วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ป่านางเสือ ตอนที่ 18 ตอนจบ

ตอนที่ 18

ดาวกับคุณหญิงรัตนาต่างโผกอดกันแน่น ราวกับจะทดแทนความรักความผูกพันที่หายไป 15 ปี จักจั่นกับลุงเดชพลอยดีใจไปกับสองแม่ลูก ช่วงเวลาแห่งความสุขกลับต้องจบลงเมื่อลินจงกับสมุนในชุดดำห้าคนเข้ามาคุมตัวคุณหญิงรัตนาไว้ ดาวกับจักจั่นโดดเข้าขวาง ลินจงชักปืนยิงพื้นเปรี้ยง

"แกอยากให้คุณหญิงตายหรือไง...ถอยไปให้หมด อย่างที่บอกเราต้องการตัวคุณหญิงเท่านั้น"

สองสาวต้องถอยมายืนกับลุงเดช สมุนเอาพานท้ายปืนดันตัวคุณหญิงรัตนาให้ก้าวเท้า แต่อยู่ๆจักจั่นวิ่งเข้าไปกอดคุณหญิงไว้แน่น แอบเอาสร้อยคอที่อภิชาติให้ยัดใส่มือ

"แกจะเอาคุณหญิงไปไม่ได้" จักจั่นแกล้งร้องไห้ คร่ำครวญ ดาวมองจักจั่นงงๆ

พวกสมุนเข้ามาดึงจักจั่นออก ผลักกระเด็นก้นจ้ำเบ้า ดาวกับลุงเดชขยับตัว แต่ลินจงจ้องปืนใส่

"คุณหญิงจะปลอดภัยถ้าพวกแกอยู่อย่างสงบที่นี่ และเราจะไปจากบ้านดอนเสือทันทีที่ภารกิจของพวกเราจบเรียบร้อย... จำไว้...ถ้าใครคิดหนีหรือออกไปจากถ้ำ คุณหญิงตาย"

ดาว จักจั่น และลุงเดชจำต้องปล่อยให้ลินจงเอาตัวคุณหญิงรัตนาไป ลุงเดชมองแผนของลินจงออก ที่เธอต้องแยกคุณหญิงรัตนาไปเป็นตัวประกัน เพราะรู้ว่าอภิชาติกับไผ่และพวกสมาชิกโจรที่เหลือต้องตามมาที่นี่แน่ๆ ดาวกราดสายตาไปรอบถ้ำ คิดหาทางออกจากถ้ำนี้ให้เร็วที่สุด...

พอสินชัยเห็นลินจงคุมตัวคุณหญิงรัตนามาถึงหน้าถ้ำ

สั่งให้นายไชยไปเตรียมงานตามที่วางแผนไว้และสั่งให้ลินจงพาคุณหญิงรัตนาไปที่จุดนัดพบเคลื่อนย้ายกำลังทั้งหมดไปสมทบกับเยซินแล้วระเบิดถ้ำให้ราบ

คุณหญิงรัตนาแค้นใจมาก "แก...ไอ้คนโกหกหลอกลวง... แกจะต้องไม่ตายดี กรรมจะต้องสนอง"

"ไอ้พวกขายชาติที่เสนอหน้าอยู่ในสังคมทุกวันนี้ไม่ เห็นกรรมสนองมันสักที...ยังลอยนวลเดินช็อปปิ้งเสวยสุขกันอยู่เลย แล้วทำไมผมต้องกลัวด้วย" สินชัยหัวเราะชอบใจ แล้วหันไปกระซิบกระซาบกับลินจง เสร็จงานเมื่อไหร่ ฆ่าคุณหญิงรัตนาได้เลย ลินจงพยักหน้ารับคำ...

จักจั่นใจร้อนรอต่อไปไม่ไหว ชวนดาวออกจากถ้ำ ทั้งสามคนค่อยๆเดินออกมาอย่างระมัดระวังจนใกล้ถึงปากถ้ำ แปลกใจที่ไม่เห็นคนร้ายแม้แต่คนเดียว ทันใดนั้นระเบิดมือนับสิบลูกกลิ้งเข้ามาจากด้านนอก ดาวกับจักจั่นต่างรีบยกมือสองข้างประสานกันที่อกตนเอง แล้วใช้พลังผลักระเบิดมือออกไปทางเดิม แต่ยังไม่ทันพ้นปากถ้ำเกิดระเบิดตูม หินถล่มลงมาปิดปากถ้ำมิด...

ขณะไผ่ขับรถมาตามเส้นทางในป่า มีเสียงสายลมร้องก้อง ไผ่จอดรถตั้งสมาธิ ในที่สุดก็เห็นจุดหมาย ฤทธิชัยสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของไผ่ ถามว่าจับสัญญาณอะไรได้ไหม ไผ่พอจับสัญญาณบางอย่างได้

"ดี...ไผ่จับสัญญาณป่า...ผมจับสัญญาณหาคลื่นวิทยุของพวกมัน" อภิชาติว่าพลางหมุนคลื่นเครื่องรับส่งวิทยุไปมา พลันมีเสียงสัญญาณดังตี๊ดๆๆ เขายิ้มหน้าบาน ดีใจ ฤทธิชัยอดถามไม่ได้ว่ามีอะไร

"ฉันให้สร้อยคอคุณจักจั่นไว้...มีวิทยุตามตัวอยู่"

ไผ่รู้ที่อยู่จักจั่นอยู่แล้ว แต่ทำทีขับรถตามคลื่นวิทยุเพื่อกลบเกลื่อน ขณะที่ฤทธิชัยมองเพื่อนซี้อย่างสงสัย

ooooooo

รถของไผ่เข้าใกล้จุดที่พบสัญญาณวิทยุเข้าไปทุกขณะ แต่อยู่ๆสัญญาณถูกรบกวน จอเครื่องรับส่งวิทยุดับวูบ อภิชาติพยายามหมุนหาคลื่น ไผ่เกรงจะไม่ทันการ ปล่อยให้อภิชาติกับฤทธิชัยอยู่ตามคลื่นวิทยุกันเอง ส่วนเขาจะล่วงหน้าตามรอยพวกดาวไปก่อน และจะทำเครื่องหมายกากบาทไว้ให้ ฤทธิชัยพยักหน้ารับรู้

"พบตำแหน่งแล้วอย่าเพิ่งลงมือ...รอก่อน เราจะบุกพร้อมกัน"

ไผ่รับคำแล้วรีบดีดตัวออกไป ฤทธิชัยจ้องหน้าอภิชาติ สงสัยไม่หายว่าทำไมถึงให้สร้อยติดวิทยุกับจักจั่น อภิชาติอ้ำๆอึ้งๆตอบคำถามอย่างมีพิรุธ ฤทธิชัยนิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะฉีกยิ้ม

"ที่แท้นายใช้สร้อยหมั้นคุณจักจั่นนี่เอง...เก็บเงียบไม่บอกกันเลยนะเพื่อน"

