วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ป่านางเสือ ตอนที่ 17

ตอนที่ 17

ไผ่จัดการคนร้ายที่ยืนเฝ้าระวังอยู่หน้าถ้ำทั้งสี่คนด้วยมีดสั้นอย่างเงียบกริบ จากนั้น ตรงไปที่รถบรรทุกอาวุธเอาระเบิดเวลาติดไว้ใต้ท้องรถอย่างว่องไว มีคนร้ายคนหนึ่งเดินออกมาจากถ้ำ เห็นพรรคพวกของตนนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด เขารู้ทันทีว่าเกิดเหตุร้าย ตะโกนลั่น

"มีคนบุกรุก"

ไผ่ยิงเปรี้ยงเดียวส่งคนร้ายไปเฝ้ายมบาล แล้วดีดตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับรถบรรทุกอาวุธระเบิดตูม เสียงดังสนั่นหวั่นไหว รถพังพินาศทั้งสองคัน พวกคนร้ายแห่ออกจากถ้ำไล่ยิงไผ่อุตลุดไผ่วิ่งล่อให้พวกนั้นตามมา พอถึงจุดนัดหมาย แสง ลุงเดช และเหล่าสมาชิกโจร สาดกระสุนใส่ไม่ยั้ง พวกคนร้ายตายเรียบ ไผ่ ลุงเดช กับแสงเข้ามาดูศพพวกนั้นด้วยความสมเพช

"ไอ้พวกทำลายแผ่นดิน...ขอให้มันอย่าได้เกิดมาอีกเลย" ลุงเดชสาปส่ง...

ฤทธิชัย ดาว และจักจั่นเดินทางมาถึงค่ายโจรชั่วคราวตอนเที่ยงวันพอดี พอฤทธิชัยรู้ข่าวอาวุธที่โดนปล้นไปถูกทำลายหมดแล้ว เขาขอบคุณลุงเดช แสง ไผ่ และทุกๆคนมาก

ลุงเดชยิ้มรับคำขอบคุณแล้วถามว่า "ผู้กองคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปครับ"

"เรายังทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้มันพลาดแล้วเหยียบมันให้จม...แต่ตอนนี้ พวกมันเจ็บหนัก สิ่งที่เราต้องระวังก็คือ พวกมันจะต้องตอบโต้กลับอย่างรุนแรงแน่นอน"

"เราพร้อมอยู่แล้วครับ" ไผ่พูดอย่างมั่นใจ

"ใช่...มาเมื่อไหร่เจอเมื่อนั้น" จักจั่นพยักพเยิดกับพี่ชายตัวเอง

"ผมคงต้องรบกวนขอกบดานอยู่ที่ค่ายลุงเดชสักพักหนึ่งก่อนนะครับ พวกมันยังคิดว่าผมตายหรือหายสาบสูญไปแล้ว"

ลุงเดชเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ฤทธิชัยจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ก็ได้ ดาวอยู่คุยกับฤทธิชัยอีกสักพักก็ขอตัวกลับไปดูค่ายอาสาฯ พร้อมกับจักจั่น

ooooooo

ในขณะเดียวกัน อภิชาติเปิดประตูสำนักงานทนายความของเขาเข้ามา ถึงกับชะงักเมื่อพบเลขาฯของตัวเองถูกชายฉกรรจ์สองคนคุมตัวอยู่ หนึ่งในพวกนั้นเล็งปืนมาที่เขา ทันใดนั้น มีเสียงพูดดังขึ้น

"เรากำลังรอคุณอยู่...คุณอภิชาติ"

อภิชาติหันมองตามเสียง เห็นลินจงยืนจ้องอยู่ เขาตวัดปืนที่เหน็บเอวขึ้นมา ถามเลขาฯว่าพนักงานคนอื่นๆไปไหนหมด ได้ความว่าออกไปหาลูกความ อภิชาติโล่งอก ลินจงขู่ไม่ให้อภิชาติขยับถ้าไม่อยากหาเลขาฯใหม่ อภิชาติยักไหล่ ทำเหมือนยอมแพ้ ปล่อยปืนในมือให้แขวนอยู่ตรงนิ้วชี้ สมุนที่คุมตัวเลขาฯรู้สึกผ่อนคลาย

ลินจงยิ้มอย่างผู้ชนะ "เพราะคุณยังมีประโยชน์กับเรา...เราจะเชิญคุณไปกับเราสักวันสองวัน"

"ถ้ามีห้องพักดีมีแอร์ อาหารอร่อย...แล้วมีคุณคอยดูแล ผมก็ไม่รังเกียจ" อภิชาติยิ้มกวน

ลินจงหุบยิ้มหน้าตึงขึ้นมาทันที สั่งให้อภิชาติทิ้งปืน อภิชาติเจ้าเล่ห์ค่อยๆปล่อยให้ปืนหล่นจากมือ ก่อนปืนจะตกถึงพื้น เขาตวัดขาเตะปืนเต็มแรง มันพุ่งใส่สมุนของลินจงที่คุมตัวเลขาฯอยู่ โดนเข้าเต็มหน้าหงายหลังตึง เลขาฯกรีดร้องด้วยความตกใจ วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ลินจงคาดไม่ถึงได้แต่ยืนมอง

อภิชาติตวัดมือซ้ายไปด้านหลังชักปืนอีกกระบอกหนึ่งขึ้นมายิงใส่สมุนอีกคนล้มคว่ำ แต่พอหันมาจะเล่นงานนักฆ่าสาว เธอก็หายตัวไปแล้ว เลขาฯกลับเข้ามาในสภาพหัวฟู หน้าซีดตัวยังไม่หายสั่น อภิชาติเห็นแล้วสงสาร ปลอบขวัญลูกน้องด้วยการสั่งให้เลิกงานได้ แล้วไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สักสองสามชุด ให้ลงบัญชีเขาไว้ เลขาฯยังช็อกอยู่ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ขยับจะออกไป

"เดี๋ยว...หยุดไปเลยอาทิตย์หนึ่ง พาทุกคนไปเที่ยว พักบ้านผมที่หัวหิน ประสานงานกับลูกค้าที่นั่น ทุกอย่างลงบัญชีผม" อภิชาติพูดขาดคำ เลขาฯถึงกับกรี๊ดสนั่นดีใจสุดๆยกมือไหว้ปลกๆแล้ววิ่งปรู๊ดออกไป อภิชาติอดขำกับท่าทางของเลขาฯไม่ได้ จากนั้น เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์

