วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ดอกส้มสีทอง ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

เรยา วงศ์เศวต สาวสวยหน้าตาคมเข้มกระเดียดไปทางแขกมากกว่าไทย หญิงสาวเกลียดการเรียนหนังสือมาตั้งแต่เล็ก และมักหาข้ออ้างไม่ไปโรงเรียนเสมอ จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยก็ทู่ซี้เรียนได้แค่ปีสาม แต่ด้วยแม่ของเธอเป็นคนรับใช้ในบ้านนายฝรั่งทำให้เธอมีโอกาสเรียนรู้และใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี

ด้วยนิสัยทะเยอทะยานหัวสูงของเรยาที่หวังจะสร้างความก้าวหน้ามั่นคงให้กับชีวิตตนเองและฉุดแม่ให้พ้นจากการเป็นคนรับใช้ เรยาเสี่ยงเข้ามาสมัครเป็นแอร์โฮสเตสในบริษัทสยามแอร์ไลน์ ทั้งๆที่เรียนไม่จบปริญญาตรี

สยามแอร์ไลน์ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในธุรกิจการบิน โดยมีสินธรเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล ส่วนเจ้าของก็คือนายเดช ชลธี คหบดีผู้มั่งคั่งและร่ำรวยอิทธิพลล้นฟ้า บิดาของเด่นจันทร์ภรรยาของสินธรนั่นเอง สินธรจำต้องเกรงกลัวภรรยาอย่างไม่มีทางเลือก เนื่องจากชีวิตความร่ำรวยและบารมีต่างๆที่เขามีได้อย่างทุกวันนี้ล้วนมาจากอำนาจภรรยาบันดาลให้ทั้งสิ้น

เมื่อเรยานำพาความสวยของตัวเองเข้ามาสมัครเป็นแอร์โฮสเตสในสยามแอร์ไลน์แล้วบังเอิญเจอหนุ่มใหญ่รูปหล่อภูมิฐานอย่างสินธร ยิ่งพอรู้ว่าเขาเป็นใครในบริษัทแห่งนี้ เรยาก็ยิ่งให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ ด้วยใฝ่ฝันว่าเขาคนนี้จะเป็นผู้บันดาลอนาคตที่งดงามให้กับเธอ

สินธรเองก็ดูเหมือนจะรับรู้ในความต้องการของสาวน้อย เขาเรียกใบสมัครของเธอมาจากเจ้าหน้าที่รับสมัครแล้วเชิญเธอเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวในห้อง เรยาแม้ไม่มีใบปริญญา แต่ภาษาอังกฤษของเธอโดดเด่น ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาเธอสวยสะดุดตาสะดุดใจสินธรเข้าอย่างจัง แต่วันนี้สินธรมีเวลาพูดคุยกับเรยาน้อยไปนิดเพราะกำลังจะเข้าประชุม จึงให้เธอทิ้งเบอร์ โทร.เอาไว้ แล้วเขาจะติดต่อกลับไป

เรยาทำอิดออดก่อนจะปฏิเสธออกมาจนหนุ่มใหญ่ชะงัก รู้สึกหน้าแตกนิดๆ รีบแก้เก้อว่า

"อ้าว...งั้นก็...ไว้โอกาสหน้าถ้ามีแล้วกัน"

"ไม่ใช่ค่ะ ท่านผู้อำนวยการอย่าเพิ่งโกรธฟ้านะคะ ฟ้าขอโทษค่ะที่ใช้คำพูดไม่ถูกต้อง ฟ้าหมายความว่า ถ้าให้ท่านติดต่อฟ้า ฟ้ากลัวว่าท่านจะมีงานยุ่งจนลืมไปโดยไม่ได้ตั้งใจ"

"ก็เป็นเหตุผลที่ดี แต่คุณจะให้ทำยังไง"

"ฟ้าขอเบอร์ท่านดีกว่าค่ะ จะขออนุญาตติดต่อท่านเองได้ไหมคะ"

"ได้...แต่ฟ้าต้องติดต่อเฉพาะเวลาทำงานนะครับ ผมไม่รับโทรศัพท์นอกเวลาทำงาน"

"อ๋อ ฟ้าเข้าใจค่ะ เวลาของท่านต้องให้ครอบครัว"