อภิชาติแก้ตัวน้ำขุ่นๆว่ายังไม่มีโอกาส แล้วทำเฉไฉตบเครื่องรับส่งวิทยุ ฤทธิชัยเห็นทีจะไม่ได้เรื่อง รีบเดินตามไผ่ อภิชาติตบเครื่องรับส่งวิทยุอีกสองสามครั้ง แต่มันยังเงียบ เลยคว้าเครื่องส่งวิทยุขึ้นสะพายบ่าแล้วรีบวิ่งตามฤทธิชัย ไม่นานนัก ฤทธิชัยกับอภิชาติตามไผ่ทันตรงโขดหินใกล้ถ้ำเป้าหมาย

เห็นพวกสมุนของสินชัยนับสิบคนแอบหลังรถจี๊ปสองคันที่จอดอยู่หน้าถ้ำพร้อมอาวุธครบมือรอต้อนรับพวกเขา ฤทธิชัยแนะให้ลองอ้อมไปด้านหลัง ทันใดนั้น หินที่ปิดปากถ้ำระเบิดออก พวกสมุนหลบเศษหินที่กระเด็นใส่กันชุลมุน ดาว ลุงเดชกับจักจั่นออกมาจากม่านฝุ่น พุ่งเข้าจัดการพวกนั้นล้มคว่ำ

สมุนของสินชัยอีกส่วนหนึ่งซึ่งแอบซุ่มอยู่รอบๆต่างสาดกระสุนใส่พวกดาวอุตลุด อภิชาติ ไผ่ และฤทธิชัยเปิดฉากระดมยิงใส่พวกที่ซุ่มอยู่ตายเรียบ ฤทธิชัยโล่งใจที่เห็นดาว จักจั่นกับลุงเดชไม่เป็นอะไร พอไม่เห็นคุณอาหญิงอยู่ด้วยก็ถามหา จักจั่นอ้าปากจะบอกเรื่องคุณหญิงรัตนากับดาวเป็นแม่ลูกกัน ดาวรู้ทันชิงพูดขึ้นก่อน

"มันเอาตัวคุณอาหญิงไปแล้วค่ะ" ดาวสบตาจักจั่นเป็นเชิงไม่ให้พูดเรื่องนี้ จักจั่นหุบปากเงียบ

"เรารีบตามไปดีกว่า" ฤทธิชัยว่าแล้วขยับตัว

ลุงเดชอยากให้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม ดาว จักจั่น ฤทธิชัย และอภิชาติตามรอยคุณหญิงรัตนาต่อ ส่วนเขากับไผ่จะกลับไปเตรียมคนรอไว้ ได้ตัวคุณหญิงรัตนากลับมาเมื่อใด พวกเราจะบุกถล่มค่ายสำรวจป่าของสินชัยให้ราบ ทุกคนตกลงทำตามลุงเดชว่า สองกลุ่มต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง...

ระหว่างที่ขบวนรถของลินจงมุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบ คุณหญิงรัตนาซึ่งนั่งรถคันเดียวกับลินจงค่อยๆเอาสร้อยที่จักจั่นให้ยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง ทันใดนั้น ลินจงสั่งให้หยุดรถ ทำสัญญาณมือให้พวกสมุนเตรียมพร้อม แต่กลายเป็นอาจารย์เฉินที่ดีดตัวจากยอดไม้ลงมายังรถคันที่ลินจงนั่ง

"พวกมันกำลังตามมา...และที่สำคัญ คนที่เป็นผู้กอง...ยังมีชีวิตอยู่"

ลินจงฟังด้วยความแค้นใจ ขณะที่คุณหญิงรัตนายิ้ม โล่งใจ

ooooooo

ดาวแปลกใจมากที่ไม่พบร่องรอยของคุณหญิงรัตนา ทั้งที่ขับรถตามแกะรอยอยู่ในป่ามาพักใหญ่แล้ว เธอตัดสินใจลงจากรถเดินสำรวจรอบๆ ฤทธิชัยกับอภิชาติพากันเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง จักจั่นปราดเข้ามาถามดาวว่าเกิดอะไรขึ้น สายลมมองไม่เห็นที่อยู่ของคุณหญิงรัตนาหรือ

"ไม่เห็น...แต่จะลองดูอีกครั้ง" ดาวหลับตาตั้งสมาธิ เห็นภาพป่าผ่านทางสายตาของสายลม แต่แล้วทุกอย่างกลับ

มืดมิด ดาวมั่นใจว่านี่ต้องเป็นฝีมืออาจารย์เฒ่าคนนั้นแน่ๆ...

เป็นอย่างที่ดาวคิด อาจารย์เฉินใช้ผ้าลงมนต์คาถาสีดำแขวนไว้บนหัวเต็นท์หน้าค่ายของลินจง แล้วแหงนหน้ามองเหยี่ยวสายลมที่บินวนอยู่บนท้องฟ้า

"ถ้าเป็นจริงอย่างที่เจ้าสงสัย ผ้ามนต์ผืนนี้จะช่วยบังตาไม่ให้พวกมันมองเห็นค่ายของพวกเราได้"

"พวกมันนึกว่าพวกมันแน่" ลินจงแหงนมองท้องฟ้า แล้วยิ้มสะใจ...

จักจั่นเห็นดาวสีหน้าเคร่งเครียด ปลอบว่าไม่ต้องเป็นกังวล เพราะเธอมีแผนสำรองไว้แล้ว ดาวมองหน้าจักจั่นงงๆ จังหวะนั้น อภิชาติกับฤทธิชัยกลับเข้ามา สีหน้าผิดหวัง ไม่เจอร่องรอยอะไรสักอย่าง

"ไม่เป็นไรค่ะ...คุณอภิชาติให้สร้อยติดสัญญาณวิทยุจักจั่นไว้ จักจั่นให้คุณอาหญิงไปแล้วค่ะ"

ฤทธิชัย อภิชาติกับดาวต่างมองหน้ากันตื่นเต้น อภิชาติ รีบเอาเครื่องรับส่งวิทยุที่สะพายบ่าตัวเอง มาเปิดหาสัญญาณ อึดใจ ปรากฏจุดสีแดงบนจอเครื่องพร้อมเสียงสัญญาณดังตื๊ดๆๆ ทุกคนต่างดีใจ รีบโดดขึ้นรถขับตามสัญญาณไป อภิชาติอดแปลกใจไม่ได้ว่าจักจั่นรู้ได้อย่างไรว่าสร้อยที่เขาให้มีวิทยุตามตัว

"มือชั้นนี้แล้ว" จักจั่นยิ้มยืด อภิชาติพลอยยิ้มไปด้วย...

