วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

เคหาสน์สีแดง ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

ด้วยความรู้สึกที่อ้างว้าง อารยาพายเรือไปบ้านพนาเวสที่อยู่ใกล้กัน เธอสนิทสนมกับชาลีที่โตมาด้วยกัน แต่เวลานี้เขากำลังจะจบเป็นเรือตรีแล้ว อีกทั้งทุกคนในบ้าน ทั้งคุณนายพนาเวสและวัฒนา

พี่สาวของชาลีก็เอ็นดูเธอเหมือนคนในครอบครัว

หลังจากเล่าความอัดอั้นให้ฟังแล้ว ชาลีบอกว่าถ้าอยู่ที่บ้านรุจิโรจน์ไม่ได้ก็ให้มาอยู่ที่พนาเวสด้วยกัน อารยาขอบคุณ รำพึงรำพันถึงแม่ คร่ำครวญว่าอยากตายตามแม่ไป

ชาลีปลอบจนค่อยคลายหายโศก จึงพายเรือมาส่งที่ท่าน้ำบ้านรุจิโรจน์

รุจเริ่มทำงานแล้ว เมื่อเขาอยู่กับคนไข้ เขามีมนุษยสัมพันธ์ ดีเยี่ยม มีน้ำใจมีเมตตา จนคนไข้ทุกคนรักมาก แต่แล้วเขาก็ต้องกลับกรุงเทพฯ เมื่อขุนประจญคดีมาแจ้งว่าอัมพาเสียชีวิตแล้ว เขาจำเป็นต้องกลับไปเป็นประมุขของรุจิโรจน์

วันต่อมา อารยาก็ได้รับโทรเลขจากขุนประจญคดีว่ารุจจะกลับบ้านรุจิโรจน์สัปดาห์หน้า

พอแม่ทั้งสามได้ข่าวพากันดีอกดีใจ อารยาพลอยยิ้มดีใจไปด้วย

ระหว่างที่รุจนั่งรถไฟกลับ เจอกับภาคินัยที่กำลังเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปทำธุระ ทั้งสองจึงนั่งมาด้วยกันจนถึงสถานีหัวลำโพง เจอเสาวรสมารับ รุจจึงแนะนำให้เธอรู้จัก กับภาคินัยว่า เขาอยู่เชียงรายเป็นเจ้าของไร่ยาสูบ เสาวรสสนใจ มากชมกับรุจขณะไปนั่งดื่มน้ำชากันว่า ท่าทางโก้ดีแต่เสียดายอยู่บ้านนอก ถามรุจว่าเขาจะไปไหนต่อ เขาบอกว่ากลับบ้าน เธอถามอย่างตื่นเต้นว่าบ้านอยู่แถวไหน สาทรหรือสีลมละแวกบ้านตนหรือเปล่าจะได้กลับด้วยกัน

"บ้านผมอยู่ปากน้ำ" รุจตอบนิ่งๆ เสาวรสทำหน้าผิดหวัง บ่นว่าบ้านนอกจัง ถามว่าบ้านที่กรุงเทพฯไม่มีหรือ

เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ยังบ่นกับพ่อว่ารุจไม่มีบ้านในกรุงเทพฯ ตอนอยู่เมืองนอกก็สปอร์ตดี แต่ที่เมืองไทยเขาอยู่ถึงปากน้ำ บ้านนอกแท้ๆ ตนเห็นจะไม่ไหวด้วยแล้ว พ่อเธอฟังแล้วก็เออ ออห่อหมกกับลูกด้วย

ooooooo

ทุกคนที่เคหาสน์สีแดงพากันตื่นเต้นดีใจมากเมื่อรุจกลับถึงบ้าน ระหว่างนั้นอารยามองจากหน้าต่างชั้นบนลงมาไม่เห็นหน้าเขา จนเมื่อเขาจะเข้าชายคาเขาเงยหน้ามองขึ้นไปที่หน้าต่าง อารยาตกใจหลบแว้บใจเต้นระทึกเมื่อเห็นหน้าเขาเต็มตา! ใจสั่นหวิวครู่หนึ่งจึงบอกตัวเองว่าต้องไม่กลัวผู้ชายคนนี้

