วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ป่านางเสือ ตอนที่ 15

ตอนที่ 15

ขณะเดียวกัน ระหว่างทางไปโรงพิมพ์ อภิชาติราวกับรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับจักจั่นได้ อยู่ๆก็ปวดหัวจี๊ดจนต้องเอามือกุมขมับ สินชัยแปลกใจว่าเป็นอะไรไป อภิชาติซึ่งสวมบทนายยูเว่สะบัดหัวเล็กน้อย ทำฟอร์มขรึม

"ปวดหัวนิดหน่อย...ไม่มีอะไร"

สินชัยมองสงสัย แต่ไม่ติดใจอะไร ในสมองของเขาตอนนี้คิดแต่เรื่องแบงก์พันดอลลาร์ที่มีปัญหา...

ดาวกำลังต่อสู้อยู่กับอาจารย์เฉินก็รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับจักจั่นได้เช่นกัน ถึงกับเสียจังหวะ พลาดท่าถูกอาจารย์เฉินกระแทกหมัดใส่กระเด็นอัดต้นไม้โครม ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น อาจารย์เฉินไม่รอช้า ชักดาบปราดเข้าหาหมายจะจัดการดาวขั้นเด็ดขาด ขณะอาจารย์เฉินเงื้อดาบขึ้นสุดแขน มีเสียงปืนดังปัง ดาบในมือกระเด็นไปปักต้นไม้ใกล้ๆ อาจารย์เฉินหันขวับไปมองเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนจ้องปืนมายังเขา

"คนนั้นแฟนผม...ห้ามแตะ" ฤทธิชัยตะโกนขู่อย่างเอาเรื่อง
"ถ้าท่านไม่ลอบกัด...ท่านไม่สามารถทำร้ายเราได้"

"อย่างนั้นเอาใหม่...เชิญ" ฤทธิชัยยิ้มกวน สาดกระสุนใส่ยอดฝีมือฝ่ายศัตรูไม่ยั้ง

อาจารย์เฉินดีดตัวหลบคมกระสุนไปมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วถีบตัวกับต้นไม้ต้นหนึ่งพุ่งเข้าหาฤทธิชัย ก่อนที่เท้าจะถีบเข้ายอดอกผู้กองหนุ่ม ดาวโดดขวาง ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกัน ต้านไว้ได้ทัน แล้วผลักร่างของเขาลอยไปกระแทกต้นไม้อย่างแรง แต่ด้วยฝีมือล้ำเลิศ อาจารย์เฉินลงมายืนกับพื้นได้โดยไม่ล้ม

ดาวตั้งท่าเตรียมต่อสู้ขณะที่ฤทธิชัยจ้องปืนพร้อมจะยิง อาจารย์เฉินเห็นท่าไม่ดี ดีดตัวหายเข้าไปในพงไม้ทึบ ดาวเกรงจะเกิดเหตุร้ายกับจักจั่น ชวนฤทธิชัยไปยังถ้ำที่เก็บร่างของจักจั่นทันที

ooooooo

ลินจงยิ้มสะใจ งานที่เธอได้รับมอบหมายจากอาจารย์เฉินสำเร็จด้วยดี ร่างทั้งสองร่างของจักจั่นถูก กำจัดในเวลาเดียวกัน พออาจารย์เฉินซึ่งตามมาสมทบกับลินจงทราบข่าวดีนี้ สั่งให้ทุกคนสลายตัว...

ครู่ต่อมา ดาวกับฤทธิชัยมาถึงลานหน้าถ้ำเก็บร่างจักจั่น ซึ่งขณะนี้ปากถ้ำถูกก้อนหินถล่มปิดจนมิดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ดาวปราดเข้าไปหาร่างแน่นิ่งของจักจั่นที่อยู่ในอ้อมกอดของแสง

"จักจั่นจะเข้าไปเอาร่างเดิมออกมา พ่อห้ามไม่ทัน" แสงพูดเสียงเครือ ดาวพลอยใจเสียไปด้วย

"คุณดาว...อาจจะเป็นอย่างคราวที่แล้วก็ได้...ที่วิญญาณของจักจั่นแค่ออกจากร่าง" ฤทธิชัยพูดปลอบใจ แสงเงยหน้ามองดาวอย่างมีความหวัง ดาวหลับตาทำสมาธิ อึดใจก็ลืมตาขึ้น ส่ายหน้าช้าๆ

"ดาวไม่รู้สึกว่ามีดวงวิญญาณล่องลอยอยู่เลย ไม่เหมือนคราวที่แล้ว"

แสงสีหน้าผิดหวัง เช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกโจรที่รายล้อมอยู่รอบๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าทุกคนต่างนิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก ทันใดนั้น ร่างของจักจั่นในอ้อมกอดของพ่อเกิดแสงเรืองรองขึ้นคลุมไว้จนมิด แล้วค่อยๆรวมกันเป็นกลุ่มลอยออกจากร่างของจักจั่น ดาวน้ำตาซึม

"ลาก่อน...จักจั่น"

แสงมองตามน้ำตาคลอ แสงสีทองกลายสภาพเป็นนกสีทองโผขึ้นสู่ท้องฟ้า บินวนเคียงข้างเหยี่ยวสายลมอยู่เหนือถ้ำ ดาวจ้องมองด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ฤทธิชัยเดินเข้ามาโอบเธอไว้เพื่อปลอบใจ พลันเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว หินจากปากถ้ำกระเด็นออกไปทุกทิศทุกทาง ทุกคนต่างหันไปมองเป็นตาเดียวกัน

ปรากฏร่างเดิมของจักจั่นเดินฝ่าม่านฝุ่นออกมา ดาวปราดเข้าไปกอดเธอไว้ด้วยความดีใจ จักจั่นยังเบลอเพราะแรงระเบิดเลยไม่รู้ว่าวิญญาณตัวเองกลับเข้าร่างเดิม ทันใดนั้น มีเสียงสายลมร้องดังขึ้น จักจั่นเงยหน้ามอง เห็นสายลมกำลังบินเคียงคู่อยู่กับนกสีทอง

"เอะ...พี่ดาวดูสิ นกสีทองมาจากไหน"

"นกสีทองคือยายบ๊อง...กำลังไปสวรรค์"

จักจั่นถึงได้รู้ว่าวิญญาณตัวเองกลับเข้าร่างเดิมได้แล้ว ดีใจมาก โผกอดพ่อแน่น ทุกคนต่างดีใจไปตามๆกัน จากนั้น สมาชิกโจร แสง จักจั่น ดาวกับฤทธิชัยเดินทางกลับค่ายโจรชั่วคราว สมพรเห็นจักจั่นปรากฏตัวในร่างเดิมก็ดีใจมาก สองแม่ลูกกอดกันกลม...

ที่ค่ายอาสาฯ นายไชยกับพวกกรูเข้าทำร้ายไผ่ แต่ ไผ่ฝีมือเหนือกว่าประเคนทั้งหมัดและเข่าใส่สมุนนายไชย กระเด็นไปคนละทิศละทาง นายไชยสู้ไม่ได้ชักปืนขึ้นมายิงกระหน่ำใส่ไผ่กระสุนไม่ระคายแม้แต่หนังกำพร้า นายไชยกับสมุนถึงกับตาเหลือกพากันเผ่นหนีไม่คิดชีวิต ไผ่ได้ยินเสียงร้องเตือนจากสายลมเรื่องจักจั่น รีบโดดขึ้นรถจีป ขับตรงไปยังค่ายโจรชั่วคราวกลางป่าลึกด้วยสีหน้าเป็นกังวล...