ครู่ต่อมา ดาว ฤทธิชัย อภิชาติกับจักจั่นมาถึงค่ายของลินจงกลางป่า มีเต็นท์หลายหลังตั้งเรียงรายอยู่รอบค่ายมีพวกสมุนยืนเฝ้าระวังเพียบ เสียงสัญญาณจากเครื่องรับส่งวิทยุดังถี่ๆ แสดงให้รู้ว่าถึงเป้าหมายแล้ว ฤทธิชัยปิดปุ่มเสียง กวาดสายตา

ไปตามเต็นท์ต่างๆอย่างพิจารณา ก่อนจะชี้ไปที่เต็นท์หลังหนึ่ง

"ผมว่าเต็นท์หลังนั้น น่าจะเป็นที่ที่พวกมันคุมตัวคุณอาหญิงไว้"

ดาวดูจากที่มียามสองคนยืนเฝ้าระวังหน้าเต็นท์แล้ว น่าจะเป็นอย่างฤทธิชัยว่า จักจั่นชวนลุยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อภิชาติค้านทันที ถ้าขืนบุกเข้าไปตอนนี้ คุณอาหญิงอาจจะเป็นอันตรายได้

"ดาวจะเข้าไปก่อนดีกว่า พอดาวถึงเต็นท์และคุณอาหญิงปลอดภัยแล้ว ทุกคนค่อยบุกเข้าไป"

จากนั้น ดาวค่อยๆเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง พอพ้นสายตาของฤทธิชัย เธอดีดตัวขึ้นไปบนยอดไม้ตรงไปยังเต็นท์เป้าหมาย พริบตาเดียวมาโผล่ด้านหลังสมุนยืนเฝ้าระวังหน้าเต็นท์ จัดการทั้งสองคนรวดเดียวจอด ดาวพุ่งตัวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว แต่ต้องตะลึงเมื่อเห็นระเบิดขนาดย่อมๆวางอยู่ บนเก้าอี้ สัญญาณไฟสีแดงที่ระเบิดกะพริบถี่ขึ้นๆ
ดาวรู้ทันทีว่านี่เป็นกับดัก รีบดีดตัวทะลุเต็นท์ขึ้นไปหลบบนต้นไม้

เป็นจังหวะเดียวกับระเบิดทำงานพอดี เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พวกสมุนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุกระเด็นไป

คนละทิศละทาง แรงระเบิดทำให้ดาวถึงกับมึนงง พวกสมุนตั้งหลักได้ กราดกระสุนใส่ ดาวหายมึนเป็นปลิดทิ้ง ดีดตัวหลบไปตามยอดไม้อย่างว่องไว

จักจั่นเห็นดาวตกอยู่วงล้อมของศัตรู รีบพุ่งตัวเข้าไปช่วย ตามด้วยฤทธิชัยกับอภิชาติ ทั้งสี่คนเปิดฉากยิงต่อสู้กับสมุนของลินจงอย่างดุเดือด เหล่าคนชั่วสู้ดาวกับพวกไม่ได้ถูกยิงตายเรียบ

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน ลุงเดชกับไผ่รวบรวมสมาชิกโจรได้เพียง 20 คน แต่ถึงจะมีจำนวนน้อยแต่ทุกคนก็พร้อมต่อสู้ ยิ่งเห็นแสงในสภาพมีผ้าพันแผลที่หัวไหล่ขอร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคน สมาชิกโจรต่างยิ่งฮึกเหิมมีกำลังใจ ลุงเดชยิ้มพอใจ บอกแผนการให้ทุกคนฟัง

"เราจะไปซุ่มกำลังใกล้ๆกับสถานีสำรวจป่าจอมปลอมของพวกมัน ทันทีที่หนูดาวช่วยคุณหญิงรัตนากลับมาได้อย่างปลอดภัย เราจะบุกทำลายให้ราบ" สิ้นเสียงพูดของลุงเดช สมาชิกโจรต่างส่งเสียงเฮกึกก้อง...

ตอนนี้สร้อยติดวิทยุพังพินาศไปเรียบร้อย ดาวยังคิดไม่ออกว่าจะตามหาคุณอาหญิงได้ที่ไหน ยิ่งตะวันใกล้หมดแสงลงเรื่อยๆเธอยิ่งเป็นกังวล ความมืดจะทำให้ตามรอยพวกนั้นได้ยาก...

อีกด้านหนึ่งของป่า ขบวนรถของลินจงมาถึงจุดนัดพบ

ซึ่งมีรถบรรทุกคอนเทนเนอร์คันหนึ่งจอดอยู่ประกบสองข้างด้วยรถจี๊ปของนายไชยกับสมุน ลินจงส่งต่อคุณหญิงรัตนาให้เป็นหน้าที่ของนายไชยกับพวก นายไชยพยักหน้าให้สมุนคุมตัวประกันไปไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุก ทันทีที่ประตูตู้คอนเทนเนอร์ปิด อาจารย์เฉินเอาผ้าดำลงคาถามาแปะที่ตัวถังรถ ลินจงสั่งห้ามใครดึงผ้าผืนนี้ออกเด็ดขาด นายไชย หัวเราะคิก

"อย่าบอกนะว่าพวกมันสามารถมองเห็นมาถึงนี่ได้"

"ไม่ต้องถาม...ทำตามคำสั่ง ถ้าพลาดท่านดับแน่" ลินจงตวาดลั่น

นายไชยหุบปาก แล้วหันไปโบกมือให้สมุนเคลื่อนขบวนรถออกไป ส่วนขบวนรถของลินจงกับอาจารย์เฉินแยกไปอีกทางหนึ่ง มุ่งหน้าสู่สถานีสำรวจป่า ลินจงเห็นอาจารย์เฉินนั่งหน้าเครียดถามว่ามีอะไร

"งานครั้งนี้มีเส้นชะตาคั่นอยู่ ถ้าสำเร็จก็จะยิ่งใหญ่ แต่ถ้าพลิกผันก็จะถึงจุดจบ"

ooooooo

ป่ามืดสนิท มีเพียงแสงไฟหน้ารถจี๊ปของดาวที่ส่องสว่าง ดาวขับรถมาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ คืนนี้พวกเราคงต้องค้างแรมที่นี่ อภิชาติกับฤทธิชัยช่วยกันก่อกองไฟ สักพัก ดาวกับจักจั่นทำทีขอไปปลดทุกข์ พอพ้นสายตาของสองหนุ่ม ดาวหลับตาทำสมาธิ กลับไม่เห็นหรือสัมผัสอะไรได้เลย เธอส่ายหน้าอย่างหมดหวัง

จักจั่นพนมมือ "สาธุ...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยนำทางไปหาคุณอาหญิงด้วยเถอะ"

ดาวถอนใจสีหน้าเป็นกังวล...อีกด้านหนึ่งของป่า ลุงเดชกำลังพนมมืออธิษฐานอยู่เช่นกัน

"ท่านครับ...หนูดาวทราบแล้วครับว่าคุณหญิงเป็นแม่ ศัตรูมีพลังฝีมือจับตัวคุณหญิงไป ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองหนูดาวให้ช่วยคุณหญิงกลับมาได้โดยปลอดภัยด้วยครับ" สิ้นเสียงพูดของลุงเดช เกิดลมพัดแรง ต้นไม้โอนเอนใบไม้ปลิวว่อน ลุงเดชมองตะลึง เกิดอัศจรรย์ แรงลมพัดข้ามฟากมาถึงป่าด้านที่ดาวอยู่

ทันใดนั้น เงาของใครบางคนปรากฏขึ้นที่ดงไม้ ดาวตวัดปืนพร้อมกับสาดไฟฉายใส่ สั่งให้คนคนนั้นออกมาถ้าไม่อยากโดนยิง ชายสวมเสื้อผ้าเก่าๆสะพายย่ามแต่งตัวคล้ายพรานใส่หมวกมีปีกสีเขียวลายพรางซีดๆหลุบต่ำ ทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัด เดินออกจากเงามืดเข้ามาใกล้

"ผมเป็นพรานกำลังจะกลับบ้าน"

จักจั่นกับดาวมองสบตากัน ลมที่พัดแรงเมื่อกี้กลับเบาลงๆ และหยุดนิ่งในที่สุด...

