ"

ปลายฉัตรเปิดประตูห้องเข้ามา แม่เฉิดรีบหลับตานอนนิ่ง ลูกสาวย่องมาที่เตียง ค่อยๆเอนกายลงพร้อมกับรอยยิ้มเปี่ยมสุข ตรงกันข้ามกับแม่ที่นอนคิดหนักด้วยความเป็นห่วงลูกสาว

เช้าวันใหม่ ปลายฉัตรรีบออกไปบ้านไตรภูมิตั้งแต่ไก่โห่ ลุงฉิ่งกับมหางงเป็นไก่ตาแตก พวกเขางงอีกรอบ เมื่อเฉิดเดินออกมาบอกให้ลุงฉิ่งพาเธอไปหาหลวงพี่ที่วัด

"นี่เรื่องมันใหญ่ขนาดต้องไปหาหลวงพี่เลยเหรอ" ลุงฉิ่งเอ่ย

เมื่อปลายฉัตรมาถึงบ้านไตรภูมิ เจ้าของบ้านพาเธอไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งอยู่ในห้องเดียวกับกร พลางชี้แจงเรื่องการจัดทุกอย่างให้เป็นไปตามความต้องการของปลายฉัตร

"ผมเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์กลาง คุณสามารถเข้ามาดูข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติจากถ้ำมังกรอมตะทุกชิ้นที่เรามี และสามารถค้นหาข้อมูลจากระบบอินเตอร์เน็ตได้ตามที่คุณต้องการ" กรอธิบาย

ปลายฉัตรพยักหน้ารับ ไตรภูมิหันไปมองกร กรเดินไปหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออกด้านในเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นต่างๆวางอยู่สิบกว่าเครื่อง

"สำหรับเรื่องโทรศัพท์ที่จะใช้ติดต่อหาข้อมูล ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว โทรศัพท์พร้อมเบอร์ไม่ซ้ำกัน ไม่ใกล้เคียงกัน วงเงินไม่จำกัด เธอใช้ได้เลย" ไตรภูมิพูดอย่างรู้ใจ

"ขอบคุณค่ะ" ปลายฉัตรวางกระเป๋า แล้วนั่งประจำที่

ไตรภูมิพยักหน้าให้กรออกไปแล้วบอกกับปลายฉัตร "ก่อนที่เธอจะเริ่มต้นหากฤชมังกร...ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกเธอว่า กฤชมังกรเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ที่มีความสำคัญกับพวกเรามาก นอกจากมันจะทำให้คำสาปถูกทำลายแล้ว มันยังเป็นอาวุธที่ใช้ฆ่าพวกเราทุกคน เพราะบนโลกนี้มีอยู่สองอย่างที่ฆ่าพวกเราได้...คือ ไฟและกฤชมังกร"

"คุณรู้ได้ยังไง"

"มีคำจารึกอยู่ในถ้ำมังกรอมตะ เพื่อนรักของพ่อฉัน เป็นคนค้นพบ พ่อเก็บกฤชมังกรไว้ในที่ปลอดภัย...แต่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ฉันตามหากฤชมังกรมา 400 กว่าปี แต่ไม่เคยได้ร่องรอย ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน"

ปลายฉัตรมองไตรภูมิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ฉันจะช่วยคุณเอง ฉันไม่แน่ใจว่าจะหาเจอหรือเปล่า แต่จะพยายามอย่างสุดความสามารถ"

"ขอบใจมาก"

"นี่คุณรู้หรือเปล่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ฉันรู้ความจริง คุณขอบใจฉันมาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว"

"เหรอ...คงเป็นเพราะฉันดีใจที่เธอได้รู้ความจริงและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของฉัน โดยไม่รังเกียจ"

"ฉันไม่รังเกียจ...แต่ฉันสงสาร...แล้วก็เห็นใจคุณ การมีชีวิตอยู่นานๆเป็นเรื่องทรมาน ฉันเข้าใจแล้วว่า...ทำไมคุณถึงได้ไม่ค่อยพูด นิ่งๆแล้วก็เย็นชา ฉันอยากช่วยให้คุณหลุดพ้นจากมัน" ปลายฉัตรพูดจากใจ

ไตรภูมิซาบซึ้ง อยากจะเข้าไปกอดแทนคำขอบคุณ... แต่ทำไม่ได้ ขณะที่ปลายฉัตรส่งยิ้มสดใสให้ แล้วขอตัวทำงานต่ออย่างแข็งขัน

ooooooo

อินทร์เห็นกรเดินออกมาจากห้อง จึงถามถึงความเรียบร้อยในการจัดห้องให้ปลายฉัตร

"เรียบร้อยดีครับ..."

"ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้รู้ความจริงแล้ว ยังกล้ามาทำงานให้นายท่าน" กัณฑ์พึมพำ

"แล้วก็ทำด้วยความไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว เหมือนจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าพวกเราเป็นอะไร" กรเสริม

"นายท่านเลือกคนไม่ผิดจริงๆ..." อินทร์ยิ้มนิดๆด้วยความพอใจ กรกับกัณฑ์พยักหน้าเห็นด้วย

ในขณะที่ปลายฉัตรหาข้อมูลกฤชมังกรอยู่นั้น สิงห์กับจ่าดอนก็ปลอมตัวเป็นพนักงานรังวัดมาด้อมๆมองๆแถวหน้าบ้านไตรภูมิ และเป็นเวลาเดียวกับที่รามโทร.หาอโนเพราะอยากให้เธอช่วยพาปลายฉัตรมาพบ

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ลุงมหาไปขอยืมรถจากลูกชาย พาเฉิดกับลุงฉิ่งไปหาหลวงพี่ที่วัดป่าเล็กๆแห่งหนึ่ง

"มาถึงกันซะที...อาตมารออยู่นานแล้ว" หลวงพี่เอ่ยทัก

ทั้งสามสะดุ้งหันไปมอง เห็นหลวงพี่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ราวกับล่วงรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า หลังทักทายกันแล้ว หลวงพี่ก็พาทั้งสามไปที่กุฏิ ระหว่างทางมหาแอบกระซิบถามลุงฉิ่งว่าเฉิดมาพบหลวงพี่ด้วยเรื่องอะไร แต่ลุงฉิ่งไม่มีคำตอบ

"ที่อาตมาพูดว่ารออยู่นานแล้ว เพราะรู้ว่า...สักวันโยมเฉิดจะต้องมา แล้วก็มาจริงๆ ที่มาเพราะอยากจะปรึกษาอาตมาเรื่องปลายฉัตรใช่ไหม" หลวงพี่มองมาที่เฉิด

มหากับฉิ่งมองหน้ากันสงสัยว่าหลวงพี่รู้ได้ยังไง

"ค่ะ...คุณเปรมสั่งฉันไว้ว่า...หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว ถ้าลูกมีปัญหาอะไรก็ตามที่หนักหนาจนคิดว่าไม่สามารถจะแก้ไขเองได้ ให้รีบมาหาหลวงพี่"

"อืมม์...แล้วปัญหาที่ว่า มันมาถึงแล้ว เรื่องผู้ชายใช่ไหม"

"ค่ะ...ฉันต้องขอโทษหลวงพี่ด้วยนะคะ ที่เอาเรื่องทางโลกมารบกวนท่านถึงในวัด"

"จะพูดว่าเป็นเรื่องทางโลกทั้งหมดคงไม่ใช่ เพราะเรื่องนี้...มันเป็นเรื่องทางกรรม ที่ตระกูลของอาตมามีส่วนต้องรับผิดชอบ มันเป็นชะตากรรมที่ทุกคนในตระกูลอาตมารู้กันดีมีการถ่ายทอดต่อๆกันมาทุกรุ่น โยมเปรมเองก็รู้ดี แต่อาตมาคงพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกโยมเฉิด อาตมาจะบอกเรื่องนี้กับคนที่จะแก้ไขมันได้ โยมเฉิดรู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะยิ่งทุกข์เพราะความเป็นห่วง"