"ท่านรองฯหรือครับ...ท่านระวังตัวด้วยนะครับ มันเพิ่งส่งคนมาเล่นงานผม ผมว่ามันประกาศสงครามกับเราแล้วครับท่าน"


หลังจากแคล้วคลาดกันมาหลายครั้ง ในที่สุดนายไชยก็เจอตัวลุงหงวนจนได้ บังคับให้บอกว่าลุงเดชเป็นใครและเกี่ยวข้องกับท่านอิทธิอย่างไร ลุงหงวนปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นายไชยไม่เชื่อ พยักหน้าให้สมุนลากเด็กสาวลูกของเพื่อนบ้านลุงหงวน เข้ามา ขู่ว่าถ้าไม่บอกความจริงเขาจะฆ่าเด็กทิ้ง

"เด็กคนนี้...ไม่ได้เป็นอะไรกับข้า"

"ข้ารู้...แต่เอ็งรู้จักมัน...เอ็งจะให้เด็กคนนี้ตายก็ตามใจ" นายไชยพยักหน้า สมุนยกปืนจ่อหัวเด็กไว้

"อย่าทำฉัน...ลุงหงวนช่วยฉันด้วย"

ลุงหงวนจนแต้ม ต่อรองให้ปล่อยเด็กไปก่อน ถึงจะบอกเรื่องลุงเดช นายไชยสั่งให้สมุนปล่อยเด็กไป เด็กหนีออกจากบ้านลุงหงวนอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังค่ายอาสาฯ เจอจันจิราอยู่ที่นั่น ละล่ำละลักเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง จันจิรารีบสั่งให้ชายชาวอาสาฯไป

ตามไผ่มาที่นี่ทันที...

ไผ่ไม่รอช้า รีบไปบ้านลุงหงวน แต่ไม่เจอพวกนายไชย พบลุงหงวนในสภาพโดนซ้อมสะบักสะบอม หน้าตาเละแทบจำไม่ได้ เขารีบประคองลุงหงวนขึ้นรถ พามาให้จันจิรารักษา จันจิราทำแผลแล้วฉีดยาฆ่าเชื้อให้ สักพักลุงหงวนรู้สึกตัว เรียกหาลุงเดชอย่างยากลำบาก ไผ่เข้ามาห้าม

"ลุงหงวน...พักก่อนอย่าเพิ่งพูด"

ลุงหงวนส่ายหน้า ยกมือโบกไปมาไม่ยอม เรียกหาลุงเดชอีกครั้งก่อนจะหมดสติไป จันจิรารีบเข้ามาดูอาการไผ่มองลุงหงวนพลางถอนใจ หนักใจ

"พี่จะไปตามลุงเดชมา...ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ" ไผ่ว่าแล้ว รีบตรงไปที่รถ เจอดาวกับจักจั่นขับรถเข้ามาจอดพอดี ดาวร้องถามว่าจะไปไหน

"ลุงหงวนถูกพวกไอ้ไชยซ้อมหนัก อยากเจอลุงเดช"

สองสาวตกใจ วิ่งพรวดไปที่ห้องพยาบาล พอเห็นสภาพของลุงหงวน ดาวตาลุกวาวด้วยความแค้นกลับมาที่รถจี๊ปกะจะตามไปแก้แค้นนายไชย จักจั่นขอไปด้วยแต่ดาวบอกให้เธอเฝ้าระวังอยู่ที่นี่จะดีกว่า จักจั่นไม่กล้าขัด ได้แต่มองตามดาวขับรถออกไป...

นายไชยรีบโทร.รายงานสินชัยทันทีที่กลับถึงโรงเลื่อยเก่าของเสี่ยม้งว่าลุงเดชเป็นคนสนิทของท่านอิทธิ และเป็นคน พาลูกสาวของท่านอิทธิหนีไป สินชัยฉุนขาดแทบอยากจะฆ่านายไชยที่ดันจำลุงเดชไม่ได้

"โธ่ท่าน...ตั้งสิบห้าปี ตอนที่ผมเจอมันก็มัวแต่ยิงกันอยู่ใครจะจำได้"

"ถ้าอย่างนั้น ลูกสาวไอ้อิทธิก็ยังอยู่"

"ครับท่าน...ต้องเป็นคนใดคนหนึ่ง ระหว่างนังเด็กสองคนนั่น"

เท่ากับว่ามีเพียงลุงเดชเท่านั้นที่รู้ว่าคนไหนคือลูกสาวของท่านอิทธิ นายไชยอาสาจะไปลากคอลุงเดชมาให้ สินชัยรู้ดีว่าอย่างนายไชยไม่มีปัญญา สั่งให้รอคำสั่งจากเขาก่อนแล้วกระแทกหูโทรศัพท์โครม...

ไม่นานนัก ดาวขับรถมาถึงโรงเลื่อยเก่าของเสี่ยม้ง สมุนของนายไชยห้าคนพร้อมอาวุธครบมือปรี่เข้ามาล้อมรถไว้ ดาวไม่พูดพล่าม กระชากปืนออกจากซอง ยิงใส่ขาและไหล่ของพวกสมุนบาดเจ็บกันระนาว

"ไอ้ไชยอยู่ไหน" ดาวตะคอกสีหน้าเอาเรื่อง พวกนั้นกลัวลนลาน รีบบอกว่านายไชยเข้าไปตรวจงานในป่า ดาวเก็บปืนแล้วขับรถบ่ายหน้าไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว...

ในเวลาต่อมา ลุงเดชเดินหน้าเครียดเข้ามายืนข้างเตียงลุงหงวน จันจิรารายงานอาการของลุงหงวนให้ฟังว่า ตอนนี้

พ้นขีดอันตรายแล้ว พอพูดได้ ลุงหงวนค่อยๆลืมตาขึ้นมองเห็นลุงเดชยืนอยู่

"ข้า...มี...เรื่องสำคัญ..."

ลุงเดชสั่งให้จักจั่น จันจิรากับไผ่ออกไปรอข้างนอกก่อน แม้เด็กๆจะพากันสงสัยแต่ก็รีบทำตามคำสั่ง

พอลุงหงวนเห็นปลอดคนจึงเล่าให้ลุงเดชฟัง "ข้า... บอกมัน...ว่าเอ็ง...อยู่กับท่านอิทธิ...วันที่...ท่านถูกยิงตาย...ข้าขอโทษ...