ขณะฤทธิชัยให้จันจิราตรวจอาการบาดเจ็บของเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ดาวหลบไปคุยกับลุงเดชถึงเรื่องยอดฝีมือที่ฝ่ายตรงข้ามดึงตัวมาช่วยงาน ไผ่มาถึงพอดี ลุงเดช ถามว่าค่ายอาสาฯเป็นอย่างไรบ้าง

"ผมไล่พวกไอ้ไชยกลับไปแล้ว...แต่ผมได้รับสัญญาณจากสายลม...ผมรู้สึกว่าจักจั่น..."

ไผ่พูดยังไม่ทันขาดคำ จักจั่นโผล่เข้ามาด้านหลัง ไผ่หันขวับไปมอง ถึงกับตะลึงที่เห็นน้องสาวกลับร่างเดิมและไม่ได้รับอันตรายอะไร สองพี่น้องโผกอดกันแน่น ดาวมองอย่างตื้นตันใจ

ooooooo

ณ ค่ายของลินจง อาจารย์เฉินหลับตาทำสมาธิ ตรงหน้ามีหุ่นผ้าสามตัววางบนผ้ายันต์ผืนหนึ่ง หุ่นพวกนั้นเป็นเหมือนตัวแทนดาว จักจั่น และไผ่ อาจารย์เฉิน สัมผัสได้ว่าจักจั่นยังไม่ตาย ลินจงเห็นกับตาว่าจักจั่นถูกถ้ำถล่มใส่ฝังทั้งเป็น เป็นไปไม่ได้ที่จะรอด อาจารย์เฉินคาดว่าพวกนี้ต้องมีพลังพิเศษบางอย่างคุ้มครองอยู่

"อย่างนี้เราก็ทำลายพวกมันไม่ได้สิคะอาจารย์"

"มีทางเดียวเท่านั้น ต้องให้พวกมันยอมแต่โดยดีเพื่อแลกชีวิตกับคนที่มันรัก"

ลินจงตาแววโรจน์ รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร...

ลุงเดชฟังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด สรุปว่ายอดฝีมือฝ่ายศัตรูจงใจแยกดาว จักจั่นกับไผ่ออกจากกัน เพราะรู้ดีว่าถ้าทั้งสามรวมกันต่อสู้ เขาไม่มีทางสู้ได้

"ลุงรู้ว่าพวกเธอมีศักดิ์ศรี...ไม่อยากรุมทำร้ายใคร แต่ศึกครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง...แต่เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม...ดังนั้น...ลุงอยากให้เธอทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะศัตรู...จำไว้"

ดาว จักจั่น และไผ่พยักหน้ารับคำ ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน...

ครู่ต่อมา ดาวชวนฤทธิชัยไปเดินเล่นในป่าใกล้ค่ายโจร เธออดแปลกใจไม่ได้ที่ฤทธิชัยหายเป็นปกติ แถมตามไปช่วยเธอจากอาจารย์เฒ่าได้ทันท่วงที ฤทธิชัยเล่าว่าฝันเห็นเสือกับเหยี่ยวเมื่อคืนก่อน พอตกใจตื่นก็รู้สึกว่าตัวเองหายดี แถมยังสามารถเข้าใจเสียงร้องเตือนภัยของเสือกับเหยี่ยวได้ด้วย

ดาวมองอย่างคาดไม่ถึง "แสดงว่าป่าต้อนรับผู้กองแล้วค่ะ"

"อย่างนั้นผมก็อยู่ป่ากับคุณดาวได้น่ะสิ" ฤทธิชัยดึงร่างหญิงสาวเข้ามาใกล้โอบเอวเธอไว้ "...เอ้อ...คุณดาวยังจำที่ผมบอกคุณดาวได้ไหมครับว่า ถ้าหายแล้ว ผมจะพาคุณอาหญิงมาขอคุณดาว"

"ดาวคิดว่า...ผู้กอง...เอ่อ...เมายา"

"ผมไม่เคยเมายาหรอกครับ...เมาคุณดาวไม่ว่า..." ฤทธิชัยกอดดาวแน่นขึ้น "ว่าไงครับ ตกลงหรือเปล่า"

ดาวอยากให้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ทั้งเรื่องสินชัย เงินปลอมและเรื่องนางเสือ ฤทธิชัยเชยคางดาวขึ้นมามองสบตา รับปากว่าจะรีบกลับกรุงเทพฯ และจะเปิดโปงเรื่องนางเสือปลอมที่สินชัยเป็นคนจัดฉากขึ้น

"แล้วนางเสือจริงล่ะคะ"

"ผมจะพยายามติดตามขอให้มอบตัว..."

"และถ้านางเสือไม่ยอม"

ฤทธิชัยรู้ดีว่านางเสือทำลายคนชั่วช่วยเหลือคนดี และยังเคยช่วยชีวิตเขาด้วย แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย เขาจะเลือกปฏิบัติไม่ได้ ดาวเข้าใจดี แต่อดเป็นกังวลไม่ได้

ooooooo

นกสีทองที่เกิดจากการรวมกันของร่างกายและวิญญาณยายบ๊อง กลับถูกอาจารย์เฉินใช้วิชามารฉกไป จักจั่นรับสัมผัสนี้ได้ ผลุนผลันออกไปช่วยยายบ๊อง ใครห้ามก็ไม่ฟัง ดาวรีบชวนฤทธิชัยขึ้นรถจี๊ปออกตามจนทันกันที่ลานเล็กๆกลางป่า ดาวดีดตัวขวางหน้าจักจั่นไว้

"ใจเย็นๆก่อนจักจั่น อย่าวู่วาม"

"แต่เราต้องช่วยยายบ๊อง" จักจั่นร้อนใจมาก

"แน่นอน...แต่อย่างมีสติ...มันใช้วิชาขโมยวิญญาณแสดงว่ามันมีฝีมือสูงทีเดียว ถ้าเราไม่รอบคอบ นอกจากเราช่วยยายบ๊องไม่ได้แล้ว เราอาจตกเป็นเหยื่อของมัน...เราไปหาผู้กองกันดีกว่าอยู่ทางด้านโน้น"

จักจั่นใจเย็นลงพยักหน้ารับ สองสาวเดินมาขึ้นรถจี๊ปที่ฤทธิชัยนั่งรออยู่ บ่ายหน้าไปยังทิศทางที่สัมผัสยายบ๊องได้...

พอไผ่รู้เรื่องจะตามไปช่วยดาวกับจักจั่น ลุงเดชคัดค้าน เพราะดาว จักจั่นกับฤทธิชัยมีฝีมือพอรับมือพวกศัตรูได้ เขาอยากให้ไผ่กลับไปดูแลค่ายอาสาฯมากกว่า ไผ่อ้าปากจะค้านแสงเข้ามาตบไหล่ลูกชายเบาๆ

"ไผ่เชื่อลุงเดชดีกว่า พวกมันเริ่มลงมือแล้ว...พาหนูจัน กลับไปด้วย จะได้ไปช่วยป้าเนียน"

ไผ่ไม่อยากขัดใจพ่อ พยักหน้ารับคำ แต่อดเป็นห่วงดาว จักจั่นกับฤทธิชัยไม่ได้...