"แต่หลวงพี่เกริ่นมาขนาดนี้ ถึงไม่เล่า แม่เฉิดคงเป็นห่วงไปแล้วล่ะครับ" ลุงฉิ่งเสริม

"ห่วงแบบนี้ก็ยังดีกว่า ยิ่งรู้ ยิ่งห่วง ยิ่งทุกข์ เรื่องที่เกิดจากกรรม ต้องปล่อยให้กรรมจัดการ"

เฉิดพอจะเข้าใจ เธอเริ่มคลายวิตกลงเล็กน้อย แล้วถามหาคนที่จะแก้ไขได้

"เป็นใคร อาตมาก็ยังไม่รู้ อาตมารู้แค่ว่าเวลาที่เหมาะสมจะพาคนคนนั้นมาหาอาตมาเอง"

เฉิดกับฉิ่งถึงกับพูดไม่ออก เมื่อหมดคำถามก็ชวนกันกราบนมัสการลา ในระหว่างทางสองพี่น้องปรึกษากันเรื่องคนที่จะมาช่วยแก้ไขว่าเป็นใคร มหาที่ฟังอยู่นานหันมาแนะนำเฉิด ให้ทำแบบที่หลวงพี่บอก เพราะอยู่อย่างไม่รู้ จะได้ไม่ทุกข์ แต่เฉิดอดห่วงไม่ได้

"งั้นเอางี้...เอ็งก็คิดซะว่าให้เปรมพ่อไอ้ปลายจัดการเรื่องนี้ไป ไหนๆก็เป็นความลับในครอบครัวเขา ก็ให้จัดการกันเองแล้วกัน ข้าว่าบางทีเรื่องนี้มันอาจจะเกินปัญญาคนธรรมดาอย่างเรา" ลุงฉิ่งแนะ

มหาพยักหน้าเห็นด้วย เฉิดถอนใจจำต้องเห็นด้วยกับพี่ชายและคิดถึงเปรมสามีผู้ล่วงลับไป

ooooooo

ปลายฉัตรนั่งบิดขี้เกียจและหักนิ้วดังกร๊อบๆด้วยความเมื่อยล้า หลังจากหาข้อมูลมาตั้งแต่เช้ายังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย เธอแก้เซ็งด้วยการลากเม้าส์ คลิกเข้าไปในเมนเฟรมของกร เพื่อจะดูข้อมูลเรื่องกฤชมังกร ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นโฟลเดอร์ที่เขียนว่า "คดีผีดูดเลือด" จึงกดเข้าไปดู

ข้อมูลคดีของสิงห์โผล่ขึ้นมา รวมทั้งภาพถ่ายต่างๆที่ สิงห์มี ปลายฉัตรปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วนึกสงสัยว่าบนโลกนี้มันมีคนที่โดนคำสาปอยู่กี่คน แล้วเธอจะเชื่อได้ไหมว่าไตรภูมิไม่ได้ฆ่าหญิงสาวพวกนั้น

แล้วความสงสัยก็ทำให้ปลายฉัตรแอบไปเปิดตู้แช่ใบโต ที่ใช้เก็บเลือด เธอยืนตะลึงเมื่อเห็นถุงเลือดมากมายวางเรียงรายอยู่เต็มตู้

"ทำอะไร" เสียงอินทร์ดังขึ้น

ปลายฉัตรหันขวับมา เห็นอินทร์ยืนหน้าเครียด ด้านหลังมีกรกับกัณฑ์ยืนหน้านิ่งพอกัน และวินาทีต่อมา อินทร์ก็ยิ้มให้บอกว่าที่นี่ยังน้อย เพราะมีอีกตู้อยู่หลังบ้าน ถ้าปลายฉัตรอยากดูก็จะพาไป

"เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ...ฉันก็ไม่ได้อยากจะดูขนาดนี้ แค่อยากจะไขข้อข้องใจนิดหน่อย..." ปลายฉัตรรีบปิดตู้

อินทร์ยิ้มอย่างเข้าใจ และเดินมาหาบอกว่ามีเรื่องรบกวน คือจะให้ปลายฉัตรยกแก้วเลือดไปให้ไตรภูมิที่ออกกำลังกายอยู่ที่ลานกว้าง