ครู่ต่อมา ดาวกับจักจั่นพานายพรานมายังจุดตั้งแคมป์ สองสาวแปลกใจที่ไม่เคยเห็นนายพรานคนนี้มาก่อน ทั้งที่ผ่านเข้าออกป่าแถวนี้บ่อยๆ แต่พวกเธอก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร จักจั่นเห็นว่านายพรานชำนาญพื้นที่แถวนี้ อยากให้ช่วยนำทางให้หน่อย นายพรานยินดีจะให้นำทางตอนนี้เลยก็ได้ถ้าต้องการ

"กลางคืนเนี่ยนะ...จะเห็นรอยหรือ" ฤทธิชัยร้องเอะอะ

"ที่นี่ถิ่นผม หลับตาเดินยังได้" นายพรานคุย

"ได้...ถ้าอย่างนั้น พรานนำได้เลย"

นายพรานพยักหน้าให้ดาว แสงจากกองไฟสะท้อนไปใต้หมวกปีกที่หลุบอยู่ เห็นหน้าเขาแวบหนึ่ง ใบหน้านั้นคือวิญญาณของท่านอิทธินั่นเอง จากนั้น ทุกคนออกเดินเท้า

ตามนายพรานลึกเข้าไปกลางป่า ดาว จักจั่น ฤทธิชัยกับอภิชาติเดินทิ้งระยะห่างจากเขาพอสมควร อภิชาติกับฤทธิชัยไม่ไว้วางใจนายพรานคนนี้สักเท่าใด เกรงจะเป็นพวกศัตรูหลอกให้พวกเราออกนอกเส้นทาง

"เราไม่มีทางเลือก เราต้องเสี่ยง" ดาวมัวแต่คุย มองไปอีกที นายพรานหายไปแล้ว

ทุกคนช่วยกันกวาดตามองหา เห็นหลังนายพรานโผล่

ออกมาไวๆจากดงไม้ เดินนำทางต่อ แต่ดูๆแล้วเหมือนลอยไปบนพื้นมากกว่า อภิชาติแปลกใจทำไมนายพรานถึงเดินได้เร็วนัก ทั้งสี่คนพากันเร่งฝีเท้าตาม...

ในที่สุด นายพรานนำทางมาถึงพุ่มไม้หนาใกล้ค่ายของนายไชย ดาวกับทุกคนแอบซุ่มดู เห็นนายไชยกับพวกนั่งดื่มเหล้ากันอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งรถบรรทุกคอนเทนเนอร์

ให้สมุนสองคนเฝ้าไว้ อภิชาติพิจารณาดูแล้ว คุณอาหญิงน่าจะถูกขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ท้ายรถบรรทุกคันนั้น ดาวจ้อง

รถบรรทุกเขม็ง แต่พอหันมาทางนายพรานเพื่อจะขอบใจ เขาหายตัวไปแล้ว เธอไม่ได้สนใจ รีบแบ่งหน้าที่ให้ทุกคนนำ

"ผู้กองกับคุณอภิชาติอยู่ที่นี่เบี่ยงความสนใจของพวกมัน ดาวกับจักจั่นจะเข้าไปช่วยคุณอาหญิง"

ดาวว่าแล้วดีดตัวหายเข้าไปในความมืดพร้อมจักจั่น ฤทธิชัยกับอภิชาติรออยู่อึดใจ ก่อนจะช่วยกันดึงพุ่มไม้ตรงนั้น ให้ไหวไปมา เสียงใบไม้กระทบกันดังไปถึงหูนายไชยกับพวก นายไชยหันขวับมามอง

"เฮ้ย...พวกเอ็งไปดูตรงนั้นซิ"

สมุนส่วนหนึ่งพร้อมไฟฉายค่อยๆย่องไปที่พุ่มไม้อย่างระมัดระวัง อภิชาติกับฤทธิชัยรีบหลบออกไปอีกทาง พวกสมุนโผล่พรวดเข้าไปเจอแต่ความว่างเปล่า ร้องบอกลูกพี่ว่าไม่เห็นมีอะไร นายไชยเห็นเงาตะคุ่มๆของนายพรานยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ตะโกนลั่น

"นั่นไง"

พวกสมุนหันไปมองตามทิศทางที่นายไชยชี้ เห็นเงาของพรานยังยืนอยู่ที่เดิม พวกนั้นพรวดเข้าหานายพรานกลับหนีไปอย่างรวดเร็ว พวกสมุนเร่งฝีเท้าตาม ดาวกับจักจั่นซุ่มอยู่บนยอดไม้สบโอกาสดีดตัวลงบนหลังคารถบรรทุกอย่างเงียบกริบ พวกสมุนไล่ล่านายพรานได้สักพัก ชักเอะใจ

"เฮ้ย...เราถูกมันล่อให้ออกมา...รีบกลับค่ายเว้ย"

ooooooo

นายไชยเห็นไม่ชอบมาพากล ตะโกนสั่งให้สมุนลากตัวคุณหญิงรัตนาออกมา สมุนสองคนที่ยืนเฝ้าระวังอยู่ที่รถบรรทุก เคาะประตูตู้คอนเทนเนอร์เรียกพรรคพวกที่อยู่ข้างใน ทันทีที่ประตูตู้เปิด ดาวกับจักจั่นพุ่งจากหลังคาใช้มีดปาดคอสมุนสองคนที่อยู่ด้านนอก แล้วตามเข้าไปจัดการสมุนอีกสองคนที่เฝ้าอยู่ด้านใน

ดาวสังหารได้เพียงคนเดียว อีกคนหนึ่งหนีรอดออกมาได้ ตะโกนโหวกเหวกลั่น นายไชยหันไปมองตามเสียง เห็นจักจั่นไล่ตามสมุนคนนั้นออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์

"เฮ้ย...พวกมันอยู่นั่น"

พวกสมุนไม่รอช้าตวัดปืนยิงจักจั่นไม่ยั้ง กระสุนถูกเข้าเต็มๆ เธอกลับไม่สะทกสะท้าน ยิงตอบโต้พวกนั้นล้มคว่ำ นายไชยหน้าตื่นที่จักจั่นปืนยิงไม่เข้า เหลียวมองเลิ่กลั่กหาทางหนี ฤทธิชัยกับอภิชาติออกมาจากราวป่า เปิดฉากยิงต่อสู้กับพวกสมุนอย่างดุเดือด พวกนั้นสู้ไม่ได้เริ่มถอยร่น นายไชยเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ดาวตัดเชือกมัดมือคุณหญิงรัตนาออก พามาที่ประตูตู้คอนเทนเนอร์ ตะโกนบอกให้จักจั่นไปเอารถมารับ

จักจั่นสาดกระสุนใส่พวกสมุนแล้ววิ่งไปที่รถจี๊ปของคนร้าย ถอยพรวดไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ อภิชาติกับฤทธิชัยปราดเข้ามายิงคุ้มกันอยู่ข้างรถจี๊ป รอจนดาวกับคุณหญิงรัตนาขึ้นรถเรียบร้อย ทั้งคู่ขึ้นตาม รถจี๊ปพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว...