ขณะที่ดาว จักจั่นกับฤทธิชัยขับรถไปตามเส้นทางในป่า อยู่ๆท้องฟ้าจากกลางวันแดดเปรี้ยง ค่อยๆกลายเป็นมืดครึ้ม ดาวจอดรถ เตือนทุกคนระวังตัวให้ดี มีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวมาทางนี้ แล้วดีดตัวลงจากรถกระชากปืนขึ้นมากระชับไว้ในมือ จักจั่นกับฤทธิชัยทำตาม กวาดสายตาไปรอบๆอย่างระแวดระวัง

พลันมีเงาดำพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ทั้งสามคนสาดกระสุนใส่ไม่ยั้ง พวกนั้นกระเด็นหงายหลังตามแรงกระสุน แต่กลับลุกขึ้นเดินดุ่มๆเข้ามาอีก พอดาวเห็นหน้าชัดๆถึงได้รู้ว่าพวกมันเป็นผีดิบ บ่นพึมพำว่า

"ที่แท้มันเรียกวิญญาณเร่ร่อนมาเข้าร่างคนตาย แล้วส่งมาเล่นงานพวกเรา"

ดาว จักจั่นกับฤทธิชัยต่างเตรียมพร้อมรับมือ จังหวะนั้น ท้องฟ้าที่มืดมิดกลับสว่างขึ้นอีก พวกผีดิบชะงักนิดหนึ่ง จักจั่นยิ้มดีใจ คิดว่าพวกมันกลัวแดด แต่ต้องหุบยิ้ม พวกผีดิบดาหน้าเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง

ooooooo

ขณะเดียวกัน จงชือเห็นรถตู้ของสินชัยเลี้ยวเข้าไปจอดในตึกร้างแห่งหนึ่ง สินชัยกับอภิชาติลงจากรถตู้เดินเข้าไปในตัวตึก มือปืนสี่คนกรูตามลงมา ยืนเฝ้าระวังโดยรอบ จงชือเกรงพวกนั้นจะผิดสังเกตรีบสั่งการ

"เราถอยก่อน โรงพิมพ์ไม่ใช่เป้าหมายสำคัญ...ไอ้ยูเว่ ต่างหากคือคนที่เราต้องการ"

คนขับรถพยักหน้ารับคำ ค่อยๆถอยรถหลบ...

ภายในตึกร้างแห่งนั้น มีแท่นพิมพ์แบงก์ปลอมตั้งอยู่เต็มและมีมือปืนยืนคุมอยู่ทุกจุด หัวหน้ามือปืนเห็นสินชัยรีบเดินเข้ามาถามว่ามีอะไรเร่งด่วน สินชัยไม่พูดพล่ามสั่งให้หยุดการพิมพ์ทั้งหมดทันที อภิชาติคว้าแม่พิมพ์ไปที่โต๊ะทำงาน เลื่อนโคมไฟที่มีแว่นขยายติดอยู่มาส่องดู สินชัยมองตามหน้าเครียด

"เจอแล้ว...ตรงนี้เอง...เส้นบางไปหน่อย" อภิชาติว่าแล้วเอาเครื่องมือมาแต่งแม่พิมพ์แบงก์พันดอลลาร์อยู่อึดใจ "เรียบร้อย...เข้าแท่นพิมพ์ต่อได้เลย"

"แค่นี้เองหรือ"

"ครับ แค่นี้เอง...คราวนี้เราก็ไปดูที่คอมพิวเตอร์อีกครั้งถ้าทุกอย่างออกมาตามแม่พิมพ์ก็เป็นอันว่าจบ"

สินชัยพยักหน้าพอใจ อภิชาติลอบสังเกตบริเวณรอบๆโรงพิมพ์เพื่อจดจำทุกรายละเอียด...

ครู่ต่อมา จงชือเห็นรถตู้ของสินชัยออกจากตึกร้าง รีบ โทร.สั่งให้ลูกน้องจัดกำลังเสริมให้พร้อม รถเป้าหมายกำลังมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของนายยูเว่แล้ว...รถของจงชือตามรถตู้ของสินชัยมาถึงโกดังเก็บของ ทันทีที่สินชัยกับอภิชาติลงจากรถ มือปืนนับสิบคนกรูออกจากที่ซ่อนล้อมอภิชาติไว้ สินชัยยกมือขึ้นห้าม

"ถอยไปให้หมด...ทำเป็นตกใจไปได้คุณยูเว่..."

สินชัยหันไปยิ้มให้อภิชาติ แล้วเดินนำไปยังประตูทางเข้าโกดัง ร้องสั่งให้เปิดประตู สมุนที่ยืนเฝ้าระวังอยู่มองหน้าอภิชาติเขม็ง อภิชาติยืนนิ่งเตรียมพร้อม มือค่อยๆขยับมาใกล้เอวซึ่งเหน็บปืนไว้

"แต่ท่านยูเว่ไม่อยู่" สมุนพูดกับสินชัยแต่สายตากลับจับจ้องอภิชาติไม่วางตา

"ไม่เป็นอะไร...ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น...เปิดประตู"

สมุนไม่กล้าขัดคำสั่ง รีบเปิดประตูให้ เผยให้เห็นภายในโกดังมีสมุนสองคน คนหนึ่งนั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนอีกคนหนึ่งยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ สินชัยเดินเข้าไปหาคนคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ ขอตรวจงาน

"ไม่รอคุณยูเว่ก่อนหรือครับ"

สินชัยนิ่วหน้าสงสัย "ท่านยูเว่ไปไหน"

"ไปพักหาอะไรดื่มที่บาร์ครับ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เองครับ"

กว่าสินชัยจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็เป็นตอนที่อภิชาติเอาปืนจ่อหัวเขาไว้ แถมขอบคุณที่สินชัยอุตส่าห์พามาที่นี่ สินชัยกัดฟันกรอดๆเจ็บใจที่ถูกอภิชาติเล่นละครตบตา อภิชาติสั่งให้สินชัยส่งคนไปตามนายยูเว่

"ถ้าผมรู้ว่านายยูเว่เป็นใคร...ผมคงไม่ถูกคุณหลอก ยิ่งไอ้พวกนี้ด้วย มันยิ่งไม่รู้ใหญ่...ตั้งแต่คราวนั้นที่คุณบุกมา นายยูเว่มีเพิ่มขึ้นเป็น 5 คน" สินชัยยิ้มแสยะ ขณะที่อภิชาติตีหน้าเครียด

ooooooo

ดาว จักจั่นและฤทธิชัยใช้ทั้งหมด ทั้งเข่าและปืนแต่ก็ทำอะไรพวกผีดิบไม่ได้ จังหวะหนึ่งฤทธิชัยเสียทีถูกผีดิบตัวหนึ่งฟาดฝ่ามือใส่ กระเด็นกระแทกต้นไม้สลบเหมือด ดาวกับจักจั่นสู้ติดพันเข้ามาดูแลผู้กองหนุ่มไม่ได้ ดาวเลยเรียกสายฟ้ามาช่วยดูให้ พวกผีดิบไม่กล้าแหยมกับสายฟ้า หันไปเล่นงานสองสาวแทน

จักจั่นกับดาวชักมีดขึ้นมาต่อสู้ ดาวปักมีดเข้ากลางอก ผีดิบร้องโหยหวนก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่น ดาวร้องบอกจักจั่นทันทีว่าจุดอ่อนของพวกมันอยู่ที่อก จักจั่นถีบผีดิบตัวหนึ่งออกไป

"เหมือนตอกลิ่มเข้าหัวใจพวกผีดิบแวมไพร์เหรอพี่ดาว"

"ใช่" ดาวว่าแล้วโดดตัวลอยเข้าใส่ผีดิบ เอามีดเสียบกลางหัวใจอย่างเหมาะเจาะ ผีดิบตัวนั้นกลายเป็นฝุ่น พอรู้วิธีกำราบแล้วก็เป็นการง่ายที่สองสาวจะจัดการส่งพวกผีดิบไปเกิดใหม่...