ถ้า...ข้าไม่บอก...มันจะยิงเด็กทิ้ง..." ลุงหงวนสลบไปอีกครั้ง ลุงเดชสีหน้าเคียดแค้น

ooooooo

ดาวรู้ที่อยู่ของนายไชยด้วยความช่วยเหลือของสายลมและสายฟ้าเช่นเคย สมุนของนายไชยซึ่งดูต้นทางเห็นรถของดาววิ่งฝุ่นตลบตรงมาทางนี้ รีบรายงานลูกพี่ว่าศัตรูมาคนเดียว นายไชยยิ้มแสยะ

"ทุกคนพร้อม...ทำตามแผน" นายไชยสั่งการอย่างย่ามใจ...

ไผ่เห็นลุงเดชเดินหน้าบอกบุญไม่รับออกมาหน้าค่ายอาสาฯ อดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรงหรือเปล่า ลุงเดชส่ายหน้า ไม่มีอะไรลุงหงวนแค่อยากจะสั่งเสียบางอย่างเท่านั้น แล้วถามว่าดาวไปไหน ได้ความจากจักจั่นว่าไปเล่นงานนายไชย ลุงเดชหน้าเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

"ลุงว่าพวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว...ลุงจะกลับไปที่ค่ายก่อน เธอสองคนระวังค่ายอาสาฯให้ดี"

ไผ่กับจักจั่นพยักหน้ารับคำ ลุงเดชขึ้นรถขับออกไป พลันมีเสียงสายลมร้องเตือนภัยดังขึ้น ไผ่สัมผัสถึงศัตรูผู้มีฝีมือกำลังวางกับดักเล่นงานดาว เขาไม่แน่ใจจะใช่คนเดียวกับที่ลุงเดชบอกให้พวกเราสามคนร่วมมือกันจัดการหรือเปล่า จะใช่หรือไม่จักจั่นไม่สน แต่เราสองคนพี่น้องต้องรีบไปช่วยดาวเดี๋ยวนี้

ไผ่ไม่อยากทิ้งค่ายอาสาฯ แต่อดเป็นห่วงดาวไม่ได้ ตัดสินใจโดดขึ้นรถจี๊ปออกไปกับจักจั่น...

ทางฝ่ายดาวไม่สนใจเสียงคำรามเตือนภัยของสายฟ้า ร่อนลงกลางวงล้อมสมุนของนายไชยที่ซุ่มรออยู่มีเสียงปืนดังสนั่น กระสุนนับไม่ถ้วนพุ่งใส่ร่างดาวแต่ไม่มีนัดไหนระคายผิว พวกสมุนตะลึงที่ยิงเธอไม่เข้า ดาวได้ทีหมุนตัวเตะด้วยท่าจระเข้ฟาดหางพวกนั้นล้มระเนระนาด พุ่งคว้าคอเสื้อนายไชยเหวี่ยงใส่ต้นไม้โครม

พวกสมุนตั้งหลักได้ หันปืนเข้าหาดาว แต่เธอไวกว่าตวัดปืนยิงพวกนั้นบาดเจ็บไปตามๆกัน แล้วย่างสามขุมเข้าหานายไชย ประเคนทั้งหมัดอัดทั้งเข่าจนล้มกลิ้งล้มหงาย

นายไชยเหลียวมองเลิ่กลั่กหาคนช่วย ทันใดนั้น มีเสียงคำรามของสายฟ้าดังขึ้นอีก ดาวสัมผัสถึงอันตรายได้พุ่งตัวออกไปด้านข้าง หลบมีดสั้นที่บินผ่านหน้าไปปักต้นไม้เหนือหัว

นายไชยพอดี ดาวม้วนตัวกลับมาถึงได้เห็นลินจงกับอาจารย์เฉินยืนอยู่

"พวกเอ็งยังไม่รีบไปอีก" ลินจงตวาดนายไชยเสียงเขียว

นายไชยกับสมุนสะดุ้งเฮือกพากันเดินกะโผลกกะเผลกออกไป ดาวถูกลินจงกับอาจารย์เฉินรุมแต่ก็ต้านรับได้หลายกระบวนท่า ขณะที่ดาวกำลังเพลี่ยงพล้ำ อาจารย์เฉินกลับหยุดต่อสู้ดื้อๆ ลินจงพลอยชะงักไปด้วย อาจารย์เฉินสัมผัสได้ว่าพวกของดาวกำลังใกล้เข้ามา สั่งลินจงถอยก่อน

"แต่เรากำลังได้เปรียบนะคะอาจารย์ น่าจะจัดการกับคนนี้ก่อน"

"ถึงจะได้เปรียบใช่ว่าจะจัดการกับมันได้ง่ายๆ พวกมัน

ใกล้เข้ามาแล้ว...รีบไป" อาจารย์เฉินพุ่งตัวหายไปในยอดไม้ ลินจงมองดาวอย่างแค้นใจ ก่อนจะดีดตัวตาม ดาวถอนใจเฮือก อึดใจเดียว ไผ่กับจักจั่นพุ่งตัวลงจากยอดไม้มายืนข้างดาว ถามหาพวกคนร้าย

"ไปแล้ว...พี่ไผ่กับจักจั่นมาทันเวลาพอดี...ฝีมือมันร้ายกาจจริงๆ"

มีเสียงคำรามของสายฟ้าดังขึ้นตามมาด้วยเสียงร้องของสายลม ดาวรู้ทันทีว่าจะเกิดเหตุร้ายที่ค่ายอาสาฯ รีบชวนไผ่กับจักจั่นกลับ

ooooooo

ขณะเดียวกัน เยซินกับสมุนเต็มรถกระบะสามคันระดมยิงสมาชิกโจรในคราบชาวค่ายอาสาฯ ซึ่งยืนเฝ้าระวังอยู่หน้าค่ายตายเรียบ แล้วกระจายกำลังเข้ายึดค่าย เสียงปืนยิงต่อสู้กันดังสนั่นหวั่นไหวแข่งกับเสียงกรีดร้อง ชาวค่ายอาสาฯที่มากางเต็นท์หลบภัย ต่างแตกตื่นวิ่งหนีตายกันโกลาหล