"ผมยังไม่มีครอบครัว เหตุผลแค่ผมพยายามแยกงานและชีวิตส่วนตัวออกจากกันให้เด็ดขาด...นี่ครับ เบอร์ผม โทร.เข้ามือถือผม จะสะดวกที่สุด"

เรยาซ่อนความดีใจ รับนามบัตรมาจากมือเขา "ค่ะ ฟ้าจะโทร.มาเฉพาะเวลาทำงาน ฟ้ากราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ"

สินธรรับไหว้ นัยน์ตาจับจ้องไม่วางตา ขณะที่เรยาก็ยิ้มแจ่มใสทำเป็นสาวเปิดเผยไม่มีมารยา ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปด้วยใจที่พองโตมีความหวัง

ooooooo

ขณะนั่งรถเมล์กลับบ้าน เรยาเจอนัทโดยบังเอิญ นัทเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เคยปิ๊งเรยา แต่เพราะนัทขี้อายมากจึงไม่ได้มีการสานต่อความสัมพันธ์กับเธอ ถึงกระนั้นนัทก็ยังจำเรยาได้ไม่ลืม แถมยังเก็บรูปถ่ายในชุดนักเรียนมัธยมที่ใบหน้าสวยใสไร้เครื่อง สำอางของเธอติดกระเป๋าไว้ตลอด

หลังจากรื้อฟื้นความหลังกันจนนัทออกอาการเขินอาย ทั้งคู่ก็มาแวะที่ร้านไอศกรีม โดยเรยาขอให้นัทเป็นคนเลี้ยงเพราะเธอไม่ค่อยมีสตางค์ นัทตกลงด้วยความเต็มใจ จากนั้นสองคนก็เริ่มซักถามเรื่องเรียนของกันและกัน

เรยาดีใจกับนัทที่สมหวังได้เรียนจิตรกรรม ส่วนนัทรู้สึกเสียดายที่เรยาเรียนไม่จบ แต่ท่าทีเรยาไม่ได้เศร้าเสียใจอะไรนัก พอถูกนัทถามถึงแม่ที่เป็นอาจารย์ เรยาตกใจเล็กน้อยเพราะตอนนั้นเคยโกหกเรื่องแม่เอาไว้ซะสวยหรู ตอนนี้เลยต้องทำตลกกลบเกลื่อนแล้วเปลี่ยนเรื่องให้นัทช่วยถ่ายรูปด้วยกล้องที่เขาพกติดตัวมา...

กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตะวันตกดิน พอเข้าห้องได้เรยาหลับปุ๋ย ไม่ได้สนใจเลยว่าแม่ไม่ค่อยสบายแล้วยังฝืนสังขารไปเก็บกวาดล้างถ้วยจานอยู่ในครัว กระทั่งนายแหม่มลงมาเห็นจึงไล่ลำยองไปนอนพัก จานชามพวกนี้ตนจะล้างให้เอง แต่ลำยองเกรงใจนายจ้างจึงกลับไปปลุกเรยามาล้างแทน เรยาทั้งง่วงทั้งหงุดหงิดออกมาทำอย่างกระแทกกระทั้น เป็นเหตุให้นายแหม่มไม่ชอบใจ ตำหนิและตักเตือนไปหลายคำ

เรยาไม่พอใจอย่างแรง กลับมาบ่นกับแม่ทั้งน้ำตาว่า เบื่อที่สุด เมื่อไหร่จะได้ออกไปจากที่นี่เสียที

"ฟ้า...แม่บอกแล้วไงว่าแม่ไม่ทิ้งนายฝรั่งกับนายแหม่มไปไหน เขามีบุญคุณ"

"แม่...บุญคุณมี แต่แม่ก็ชดใช้จนจะหมดจะเกินอยู่แล้ว ดูแลให้ทั้งบ้านมากี่ปีแล้วล่ะ ฟ้าไม่ยอมให้แม่ทำไปจนตายหรอก ถ้าไปได้ฟ้าจะพาแม่ไปทันที"

"ไม่ได้ฟ้า...อย่าเพิ่งพูดอย่างนั้น"

"ทำไม แม่ชอบเป็นขี้ข้าเขามากนักเหรอ"