ด้านนายไชยวิ่งหนีเอาตัวรอดเข้ามาถึงป่าทึบ แต่ต้องชะงักมือเห็นเงาใครบางคนยืนอยู่เบื้องหน้า เขาสาดไฟฉายส่องดู เห็นชายในชุดนายพรานสวมหมวกปีกหลุบต่ำปิดบังใบหน้า

"เอ็งเป็นใคร...ถอยไป....ไม่อย่างนั้นกินลูกตะกั่วแน่"

นายพรานเฉย นายไชยฉุนจัด กราดปืนใส่เปรี้ยงๆๆเขายืนนิ่งไม่สะดุ้งสะเทือน พลันมีลมพัดวูบเข้ามาหมวกของนายพรานปลิว ที่แท้นายพรานก็คือท่านอิทธินั่นเอง นายไชย จำได้ถึงกับตาเหลือก สาดกระสุนใส่พลางถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว กระทั่งตกลงไปในหลุมดักสัตว์ เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังก้องไปทั้งป่า ไม้แหลมในหลุมดักสัตว์เสียบทะลุร่างของเขาตายอนาถ...

จักจั่นขับรถหนีมาได้สักระยะ ดาวแนะให้จอดรถพักค้างแรมในป่าแถวนี้ก่อน ตอนเช้าค่อยเดินทางต่อ ทุกคนเห็นด้วย ช่วยกันก่อกองไฟแล้วนั่งล้อมวงคุยกัน คุณหญิงรัตนาดีใจที่เห็นฤทธิชัยไม่เป็นอะไร ฤทธิชัยโชคดีที่ได้นางเสือช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะแย่ คุยกันไปคุยกันมา ในที่สุด คุณหญิงรัตนาเปิดเผยเรื่องที่เธอรับดาวกับจักจั่นเป็นลูกให้อภิชาติกับฤทธิชัยรู้ อภิชาติถามทันทีว่าลุงเดชไม่ว่าอะไรหรือ

"ลุงเดชเป็นคนบอกเองว่าหนูดาวคือลูกของอา คือลูกพฤกษา"

ฤทธิชัยกับอภิชาติถึงกับอึ้ง ทันใดนั้น ดาวตวัดปืนไป ทางพุ่มไม้ ทุกคนมองตามเห็นนายพรานยืนอยู่ จักจั่นบอกคุณหญิงรัตนาว่าผู้ชายคนนั้นเป็นนายพรานที่พาพวกเราไปช่วยเธอเอาไว้ คุณหญิงรัตนาจ้องมองนายพรานเขม็ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหา พอเธอเห็นหน้านายพรานชัดๆถึงกับน้ำตาซึม พึมพำว่า "คุณอิทธิ"

นายพรานเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ ถามไถ่คุณหญิงสบายดีไหม คุณหญิงพยักหน้าแทนคำตอบ

"ผมเป็นคนให้ลุงเดชดูแลลูกเราอยู่ในป่า ผมรู้ว่าคุณหญิงทุกข์ใจ...หวังว่าคุณหญิงคงไม่โกรธผม" คุณหญิงได้แต่ส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก ท่านอิทธิพูดอีกว่า "ผมดีใจที่คุณหญิงได้พบลูกแล้ว"

ดาวมองคุณหญิงรัตนากับนายพรานคุยกันสักพัก ตัดสินใจเดินมาหา คุณหญิงรัตนาหันมองเธอด้วยน้ำตานองหน้า แล้วพยักหน้าให้ ดาวเข้าใจทันที หันมองนายพรานน้ำตาคลอเบ้า "คุณพ่อ..."

"พ่อรู้ว่าลูกทุกข์ใจที่ไม่ได้พบแม่...ยกโทษให้พ่อด้วย"

ดาวพยักหน้ายิ้ม "ดาวดีใจและเต็มใจทำหน้าที่ของคุณพ่อค่ะ"

ท่านอิทธิยิ้มตอบ ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป ดาวโผกอดคุณหญิงรัตนาแน่น สองแม่ลูกต่างร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ จักจั่นพลอยน้ำตาซึมไปด้วย

ooooooo

เช้าวันถัดมา ไผ่ แสงกับลุงเดชและสมาชิกโจรอีกราว 20 คน กระจายกำลังกันแอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ หนาทึบ หน้าสถานีสำรวจป่าของสินชัย ไม่นานนัก มีรถบรรทุกของสินชัยสองคัน พร้อมด้วยรถจี๊ปคุ้มกันอีกสองคันวิ่งเข้าไปในสถานีสำรวจป่า สักพักก็มีรถตู้อีกคันหนึ่งวิ่งเข้ามาในระยะไกล

"คงเป็นลูกค้าของมัน" ไผ่ตั้งข้อสังเกต

ลุงเดชสั่งให้แสงพาสมาชิกโจรส่วนหนึ่งอ้อมไปอีกด้าน รอฟังสัญญาณจากเขา ส่วนไผ่คอยประสานงานช่วยเหลือทั้งสองกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มของแสง และถ้าเรารู้ข่าวจากดาวว่าคุณหญิงรัตนาปลอดภัยเมื่อใด ให้สายลมส่งสัญญาณบอกทันที ไผ่พยักหน้ารับคำแล้วดีดตัวออกไป...

ในเวลาเดียวกัน ดาวพาคุณหญิงรัตนามาส่งที่สถานีตำรวจบ้านดอนเสือซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของท่านรองฯก้องเกียรติมารอรับคุณหญิงรัตนากลับกรุงเทพฯ จากนั้น ดาว จักจั่น อภิชาติ และฤทธิชัย พร้อมด้วยขบวนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองคัน บ่ายหน้าไปยังสถานีสำรวจป่า...