จันจิรากำลังตรวจเด็กๆอยู่ในอาคารพยาบาลถึงกับสะดุ้ง เด็กๆตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เยซินกับสมุนอีกกลุ่มหนึ่งบุกพรวดเข้ามา สั่งทุกคนออกไปให้หมด

"ที่นี่ห้องพยาบาล...พวกแกโง่หรือไง ขนาดสงครามโลกเขายังละเว้น...มีแต่พวกป่าเถื่อนเท่านั้นที่คิดบุกโรงพยาบาล...ทำร้ายคนเจ็บ" จันจิรามองเยซินอย่างเอาเรื่อง

"ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็ตามใจ...แต่บอกให้รู้ ค่ายอาสาฯ กำลังจะถูกเผา...พาพวกนี้ออกไป" เยซินสั่งเสียงเฉียบ พวกสมุนไล่ต้อนทุกคนออกจากอาคาร จันจิรากลับยืนนิ่งไม่ยอมขยับ สมุนใช้ด้ามปืนดันเธอ

ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด สมุนของเยซิน

คนหนึ่งล้มคว่ำ เยซินหันขวับไปมอง เห็นลุงหงวนยิงปืนใส่

สมุนอีกคนร่วง เขาไม่รอช้าตวัดปืนกราดยิงไม่ยั้ง ลุงหงวนฟุบจมกองเลือด จันจิราขยับจะเข้าไปหาลุงหงวนแต่เยซินหันปืนเล็งใส่

"เอาซิ...แกคิดจะยิงผู้หญิงก็เอาซิ" จันจิราท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว

"ลากตัวพวกมันออกไปให้หมด"

พวกสมุนคุมตัวจันจิรากับเด็กๆออกไปที่ลานหน้าค่าย เห็นเต็นท์ที่พักของชาวค่ายอาสาฯบางส่วนถูกไฟเผาผลาญ จันจิราหันไปด่าเยซินด้วยความเจ็บแค้นใจ แต่เขาไม่สะทกสะท้านกลับยิ้มเยือกเย็น

"พวกแกจ้างไอมาเผา...ต้องโทษพวกแกเอง"

"แกต้องไม่ตายดี" จันจิราสาปแช่ง

เยซินไม่สนใจ สั่งสมุนเผาทุกอย่างให้ราบ เด็กๆที่เดินอยู่กับจันจิรา เจอแม่ของตัวเองต่างโผกอดกันร้องไห้ระงม จันจิราหันกลับไปมอง เห็นอาคารทุกหลังในค่ายอาสาฯถูกไฟลุกท่วมควันโขมง...

ไผ่ ดาวกับจักจั่นกำลังนั่งอยู่บนรถจี๊ปมุ่งหน้ากลับค่ายอาสาฯเห็นกลุ่มควันดำทะมึนลอยอยู่ไกลๆรู้ทันทีว่าค่ายอาสาฯถูกเผา ไผ่ถามดาวว่าจะเอาอย่างไรดี จะกลับค่ายอาสาฯ หรือตามล่าพวกมัน

ดาวจ้องไปข้างหน้า ตาวาวด้วยความเคียดแค้น "พี่ไผ่... ตามล่าพวกมัน อย่าให้มันหนีรอดไปได้"

ไผ่ร้องเรียกสายลมให้ช่วยนำทาง สายลมส่งเสียงร้องดังก้องแล้วบินวกกลับไปทางป่าลึก ไผ่เห็นพวกคนร้ายผ่านทางสายตาของสายลม "พวกมันหนีเข้าป่าแทนที่จะออกถนนสายหลัก"

"พวกมันต้องมีแผนรอเราอยู่" จักจั่นตั้งข้อสังเกต ดาวพยักหน้าเห็นด้วย เตือนไผ่กับจักจั่นให้ระวังตัว

รถของไผ่แล่นมาตามทางได้สักระยะ ทุกคนในรถพากันแปลกใจที่เห็นด่านตรวจตั้งอยู่เบื้องหน้า มีเจ้าหน้าที่ยืนรักษาการณ์อยู่นับสิบนาย ด้านหลังด่านตรวจมีเต็นท์ตั้งอยู่หลายหลัง ในนั้นเต็มไปด้วยลังใส่สินค้า พอรถของไผ่แล่นเข้าไปใกล้ เจ้าหน้าที่โบกมือเป็นเชิงห้ามผ่าน ดาวยื่นหน้ามาพูดกับเจ้าหน้าที่

"เราตามพวกคนร้ายมา...รอยรถเข้าไปข้างใน"

"เสียใจด้วยครับ ที่นี่เป็นที่ของบริษัทสำรวจป่า ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย...บุคคลภายนอกห้ามเข้า"

"ไอ้พวกคนร้ายเข้าได้ แต่เราเข้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ" จักจั่นโวยลั่น

"เสียใจด้วยครับ...ต้องมีหมาย"

ดาวมองหน้าเจ้าหน้าที่แล้วหันมองสบตาไผ่กับจักจั่น จังหวะนั้น รถจี๊ปคันหนึ่งวิ่งฝุ่นตลบออกมาหน้าด่าน เยซินกับ เหล่าสมุนพร้อมอาวุธครบมือนั่งมาเต็มคันรถ เยซินจ้องหน้าพวกดาวเขม็ง

"พวกแกเป็นใคร...คิดจะบุกรุกหรือ"

ดาวไม่อยากมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ จึงชวนไผ่กลับ ไผ่ถอยรถแล้วตีวงเลี้ยวกลับ เยซินมองตามสะใจ

"มันว่าพวกเราบุกรุก...เราจะกลับมาบุกรุกให้พวกมันดู" แววตาของดาวขณะพูดดูดุดันน่ากลัว

ooooooo

บ้านของป้าเนียนตอนนี้กลายสภาพเป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวค่ายอาสาฯ มีชาวค่ายอาสาฯเข้าแถวรอรับอาหารจากป้าเนียนแถวยาวเหยียด ระหว่างนั้น รถตู้ของคุณหญิงรัตนากับรถคุ้มกันอีกคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้าน คนของท่านรองฯก้องเกียรติสองคน ปราดลงจากรถมายืนเฝ้าระวังให้คุณหญิงรัตนา

ป้าเนียนเหลือบเห็นคุณหญิงรัตนาเดินเข้ามา รีบวางมือจากทัพพีตักอาหาร ตรงเข้ามาไหว้ทักทาย คุณหญิงรัตนาร้อนใจ ได้ข่าวเรื่องค่ายอาสาฯถูกเผาก็เลยรีบมา

"หนูดาวกับทุกคนออกไปตามล่าพวกมันค่ะ...พวกมัน เลวจริงๆ"

คุณหญิงรัตนาเห็นป้าเนียนมีงานล้นมือ ไม่อยากรบกวนขอตัวกลับก่อน วานป้าเนียนช่วยบอกหนูดาวด้วยว่าเธออยู่บ้านพักที่บ้านดอนเสือ...