บรรดาแม่ทั้งสามตื่นเต้นดีใจมาก รุมกันถามว่าจำตนได้ไหม จนรุจต้องบอกว่าให้ถามทีละคน ทุกคนถามว่าจำตนได้ไหม รุจจำได้ทุกคน บรรยายแม่แต่ละคนละเอียดยิบ จนแม่ทั้งสามยิ้มแก้มแทบปริ สุดท้ายเขาบอกว่า

"หนูจำได้ทุกอย่างยังปฏิบัติไม่เคยเปลี่ยน ขอเปลี่ยนอย่างเดียวขอไม่เรียกตัวเองว่าหนูนะจ๊ะ"

แม่ทั้งสามร้องพร้อมกันอย่างเสียดายราวกับสูญเสียคุณหนูของตนไป

ooooooo

แม่พร้อมเตรียมทำอาหารเย็นให้คุณหนูของตนทานพร้อมคุณน้อย อารยาแอบได้ยินทำหน้าสยองส่วนรุจสีหน้าเรียบเฉย แม่ละม่อมบอกว่าห้องนอนของเขาอยู่ที่ห้องเดิมของคุณพ่อ กำชับว่า

"เข้าห้องต้องล้างมือก่อนนะคะ แล้วไปห้องพระไหว้พระเรียนคุณพ่อด้วยว่ากลับมาแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ไปไหนอีก"

"ขอพวงมาลัยพวงหนึ่ง ฉันจะไหว้พระ" รุจบอกแล้วเดินขึ้นบันได อารยาที่กำลังชะโงกแอบดูอยู่ถอยหลบแทบไม่ทัน

ระหว่างขึ้นบันได เขานึกถึงอดีตที่พ่อบอกให้เขาย้ายไปนอนห้องแม่และจัดห้องของเขาให้น้องคนใหม่ ซ้ำยังไม่ให้เอาเจ้าเงาะลูกสุนัขขนปุกปุยไปอยู่ด้วยอ้างว่าเสียงดังน่ารำคาญ เวลานั้นเขาสะอื้นในอกถามพ่อว่าทำไมถึงฟังเสียงหมาของตนไม่ได้ แล้วทำไมเสียงเด็กเล็กๆ ลูกของอัมพาคุณพ่อถึงทนฟังได้

และแม้วันนี้ 15 ปีผ่านไป ความคับข้องใจของเขาก็มิได้ลดหย่อนผ่อนเบาลงเลย ยังฝังใจว่าอัมพากับลูกมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาไป บอกแม่ละม่อมที่พาขึ้นห้องไปว่า เกลียดทั้งแม่ทั้งลูก เกลียดเด็กคนนั้น

ooooooo

เมื่อขึ้นไปที่ระเบียงดาดฟ้า เจออารยาในชุดดำยืนอยู่ เขาจำได้ว่าคือหญิงสาวที่โต้เถียงกับเขาอย่างเผ็ดร้อนที่บางปู เธอหันมาไหว้เอ่ยเสียงอ่อน เชิญให้ตรวจดูบ้านให้ทั่วและขอโทษเขาสำหรับวันนั้นที่บางปู เขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึง ตนไม่ได้สนใจจะจำ แล้วเดินจากไปทันที

อารมณ์พลุ่งพล่านทำให้เขาไม่รู้ว่าอารยาเดินตามมา จนเขาไปหยุดยืนดูรูปที่แขวนอยู่นานจนเธอเอ่ยขึ้นว่า