ไผ่ซุ่มตัวอยู่บนยอดไม้ สายตาจับจ้องไปที่สถานีสำรวจป่า เห็นรถตู้แล่นเข้าไปจอด สินชัย เยซิน ลินจง กับอาจารย์เฉินยืนรอต้อนรับลูกค้าชาวต่างชาติสองคน ผิวดำกับผิวขาว เยซินเดินนำลูกค้าทั้งสองคนเข้าไปในเต็นท์บัญชาการ สินชัย ลินจงกับอาจารย์เฉินเดินตาม เยซินเป็นหัวหน้าในการเจรจาธุรกิจครั้งนี้

"ของเรียบร้อยแล้วไม้ที่สั่งพร้อมส่งให้ท่านภายในหนึ่งเดือน แค่ท่านโอนเงินก็ถือว่าตกลงรับของไปได้ทันที" เยซินพูดขาดคำ ฝรั่งผิวขาวเดินไปที่โน้ตบุ๊กบนโต๊ะทำงาน เริ่มทำการโอนเงิน

มีเสียงสายลมร้องดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกให้ไผ่กับลุงเดชรู้ว่าคุณหญิงรัตนาปลอดภัยแล้ว ลุงเดชสั่งให้สมาชิกโจรทุกคนบุก เสียงปืนยิงต่อสู้กันดังสนั่นหวั่นไหว ฝรั่งผิวขาวได้ยินเสียงปืนหยุดการโอนเงินทันที

"ขอโทษ...ท่านมีปัญหา...ถือว่าการซื้อขายยุติ"

เยซินไม่ยอม ตวัดปืนขึ้นมาขู่ให้โอนเงินเดี๋ยวนี้ ลูกค้าฝรั่งทั้งสองคนขัดขืน เลยถูกเยซินยิงทิ้ง แล้วหันปืนจ้องใส่สินชัย ลินจงกับอาจารย์เฉินสีหน้าเอาเรื่อง

"พวกท่านทำงานพลาด...โทษถึงตาย"

ลินจงไม่รอช้าเตะปืนในมือเยซินกระเด็น อาจารย์เฉินสะบัดฝ่ามือพิฆาตใส่ลูกน้องของเยซินที่วิ่งเข้ามาล้มคว่ำไม่เป็นท่า เยซินอาศัยช่วงชุลมุนเผ่นหนีออกจากเต็นท์ สินชัยเห็นท่าไม่ดี ชวนลินจงหนี ลินจงวิ่งนำสินชัยออกมาด้านหลังสถานีสำรวจป่าซึ่งรถของเธอจอดอยู่...

ลุงเดชกับสมาชิกโจรบุกตะลุยเข้าทางด้านหน้าสถานีสำรวจ ส่วนแสงกับสมาชิกโจรอีกจำนวนหนึ่งบุกโจมตีจากด้านข้าง ชายในชุดดำยิงต้านไว้ ขบวนรถของดาววิ่งมาถึงสถานีสำรวจป่า รู้ว่าลุงเดชกับพวกบุกเข้าไปก่อนแล้ว รีบบึ่งรถเข้าไป พลันมีเสียงสายฟ้าคำราม ตามมาด้วยเสียงร้องของสายลม ฤทธิชัยแหงนหน้าขึ้นมอง เห็นสายลมบินวนอยู่ ร้องบอกทุกคนว่า

"เร็วเข้าพวกมันกำลังจะหนี"

"นี่แกฟังเสียงเหยี่ยวกับเสียงเสือรู้เรื่องแล้วหรือ" อภิชาติ มองหน้าเพื่อนรักงงๆ ฤทธิชัยตอบไม่ถูก ขณะที่ดาวกับจักจั่นต่างมองหน้ากันอย่างแปลกใจ...

ลินจงวิ่งนำสินชัยมาที่รถของเธอ แล้วโดดขึ้นสตาร์ตเครื่อง อาจารย์เฉินขยับจะขึ้นตาม แต่ถูกดาวโดดถีบกระเด็นตกรถ จักจั่นดีดตัวตามมายืนข้างดาวหน้าตาเอาเรื่อง สินชัยคิดเอาตัวรอดคนเดียว ชักปืนจ่อหัวลินจงสั่งให้ออกรถเดี๋ยวนี้ ลินจงแค้นจัดแต่ทำอะไรไม่ได้จำต้องทำตามคำสั่งของสินชัยทิ้งอาจารย์เฉินไว้

อาจารย์เฉินตั้งหลักได้ชี้หน้าสองสาว "วันนี้ฉันจะส่งพวกแกไปนรกเสียที"

"ดูสิว่าใครจะไปก่อน" ดาวว่าแล้วตั้งท่าเตรียมต่อสู้

"แกสองคนไม่พอมือข้าหรอก" อาจารย์เฉินดีดตัวเข้าหาฟาดฝ่ามือใส่ สองสาวยกมือขึ้นต้าน แต่สู้พลังฝีมืออาจารย์ไม่ไหว กระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว อาจารย์เฒ่าพุ่งตามหมายจะซ้ำ แต่ไผ่ร่อนลงมาขวางหน้า

"แล้วถ้าสามคนล่ะ...ไหวไหม" ไผ่พูดจบโดดเตะอาจารย์เฉิน ดาวกับจักจั่นพุ่งตาม อาจารย์เฉินรับหมัดของสองสาวไว้ได้ แต่เจอลูกถีบของไผ่เข้าเต็มอก เซถลาเป็นนกปีกหักลงไปคลุกฝุ่น แต่ยังลุกขึ้นมาสู้ต่อ

ooooooo

ฤทธิชัยกับอภิชาติเห็นรถของลินจงกำลังจะแล่นหนี รีบโดดขึ้นรถจี๊ปไล่ตาม ชายในชุดดำสองคนโผล่ออกมาจากที่ซ่อน เล็งปืนไปยังรถของฤทธิชัย ลุงเดชมาช่วยไว้ได้ทัน ยิงชายในชุดดำทั้งสองคนตายสนิท รถของฤทธิชัยไล่จี้รถของลินจงไปติดๆ สินชัยหันมายิงใส่ ถูกกระจกรถฤทธิชัยแตก

อภิชาติยิงโต้กลับถูกยางรถลินจงกระจุย รถเสียหลักพลิกคว่ำ ฤทธิชัยกับอภิชาติรีบจอดรถลงไปดู เห็นสินชัยติดอยู่ในรถ มีน้ำมันไหลออกมาจากถังน้ำมันนองพื้น ร้องขอความช่วยเหลือลั่น

"จับไปมันก็หลุดออกมาอีก"

ฤทธิชัยไม่เห็นด้วยกับเพื่อน ขยับจะเข้าไปช่วย มีเสียงตะโกนสั่งให้หยุดอยู่ตรงนั้น สองหนุ่มหันไปมองตามเสียง เห็นลินจงในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลถือปืนเล็งใส่

"ปล่อยให้มันตายไป...มันไม่เคยนึกถึงใครนอกจากตัวเอง" ลินจงมองสินชัยอย่างเกลียดชัง

"คุณเองก็บาดเจ็บ ต้องรีบไปโรงพยาบาล"

"คุณเป็นสุภาพบุรุษเสมอ...ผู้กอง"

สินชัยฉวยโอกาสที่ลินจงเผลอคว้าปืนยิงใส่ เธอถึงกับเข่าทรุดเลือดไหลเต็มอก จ้องมองสินชัยด้วยความแค้น หันปืนยิงใส่รถคันนั้น เกิดประกายไฟขึ้นก่อนจะระเบิดดังกึกก้อง ฤทธิชัยกับอภิชาติโดดหลบแทบไม่ทัน ผู้กองหนุ่มตั้งหลักได้ปราดเข้าไปประคองลินจงไว้ นักฆ่าสาวค่อยๆหยิบหน้ากากนางเสือออกมา

"นางเสือตามฆ่า...นายสินชัยๆ...ฆ่านางเสือเรื่องจบ... ผู้กอง...จะได้ไม่ต้อง...ล่านางเสือ...ของผู้กอง"

ลินจงเอาหน้ากากนางเสือมาสวมก่อนจะสิ้นใจ เป็นจังหวะเดียวกับขบวนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยของท่านรองฯก้องเกียรติสามคันแล่นมาจอด ตำรวจต่างโดดลงจากรถลงมาตรวจที่เกิดเหตุ หนึ่งในนั้นมีกำจรรวมอยู่ด้วย กำจรวิ่งเข้ามาหาฤทธิชัย ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฤทธิชัยไม่ตอบลุกหนี เขาจึงหันไปถามอภิชาติแทน อภิชาติก็ไม่ตอบเช่นกัน กำจรรีบถ่ายรูปเก็บไว้...