ครู่ต่อมา ดาว ไผ่กับจักจั่นมาถึงบ้านป้าเนียน เห็นชาวค่ายอาสาฯที่ต้องอยู่กันอย่างยากลำบากยิ่งพากันแค้นใจ ทั้งสามคนเข้ามาซักถามป้าเนียนว่ามีใครเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า ป้าเนียนพยักหน้าน้ำตาซึม ลุงหงวนคิดสู้พวกมันเลยยิงเขาตาย ไผ่แค้นจัดขบกรามแน่น ขณะที่จักจั่นกับดาวพยายามข่มอารมณ์ไว้

ป้าเนียนนึกได้ "...อ้อ...คุณหญิงรัตนามาจ้ะหนูดาว ท่่านบอกว่าได้ข่าวว่าค่ายถูกเผา ติดต่อใครไม่ได้ ก็เลยรีบมา ตอนนี้ท่านอยู่ที่บ้านพัก"

"ดาวกับจักจั่นรีบไปหาคุณหญิงเถอะ...พี่จะอยู่ที่นี่เองไม่ต้องห่วง"

ดาวพยักหน้าให้ไผ่แล้วคว้ามือจักจั่นดึงออกไป จันจิราเห็นไผ่กลับมาก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามาหา ไผ่กอดเธอไว้ในอ้อมแขนปลอบขวัญ ป้าเนียนมองทั้งคู่ยิ้มๆ...

จักจั่นกับดาวมาถึงหน้าบ้านพักของคุณหญิงรัตนา แปลกใจที่เห็นบ้านเงียบผิดปกติ บอดี้การ์ดที่ท่านรองฯก้องเกียรติส่งมาคุ้มกันคุณหญิงรัตนาก็ไม่เห็นอยู่แถวนั้น ดาวไม่ค่อยวางใจนักเตือนจักจั่นให้ระวังตัว สองสาวชักปืนมากระชับไว้ในมือ ค่อยๆเปิดประตูบ้านอย่างระมัดระวัง

เจอคุณหญิงรัตนายืนยิ้มอยู่ ชวนสองสาวเข้ามาข้างในกันก่อน ดาวเบาใจที่เห็นคุณอาหญิงไม่เป็นอะไร แต่ทันทีที่สองสาวเข้าไปในตัวบ้าน คนร้ายห้าคนพร้อมอาวุธตรงเข้ามาล้อมพวกเธอไว้ ลินจงสั่งให้ดาวกับจักจั่นยอมจำนน สองสาวยื่นปืนของตัวเองมาด้านหน้า สมุนสองคนดึงปืนของทั้งคู่ไป

"อาเสียใจ...มันจับคนของท่านรองฯไว้ ไม่อย่างนั้น

อาไม่ยอมพวกมันหรอก"

ดาวกราดสายตาไปที่มุมห้อง เห็นชายสองคนถูกมัดมือมัดปาก มีชายฉกรรจ์สองคนถือปืนเฝ้าระวังอยู่ ลินจงสั่งสมุนคุมตัวทั้งสามคนออกไป ดาวต่อรองในเมื่อลินจงได้ตัวพวกเธอ แล้วก็ควรปล่อยคุณอาหญิงไป

"ความจริงฉันต้องการแค่คุณหญิง แต่แกสองคนมาเป็นโบนัส...ฉันก็ไม่ขัดข้อง"

"โลภมากเดี๋ยวก็ไม่ได้ตายดีหรอก" จักจั่นแดกดัน

"จะบอกให้เอาบุญ เรากำลังกวาดล้างพวกแกทุกคน แกคงเห็นค่ายอาสาฯราบไปแล้ว ต่อไปก็ท่านรองฯ นายอภิชาติ พวกชุมโจรของพวกแก" ลินจงเห็นสีหน้าคาดไม่ถึงของดาวกับจักจั่นก็ยิ้มสะใจ "ใช่...พวกชุมโจรของพวกแก ดาวเทียมของเราหาตำแหน่งของพวกแกได้ทุกจุด...ทุกคนจะได้พบจุดจบเช่นเดียวกับผู้กองฤทธิชัย แม้กระทั่งนางเสือ" ลินจงพยักหน้าให้พวกสมุนพาดาว จักจั่น และคุณหญิงรัตนาไปขึ้นรถ

ooooooo

ขณะไผ่กำลังช่วยป้าเนียนกับจันจิราดูแลพวกชาวค่ายอาสาฯ มีเสียงร้องเตือนของสายลมดังขึ้น ไผ่จับสัญญาณได้ว่าดาวกับจักจั่นกำลังเดือดร้อน รีบบอกป้าเนียนกับจันจิรา แล้วขอตัวไปช่วยสองสาวก่อน

"อ้าว...พี่ไผ่ไม่อยู่พวกเราจะทำอย่างไร" จันจิราสีหน้าหวั่นๆ

"พวกมันไม่สนจันแล้วก็พวกชาวบ้านหรอก รับรองได้ว่าพวกมันไม่มาแน่นอน"

จันจิราฟังแล้วสบายใจขึ้น ไผ่ยิ้มให้แล้ววิ่งไปขึ้นรถจี๊ปขับออกไป ระหว่างขับรถตามรอยรถของคนร้ายที่จับตัวดาวกับจักจั่นไป ไผ่อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสองสาวถึงพลาดท่าเสียทีให้พวกคนร้าย แต่พอตั้งสมาธิก็เห็นรถอีกคันหนึ่งของคนร้ายมีคุณหญิงรัตนาถูกคุมตัวอยู่ ไผ่ถึงบางอ้อทันที...