"คุณได้ยืนดูอยู่นาน...มันถูกแขวนอยู่ตรงนี้นานแล้ว ด้วยคำสั่งของคุณลุงท่าน เอ้อ...คุณพ่อของคุณ แต่...ดิฉันจะปลดลงค่ะ"

"ไม่จำเป็น ปลดลงก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปได้" น้ำเสียงเขาเย็นชาประชดในทีจนอารยานิ่งงัน

ทันใดนั้นชาลีมาร้องเรียกที่ท่าน้ำ อารยาหันมอง ชาลีบอกว่าอาหารพร้อมแล้วทุกคนคอยเธออยู่คนเดียว รุจได้ยินเดินมาดูที่ระเบียง ชาลีหยุดกึก รุจมองอย่างไม่ชอบใจถามว่านั่นเป็นใคร

อารยาบอกว่าชื่อชาลีเป็นเพื่อนบ้านกับเรามาตั้งแต่เด็ก วันนี้มีนัดทานข้าวเย็นกัน แล้วขออนุญาตเขาจะไปบอกชาลีว่าไม่ไปแล้ว รุจขัดขึ้นทันทีว่า


"ไม่จำเป็น วันแรกที่กลับมาเมืองไทย ฉันอยากจะทานอาหารคนเดียว" พูดแล้วเมินไปทางอื่น จนอารยานิ่งอึ้ง

เมื่ออารยาลงไปหาชาลี ทั้งสองพูดอะไรกันสองสามประโยค ชาลีเงยหน้าขึ้นมองแล้วพายเรือจ้ำพรวดไปอย่างเร็ว

รุจยืนมองตามเรือลำนั้นไปด้วยสายตาเหยียดหยัน

ooooooo

คืนนี้รุจเข้าไปในห้องพระ จุดธูป 3 ดอก ไหว้พระ และวางพวงมาลัยที่หน้าโกศกระดูกของบิดาบอกกล่าวว่า

"คุณพ่อครับ ผมกลับมาแล้วครับ รุจิโรจน์ยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อวันที่ผมจากไป ผมขอโทษที่ทิ้งคุณพ่อไปนานมาก แต่ถึงอย่างไร ผมทราบว่าคุณพ่อก็มีความสุขดี"

แม่ละม่อมกับแม่พินที่อยู่ด้วยมองหน้ากัน แม่ละม่อมติงเบาๆว่าอย่าพูดอย่างนั้นกับคุณพ่ออีกรู้ไหม เพราะว่า...

"ถ้านับวันที่คุณพ่อทุกข์เพราะคิดถึงคุณหนู แม่ม่อมยืนยันว่า มีมากกว่า...มากกว่าวันที่คุณพ่อมีความสุขอย่างที่คุณหนูคิด"

รุจแย้งทันทีว่าไม่จริง อย่ามาพูดหลอกกัน ตนรู้และเข้าใจเรื่องชีวิตดี พูดเสียงเครือน้อยๆว่า

"เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะมีความหมายอะไรกับผู้ชายที่ยังมีเลือดเนื้อ มีความเหงามีความต้องการ"

แม่พินติงว่าอย่าพูดดูถูกคุณพ่ออย่างนั้น รุจสวนไปว่าตนเข้าใจทุกอย่าง ตนไม่โทษใคร แต่จะห้ามตนรู้สึกโกรธ รู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดหวังนั้นห้ามไม่ได้ แม่พินพยายามแก้ต่างให้เจ้านายแต่รุจไม่อยากฟัง แม่ละม่อมจึงขัดขึ้นว่ายังไงตน

ก็ต้องพูดเพราะคุณหนูเข้าใจผิดมา 15 ปี คิดว่าท่านไม่รักแต่รักคนอื่นมากกว่า

แม่พินเห็นบรรยากาศอึดอัด ตัดบทว่าเราไม่น่าพูดกันในวันแรกที่คุณหนูกลับมา เอ่ยขอโทษเขา