ที่โกดังเก็บของ อภิชาติใช้ปืนจี้บังคับสินชัยให้พาไปยังห้องพักผ่อนซึ่งจัดไว้สำหรับนายยูเว่โดยเฉพาะ อภิชาติถึงกับอึ้งเมื่อพบชายชาวต่างชาติ 5 คน นั่งอยู่คนละมุมห้อง โดยมีสมุนคนหนึ่งยืนคุมเชิงอยู่

สินชัยยิ้มกวนประสาท "เชิญเลือกเอาได้เลยครับคุณอภิชาติ"

อภิชาติกวาดตามองชายต่างชาติทั้ง 5 คน แล้วตะโกนขึ้นว่า "เอาล่ะ...ใครไม่ใช่นายยูเว่ออกไปได้...ถ้าไม่รีบออกไป โดนข้อหาติดคุกหัวโตไม่รู้ด้วย"

พวกนั้นต่างมองหน้ากัน มีฝรั่งคนหนึ่งลุกขึ้นเดินผ่านหน้าอภิชาติไป อีกคนหนึ่งขยับตัวลุกขึ้น ขณะเดินผ่านหน้าทนายหนุ่ม สร้อยตรวจจับไทเทเนียมที่อภิชาติห้อยคออยู่เริ่มสั่นและมีไฟกะพริบ

"เดี๋ยวก่อน...มร.ยูเว่ อยู่ก่อน"

อภิชาติยิ้ม กดเหรียญที่สร้อยให้ไฟดับ สมุนของสินชัย เห็นอภิชาติมัวแต่สนใจนายยูเว่ ฉวยโอกาสพุ่งใส่ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบแล้วตบด้วยด้ามปืนหน้าคะมำ สินชัยอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว นายยูเว่ขยับจะตาม อภิชาติยิงปืนขึ้นเพดานเปรี้ยง นายยูเว่หยุดกึก

"นายสินชัยไปได้ แต่นายต้องอยู่ก่อน" อภิชาติสั่งให้นายยูเว่กลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ

เสียงสินชัยตะโกนบอกอภิชาติให้ยอมแพ้ได้แล้ว ถึงอย่างไรก็หนีไปจากที่นี่ไม่ได้ อภิชาติค่อยๆแง้มประตูห้องดู เห็นสมุนของสินชัยนับสิบจ้องปืนใส่โดยมีสินชัยยืนสั่งการอยู่ด้านหลัง อภิชาติรีบโดดหลบเป็นจังหวะเดียวกับมีเสียงปืนดังหูดับตับไหม้ ข้าวของในห้องพักผ่อนกระจุยกระจาย

ทุกคนต่างหลบเข้าที่กำบังกันโกลาหล พลันมีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังสนั่น อภิชาติยิ้มออก รู้ทันทีว่าจงชือกับพวกบุกมาช่วย สมุนของสินชัยเห็นท่าไม่ดีบอกให้เจ้านายรีบหนี ด้วยความเคียดแค้นก่อนไปสินชัยสั่งให้สมุนบุกเข้าไปฆ่าพวกนั้นให้หมด อภิชาติตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ดีที่พวกของจงชือมาช่วยไว้ได้ทัน จัดการสังหารสมุนของสินชัยตายเรียบ และจับกุมตัวนายยู่เว่ได้ในที่สุด

ไม่นานนัก กู่หลินตามมาที่โกดัง ขอบคุณอภิชาติที่ช่วยตามตัวนายยูเว่จนเจอ อภิชาติถอดสร้อยคอคืนให้ กู่หลินขอร้องให้เขาเก็บไว้ อภิชาติรับไว้ด้วยความเต็มใจและอวยพร ให้เธอเดินทางโดยปลอดภัย ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน อภิชาติกับจงชือมองตามรถของกู่หลินแล่นไปจนลับสายตา จงชือหันมาชี้เหรียญในมืออภิชาติ

"ผมไม่ได้บอกว่ามีเครื่องส่งวิทยุอยู่ในเหรียญด้วย"

"เท่ากับว่าคุณรู้ว่าผมอยู่ที่ไหนตลอดเวลา...ที่แท้คุณก็ไม่ไว้ใจผมเหมือนกัน" อภิชาติยิ้มสบายอารมณ์ "...ผมขอถามหน่อย ทำไมคุณถึงเคลียร์พวกแก๊งมังกรออกจากโรงพิมพ์ ได้รวดเร็วทันใจ"

ที่จงชือทำได้รวดเร็วเพราะแก๊งมังกรคือคนของเขาเอง อภิชาติอยากรู้อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้โรงพิมพ์แบงก์ปลอมเป็นอย่างไรบ้าง จงชือโทร.แจ้งทางการไทยไปแล้ว ป่านนี้คงไม่เหลือซาก ทั้งสองต่างขอบคุณซึ่งกันและกัน แล้วจับมือลากันด้วยไมตรีจิต

ooooooo

ฤทธิชัยไม่ได้เป็นอะไรมาก พักเดียวก็รู้สึกตัว แต่เนื่องจากตะวันลับทิวเขาไปแล้ว ดาวตกลงใจว่าคืนนี้คงต้องค้างแรมในป่า พรุ่งนี้ค่อยตามรอยกันต่อ ฤทธิชัยพยักหน้าเห็นด้วย เนื่องจากฤทธิชัยเพิ่งฟื้น ดาวขอให้เขาหลับพักผ่อนก่อน เธอจะอยู่เฝ้าระวังเป็นผลัดแรกเอง ส่วนจักจั่นจะอยู่ต่อจากเธอ

"เอาล่ะ ผมยอมรับความจริงว่าผมอ่อนเชิงกว่าคุณสองคนในเรื่องป่า ปลุกผมเมื่อถึงเวลาแล้วกัน" ฤทธิชัยว่าแล้วเอนหลังพิงต้นไม้...