ดาวไม่กล้าผลีผลามลงมือเกรงคุณหญิงรัตนาจะเป็นอันตราย ส่งพลังจิตบอกให้จักจั่นอยู่เฉยไว้ก่อน จังหวะนั้น มี เสียงร้องของสายลมดังขึ้น ดาวสัมผัสได้ว่าไผ่ตามมาแล้ว รีบส่งพลังจิตไปบอก

"พี่ไผ่...พวกมันกำลังบุกไปที่ค่ายโจร...รีบไปช่วยพ่อแสงกับแม่สมพรแล้วก็ลุงเดชเร็วที่สุด"

ไผ่ได้ยินชัดเต็มสองหู หักพวงมาลัยรถกลับ บ่ายหน้าไปยังค่ายโจรใหญ่กลางป่าลึก สายลมส่งเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง ลินจงสังเกตเห็นดาวกับจักจั่นพยักพเยิดให้กัน เธอแหงนมองท้องฟ้าสีหน้าเริ่มสงสัย...

เยซินกับเหล่าสมุนกระจายกำลังโอบล้อมค่ายโจรใหญ่ มีเสียงคำรามเตือนภัยของสายฟ้าดังขึ้น แสงลุกพรวด ตะโกนลั่นว่ามีผู้บุกรุก ขาดคำก็มีเสียงปืนดังสนั่นจากทุกทิศทุกทาง สมาชิกโจรที่ยืนเฝ้าระวังอยู่ตามจุดต่างๆในค่าย ล้มคว่ำไปทีละคน แสงคว้าปืนยิงใส่สมุนเยซินที่ดาหน้าเข้ามาล้มฟุบไปหลายคน

"ทุกคนถอยเข้าแนวป่าเร็วเข้า"

แสงตะโกนพลางยิงโต้กลับไปด้วย สมุนคนหนึ่งโผล่มาทางด้านหลัง ยกปืนเล็งไปยังแสง สมพรร้องเตือนให้ระวัง แล้วรีบวิ่งมาบังร่างของแสงไว้ เสียงปืนดังปัง สมพรทรุดฮวบ แสงหันมารับเมียรักไว้ได้ทัน พวกสมุนได้ทีกรูกันเข้าหา สายฟ้าปรากฏตัวขึ้น ตรงเข้าขย้ำพวกนั้นจมเขี้ยว

แสงตั้งหลักได้ ประคองร่างหมดสติของสมพรพยายามยิงฝ่าวงล้อมพวกนั้นออกไป สมุนคนหนึ่งยิงถูกหัวไหล่ของแสงถึงกับทรุดปืนกระเด็นหลุดมือ แสงไม่ยอมแพ้ กระชากปืนอีกกระบอกหนึ่งขึ้นมายิงสวนเปรี้ยง สมุนหงายท้องตึง สมุนของเยซินยังรุกไล่เข้ามาไม่หยุด

ก่อนที่แสงจะเสียทีให้พวกมัน ไผ่พุ่งจากต้นไม้ลงมาตรงหน้าพ่อกับแม่ ยิงเปิดทางให้สมาชิกโจรเข้ามาประคองร่างของแสงกับสมพรหนีเข้าไปในดงไม้หนาทึบ ไผ่กราดยิงพวกสมุนตายเกลื่อน แต่อยู่ๆก็หยุดยิง จ้องหน้าเยซินซึ่งกำลังจ้องเขาอยู่

"แล้วเจอกัน" ไผ่ว่าแล้วดีดตัวหายเข้าป่าทึบ เยซิน มองตามด้วยความแค้น...

ในเวลาเดียวกัน ที่ค่ายโจรชั่วคราว ลุงเดชแหงนหน้ามองสายลมที่กำลังบินวนส่งเสียงร้องเตือนภัยอยู่เหนือหัว สมาชิกโจรคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานว่า มีพวกเราบางคนได้ยินเสียงปืนแว่วเข้ามา

"บอกพวกเราเตรียมตัวให้พร้อม" ลุงเดชสั่งเสียงเฉียบ

สมาชิกโจรรับคำแล้วรีบไปปฏิบัติตาม ลุงเดชกราดสายตาไปรอบๆเห็นสมาชิกโจรยืนเฝ้าระวังอยู่เป็นจุดๆเดินเข้าไปหาคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด "เหตุการณ์ผิดปกติ ระวังให้ดี... ข้าจะออกไปตรวจดูรอบๆ"

ooooooo

ไผ่สีหน้าไม่สู้ดีนักที่เห็นพ่อกับแม่นอนไม่ได้สติอยู่ภายในเต็นท์ชั่วคราวที่สมาชิกโจรจัดเตรียมไว้ แต่พอ สมาชิกโจรซึ่งมาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้รายงานว่าทั้งคู่ปลอดภัยแล้ว กระสุนไม่ถูกที่สำคัญ ไผ่ถอนใจ โล่งอก

"ส่งคนไปรับคุณจันจิราที่บ้านป้าเนียนให้มาดูพ่อแสงกับแม่สมพรเร็วที่สุด แล้วจัดคนคอยระวังพวกมันให้ดี...ถ้าพ่อแสงกับแม่สมพรฟื้น บอกว่าผมต้องรีบไปเตือนลุงเดช"

"คุณไผ่ไม่ต้องห่วงที่นี่ครับ"

ไผ่พยักหน้า แล้วดีดตัวหายเข้าไปในยอดไม้...

ขณะที่ลุงเดชกำลังเดินสำรวจรอบๆค่ายรู้สึกเหมือนมีใครยืนอยู่ข้างหลัง เขาหันขวับ เจออาจารย์เฉินยืนอยู่ตรงหน้า ลุงเดชไม่รอช้าตวัดพานท้ายปืนใส่ อาจารย์เฉินเบี่ยงตัวหลบ แล้วสาดผงสีขาวเข้าเต็มหน้า ลุงเดชตาพร่าเข่าอ่อน รีบเหนี่ยวไกปืนเปรี้ยงๆๆๆก่อนจะล้มลงหมดสติ

เสียงปืนดังกึกก้อง ผู้กองฤทธิชัยกำลังยืนเฝ้าระวังอยู่กับสมาชิกโจรสองคนหลังค่ายถึงกับชะงัก ถามว่าเกิดอะไรขึ้น สมาชิกโจรรู้ดีว่านี่คือสัญญาณภัยจากปืนของลุงเดช เตือนให้ทุกคนถอย