เมื่อสองแม่กลับไปที่ห้องนั่งเล่นของตัวเอง ยังปรารภกันด้วยความกังวลกับความฝังใจของรุจ เกรงว่าทุกอย่างจะไปลงที่อารยาคนเดียว

"อย่าเพิ่งลงโทษคุณหนูของฉัน รอดูไปก่อน คุณน้อยน่ะ ต่อให้คนที่ใจแข็งเป็นเหล็กยังไงก็ต้องอ่อนเมื่อพบเธอ" แม่พินมั่นใจในความเพียบพร้อมที่เป็นเสน่ห์ของอารยาจะเอาชนะใจรุจได้

ooooooo

ชาลีรับอารยาไปถึงบ้านพนาเวส เล่าเรื่องที่เจอรุจให้แม่กับพี่สาวฟัง ทั้งสองจำรุจได้ วัฒนาพูดแหยงๆว่าตอนเด็กๆมาเล่นกันเจอนัยน์ตาคมกริบของเขาทีไรตนกลัวจนบอกไม่ถูกทุกที

หลังทานข้าวเย็นแล้ว เกือบสามทุ่ม ชาลีจึงพายเรือไปส่งอารยาที่บ้านรุจิโรจน์ ย้ำกับเธอว่าถ้าไม่สบายใจอะไร คนแรกที่เธอต้องบอกคือตัวเขา อารยาให้สัญญาด้วยความเต็มใจที่สุด

เมื่อมาถึงท่าน้ำบ้านรุจิโรจน์ ทั้งคู่หยอกล้อกันเล็กน้อยประสาคนสนิทที่เคยเล่นด้วยกันมาแต่เด็ก หารู้ไม่ว่ารุจมอง

อยู่ที่ข้างบน เขาเขม้นมองอย่างไม่พอใจ

เมื่ออารยาเดินเข้าตัวตึก ทันใดนั้น มีเสียงโทรศัพท์

ดังขึ้น เธอจะไปรับสาย เขาบอกว่าไม่ต้องแล้วเดินไปรับเอง

ปรากฏว่าเป็นสายจากเสาวรส ทักทายกันอย่างหวานหยดย้อย รุจนัดว่าสัปดาห์นี้จะไปหาเพราะสัปดาห์หน้าเขาจะเริ่มทำงานแล้ว

คุยโทรศัพท์เสร็จ เสาวรสเดินตามหาพ่อ ไปเจอพ่อกำลัง นัวเนียอยู่กับนวลสาวใช้วัยขบเผาะ เสาวรสโกรธจี๊ด ตบตีนวล จนสลบหาว่ามาให้ท่าพ่อหวังกอบโกย

พระศัลยแพทย์พิสุทธิ์เป็นคนกลัวลูกจนหงอ พอเสาวรสเดินไปจึงรีบโผเข้าไปดูแลนวลที่สลบอยู่ หลังจากนั้นพระศัลย์ฯโอ๋ลูกว่าไม่เคยเห็นใครดีกว่าลูกเลย แต่พอเอ่ยถึงแม่ เธอตัดบททันทีว่าไม่อยากฟังเรื่องของเขา พูดอย่างเลือดเย็นว่า

"ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของใครทั้งสิ้น ต่อให้เขาไปมีลูกอีกกี่คนเขาก็ทิ้ง เพราะเขาไม่มีความเป็นแม่ให้ใครเลย"

ระหว่างนั้นนวลมาขอลาออก เสาวรสถามประชดว่าได้ไปเท่าไรแล้วล่ะ นวลบอกว่าตนไม่เคยได้อะไรเลยเสียอย่างเดียว พูดแล้วมองหน้าพระศัลย์ฯบอกเสาวรสว่า "ท่านรู้ดี" เสาวรสเริ่มรู้สึกผิดบอกพ่อว่าอย่าเพิ่งให้นวลไป