"ฟ้าอย่าพูดอย่างนี้ เกิดเป็นคนต้องกตัญญูนะลูก ถึงจะเจริญ"

"ฟ้าจะไป คอยดูเถอะ อีกไม่นานหรอก"

เรยาลุกพรวดไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ กวาดของทุกอย่างบนโต๊ะหล่นกระจายด้วยอารมณ์คับแค้น ลำยองแม้จะเวียนหัวแต่ก็ต้องยันกายลุกมาเก็บข้าวของ ในจำนวนนี้มีโทรศัพท์มือถือ รุ่นเก่าราคาถูกของเรยา ลำยองจึงบ่นเสียดายเพราะกลัวมันจะเสียหายใช้งานไม่ได้ แต่เรยาสวนทันควันว่าไม่ต้องเสียดายหรอก คอยอีกไม่นานตนจะซื้อบีบีมาใช้ให้ดู ลำยองไม่เข้าใจว่าบีบีเป็นยังไงแต่ก็ถามลูกสาวว่ามันแพงไหม

"สองหมื่นกว่า"

คำตอบของลูกทำเอาลำยองตกใจแทบสิ้นสติ...เรยาไม่ได้สนใจท่าทีของแม่ คว้าโทรศัพท์มือถือจากมือแม่แล้วหยิบนามบัตรของสินธรในกระเป๋าสะพายออกมาดูอย่างชั่งใจเพราะตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ถ้าจะโทร.ไปคงไม่เหมาะ...แต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้เรยาเปลี่ยนใจว่ายังไงก็ต้องโทร. แต่ต้องออกไปใช้โทรศัพท์สาธารณะนอกบ้าน

เสียงมือถือสินธรดังในห้องนอนแต่เจ้าตัวกำลังอาบน้ำ เด่นจันทร์จึงรับสายแทน เรยาชะงักเล็กน้อยกับเสียงผู้หญิง แล้วปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายบ่นคนเดียวก่อนวางสายไปอย่างหงุดหงิด เมื่อสินธรออกจากห้องน้ำจึงเป็นเรื่อง เพราะเด่นจันทร์ระแวงเรื่องความเจ้าชู้ของเขา

สินธรแปลกใจอยู่เหมือนกัน ดูเบอร์แล้วลองโทร.ย้อนกลับไป เรยารับสายแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำจนสินธรต้องกดสายทิ้งตามคำสั่งของเด่นจันทร์

"สมน้ำหน้า ทำมาโกหกว่าไม่มีครอบครัว" เรยายิ้มหยันก่อนผละออกไปจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ

ฟากเด่นจันทร์ยังไม่จบง่ายๆ เธอคาดคั้นสามีด้วยความระแวง เพราะถ้าเขาไม่ให้เบอร์มือถือไป ใครหน้าไหนจะโทร. มาได้

"โธ่เอ๋ย...เด่นครับ มีเหตุผลบ้างสิครับ ผมไม่มีอะไรจริงๆ"

"สินอย่าพูดว่าไม่มีอะไร สินเจ้าชู้ระดับพระกาฬ ผู้หญิงของสินเยอะมาก ไม่รวมยายเมียแหม่มแก่ที่สินรับจ้างแต่งงานก่อนที่จะมาเจอเด่นน่ะ ถ้ารวมยายคนนี้ด้วยก็ครึ่งประเทศแล้วมั้ง"

"ทำไมเด่นต้องพูดเรื่องอดีตอยู่เรื่อย เอามันฝังดินซะมั่งก็ได้นะ"

"ต้องพูด พูดให้รู้ว่าสินเป็นไงมายังไงก่อนจะมาเป็นมิสเตอร์ชลธี ลูกเขยของนายเดช ชลธี มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของภาคตะวันออก"

"พอแล้วเด่น ผมไม่อยากฟัง อย่าย้ำเลยว่าผมใช้นามสกุลของคุณ คุณลืมแล้วหรือว่าคุณพ่อคุณขอร้องผม ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากให้นามสกุลชลธีต้องหายไปเพราะท่านมีลูกสาวคนเดียว"

"โอ...เรื่องนี้เด่นต้องเป็นหนี้บุญคุณสินสินะ ที่กรุณาต่อยอดสกุลชลธีของเด่น"