ท่ามกลางแสงสลัวของกองไฟ มีเสียงคำรามของสายฟ้าดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องของสายลม ดาวระวังภัยเต็มที่ สายตากราดไปในความมืดเบื้องหน้า จักจั่นเดินมายืนข้างๆมองไปยังทิศทางเดียวกัน

"บางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก...พี่ดาวคิดอย่างจักจั่นหรือเปล่า"

"อืม...พี่ว่าอย่าให้มันเห็นผู้กองจะดีกว่า"

ดาวค่อยๆเดินไปหาฤทธิชัยซึ่งกำลังนอนหลับสนิท แล้วหลับตาทำสมาธิ ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยปกป้องอำพรางร่างของเขาให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย สิ้นเสียงอธิษฐานของดาว มีแสงรางๆมาคลุมร่างของฤทธิชัยไว้มิด ดาวยิ้มพอใจที่ไม่มีฤทธิชัยมาคอยเกะกะ เธอกับจักจั่นจะได้ใช้พลังต่อสู้กับศัตรูได้เต็มที่หน่อย

ทันใดนั้น มีเสียงกรีดร้องอย่างน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น ร่างๆหนึ่งพุ่งเข้าใส่ดาวกับจักจั่น สองสาวดีดตัวหลบกรงเล็บแหลมของมันพุ่งเข้าหาคอของดาวกับจักจั่นพร้อมกัน ทั้งคู่เบี่ยงตัวเล็กน้อย คว้าข้อมือมันไว้ได้ มืออีกข้างหนึ่งของทั้งคู่ตวัดมีดสั้นขึ้นมาเงื้อ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเป็นยายบ๊องหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว

ยายบ๊องบุกตะลุยเข้าใส่ สองสาวได้แต่ปัดป้องไม่กล้าลงมือทำร้าย ยายบ๊องได้ทีลุกไล่อย่างหนัก สองสาวพลาดท่าถูกยายบ๊องบีบคอ ดาวพยายามแกะมือออกแต่สู้มือของยายบ๊องไม่ได้ จักจั่นทนต่อไปไม่ไหว เงื้อมีดสั้นหมายจะแทง พลันมีเสียงปืนดังปังกระสุนถูกร่างยายบ๊องเต็มๆถึงกับกรีดร้องลั่น

พุ่งหายไปในความมืด

ฤทธิชัยวิ่งเข้ามาหาสองสาว "ผมตกใจตื่นขึ้นมาเห็นคุณจักจั่นถือมีดอยู่ แต่ไม่เห็นทำอะไรก็เลยตัดสินใจยิง"

"แปลก...ทำไมปืนของผู้กองถึงไล่ยายบ๊องไปได้" ดาวนิ่วหน้าสงสัย

"เอ่อ...คือผมยกมือไหว้ขอเจ้าป่าก่อนแล้วถึงยิง นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้ผล...เดี๋ยว...เมื่อกี้คุณพูดว่ายายบ๊องหรือ" ฤทธิชัยงง มองหน้าดาวกับจักจั่นสลับกันไปมา ดาวตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่ายอดฝีมือของฝ่ายศัตรู เรียกวิญญาณเร่ร่อนมาเข้าร่างยายบ๊อง แล้วสั่งให้มาจัดการกับพวกเรา ฤทธิชัยถอนใจเฮือก

"นี่ถ้าผมเล่าให้นายชาติฟัง มันต้องหัวเราะเยาะผมแน่"

จักจั่นรับปากว่าถ้าอภิชาติหัวเราะเยาะเขา เธอจะหยิก ให้เนื้อเขียวเอง ทั้งสามคนต่างยิ้มขำ...

คืนเดียวกันนั้น ลินจงส่งชายในชุดดำแยกกำลังเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งล่อไผ่กับจันจิราไว้ อีกส่วนหนึ่งลอบเข้าไปทำร้ายป้าเนียนถึงในห้องนอนของเธอ ยังโชคดีที่ไผ่ไหวตัวทันกลับมาช่วยป้าเนียนไว้ได้ แต่เธออาการสาหัส หมอต้องเก็บตัวไว้ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด...

อภิชาติก็ถูกชายหญิงชาวต่างชาติคู่หนึ่งใช้ปืนจี้ลักพาตัวไปจากหน้าคลับหรูที่เที่ยวประจำของเขา จี้บังคับให้ขึ้นรถของอภิชาติเอง ขับหายไปท่ามกลางแสงสียามค่ำคืนอย่างไม่รู้ชะกรรม

ooooooo

ดึกคืนนั้น ฤทธิชัยอาสาจะเฝ้ายามให้เพราะเห็นว่าจักจั่นกับดาวบู๊กับพวกศัตรูมาตั้งแต่ตอนเย็นยันค่ำ ดาวอ้าปากจะค้าน ฤทธิชัยชิงพูดขึ้นก่อนว่า ถ้าเขาได้ยินหรือเห็นอะไรผิดสังเกต เขาจะปลุกทั้งคู่ ทันที ดาวตกลงตามนั้น แล้วสองสาวพากันไปนอนใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้กองไฟ

ขณะฤทธิชัยกำลังยืนเฝ้าระวังอยู่นั้น ยายบ๊องห้อยหัวลงจากต้นไม้มือสองข้างเอื้อมไปที่คอของดาว ฤทธิชัยตวัดปืนเล็งไปยังยายบ๊อง แต่ก่อนจะลั่นไก ดาวดีดตัวขึ้นคว้าร่างยายบ๊องไว้อย่างรวดเร็ว จักจั่นก็เช่นกัน ดาวล็อกคอยายบ๊องแน่นไม่ยอมปล่อย ยายบ๊องพยายามสะบัดจนดาวกระเด็นลงไปคลุกฝุ่น

ฤทธิชัยตวัดปืนในมือขึ้นเล็งอีกครั้ง ดาวร้องห้ามเสียงหลง เขาได้แต่จ้องปืนค้างอยู่อย่างนั้น ยายบ๊องดีดตัวเข้าหาดาว ฟาดฝ่ามือใส่อุตลุด ดาวได้แต่ปัดป้องไม่ได้โต้ตอบ แล้วตะโกนถามจักจั่นว่าพร้อมไหม ทันทีที่จักจั่นตอบกลับมาว่าพร้อม ดาวกระแทกฝ่ามือออกไป ยายบ๊องลงไปคลุกฝุ่นบ้าง

จังหวะนั้น จักจั่นสะบัดตาข่ายพรานออกจากมือ พุ่งครอบร่างยายบ๊องไว้อย่างรวดเร็ว ยายบ๊องดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งยิ่งดิ้นตาข่ายยิ่งรัดแน่น ดาวเข้ามายืนข้างจักจั่น

"แน่ใจนะว่าตาข่ายพรานของจักจั่นเอายายบ๊องอยู่"

จักจั่นรับรองว่าเอาอยู่แน่นอน ดาวพยักหน้ารับรู้ แล้วดีดตัวไปยังทิศทางที่อาจารย์เฉินอยู่ เธอรู้ดีว่าเขาต้องอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถึงควบคุมวิญญาณที่เข้าร่างยายบ๊องได้ ดาวต้องตัดการควบคุมวิญญาณของอาจารย์เฉินให้ได้ ก่อนที่ร่างของยายบ๊องจะบอบช้ำไปมากกว่านี้...