ปลายฉัตรยินดีทำด้วยความเต็มใจ เธอถือถาดที่มีแก้วเจียระไนใส่เลือดสีแดงสดมาวางให้ไตรภูมิ ชายหนุ่มชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงการมาของสิ่งมีชีวิตและกลิ่นเลือด เขาหันมาเห็นปลายฉัตร ก็อมยิ้มแล้วพุ่งเข้าหาจนปลายฉัตรตกใจ

เกือบทำแก้วหล่น ไตรภูมิรีบคว้าแก้วเลือดไว้ แล้วยกแก้วดื่มเลือดรวดเดียวหมด ก่อนจะวางไว้ในถาดเหมือนเดิม พร้อมกับคำขอบใจ ปลายฉัตรได้โอกาสถามชายหนุ่มว่านอกจากเขาแล้วยังมีใครที่เป็นแบบนี้อีกหรือเปล่า

"ยังมีอีกสองคน ที่เธอยังไม่รู้จัก แต่ฉันไม่แน่ใจว่าเธอเคยเห็นหรือเปล่า"

แม้ปลายฉัตรจะซักว่าเป็นใคร ไตรภูมิก็ไม่ยอมบอก เพราะกลัวเธอหวาดระแวง หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อกดรับได้ยินเสียงอโนร้องไห้ฟูมฟาย ขอให้ปลายฉัตรไปช่วยเพราะถูกกระชากกระเป๋า สาวเจ้าตกใจ ขอตัวกลับก่อน

ไตรภูมิเป็นห่วงจึงให้กัณฑ์ขับรถไปส่ง สิงห์ที่เฝ้าอยู่ หน้าบ้านเห็นกัณฑ์ขับรถออกไป มีปลายฉัตรนั่งอยู่เบาะหลังก็สั่งให้จ่าดอนตามไป แต่บังเอิญว่ารถติดมาก ปลายฉัตรจึงขอลงกลางทางแล้วนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อ เธอไม่ทันเห็นจ่าดอนที่ตามมา

ปลายฉัตรมาพบอโนที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง อโนรีบพาไปพบรามในร้านอาหารตามแผน ปลายฉัตรยืนอึ้งเมื่อรู้ว่าถูกหลอก และเธอจำได้ว่าเคยพบรามที่ปราสาทโอซาก้ามาครั้งหนึ่งแล้ว เธอลากอโนออกไปต่อว่า และคลาดกับจ่าดอนที่ตามมาถึง ส่วนกัณฑ์กลับไปรายงานไตรภูมิว่าไปส่งปลายฉัตรไม่ถึงที่นัดหมาย เพราะเธอขอลงจากรถไปก่อน

ไตรภูมิรู้สึกสังหรณ์ใจ คล้ายรับรู้ได้ว่าปลายฉัตรกำลังตกอยู่ในอันตราย

ปลายฉัตรไม่พอใจที่อโนโกหกจึงขอตัวกลับ แต่อโนอ้างว่ารามอยากได้ปลายฉัตรไปช่วยงานจริงๆ และเป็นงานแบบเดียวกับที่ปลายฉัตรช่วยไตรภูมิ

"เขารู้จักคุณไตรภูมิด้วยเหรอ" ปลายฉัตรอึ้ง

"รู้จักสิ...รู้จักแบบว่าดีด้วยนะ เอ้อ...ฉันบอกพี่แล้ว พี่อย่าไปบอกใครนะ คุณรามเขาช่วยให้ข้อมูลกับพี่สิงห์ เรื่องคดีคุณไตรภูมิด้วยนะ"

ปลายฉัตรนิ่งคิด แล้วยอมกลับเข้าไปคุยกับรามอีกครั้ง เพราะอยากได้ข้อมูลบางอย่าง และในระหว่างที่คุยกัน สาวไฮโซคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน พร้อมกับหมาน้อย ทันทีที่เดินผ่านราม เจ้าหมาน้อยเริ่มครางหงิงๆ แล้วตะกุยตะกายเหมือนอยากจะหนีไปให้พ้นๆจากบริเวณนั้น