"เด่น ผมขอทีเถอะน่า คำพูดกิริยาประชดอย่างนี้ผมขอนะ อย่าทำเลย"

"สินก็อย่าลืมแล้วกันว่าสินสัญญาไว้กับพ่อว่าไง พ่อเด่นเป็นนักเลงก็จริง แต่ก็เป็นคนจริงด้วย เพราะฉะนั้น ท่านไม่พูดมาก สัญญากันคำเดียวพอ ถ้าสินไม่รักษาสัญญา ท่านไม่พูดหรอก ท่านทำเลย"

"แล้วเด่นก็จะยืนดูคุณพ่อคุณทำกับผม ทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริงเหรอ"

"ท่านไม่มีวันทำอะไร ถ้าท่านไม่แน่ใจ ถ้าสินจะหลอกลวงลูกสาวของพ่อ สินต้องเก็บความลับให้ดี ถึงแม้ความลับมันจะไม่มีในโลกก็เถอะ"

สินธรยืนอึ้ง เด่นจันทร์ปรับอารมณ์รวดเร็ววานให้เขาช่วยทาครีมที่แผ่นหลัง สินธรทำตามอย่างว่าง่ายและทำท่าจะรุกล้ำมากกว่านั้น เด่นจันทร์เองก็ต้องการแต่ขอให้เขาปิดไฟก่อนเพราะเธอกลัวจะเสียอารมณ์ถ้าเห็นสายตาที่ฟ้องว่าเขามีเรื่องปกปิดซ่อนเร้น

ooooooo

หลังอาหารเช้า สินธรนั่งหน้าเครียด ความละอายใจแวบขึ้นมาช่วงหนึ่งเมื่อนึกถึงเหตุที่ตัวเองมาเป็นเขยบ้านนี้ และเด่นจันทร์ก็ยังคอยตอกย้ำมันอยู่เนืองๆ

เมื่อเด่นจันทร์แต่งองค์ทรงเครื่องออกจากบ้านไปแล้วพร้อมคำตอบของสินธรที่บอกว่าวันนี้เขาอยู่ออฟฟิศทั้งวัน สินธรอดเอามือถือของตนขึ้นมากดดูเบอร์ที่โทร.เข้ามาเมื่อคืนอีกไม่ได้ สงสัยว่าจะเป็นเบอร์ของเรยา แต่พอโทร.ไปกลับไม่มีคนรับ จนเมื่อเข้าบริษัทแล้วให้เลขาฯเช็กเบอร์นี้ และขอแฟ้มใบสมัครของเรยามาดูอย่างละเอียด ปรากฏว่าเป็นเบอร์โทร.สาธารณะและตรงกับแหล่งที่อยู่ของเรยา

สินธรไม่รอช้า โทร.เข้ามือถือของเรยาที่กรอกไว้ในใบสมัคร ขณะนั้นเรยาอยู่กับนัทที่เพิ่งเสร็จจากการสอนวาดเขียนให้เด็กกำพร้า เรยารับสายจากสินธรและตกลงไปพบเขาในเย็นวันพรุ่งนี้

แม้รู้ว่าสินธรมีครอบครัวแล้วแต่เรยาก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เธอมุ่งมั่นจะเดินตามความฝันของตนเองต่อไป เมื่อพบกันตามวันเวลานัดหมาย เรยาแต่งตัวสวยสง่าเป็นที่ถูกตาต้องใจสินธรอย่างยิ่ง เขาพาเธอไปทานอาหารที่ร้านประจำ และได้เห็นการทานอาหารฝรั่งอย่างถูกต้องสวยงาม นั่นยิ่งทำให้สินธรทึ่งและรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้รสนิยมไม่ธรรมดา

สินธรไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย หลังอาหารมื้อนั้นเขาพาเธอไปชมวิวกรุงเทพฯยามค่ำคืน แล้วพยายามจะลุกล้ำ แต่เรยาจริตจก้านบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเขาง่ายๆ