ลุงเดชพลาดท่าถูกเยซินไล่ยิงจนต้องพุ่งหลบหลังลังไม้ที่วางซ้อนกัน เยซินตามเข้าไปหมายจะซ้ำแต่แสงโผล่เข้ามาด้านหลังพร้อมปืนลูกซอง ตะโกนเรียกให้เยซินหันมาแล้วยิงใส่ไม่ยั้ง เยซินกระเด็นหงายหลัง

"โทษฐานทำเมียข้าเจ็บ" แสงมองร่างไร้วิญญาณของเยซินอย่างสะใจ...

ด้านดาว จักจั่นกับไผ่ต้องรวมพลังกันจึงสามารถโค่นอาจารย์เฉินลงได้ ลุงเดชกับแสงเข้ามาสมทบ แจ้งให้ทั้งสามคนรู้เรื่องที่พวกคนร้ายยอมแพ้หมดแล้ว ดาว จักจั่นและไผ่ต่างรู้ดีว่าคนเลวไม่หมดแค่นี้ แต่ถ้าพวกมันปรากฏตัวขึ้นเมื่อไหร่ ทุกคนก็พร้อมจะจัดการ...

ข่าวการตายของสินชัยและนางเสือเป็นข่าวร้อนประจำวัน สถานีโทรทัศน์ทุกช่องต่างรายงานข่าวไปในทางเดียวกันว่า สินชัยตายด้วยน้ำมือของนางเสือ และนางเสือเองก็จบชีวิตแล้วเช่นกัน

ooooooo

ไม่กี่วันถัดมา คุณหญิงรัตนาจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของดาวที่บ้านของท่านในกรุงเทพฯ มีเพียงญาติกับเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนมาร่วมงาน อภิชาติชวนฤทธิชัยปลีกตัวออกจากงานมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน ทั้งคู่ยังคลายปมปริศนาเรื่องดาวใช่คนคนเดียวกับนางเสือยังไม่ได้ จนกระทั่งจักจั่นเดินเข้ามาทัก

"คืนนี้ ผู้กองทั้งหล่อทั้งเท่ แต่ทำไมตอนพี่ดาวเจอผู้กองครั้งแรกถึงเรียกผู้กองว่าตาทึ่มก็ไม่รู้"

ฤทธิชัยชะงัก มีแต่นางเสือเท่านั้นที่เรียกเขาว่า "นายทึ่ม" ปริศนาเรื่องดาวกับนางเสือก็คลี่คลายในที่สุด จังหวะนั้น ดาวตามเข้ามาสมทบ อภิชาติกับจักจั่นรู้งานรีบชิ่งออกมาทิ้งดาวกับฤทธิชัยให้อยู่กันตามลำพัง ฤทธิชัยจะขอทำตามสัญญาที่เคยให้เธอไว้ เสร็จเรื่องนางเสือเมื่อไหร่ เขาจะให้พ่อมาสู่ขอ

"ผู้กองก็รู้อยู่ว่านางเสือที่เป็นข่าวครึกโครมว่าตายไปแล้วเป็นนางเสือปลอม"

"ถ้าอย่างนั้นคุณดาวคิดว่าเมื่อไหร่เรื่องนางเสือจะจบล่ะครับ"

"ดาวคิดว่าคงไม่จบง่ายๆหรอกค่ะ ตราบใดที่มีพวกลักลอบตัดไม้...ตราบนั้นก็ยังต้องมีนางเสือ"

ฤทธิชัยดึงดาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด "เราแต่งงานกัน... แล้วคุณดาวก็ช่วยผมจับนางเสือ"

ดาวได้แต่ยิ้ม ยังไม่ทันตอบอะไร คุณหญิงรัตนาให้เด็กรับใช้มาเชิญเธอกลับเข้างานเสียก่อน ฤทธิชัยยืนมองตามหญิงคนรักพลางถอนใจเมื่อคิดถึงคำพูดเมื่อกี้ของเธอ

"ดาวคิดว่าคงไม่จบง่ายๆหรอกค่ะ ตราบใดที่มีพวกลักลอบตัดไม้...ตราบนั้นก็ยังต้องมีนางเสือ"

ooooooo

ดาวตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมกลับบ้านดอนเสือเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อ คือทำหน้าที่ปกป้องป่า คุณหญิงรัตนาเข้าใจและภูมิใจในตัวลูกสาวของเธอมาก ไม่คิดขัดขวาง เมื่อไหร่ที่คิดถึงลูกเธอก็จะไปหา ดาวเข้ามากอดแม่ไว้

"ดาวคิดถึงคุณแม่...ดาวก็จะมาหาคุณแม่ค่ะ"

"จักจั่นด้วยค่ะ" ทั้งสามยิ้มให้กัน

ระหว่างนั้น ท่านรองฯก้องเกียรติโทร.มาแจ้งคุณหญิงรัตนาว่า ฤทธิชัยแถลงข่าวลาออก ให้เปิดทีวีดู จักจั่นรีบกดรีโมตเปิดทีวี เห็นข่าวฤทธิชัยประกาศลาออกจากราชการ ดาวจ้องมองทีวีอย่างคาดไม่ถึง...

สายวันเดียวกัน ขณะอภิชาติขับรถพาฤทธิชัยตรงไปยังบ้านดอนเสือ เขาอดเป็นห่วงแทนเพื่อนไม่ได้ที่วางเดิมพันสูงถึงขั้นยอมลาออกจากราชการเพื่อจะได้ไม่ต้องตามจับนางเสือ ถ้าเกิดดาวไม่อยากให้ฤทธิชัยรู้เรื่องที่เธอเป็นนางเสือแล้วตอบปฏิเสธแต่งงานด้วย เขาอาจจะชวดทั้งงานและความรัก ฤทธิชัยขอเสี่ยงสักครั้ง

"แล้วความตั้งใจที่จะเป็นมือกฎหมายปราบเหล่าอธรรมให้หมดไปจากแผ่นดินล่ะ แกจะทิ้งไปง่ายๆเลยหรือ"

"ถึงไม่เป็นมือกฎหมายก็ปราบอธรรมได้"ฤทธิชัยยิ้มเครียด อภิชาติตบไหล่เพื่อนเบาๆให้กำลังใจ...