"ถ้าอย่างนั้น ทุกคนถอยไปก่อน...เร็วเข้า" ฤทธิชัยรีบสั่งการ

เหล่าสมาชิกโจรต่างคว้าปืนประจำกายรีบมุ่งหน้าเข้าป่าลึก แต่ฤทธิชัยเองกลับเดินสวนทางคนอื่นๆตามเสียงปืนของลุงเดชมาถึงอีกฝั่งหนึ่งของค่าย เจอปืนของลุงเดชตกอยู่ เขาชักปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม กราดสายตาไปรอบๆอย่างระแวดระวัง พลันอาจารย์เฉินโผล่มาจากด้านหลัง

ฤทธิชัยรู้ทัน ตวัดปืนจ่อหน้าสั่งให้คืนลุงเดชมา นอกจากไม่คืนลุงเดชให้ อาจารย์เฉินจะเอาฤทธิชัยไปเป็นของแถมด้วย ผู้กองหนุ่มไม่ยอม ยิงกราดไม่ยั้ง แต่อาจารย์เฉินมีฝีมือดีดตัวหลบกระสุนได้หมด ก่อนจะอัดฤทธิชัยกระเด็นแล้วตามเข้าไปสะบัดผงสีขาวใส่หน้า ดีที่ไผ่โฉบเข้ามาดึงร่างฤทธิชัยออกไปได้ทัน

"เล่นผงยาสลบหรือเพื่อน" ไผ่ยิ้มเหยียด กระชากปืนขึ้นมากระหน่ำยิงไม่เลี้ยง อาจารย์เฉินเห็นท่าไม่ดีพุ่งตัวหายเข้าไปในดงไม้ ไผ่ยิงไล่หลังจนกระสุนหมดแต่ไร้ประโยชน์ ฤทธิชัยตามเข้ามาสมทบ

"มันจับลุงเดชไป"

"ไม่ใช่แค่ลุงเดช พวกมันเผาค่ายอาสาฯ บุกไปเล่นงานพ่อแสงกับแม่สมพร คุณหญิงรัตนา ดาวกับจักจั่นถูกพวกมันเอาตัวไปแล้ว"

ฤทธิชัยถึงกับอึ้ง คาดไม่ถึงว่าดาวจะเสียท่าให้พวกนั้น "แล้วป้าเนียนกับจันจิราล่ะ"

"พวกมันไม่สนใจสองคนนั่น...มันแค่ต้องการทำลายขุมกำลังของพวกเรา"

"พวกมันคิดกำจัดทุกคน" ฤทธิชัยพึมพำหน้าเครียด

ooooooo

หลังจากเกิดเรื่องที่สำนักงานทนายความของตัวเอง อภิชาติหวั่นใจว่าอาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นที่บ้านดอนเสือรีบเคลียร์งานแล้วเดินทางมาทันที เป็นจริงอย่างที่อภิชาติหวั่นใจ สินชัยโทร.มาเย้ยว่า ตอนนี้คุณหญิงรัตนา ดาว และจักจั่น รวมทั้งลุงเดชตกอยู่ในกำมือของเขาเรียบร้อยแล้ว อภิชาติข่มอารมณ์แทบไม่อยู่

"ถ้าคนพวกนั้นเป็นอะไรแม้แต่รอยข่วน...ผมจะตามล่าคุณไปตลอดชีวิต"

"ถ้าเห็นแม้แต่เงาของพวกคุณเข้าใกล้สถานีสำรวจของผม...ทุกคนจบ...จำไว้" สินชัยขู่กลับ

"ให้มันรู้ไปว่าใครจะจบ" อภิชาติแค้นจัดโยนมือถือไปบนที่นั่งข้างคนขับ แล้วเหยียบคันเร่งมิด...

ลินจงนำตัวคุณหญิงรัตนา ดาวกับจักจั่นไปกักขังไว้ในถ้ำลึกลับแห่งหนึ่งกลางหุบเขา ตราบใดที่พวกของดาวที่เหลือ ไม่ขัดขวางการทำงานของพวกเธอ ทุกคนก็จะปลอดภัย

"ถ้าฉันหลุดออกไปได้ พวกแกเจอดีแน่" จักจั่นเข่นเขี้ยว

ลินจงไม่สนใจคำขู่ สั่งเข้มให้พวกสมุนเฝ้าหน้าถ้ำไว้ให้ดี ถ้าใครคิดหนียิงได้เลย พอพวกลิงจงไปกันหมด ดาว จักจั่นและคุณหญิงรัตนาโผกอดกันกลม...

สมาชิกโจรที่รอดจากถูกพวกสินชัยโจมตี ถอยร่นลึกเข้าไปในป่าตั้งเต็นท์ฉุกเฉินไว้รักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสองหลัง และอีกหนึ่งหลังไว้เป็นกองบัญชาการ พวกสมาชิกโจรที่ยังแข็งแรง กระจายกำลังกันเฝ้าระวังโดยรอบ ไม่นานนัก ไผ่ขับรถพาอภิชาติมาถึง ทั้งคู่ตรงดิ่งไปหาฤทธิชัยที่เต็นท์บัญชาการ อภิชาติเล่าเรื่องที่สินชัยโทร.มาขู่จะฆ่าดาวกับพวก ถ้าเราเข้าใกล้สถานีสำรวจป่าของเขาให้ฤทธิชัยกับไผ่ฟัง

"เราต้องช่วยคุณอาหญิง คุณดาว คุณจักจั่นกับลุงเดชกลับมาก่อน แล้วค่อยบุกสถานีสำรวจ จัดการพวกมันไม่ให้เหลือซาก... ไผ่คิดว่าไง...พอจะมีทางหาพวกมันเจอไหม" ฤทธิชัยมองหน้าไผ่

"ไม่ว่าพวกมันจะไปอยู่ที่ไหน ย่อมหนีไม่พ้นสายตาของป่า" ไผ่ยังอุบเงียบเรื่องสายลมกับสายฟ้า

อภิชาตินึกอะไรขึ้นมาได้ ถามไผ่ว่ามีเครื่องรับส่งวิทยุหรือเปล่า ถ้ามีเอาติดไปด้วย เผื่อพวกมันมีการสื่อสารกัน เราอาจจะจับคลื่นของพวกมันได้ ไผ่พยักหน้ารับคำ

ooooooo

ที่ถ้ำลึกลับกลางหุบเขา สินชัยแวะมาทักทายคุณหญิงรัตนา โดยมีลินจงกับสมุนในชุดดำยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ คุณหญิงรัตนาไม่สนใจสินชัย เมินหน้าหนี