เมื่อขับรถมาส่งเรยาที่หน้าบ้านนายฝรั่ง สินธรพยายามจะกอดจูบเธออีก เรยาปัดป้องแต่พองาม พลางหัวเราะยั่วเย้าก่อนทำท่าจะลงจากรถ ทันใดนั้นลำยองเปิดประตูเล็กหิ้วถุงขยะออกมา เรยาจำต้องหลบเข้าในรถและลดตัวลงต่ำไม่ให้แม่เห็น

สินธรแปลกใจกับท่าทีของเรยา ถามเธอว่าคนเมื่อกี้เป็นใคร เรยาตีหน้าเศร้าบอกเล่าทั้งน้ำตาถึงความลำบากยากจนของตนและแม่ สินธรสงสารและเห็นใจเธอมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องการครอบครองเรือนร่างอันสวยงามของเธอ จึงรับปากจะช่วยให้เธอสมหวังในอาชีพที่ใฝ่ฝัน

ooooooo

เรยาเริ่มแต่งเนื้อแต่งตัวมากขึ้น พิถีพิถันกับความงามของตัวเองตั้งแต่หัวจดเท้า ลำยองเห็นลูกสาวรักสวยรักงามมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่ได้แปลกใจอะไร แถมยังช่วยทาเล็บเท้าให้ลูกด้วยความเต็มใจ เรยาซาบซึ้งในความรักของแม่ หอมแก้มแล้วลงนอนหนุนตักแม่ราวกับเด็กๆ จนลำยองออกปากว่าลูกเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆของแม่

คำพูดแม่ทำให้เรยานึกถึงชื่อเดิมของตัวเองที่ใครต่อใครเรียกว่าแขก เพราะตอนเด็กเรยาผมหยิกหยอง หน้าตาสวยคมเข้ม แต่เรยาเกลียดแสนเกลียดชื่อแขก จึงขอให้แม่เปลี่ยนใหม่เป็นฟ้าและใช้มาจนทุกวันนี้ ส่วนเรยาที่เป็นชื่อจริง เจ้าตัว ยังไม่เคยถามแม่มาก่อนว่าใครเป็นคนตั้งให้
เมื่อถูกลูกสาวรบเร้าในวันนี้ ลำยองสีหน้าหมองลง ตอบเสียงแผ่วว่า คนตั้งชื่อเรยาเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด

"ทำไมเหรอแม่"

"ตอนที่เขาตั้งชื่อให้ฟ้า เขายังสวย สาว ร่ำรวย เป็นถึงเมียเจ้าสัว แต่พอวันต่อมา...เขาก็เป็นบ้า"

"อะไรนะ วันรุ่งขึ้นเป็นบ้า คนเราจะเป็นบ้าได้ง่ายๆเหรอแม่"

เรยาสีหน้าตกใจ ลำยองยืนยันว่าจริง แม่เห็นกับตา วันที่แม่เจอเขาวันแรก...วันนั้นที่ตึกใหญ่ริมคลองภาษีเจริญ เจ้าของชื่อเจ้าสัวเชงสือเกียง เขาเล่าลือว่าคุณนายจากเมืองเหนือสวยงามน่ารักเหลือเกิน แม่อยากเห็นมาก

ลำยองเริ่มลำดับเรื่องราวในอดีตอย่างแม่นยำโดยมีเรยานั่งฟังด้วยความสนใจ

เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ลำยองพาเรยาในวัยเกือบห้าขวบมาหาป้าพุ่มซึ่งเป็นแม่ครัวอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของเจ้าสัวเชงสือเกียง การกลับมาครั้งนี้ของลำยองพร้อมเด็กน้อยหน้าตาคล้ายแขกทำให้ป้าพุ่มตกใจไม่น้อย ซักถามจนได้ความว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของลำยองที่เกิดกับบังดุลย์ แขกยามบ้านนายฝรั่ง แต่เขาโชคร้ายถูกขโมยที่ขึ้นบ้านเจ้านายแทงตายตั้งแต่ลูกยังไม่คลอด

เล่ามาถึงตรงนี้ ลำยองมีอันต้องหยุดชะงักกับเสียงกรี๊ดของเรยาที่ไม่พอใจอย่างแรง เมื่อแม่กล่าวถึงพ่อที่เป็นแขกยาม ซึ่งเรยาทั้งเกลียดและไม่เคยยอมรับความจริงตั้งแต่จำความได้