อภิชาติถูกชายชาวต่างชาติบังคับให้โยนปืนทิ้ง แต่เขาอิดออด ชายคนร้ายรำคาญคว้าปืนของอภิชาติโยนไปให้คู่หูของเขาที่นั่งอยู่เบาะหลัง หญิงคนร้ายชาวต่างชาติมีข้อความจากสินชัยฝากมาบอกอภิชาติด้วยว่ากู๊ดบาย สองคนร้ายพากันหัวเราะคิกคัก อยู่ๆรถค่อยๆลดความเร็วจนหยุดสนิท หญิงคนร้ายสงสัยว่าจอดทำไม

"ไม่ได้จอด...อยู่ดีๆเครื่องก็ดับ"

"อ้อ...ลืมบอกไป รถผมมีปัญหาว่าจะส่งไปซ่อมพรุ่งนี้"

"ไม่ต้องเสียเวลา คุณไม่ต้องใช้อีกแล้ว" ชายคนร้ายหัวเราะอีก อภิชาติหัวเราะบ้าง เพราะเคยได้ยินมาว่าถ้าใครได้หัวเราะก่อนตาย วิญญาณจะได้ขึ้นสวรรค์

"เอาเลย...หัวเราะได้เต็มที่" ชายคนร้ายเชิญชวน

"ผมหมายถึงพวกคุณต่างหาก"

ชายคนร้ายหยุดหัวเราะ สั่งให้อภิชาติลงจากรถ หญิงคนร้ายลงไปยืนเอาปืนจ่อเขาไว้ ชายคนร้ายจึงตามลงมา อภิชาติ เจ้าเล่ห์อ้างว่าไม่อยากตายข้างถนน ขยับเดินห่างจากรถไปหลายก้าว ชายคนร้ายอารมณ์เสีย ยิงที่พื้นข้างเท้าอภิชาติดินกระจุย เขาถึงกับหยุดกึก

"คุณสินชัยอยากรู้ว่าคุณเอานายยูเว่ไปไว้ไหน ถ้าบอกก็จะรอด"

"ถึงบอกก็ไม่รอด...ไม่บอกดีกว่า" อภิชาติไม่ได้หมายถึงตัวเอง

"อย่างนั้นก็กู๊ดบาย"

"เดี๋ยว นับหนึ่งถึงสิบแล้วค่อยยิงได้หรือเปล่าเพื่อน...จะได้มีเวลาทำใจ"

ชายคนร้ายยินยอม ถือว่าเป็นคำขอครั้งสุดท้าย แล้วเริ่มนับหนึ่ง สอง สามไปเรื่อย พอนับถึงเก้าอภิชาติพุ่งตัวนอนราบกับพื้นเอามือกุมหัวไว้ ทันใดนั้น รถทั้งคันระเบิดตูมไฟลุกท่วม เศษดินเศษหญ้ากระเด็นตกมาที่ร่างของอภิชาติ ส่วนปืนในมือชายคนร้ายตกลงมาตรงหน้า ควันโขมง

ooooooo

อาจารย์เฉินนั่งหลับตาสวดมนต์อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ต้นหนึ่ง ตรงหน้ามีหุ่นดินปั้นตัวเล็กๆเป็นตัวแทนของยายบ๊องวางอยู่ มีเชือกสีดำจากมือของเขาคล้องคอหุ่นไว้ สมุนของลินจงนับสิบยืนหันหลังให้อาจารย์เฉินล้อมบริเวณนั้นโดยรอบ เฝ้าระวังไม่ให้ใครผ่านเข้ามา ส่วนลินจงนั่งเฝ้าระวังอยู่หน้ากระโปรงรถจี๊ป

พลันมีเงาดำผ่านแวบไปทางด้านหลัง ลินจงโบกมือให้สมุนสองคนตามไปดู ดาวจัดการทั้งคู่อย่างง่ายดายมีแต่เสียงร้องโหยหวนดังฝ่าความเงียบเข้ามา ลินจงเหลียวมองอาจารย์เฉินซึ่งขณะนี้ลืมตาขึ้นมอง

"มีคนบุกเข้ามา...เราต้องรีบไป"

"ยังไปไม่ได้...ต้องรอให้ร่างกลับมาก่อน" อาจารย์เฉินว่าแล้ว หลับตาสวดมนต์อีกครั้ง

ดาวซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าจ้องมองอาจารย์เฉินเขม็ง ก่อนยกมือขึ้นพนมสวดพึมพำ ร่างของดาวค่อยๆจางหายไป ลินจงตวัดปืนขึ้นมา เดินไปสำรวจใกล้พงไม้ สายตาจับจ้องฝ่าความมืดไปเบื้องหน้า ดาวปรากฏตัวห้อยหัวลงมาจากต้นไม้เหนืออาจารย์เฉินโดยไม่มีใครเห็น ตวัดมีดสั้นตัดเชือกสีดำในมือเขาอย่างเงียบกริบ

ลินจงสัมผัสได้ถึงสิงผิดปกติแต่ก็สายไปแล้ว ดาวขโมยหุ่นดินปั้นไปเรียบร้อย ทิ้งกิ่งไม้เล็กๆไว้ให้แทน อาจารย์เฉินโกรธจัดที่โดนลูบคม ลินจงอาสาจะตามไปจัดการให้

"ไม่ต้อง...ตอนนี้กลับเป็นมันที่สามารถควบคุมร่างได้ ตามไปรังแต่จะตายเปล่า"

ลินจงกราดมองด้วยความแค้นใจ ยิงสมุนที่ทำงานพลาดระบายแค้น ดาวซุ่มดูจนแน่ใจว่าลินจงกับพวกเคลื่อนขบวนออกจากป่าไปแล้ว จึงดีดตัวกลับมาหาจักจั่นกับฤทธิชัย เอาหุ่นดินปั้นยื่นตรงหน้าร่างของยายบ๊อง ดาวพนมมือสวดมนต์ ยายบ๊องดิ้นทุรนทุรายก่อนจะฟุบลงกับพื้น หุ่นดินปั้นสลายเป็นแสงหายไป

"แน่ใจหรือว่าจะสงบจริง" ฤทธิชัยมองอย่างขยาด

จักจั่นตอบไม่ได้เหมือนกัน สะบัดมือไปยังตาข่ายพราน ตาข่ายหายไป ฤทธิชัยจ้องร่างของยายบ๊องตาไม่กะพริบ ดาวพลิกร่างของยายบ๊องขึ้นมา เห็นยายบ๊องหน้าตาสวยเหมือนเดิม จักจั่นถอนใจโล่งอก

"วิญญาณร้ายที่สิงอยู่มอดไปแล้ว" ดาวยิ้มกับจักจั่นอย่างสบายใจ พลันร่างของยายบ๊องสลายกลายเป็นจุดสีทอง แล้วรวมตัวเป็นนกสีทองตัวเล็กๆอีกครั้ง โผขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงสายลมร้องดังขึ้น บินเข้ามาพานกสีทองบินหายไปในท้องฟ้า จักจั่นบอกลายายบ๊องอีกครั้ง

"เรากลับไปเล่นงานพวกมันบ้างดีกว่า" ฤทธิชัยเสนอแนะ

"ได้เลย...แต่ขอกินก่อนได้หรือเปล่า จักจั่นหิว" จักจั่นยิ้มหน้าเป็น พลอยทำให้ดาวกับฤทธิชัยยิ้มไปด้วย

ooooooo

อภิชาติกำลังจะเข้านอนตอนที่ท่านรองฯก้อง-เกียรติโทร.มาสอบถามว่าทำไมเขาถึงรอดจากการถูกลักพาตัวมาได้ อภิชาติเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า

"คือผมตั้งเวลาไว้ 3 นาที ถ้าไม่กดปุ่มตัดวงจร รถก็จะหยุดวิ่งแล้วหลังจากนั้น 5 นาทีก็จะระเบิดครับ"

"นี่คุณติดระเบิดไว้ในรถเลยเหรอ...คุณนี่เว่อร์จริงๆ"

"ผมเบื่อไอ้พวกขโมยรถครับ ระเบิดทิ้งดีกว่าที่จะให้มันเอาไป แต่ผมให้โอกาสหนีตั้ง 5 นาทีแล้วนะครับ"

"ก็ดี...ไม่ต้องตามจับให้เสียเวลา" ท่านรองฯก้องเกียรติว่าแล้ววางสาย อภิชาติยิ้มขำ ปิดไฟเข้านอน...