รุ่งเช้าเสาวรสเอาซองเงินให้พ่อฝากให้นวลด้วย พระศัลย์ฯ เดินออกไปครู่เดียวก็กลับมาบอกว่านวลไปแล้ว ส่วนตัวเองก็จะออกข้างนอกบอกเสาวรสว่าจะไปแสดงตัวเพื่อรับบำนาญ ถามลูกสาวว่านัดหมอรุจไว้รึเปล่า เธอบอกอย่างไม่ยี่หระว่า

"รุจยังไม่ใช่ชอยส์ในขณะนี้ค่ะ นอกจากหนูจะไม่มั่นใจเรื่องฐานะบ้านช่องของเขาแล้ว เขายังทำให้หนูโกรธมากตั้งแต่ เพิ่งกลับมา เพราะเขาทำเหมือนหนูไม่มีความหมาย"

"เขาเป็นรุจิโรจน์นะลูก รุจิโรจน์ตระกูลเก่าแก่...สมบัติมากมาย" พระศัลย์ฯติงเสียงอ่อน

ooooooo

คืนนี้ขณะที่อารยาเอาแจกันดอกไม้ไปวางที่หน้ารูปอัมพาและพูดคุยกับรูปแม่ระบายความอัดอั้นอยู่นั้น รุจมายืนฟังอยู่ เขาพูดเยาะเย้ยที่เธอคุยกับรูป แล้วถามว่าอัมพาแม่ของเธอคิดอย่างไรกับตน

"ท่านบอกว่าคุณรุจเป็นคนดี เนื้อแท้ของคุณรุจเป็นคนมีเมตตา และยุติธรรม ดิฉันไม่ทราบว่าทำไมแม่ถึงคิดอย่างนั้น ในเมื่อแม่ก็รู้ว่าคุณเกลียด..." พูดได้แค่นั้นเธอก็เสียงสั่นก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาเป็นริ้วจนพูดไม่ออก รุจยืนมองเฉย สุดท้ายบอกเธอไปได้แล้ว พออารยาไป เขากลับเป็นฝ่ายยืนอย่างครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น

รุ่งเช้า หลังจากใส่บาตรแล้ว อารยาเห็นสุคนธ์หลานสาวของแม่ละม่อมกำลังร่ำลาบรรดาแม่ๆ เธอบอกให้รอเดี๋ยวจะฝากเสื้อให้ไปช่วยใส่ด้วย ว่าแล้ววิ่งขึ้นไปที่ห้องเพื่อเอาเสื้อให้สุคนธ์และเอาเสื้อปักลายที่แม่พินวาดมาให้ดูด้วย พอวิ่งก็ชนเข้ากับรุจที่เดินอ่านหนังสือลงมาจนตัวเองเซรุจคว้าไว้เลยถลำเข้าไปในอ้อมอกเขา เธอขอบคุณเขาเสียงประหม่าถามว่า เจ็บไหม รุจนิ่งไม่ตอบเดินลงบันไดไปเลย

จนเข้าไปในห้องแล้วอารยายังใจเต้นไม่เป็นส่ำกับสัมผัสเมื่อครู่นี้ ต้องสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกนั้นหยิบเสื้อที่จะให้สุคนธ์รีบลงไป เจอแม่พินถามหาเสื้อลายปักที่วาดให้ อารยาบอกว่าลืมแล้วจะวิ่งขึ้นไปเอา

"คุณน้อยไม่ต้องหรอกค่ะ คุณหนูคงคอยรับของเช้าอยู่แล้วค่ะ รีบไปเถอะ" แม่พินห้ามไว้

"น้อยไม่ไปหรอกค่ะ คุณรุจไม่ทานข้าวกับน้อยหรอกค่ะป้า เธอชอบรับทานคนเดียว"

กลายเป็นเรื่องทันที เมื่อแม่พร้อมกับแม่พินพูดกันอย่างไม่สบายใจว่าทำไมอารยาพูดอย่างนั้น แม่พินจะไปถามให้รู้เรื่อง รุจห้ามไว้บอกว่าไม่ต้องตามใครทั้งนั้น บอกแม่พินว่า