"ขอโทษ...ขอโทษจ้ะ ไม่เล่าแล้วไม่เล่า แม่จะเล่าเรื่องคุณนายคำแก้ว คุณนายที่สี่บ้านเจ้าสัว คนที่ตั้งชื่อลูกว่าเรยาต่อแล้วกัน"

เรยาสงบลงได้ ฟังแม่เล่าอดีตต่อ...ลำยองไม่มีที่ไปจึงต้องการทำงานในบ้านท่านเจ้าสัว ป้าพุ่มตัดสินใจเองไม่ได้ต้องไปบอกอาจิวก่อน แล้วอาจิวจะไปบอกคุณนายใหญ่อีกที ถ้าคุณนายใหญ่รับถึงจะได้ทำ ขณะรอฟังคำตอบอยู่นี้ ลำยองกับลูกมีโอกาสได้เจอคำแก้วคุณนายที่สี่ของท่านเจ้าสัวซึ่งอยู่ในสภาพเศร้าหมองเหมือนคนอมทุกข์ เพียงแรกเห็นคำแก้วก็นึกเอ็นดูลูกสาวของลำยอง สอบถามรู้ชื่อเล่นว่าแขกแต่ยังไม่มีชื่อจริง คำแก้วจึงอาสาตั้งให้คล้องจองกับลำยองว่าเรยา บอกว่าตนเคยอ่านเจอชื่อนี้แล้วชอบ ชื่อเพราะและแปลกดี

"ใช่...แม่" เสียงเรยาแทรกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มปลื้มๆ เธอย้ำว่าชื่อเรยาเพราะและแปลก คนทักตลอด แต่มันไม่มีคำแปลใช่ไหม?

"ไม่มี คุณนายสี่บอกว่า ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่เห็นว่าแปลกดี"

เรยารับฟังแล้วเปลี่ยนเรื่องกะทันหันบอกแม่ว่าขอน้ำอุ่นหนึ่งกะละมังจะล้างหน้าที่พอกครีมเอาไว้ ลำยองแนะให้ไปล้างในห้องน้ำจะได้ไม่หกเลอะเทอะ แต่เรยาดึงดันจะล้างตรงนี้ ลำยองทั้งรักและตามใจลูกมาตลอดรีบไปเอาน้ำมาให้ แถมยังจัดการล้างหน้าให้ลูกอีกด้วย

"เออ...แม่ คุณนายสี่เป็นบ้าเมื่อไหร่นะ แม่บอกว่าหลังวันที่แกตั้งชื่อฟ้าวันเดียวเองเหรอ"

"ใช่ แค่วันเดียว...วันเดียวเท่านั้นเองนะฟ้า แม่ถึงอยากให้ฟ้ามีสติอยู่เสมอนะลูก ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกสิ่งอย่างในโลกนี้พระท่านว่าเป็นอนิจจัง ไม่แน่นอน"

"โห...ฟ้าฟังแล้วไม่น่าเชื่อเลย วันนี้ยังดีๆ พรุ่งนี้เป็นบ้า...เป็นไปได้ไง แสดงว่าสติขาดผึงเลยนะแม่ เพราะอะไรเหรอแม่"

"ไม่มีใครรู้สาเหตุ"

"อ้าว...ไม่ได้ไปหาหมอเหรอ"

"ไม่ได้ไป...ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้รักษา เธอเป็นบ้าไปเลย เรารู้กันวันรุ่งขึ้นว่าคุณนายสี่เป็นบ้า และคุณนายสามก็..."

"ฮะ! มีคุณนายสามด้วยเหรอแม่"

"อ้าว มีคุณนายสี่ แล้วก็ต้องมีคุณนายสาม"

"คุณนายสอง คุณนายหนึ่งล่ะ มีมั้ย"

"มี...แต่คุณนายหนึ่งเราเรียกว่าคุณนายใหญ่"