"อันที่จริงคุณหญิงน่าจะขอบใจผมมากกว่า..." สินชัยหยุดพูด มองคุณหญิงรัตนาเขม็ง "ผมจะบอกให้เอาบุญ...ลูกสาวคุณหญิงยังมีชีวิตอยู่"

คราวนี้คุณหญิงรัตนาหันขวับ จ้องหน้าสินชัยสีหน้าตื่นเต้น สินชัยเห็นคุณหญิงรัตนาสนใจ ทำลีลาท่ามาก อ้างว่ามีคนรู้เรื่องนี้ดีกว่าตัวเขา แล้วหันไปพยักพเยิดให้นายไชย กับสมุนหิ้วปืนลุงเดชเข้ามา ก่อนจะผลักลงไปคลุกฝุ่นกับพื้น ดาวกับจักจั่นปราดเข้าไปประคองให้เขาลุกขึ้น

"ลุงเดชเป็นคนที่อยู่กับคุณอิทธิในวันที่เกิดเหตุและเอาตัวลูกสาวท่านไป" สินชัยยิ้มแสยะ

คุณหญิงรัตนา ดาวกับจักจั่นต่างมองหน้าลุงเดชเป็นตาเดียวกัน ลุงเดชจ้องหน้าสินชัยอย่างเกลียดชัง

"เอ็งควรจะบอกได้ดีกว่าข้า เพราะไอ้คนที่ลอบทำร้ายท่านอิทธิยืนอยู่ข้างๆเอ็ง"

"ใช่...ไอ้อิทธิมันฆ่าน้องชายข้า" นายไชยสมองกลวง รับสารภาพหน้าตาเฉย

สินชัยถลึงตามองนายไชย ฉุนขาดแทบอยากจะยิงทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด "เอ็งมีเรื่องจะพล่ามอีกไหม"

นายไชยเงียบ สีหน้าไม่พอใจ สินชัยรีบพูดกลบเกลื่อน ใครจะเป็นลูกสาวของใครเขาไม่สน แต่ถ้าใครขวางทางเขาต้องตายสถานเดียว คุณหญิงรัตนามองตามสินชัยเดินจากไปอย่างเคียดแค้น ลินจงกับนายไชยและชายชุดดำรีบเดินตามเจ้านายใหญ่

พอพวกนั้นคล้อยหลัง ความลับทั้งหลายก็พรั่งพรูออกจากปากลุงเดช พร้อมกับคำขออภัยต่อคุณหญิงรัตนาที่ไม่ได้เรียนเรื่องนี้ให้ทราบ เพราะเป็นความต้องการของท่านอิทธิ คุณหญิงรัตนาพยักหน้าเข้าใจ

"ท่านอิทธิต้องการให้หนูพฤกษาคอยปกป้องป่าเหมือนท่าน"

"ฉันรู้อยู่เสมอว่าท่านอิทธิต้องการเช่นนั้น ฉันเองก็เช่นกัน...ฉันสบายใจแล้ว"

"แต่...คุณอาหญิงตามหาน้องพฤกษามาถึง 15 ปีแล้วนะคะ" จักจั่นทักท้วง

"อารู้ความจริงแล้ว อาเต็มใจและยินดีจ้ะ อาคิดว่าลูกพฤกษาต้องเข้าใจ เพราะลูกพฤกษาเองก็รักป่าเหมือนพ่อของแก" คุณหญิงรัตนายิ้มกว้าง ดาวกับจักจั่นต่างมองลุงเดช แต่ไม่กล้าถามอะไร

"ผมทราบอยู่แล้วว่าท่านอิทธิมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ เสียสละเพื่อป่า เพื่อชาติ แต่เพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่าคุณหญิงก็มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่เห็นชาติเหนือความรักของตัวเองที่มีต่อลูก" ลุงเดชมองคุณหญิงรัตนาอย่างยกย่อง แล้วหันไปทางดาวซึ่งนั่งฟังอย่างตื่นเต้น "หนูดาว...กราบแม่ของหนูสิ"

ดาวถึงกับตะลึง ได้แต่จ้องหน้าคุณหญิงรัตนาที่กำลังน้ำตาไหลดีใจจนพูดไม่ออก...

ขณะเดียวกัน ไผ่ขับรถตามเสียงร้องของสายลมลึกเข้าไปในป่า ฤทธิชัยชักไม่แน่ใจว่าไผ่พามาถูกทางหรือเปล่า ไผ่มั่นใจว่าถูกทาง แต่เป็นเพราะพวกคนร้ายล่วงหน้าเราไปนานแล้ว คงต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะตามทัน อภิชาติลอบสบตากับเพื่อนซี้ แล้วแกล้งถามไผ่ว่าเคยเจอนางเสือไหม ไผ่ส่ายหน้า"

"แล้วจริงหรือเปล่าที่นางเสือมีเสือเจ้าป่ามาคอยคุ้มกัน"

"เห็นลือกันว่าอย่างนั้นครับ ก็น่าจะใช่...ทำไมหรือครับ"

อภิชาติแค่อยากรู้เท่านั้นไม่มีอะไร ไผ่เลี้ยวรถเข้าทางขรุขระ ทันใดนั้น เสียงสายลมร้องเตือนภัยดังขึ้น ไผ่รีบหักรถหลบหลังต้นไม้ใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกับมีเสียงปืนดังสนั่น ทั้งสามคนพุ่งลงจากรถ ตวัดปืนขึ้นมายิงโต้กลับ ชายในชุดดำนับสิบคนตีวงล้อมเข้ามา ฤทธิชัยเห็นท่าไม่ดี ขืนพวกเราติดอยู่ที่นี่คงตามพวกดาวไม่ทันแน่

"ถ้าอย่างนั้น แยกกันไป...จัดการกับพวกมัน" อภิชาติ เสนอแนะ

ไผ่กับฤทธิชัยพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสามคนต่างแยกกันไปคนละทาง หัวหน้าชายชุดดำโบกมือให้คนของตน

ตามไปเก็บฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซาก ไผ่ ฤทธิชัย และอภิชาติต่างหากที่เป็นฝ่ายจัดการกับพวกชายชุดดำได้อย่างราบคาบและรวดเร็ว

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น