ปลายฉัตรหันไปมองด้วยความแปลกใจ นึกถึงเหตุการณ์ ในร้านข้าวหมูแดงตอนที่อยู่กับไตรภูมิ เธอหันมาทางรามเห็นเขานั่งนิ่งไม่รู้สึกอะไร

"โตโต้ไม่น่ารักเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่พาออกมาเที่ยวอีกแล้วนะ" สาวไฮโซบ่น แล้วก้าวออกจากร้านไป

"หมาน้อยเป็นอะไรเนี่ย ทำท่ายังกะเจอผี" อโนมองตาม

ปลายฉัตรสะอึกนิดๆ แต่รามยังเก็บอาการทำนิ่งๆเนียนๆแถมยังยิ้มนิดๆเหมือนจะเห็นด้วย

ส่วนจ่าดอนที่เดินตามหาปลายฉัตรมาถึงด้านหน้า ศูนย์การค้า ก็เห็นพาลีกับคีรียืนรอรามอยู่ เขาตกใจรีบหลบมุมแล้วจับตาดูทั้งคู่ไว้ เช่นเดียวกับปลายฉัตรที่เริ่มจับตาดูราม และเห็นว่าเขาไม่ยอมทานอะไรเหมือนกับไตรภูมิ ในขณะที่อโนคุยฟุ้งว่าเธอออกไปทานข้าวกับรามบ่อยๆ และเขาจะนั่งมองทุกคราไป

ปลายฉัตรสะอึก กลิ่นของความไม่ชอบมาพากลฟุ้งตลบ จนเธอเริ่มอึดอัด และคิดหาทางออกด้วยการแกล้งปวดท้องแล้วชวนอโนไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อน อโนตกใจรีบลารามเข้าประคองปลายฉัตรออกไป รามมองตามด้วยแววตาที่ไม่พอใจและรู้ทัน

จ่าดอนที่แอบดูอยู่หยิบกล้องจะถ่ายภาพรามแต่ไม่ทัน เพราะรถแล่นออกไปแล้ว เขารีบตาม แต่สุดท้ายก็พลาดเพราะรามรู้ตัว จ่าดอนจึงแกล้งหักรถลงไปข้างทาง เพื่อให้พวกรามเลิกสนใจ

ส่วนสิงห์โดนไตรภูมิจับได้ว่าเขาปลอมตัวมาด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้าน จึงฝากข้อความให้อินทร์ออกมาบอก

"เรายินดีต้อนรับ และพร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงแต่...เราเป็นห่วงว่าคุณจะไม่ได้อะไรคืบหน้า นอกจากจะเสียเวลา แล้วก็ร้อนเปล่าๆ ผมมาบอกแค่นี้แหละ...เชิญคุณเฝ้าตามสบาย" อินทร์ยิ้มๆแล้วหันหลังเดินกลับไป

"โธ่เว้ย" สิงห์เสียฟอร์มเดินกลับไปที่รถ พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดี

ooooooo

อโนเรียกแท็กซี่ตั้งใจจะพาปลายฉัตรไปโรง พยาบาล แต่ปลายฉัตรสั่งให้แท็กซี่พาไปที่บ้านสิงห์ และเปิดฉากสอบสวนอโนเรื่องราม แต่อโนไม่ยอมปริปาก และเป็นเวลาเดียวกับที่มายาตัดสินใจมาที่บ้านอโน เพราะได้ยินรามบอกว่ามีนัดกับอโน

ปลายฉัตรเตือนอโนเรื่องรามด้วยความเป็นห่วง อโนสวนว่าบางทีรามอาจจะกำลังจีบเธออยู่ก็ได้ มายามาได้ยินเข้าพอดี เธอยืนฟังนิ่ง แววตาสาดฉายความไม่พอใจอย่างแรง

"แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น เขาบอกหรือเปล่าว่าเขาติดต่อกับเราทำไม" ปลายฉัตรเสียงเข้ม