"อ๋อ...เมียหลวง ร้ายกาจนะแม่" เรยาสีหน้าเยาะหยันอยู่ลึกๆ ด้วยเวลานี้ตัวเองตกอยู่ในภาวะเมียน้อยสินธรไปแล้วด้วยความเต็มใจ พอเห็นแม่มองสงสัยในถ้อยคำเมียหลวงร้ายกาจ และท้วงว่าพูดอย่างนี้ทำไม จะเมียหลวง เมียน้อย หรือไม่ได้เป็นเมียใครเลย ก็มีร้าย แล้วก็มีดีด้วยกันทั้งนั้น เรยาจึงรีบเบรกอารมณ์แม่ทันที

"เล่าต่อเถอะ คุณนายสี่เป็นบ้า แล้วคุณนายสามล่ะแม่"

"เธอหายไป ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน"

"จะไปไหน อย่างนี้ก็หนีตามชู้ไปอย่างแน่นอน ไปตามที่บ้านชู้นั่นแหละ...อยู่แน่ๆ"

"ไม่เอานะฟ้า พูดจาเกินเด็ก...บ้านท่านเจ้าสัวเนี่ยใหญ่โตกว้างขวางเป็นอาณาจักรเชียวนะ มีเจ้าสัวเป็นผู้ครองอาณาจักร แต่ทุกชีวิตในอาณาจักรแห่งนั้น ล้วนแต่มีเวรกรรม"

"โห...แม่ของฟ้าเนี่ย ไปเขียนเรื่องขายได้นะ ฟ้าว่าสำนวนงี้เลย" เรยายกนิ้วโป้งให้แม่

"แม่พูดตามที่คิด อาณาจักรของท่านเจ้าสัวเป็นอาณาจักรของกรรมเวร"

ooooooo

หลังจากคุณนายใหญ่รับลำยองเข้าทำงานได้ ราวสี่เดือน ลำยองมักสังเกตพฤติกรรมของคำแก้วเสมอ เธอดูเหม่อลอย พร่ำพูดคนเดียวถึงมงกุฎดอกส้ม ส่วนคนอื่นๆในบ้านก็ดูไม่ค่อยให้ความสนใจ คำแก้วจึงมีชีวิตโดดเดี่ยวเหมือนไม่ใช่คนในครอบครัวเจ้าสัว คงมีแต่อาอึ้มที่ยังแวะเวียนมาดูแลบ้างด้วยความสงสาร

วันหนึ่ง ทุกคนในบ้านต่างตกใจเป็นอันมากเมื่อท่านเจ้าสัวที่ไปทำศัลยกรรมถึงเมืองนอกจนดูหนุ่มขึ้นได้พาซิลเวีย สาวฝรั่งผมทองกลับมาในฐานะภรรยา ความอิจฉาริษยาชิงดีชิงเด่นในหมู่ภรรยาจึงกลับมาอีกครั้ง เม่งฮวย คุณนายใหญ่เกลียดชังนังอั้งม้อผู้นี้ยิ่งนัก เนื่องจากการแสดงออกในความรักอย่างพร่ำเพรื่อไม่เลือกกาลเทศะ เวลา หรือสถานที่ของซิลเวียตามแบบชาวตะวันตก จึงเป็นที่ขัดลูกตาของเม่งฮวย ส่วนเยนหลิงคุณนายที่สองเธอเกลียดแสนเกลียดคุณนายฝรั่งผู้นี้จับใจ

นอกจากเจ้าสัวกับซิลเวียแล้ว การกลับมาครั้งนี้ยังมีกรองกาญจน์บุตรสาวของเม่งฮวยกับเจ้าสัวเดินทางมาพร้อมกันด้วย กรองกาญจน์เป็นน้องของก้องเกียรติบุตรชายคนโตของตระกูล ขณะที่คนรับใช้กำลังขนกระเป๋าสัมภาระตามเจ้านายขึ้นตึก ก้องเกียรติขับรถเข้ามากับเรืองยศ ก้องเกียรติเหลือบเห็นคำแก้วจึงลงจากรถจะไปหา เรืองยศไม่พอใจรีบก้าวตาม

คำแก้วเห็นสองหนุ่มก็ตกใจ นัยน์ตาตื่นตระหนกหวีดร้องแล้วหันหลังซมซานหนี จนอาอึ้มและลำยองต้องช่วยกันจับแล้วพากลับไปที่ตึกเล็ก ก้องเกียรติมองตามอย่างพิศวงว่าคำแก้วตกใจอะไร ส่วนเรืองยศหน้าบึ้งตึงที่ก้องเกียรติดูยังมีเยื่อใยต่อคำแก้ว

พาคำแก้วกลับมาสงบสติอารมณ์แล้ว ลำยองซึ่งไม่ เข้าใจว่าคำแก้วกลัวอะไร จึงเอ่ยปากถามอาอึ้ม แต่คำตอบที่ได้ก็คือ ถ้าลำยองอยากอยู่ที่บ้านนี้อย่างสบายใจ ก็อย่าสงสัยอะไรทั้งนั้น...