ทันทีที่หมอแจ้งว่าป้าเนียนปลอดภัย ไผ่รีบเดินทางมายังค่ายโจร รายงานเรื่องนี้ให้ลุงเดชทราบ

ooooooo

ที่โกดังเก็บของอีกแห่งหนึ่งของสินชัย ขณะสินชัยกำลังตำหนิลินจงที่ทำงานพลาด มีเสียงปืนดังขึ้นติดๆกันหลายนัด สมุนสองคนของสินชัยซึ่งยืนเฝ้าระวังอยู่หน้าประตูกระเด็นเข้ามานอนตายในห้อง ลินจงชักปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์นับสิบคนวิ่งพรวดเข้ามาจ้องปืนใส่ลินจงกับสินชัย

"คุณคิดจะเล่นตลกอะไร" ลินจงว่าแล้วตวัดปืนจ่อสินชัย

พลันมีเสียงพูดแปร่งหูดังขึ้นด้านหลัง "ใจเย็นไว้ทั้งสองคน"

ลินจงกับสินชัยหันมองตามเสียง เห็นชายต่างชาติคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่หน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ เขาแนะนำตัวว่าชื่อเยซิน เป็นคนที่นายใหญ่ส่งมา สินชัยกับลินจงต่างมองหน้ากัน

"คุณสินชัย...เราเสียหายหนักเพราะคุณ...คุณโชคดีที่เราต้องการตัวแทนคนไทยที่ขายชาติอย่างคุณ...ไม่อย่างนั้นคุณจบไปแล้ว"

"ผมกำลังแก้ไข..." สินชัยพูดไม่ทันจบประโยค เยซิน ตวัดปืนยิงเฉียดแก้มเขาเลือดซิบ สินชัยเงียบทันที

"ผมไม่รู้ว่าคุณจัดการกับคุณทอมได้อย่างไร แต่คุณจัดการกับผมไม่ได้ง่ายๆ...ส่วนคุณลินจง ถือว่ายังมีผลงานที่กำจัดผู้กองฤทธิชัยได้...แต่ถ้าพลาดอีก..." เยซินยิ้มเหี้ยม ลินจงรู้งานรีบพยักหน้ารับคำ เยซินสั่งห้ามใครทำอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากเขา สินชัยเจ็บแค้นใจเยซินมาก แต่ต้องเก็บอาการไว้...

ขณะอภิชาติกำลังจะเดินเข้าสำนักงานทนายความของเขา ถูกมือปืนของสินชัยลอบทำร้าย แต่อภิชาติไหวตัวทัน พุ่งหลบแล้วยิงสวนกลับถูกมือปืนตาย ควันปืนยังไม่จาง เสียงมือถือของอภิชาติดังขึ้น พอเห็นเป็นเบอร์ของฤทธิชัย ถึงกับยิ้มออก แต่สายตายังมองกราดไปรอบๆอย่างระแวด
ระวัง

"อย่าบอกนะว่านายเป็นวิญญาณโทร.มาหาฉัน...ครั้งสุดท้ายที่เห็นนาย...ฉันนึกว่านายเดี้ยงแน่"

"ขอบใจที่เป็นห่วงนะเพื่อน...เรื่องไอ้ยูเว่ไปถึงไหนแล้ว"

"กำลังเดินทางไปคุกฮ่องกง เรื่องเงินปลอมก็จบเพราะฉันทำเครื่องหมายที่แม่พิมพ์ไว้แล้ว ส่วนโรงพิมพ์ ท่านรองฯสั่งคนบุกทลายไปเรียบร้อย" อภิชาติอุบเรื่องถูกลอบทำร้ายไว้ ยังไม่อยากบอกอะไรตอนนี้

"นายสินชัยคงอยากสับนายให้แหลกเป็นชิ้นๆ...แล้วคุณอาหญิงล่ะเป็นอย่างไรบ้าง"

"ท่านรองฯส่งคนไปคอยดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง...ฉันขอตัวก่อนแล้วพรุ่งนี้จะรีบไปหา"

"โอเคเพื่อน" ฤทธิชัยวางสาย หันไปยิ้มให้ดาวซึ่งกำลังขับรถเลี้ยวเข้าเขตป่า ครู่ต่อมา ดาว จักจั่นกับฤทธิชัยมาถึงค่ายโจรชั่วคราว ฤทธิชัยอดแปลกใจไม่ได้ว่าตลอดเส้นทางผ่านป่าไม่เห็นร่องรอยพวกสินชัยเลย หรือว่าย้ายไปตั้งฐานที่อื่น ดาวไม่คิดเช่นนั้น ถ้าพวกนั้นย้ายที่เธอต้องรู้แน่นอน ฤทธิชัยมองดาวอย่างสงสัย

หญิงสาวรีบพูดกลบเกลื่อน "ดาวหมายถึง...ป่าต้องช่วยเราให้เห็นรอยของพวกมัน"

ฤทธิชัยพยักหน้าเห็นด้วย แล้วกราดสายตามองไปรอบๆ "บอกตามตรง ผมไม่ชอบเลย มันเงียบผิดปกติเหมือนกับว่าทุกอย่างสงบก่อนพายุจะมา"

ดาวมองตามสายตาของฤทธิชัย รู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน "ผู้กองต้องพักอยู่ที่นี่ก่อน เพื่อไม่ให้พวกมันเห็น ดาวกับจักจั่นต้องกลับไปดูค่ายอาสาฯ"

ฤทธิชัยก้าวลงจากรถจี๊ปโบกมือให้สองสาว ยืนส่งจนรถของพวกเธอแล่นลับสายตา...จากนั้นไม่นาน ดาวกับจักจั่นมาถึงค่ายอาสาฯ พบว่ามีนักข่าวชื่อกำจรมารอพบดาว กำจรพยายามซักถามความคืบหน้าการหายตัวไปของฤทธิชัย ดาวโกหกว่าส่งคนออกตามหาทุกวัน แต่ยังไม่ได้ร่องรอยอะไร

"ผมเป็นเพื่อนผู้กอง...ถ้าได้ข่าว ช่วยแจ้งให้ผมทราบจะขอบคุณมาก...นี่ครับ นามบัตรผม"

กำจรยื่นนามบัตรให้แล้วผละจากไป ดาวกำนามบัตรไว้ในมือ อึดใจก็คลายมือออก นามบัตรกลายเป็นผงปลิวไปกับสายลมที่พัดมา...