"ถ้าเขาไม่ได้ติดต่อฉัน เพราะจีบฉัน เขาก็คงจะติดต่อฉันก็เพราะพี่ปลายมั้ง เพราะระยะหลังเขาถามถึงพี่บ่อยมาก ทุกครั้งที่ติดต่อกลับมาหาฉันก็เพราะเรื่องของพี่ แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ห้ามพี่ปลายยุ่งกับคุณรามเป็นอันขาด"

"ยุ่ง หมายความว่าไง" ปลายฉัตรมองหน้าอโนด้วยความไม่เข้าใจ

"ก็ห้ามพี่ไปหว่านเสน่ห์ใส่คุณราม พี่ได้คุณไตรภูมิไปแล้ว แล้วยังจะพี่สิงห์อีก แค่สองคนนั้นก็พอแล้ว ห้ามมายุ่งกับคุณรามของฉัน" อโนพูดอย่างตรงไปตรงมาแบบเด็กๆ

ปลายฉัตรอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วขณะ อีกมุมหนึ่งมายาเผลอกำหมัดอย่างลืมตัว ด้วยอยากจะซัดนังเด็กแก่แดด

"อโน...พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ ที่พี่ถามเพราะพี่เป็นห่วง พี่ว่านายรามเขาดูแปลกๆไม่น่าไว้ใจ ทางที่ดีอโนควรจะอยู่ห่างๆไว้จะดีกว่านะ" ปลายฉัตรอธิบาย

"มุกไหนเนี่ยพี่ปลาย คิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะหลอกฉันได้เหรอ พี่กะจะให้ฉันห่างกับคุณราม แล้วพี่จะเสียบล่ะสิ"

"อโน...พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นนะ"

"ไม่คิด แล้วทำไมต้องให้ฉันห่างๆคุณรามด้วย เขาเป็นอะไร ทำไมฉันจะอยู่ใกล้เขาไม่ได้"

"พี่ว่าเขาเป็น...เอ้อ เป็น...คนอันตราย เขาอาจจะคิดไม่ดีกับอโนก็ได้นะ" ปลายฉัตรไม่อาจบอกความจริง

"พี่ไม่ต้องมาเล่นลูกไม้ตื้นๆเลย ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ คุณรามเขาดีกับฉัน...ไม่เคยมีใครดีกับฉันแบบนี้มาก่อน... แม้แต่พี่สิงห์ เพราะฉะนั้นฉันจะไม่มีวันเสียเขาไป ถึงมันจะเป็นความฝันลมๆแล้งๆ แต่มันก็ยังดีกว่าอยู่กับความว่างเปล่า"

"อโน...แต่ของแพงๆ ร้านอาหารหรูๆ มันไม่ได้บอกว่าเขาจะดีกับเราจริงๆเลยนะ"

"ไม่...พี่ปลายไม่เข้าใจฉันหรอก...พี่ปลายมีแต่คนที่รักรายล้อมอยู่เต็มไปหมด ทั้งแม่ ทั้งลุง ทั้งพี่สิงห์ แล้วยังจะคุณไตรภูมิ แต่ฉัน...ฉันไม่มีใครเลย พี่กับฉันยืนอยู่กันคนละที่ พี่ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของฉัน ไม่มีใครเข้าใจความ รู้สึกของฉัน ไม่มี"

อโนน้ำตาไหลพราก หันหลังให้ปลายฉัตร แล้วดิ่งไปที่ห้องนอนทันที

"อโน..." ปลายฉัตรจะเดินตามไป แต่ถูกอโนปิดประตูใส่หน้า

อโนเข้ามาทรุดตัวลงที่พื้นร้องไห้ด้วยความเสียใจ

ถึงจุดหนึ่งเธอปาดน้ำตา เรียกความเข้มแข็งให้ค่อยๆกลับมาอีกครั้ง มายาที่ยืนอยู่หน้าบ้าน แววตายังกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจ
ส่วนปลายฉัตรนั่งหมดแรง รู้สึกเหมือนเพิ่งโดนเหวี่ยงจากพายุไซโคลน ยังหาทางออกไม่เจอ

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น