ลำยองออกจากตึกเล็กอย่างค้างคาใจ เดินมาเจอ

เรยาซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้มองไปที่ศาลาหลังตึก ลำยองขยับเข้ามาก็ต้องอึ้งตะลึงกับถ้อยคำของเรืองยศที่ต่อว่าก้องเกียรติยังอาลัยอาวรณ์คำแก้ว พอได้สติลำยองรีบไล่ลูกสาวตัวน้อยออกไป ส่วนตัวเองนั่งยองๆแอบฟังต่อไปอย่างเงียบกริบ

"ใช่มั้ย วันนี้เห็นหน้ามันแล้วอาลัยอาวรณ์ใช่มั้ย" เรืองยศคาดคั้นเสียงขุ่น

"ยศ...ฉันห้ามกี่หนแล้วไม่ให้พูดถึงคำแก้ว เพราะฉันพยายามลืม ทำอย่างนี้เหมือนจะไม่ให้ฉันลืม"

"ยังไงๆ นายก็ลืมไม่ลงอยู่แล้ว อยากรู้นักว่ามันมีเสน่ห์ตรงไหน นายถึงได้ฝังจิตฝังใจขนาดนี้...รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นไปไม่ได้ นังคำแก้วมันเป็นเมียพ่อ"

ลำยองตาโตตกใจ สองมือปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้มีเสียงเล็ดลอด

"สมน้ำหน้า มันคงต้องสอดรู้สอดเห็นจนกลายเป็นอีบ้าอีบ๊อง ความผิดของตัวเองแท้ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี แส่หาเรื่องจน..."

"หยุดที...หยุดหยาบคายเหมือนไอ้กุ๊ยข้างถนน ขึ้นไอ้ ขึ้นอีด่าเขาเจ็บๆแสบๆ เขาไปทำอะไรให้"

"ยิ่งกว่าทำเสียอีก มันทำลายหัวใจฉันป่นปี้จนแทบเอาตัวไม่รอด อย่าโกหกตัวเองนะว่าไม่รู้"

"ยศ ฉันบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ชอบฟัง จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ"

"ทนไม่ได้ เพราะยังรักมันอยู่ใช่มั้ยล่ะ"

"บอกให้หยุด บอกตรงๆ ฉันเบื่อความหวือหวาของนายเต็มที อยากให้คนรู้นักเหรอว่าเป็นกะเทย"

"ไม่ใช่กะเทยคนนี้เหรอที่ช่วยไม่ให้นายทำผิดศีลธรรม ถึงขนาดเป็นชู้กับเมียพ่อตัวเอง"

ลำยองตกใจสุดขีด นั่งแปะลงกับพื้นอย่างหมดแรง...เสียงโต้เถียงของทั้งคู่ยังดังแว่วได้ยินชัด

"อย่ายศ อย่ายั่วยุจนฉันต้องลงไม้ลงมือ มันทุเรศ"

"ก้องเกียรติ...ฉันผิดหรือที่รักนาย ทำทุกสิ่งก็เพื่อนาย แต่ นายหลงนังนั่นจนตาบอด...นายน่ะตาบอด ระวังกรรมเวรจะตามทัน"

ก้องเกียรติเดินหนีไปอย่างสุดทน เรืองยศเดินตามพันพัวคว้าแขนไม่ให้ไป แต่อีกฝ่ายโมโหมากถึงกับสะบัดจนเรืองยศเซถลา น้ำตาคลอด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เดินตามเขาขึ้นตึกไปอย่างกระชั้นชิด ส่วนลำยองยังอยู่ในอาการช็อก ตะลึงตะไลกับความจริงที่ได้ยินเต็มสองหู

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น