ในเวลาเดียวกัน ไผ่ไม่พอใจที่นายไชยกับพวกเที่ยวใช้กำลังขู่บังคับชาวบ้านให้ยกที่ดินทำกินให้ จึงตรงไปยังโรงเลื่อยซึ่งเคยเป็นของเสี่ยม้งแต่ตอนนี้นายไชยดูแลกิจการแทน นายไชยกับพวกสมุนพร้อมอาวุธครบมือกระจายกำลังกันล้อมไผ่ไว้ ไผ่ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย กลับขู่นายไชยว่า

"ข้าให้เวลา 3 วัน คืนที่ดินให้ชาวบ้าน"

สมุนของนายไชยคนหนึ่งอยากลองของยิงปืนใส่ ไผ่เบี่ยงตัวหลบ กระสุนเลยไปโดนพวกเดียวกันเองที่ยืนรายล้อมอยู่ด้านหลังล้มคว่ำ พวกนั้นอ้าปากค้าง ไผ่ตวัดปืนในมือขึ้นมาจ้องไปยังนายไชยสีหน้าเอาเรื่อง

"ข้าบอกแล้วว่าให้เวลา 3 วัน หรือเอ็งอยากจบวันนี้"

นายไชยเจ็บแค้นใจมากแต่ทำอะไรไม่ได้ จำใจโบกมือให้สมุนเปิดทางให้ไผ่กลับออกไป รอจนไผ่คล้อยหลัง จึงสั่งให้สมุนออกไปยึดที่ดินของชาวบ้านมาอีก

ooooooo

ณ โรงแรมหรูกลางกรุง คุณหญิงรัตนาเชิญอภิชาติมากินข้าวเย็นด้วยกัน และถือโอกาสถามไถ่เรื่องฤทธิชัยไปในตัว อภิชาติโกหกว่ายังไม่ได้ข่าวคืบหน้า พรุ่งนี้เขาจะไปบ้านดอนเสือ จะไปตามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

"แล้วเรื่องนางเสือล่ะจ๊ะ"

"ก็มีข่าวไม่สู้ดี...แต่ผมคิดว่าเป็นนางเสือปลอมมากกว่า...ทำไมหรือครับ"

คุณหญิงรัตนาอึกๆอักๆ "...คือ...ตอนหนูพฤกษาเป็นเด็ก มีเสือเจ้าป่ามาเล่นกับหนูพฤกษา เอ้อ...อาได้ยินว่านางเสือมีเสือคอยติดตามอยู่ด้วย...อาคิดว่าถ้าเป็นเสือตัวเดียวกันนางเสือก็คือหนูพฤกษา"

อภิชาติไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ถ้าเป็นเสือตัวเดียวกันป่านนี้น่าจะแก่ตายไปแล้ว แต่เท่าที่คุณหญิงรัตนาทราบมา ถ้าเป็นเสือของเจ้าป่าเจ้าเขาจริงๆ ย่อมไม่มีวันแก่ไม่มีวันตาย อภิชาติถึงกับอึ้ง...

ดึกแล้ว แต่ดาวยังนอนไม่หลับเฝ้าคิดถึงแต่คำพูดของฤทธิชัยที่จะให้คุณหญิงรัตนามาสู่ขอ มีเสียงสายฟ้าคำรามแว่วเข้ามา ดาวอยากปรับทุกข์กับสายฟ้า รีบดีดตัวหายเข้าป่า สักพักเธอก็มาถึงลานเล็กๆกลางป่า สายฟ้าเดินเข้ามาหา ดาวเล่าเรื่องที่ฤทธิชัยจะมาสู่ขอให้ฟัง สายฟ้าคำรามเบาๆราวกับรับรู้

"แต่ดาวรักป่า ดาวอยากอยู่ที่นี่...ดาวคงเลิกเป็นนางเสือไม่ได้...ดาวจะทำอย่างไรดี"

สายฟ้าคำรามอีก ดาวถอนใจ เหม่อมองท้องฟ้าที่มีแต่ดาวระยิบระยับ...ไม่น่าเชื่อว่าอีกด้านหนึ่งของป่า ฤทธิชัยก็นั่งเหม่อลอยมองท้องฟ้าอยู่เช่นกัน หวนคิดถึงวันนั้น ตอนที่เขาได้กอดดาวไว้ในอ้อมแขน พลันมีเสียงดังขึ้นในพุ่มไม้ใกล้ๆ เขาตื่นจากภวังค์หันไปมองตามเสียง เห็นเงาใครบางคนวิ่งผ่าน เหมือนจะล่อให้เขาออกห่างจากค่ายโจร ชายหนุ่มวิ่งตามมาถึงลานเล็กๆกลางป่า เห็นดาวในคราบนางเสือยืนหันหลังให้

"ดีใจที่ผู้กองแข็งแรงเป็นปกติ"

"เป็นเพราะคุณช่วยผมไว้...ผมรู้ตัวนางเสือปลอมแล้ว..."

"ผู้กองจะทำอย่างไรกับนางเสือจริง"

ฤทธิชัยหวังจะให้เธอมอบตัว หรือไม่ก็หายตัวไป ดาวหันมาเผชิญหน้าต่อรองว่าถ้าเขาสามารถทำให้พวกตัดไม้ทำลายป่า หรือพวกคนชั่วขายชาติหายตัวไปได้ เธอก็จะหายตัวไปเช่นกัน ฤทธิชัยถึงกับใบ้กิน

"แต่ถ้าผู้กองทำไม่ได้...เราก็อาจได้พบกันอีก...แต่ ไม่ใช่การมอบตัวแน่นอน" ดาวดีดตัวหายไป

ooooooo

เกือบเที่ยงวันแล้วกว่าอภิชาติจะมาถึงค่ายอาสาฯ พอรู้จากดาวว่าจักจั่นยังไม่ยอมให้พบหน้าจนกว่าจะหนึ่งทุ่มคืนนี้ที่สวนหลังบ้านป้าเนียน อภิชาติเลยขอฆ่าเวลาด้วยการไปเยี่ยมฤทธิชัย ดาวให้สมาชิกโจรในคราบชาวอาสาฯขับรถจี๊ปไปส่ง ส่วนเธอจะขอตรวจพื้นที่แถวนี้ก่อน ตอนนี้พวกสินชัยดูจะเงียบผิดปกติ

"ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวค่อยเจอกันนะครับ" อภิชาติว่าแล้วโดดขึ้นรถจี๊ป ไม่นานนัก เขามาถึงค่ายโจร ทันทีที่เจอหน้าเพื่อนรักโผกอดด้วยความดีใจที่เขาปลอดภัย หวังว่าการเจ็บตัวครั้งนี้ของเพื่อนคงได้อะไรคืบหน้าบ้าง

ฤทธิชัยพยักหน้า "บอดี้การ์ดหญิงของนายสินชัยที่อยู่บนเวทีในงานประมูลเพชร คือนางเสือปลอม"

"ฉันก็คิดอยู่แล้ว...พูดถึงนางเสือ เมื่อวานนี้ ฉันไปกินข้าวกับคุณอาหญิงมา ท่านคิดว่าน้องพฤกษาเป็นนางเสือ เพราะมี เสือมาคอยปกป้องเหมือนกัน จากรูปภาพ เราสงสัยว่าน้องพฤกษาคือคุณดาว ที่เราไม่บอกคุณอาหญิงก็เพราะคิดว่าคุณดาว..."

"คือนางเสือ" ฤทธิชัยช่วยพูดต่อจนจบประโยค

"เริ่มเข้าเค้าแล้วเพื่อน...ฉันคิดว่าคุณดาว นางเสือ น้องพฤกษามีแนวโน้มว่าจะเป็นคนคนเดียวกัน...ถ้าเป็นจริง...นายปวดหัวแน่ๆเพื่อน" อภิชาติยิ้มสีหน้ามั่นใจ ขณะที่ฤทธิชัยถอนใจ หนักใจ

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น