ไม่นานนัก รถของอภิชาติมาถึงบ้านป้าเนียน จักจั่นวิ่งออกมาต้อนรับ บอกให้ฤทธิชัยไปหาดาวที่สวนหลังบ้าน แล้วหันมาทวงของฝากที่อภิชาติคุยว่าจะซื้อมาให้ อภิชาติหยิบกล่องใส่แหวนหมั้นออกมา ดึงมือจักจั่นมาสวมแหวนให้แทนสร้อยคอที่ถูกระเบิด จักจั่นหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข คู่ของไผ่กับจันจิราก็ลงเอยด้วยดีเช่นกัน สมพรสั่งให้ไผ่พาจันจิราไปหา มีแหวนหมั้นจะให้ว่าที่ลูกสะใภ้...

ที่ลานหลังบ้านป้าเนียน ฤทธิชัยมาทวงคำตอบที่ถามดาวไว้เมื่อคืนก่อน ดาวอ้างว่าเรื่องนางเสือยังไม่จบ ถ้าเขาแต่งงานกับเธออาจทำให้ยุ่งยากต่อการตามล่านางเสือ ฤทธิชัยไม่ได้เป็นผู้กองอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนางเสือสำหรับเขา ถือว่าจบ ดาวยังใช้สรรพนามเรียกฤทธิชัยว่าผู้กองอีก เขา ทักท้วงทันที

"อ๊ะๆ...ผมคุณหนึ่งครับ"

"...คุณหนึ่งมั่นใจหรือคะว่าจะปล่อยให้นางเสืออาละวาดโดยที่ไม่ทำอะไรเลย"

"ผมมั่นใจครับ...อีกอย่างผมรักคุณดาว ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณดาว และหวังว่าคุณดาวมองเห็นความจริงใจของผม"

ดาวพยายามจะสารภาพเรื่องตัวเองคือนางเสือ แต่ฤทธิชัย ไม่เปิดช่องให้รีบตัดบท ไม่อยากฟังเรื่องอะไรทั้งนั้น ขอแค่ ตอบตกลงแต่งงานกับเขาเท่านั้นก็พอ ดาวยิ้มเขิน พยักหน้า ฤทธิชัยดีใจ ดึงเธอเข้ามากอด

"เอ่อ...ผมอยากจะถามคุณดาวอย่างหนึ่งได้ไหมครับ... ทำไมถึงเรียกผมว่าตาทึ่มครับ"

ดาวถึงกับตาโต คาดไม่ถึง เขาจะรู้เรื่องที่เธอคือนางเสือ ฤทธิชัยยิ้ม มีแต่นางเสือเท่านั้นที่เรียกเขาว่า "ตาทึ่ม" ดาวซบอกเขาอย่างมีความสุข มีเสียงสายฟ้าคำรามก้องตามมาด้วยเสียงร้องของสายลม

"อย่างนี้เรียกว่าป่าต้อนรับผมหรือเปล่าครับ" ทั้งสองคนมองสบตากันลึกซึ้ง

ooooooo

งานแต่งงานระหว่างดาวกับฤทธิชัยจัดขึ้น ณ สวนสวยภายในค่ายโจรกลางป่า บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสุข คุณหญิงรัตนาน้ำตาซึมกอดดาวไว้แน่น

"ลูกษาของแม่...พ่อของลูกคงมีความสุขที่ลูกษาเลือกป่าเป็นบ้าน"

"โอ๋ๆๆนะคะ ถึงอย่างไรดาวต้องไปเยี่ยมคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็มาเยี่ยมดาวได้อยู่แล้ว"

คุณหญิงรัตนายิ้ม หันมาฝากฤทธิชัยช่วยดูแลดาวแทนเธอด้วย ฤทธิชัยรับคำอย่างแข็งขัน คู่บ่าวสาวเดินทักทายแขกเหรื่อตามโต๊ะต่างๆ ลุงเดช ป้าเนียน แสง และแม่สมพรซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ดาวรักเคารพและนับถือ ต่างอวยพรให้ทั้งคู่มีความสุข เสียงอภิชาติตะโกนเรียก

"ไหว้ผู้ใหญ่เสร็จก็มาทางนี้ได้แล้วเพื่อน"

ดาวกับฤทธิชัยหันไปมองเห็นอภิชาติ จักจั่น ไผ่กับจันจิราต่างเฮโลกันเข้ามาโปรยกลีบดอกไม้ใส่คู่บ่าวสาว ทุกคนต่างมีแต่รอยยิ้ม

"ขอต้อนรับสู่ชมรมคนแต่งงานสักที...คู่นายช้าที่สุด...ขอเชิญดื่มอวยพรให้คู่บ่าวสาวครับ"

อภิชาติประกาศ แขกเหรื่อในงานต่างลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือ ทันใดนั้น มีเสียงสายลมร้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงคำรามของสายฟ้า ทุกคนต่างหยุดฟังแล้วมองหน้ากัน ลุงเดชก้าวเข้ามาหาดาว

"พวกลักลอบตัดไม้มันเข้ามาอีกแล้ว"

"เชิญทุกคนตามสบายนะคะ...ดาวกับคุณหนึ่งขอเวลาแป๊บหนึ่งค่ะ"

พวกผู้ใหญ่ต่างยิ้ม พยักหน้ารับรู้ อภิชาติ จักจั่น ไผ่ ปราดเข้ามาขอไปด้วย ดาวร้องห้ามลั่น

"เดี๋ยวก่อน...ทุกคนไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เป็นแขกมาในงานแต่งงานของเรา ดังนั้น...ห้ามยุ่ง เราตกลงกันแล้วว่า...ป่าเป็นหน้าที่ของดาวกับผู้กอง...เอ๊ย...ษากับคุณหนึ่งเท่านั้น"

"โอเค..." อภิชาติพยักหน้าจำยอม เช่นเดียวกับไผ่และจักจั่น

"เชิญดื่มกินกันตามสบายก่อนนะครับ ผมกับน้องษาจะรีบกลับมาครับ" ฤทธิชัยว่าแล้วดีดตัวตามดาวหายไปในดงไม้ อภิชาติ จักจั่กกับไผ่มองตามตาละห้อย

"ทำไงได้...สัญญาต้องเป็นสัญญา เราไม่ควรยุ่ง" อภิชาติพูดจบ กระดกเหล้าเข้าปาก ก่อนกวักมือเรียกบริกรเข้ามาหา เขาวางแก้วลงบนถาดใส่เครื่องดื่ม แล้วดีดตัวตามคู่ของดาวกับฤทธิชัย

จักจั่นกับไผ่ไม่รอช้ารีบตามไปติดๆ สักพัก ทั้งสามคนก็ตามคู่บ่าวสาวทัน เสียงร้องของสายลมและสายฟ้าดังประสานกับเสียงประกาศก้องของดาว

"ป่าของพ่อ...ใครอย่าแตะ"

ooooooo

- อวสาน -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น