"ฉันขอห้ามเด็ดขาด ในเมื่อเขาไม่อยากมาทานกับฉันก็ไม่ต้องบังคับเขา และต่อไปนี้จัดให้ฉันทานข้าวคนเดียว" พูดแล้วยกกาแฟจิบ เห็นแม่พินขยับตัวเขาสั่งเสียงเข้ม "แม่พิน ฉันห้ามแล้วนะ"

ooooooo

สามแม่แอบไปต่อว่าอารยาจนได้ คาดคั้นถามว่ามีอะไรในใจกับรุจ รู้ไหมพูดอย่างนั้นทำให้คุณหนูของตนเสียใจ ทำไมถึงว่าคุณหนูชอบทานข้าวคนเดียว อารยานิ่งอยู่นานสุดท้ายบอกว่าตนทราบก็แล้วกัน

ความอึดอัดคับข้องใจทำให้อารยาไม่ไปเรียนทำขนมกับคุณแม่ของชาลี เมื่อชาลีมารับ เธอฝากเขาไปขอโทษด้วย แล้วเธอก็ไปหารุจที่ห้องหนังสือซึ่งเขาใช้เป็นที่ทำงานด้วย พรวดเข้าไปเลยถูกตำหนิว่าทำไมไม่เคาะก่อน เธอออกไปเคาะแล้วเข้ามาใหม่ รุจทำหน้าหน่ายถามว่ามีเรื่องอะไรให้รีบพูด เดี๋ยวท่านขุนประจญคดีจะมาพบด้วยเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของเธอ

เมื่ออารยาถามเรื่องที่เขาบอกว่าอยากทานข้าวคนเดียว เขายอมรับว่าใช่ อารยาจึงเล่าอย่างอัดอั้นว่าพอตนบอกแม่ทั้งสามไปเช่นนั้น ก็ถูกตำหนิว่าทำในสิ่งที่ไม่สมควรกับคุณหนูของแม่เหล่านั้น รุจบอกให้เธอบอกไปเลยว่าเขาเป็นคนพูด อารยาเกี่ยงให้เขาพูด เธอพูดเสียงสั่นว่า

"คุณควรจะบอกว่าเป็นความประสงค์ของคุณ คุณควรจะพูดเอง เพราะแค่ดิฉันบอกเพียงว่าคุณชอบรับประทานอาหารคนเดียวดิฉันก็ยังโดนดุมากมาย ถ้าดิฉันบอกว่าคุณเป็นคนพูด แต่คุณไม่ยอมรับ ดิฉันจะโดนขนาดไหน"

"อย่างนั้นหรือ" รุจถามอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำให้ อารยายิ่งว้าวุ่นที่ทำอะไรเขาไม่ได้ รุจเห็นดังนั้นย้อนถามว่าเธอโมโหใครมา อารยาไม่หลงประเด็นย้ำถามว่าทำไมเขาไม่พูดเอง เขากลับก้มหน้าอ่านหนังสือ ทำให้อารยาเคว้งอยู่ตรงนั้น สุดท้ายต้องออกจากห้องไปเองอย่างกดดันมาก

ooooooo

ครู่ใหญ่ ขุนประจญคดีมาพบรุจ เอาเอกสารเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของบ้านรุจิโรจน์ รวม ทั้งทรัพย์สินอื่นมาให้เขา แจกแจงรายละเอียดแล้ววางโฉนดกับเอกสารทั้งหมดลงย้ำกับเขาว่าต้องดูด้วย

รุจไม่แยแสชวนว่าเดี๋ยวไปหาข้าวทานที่บางปูกันดีกว่า ขุนประจญคดีเริ่มหงุดหงิดเสียงเข้มขึ้น บอกให้เขาต้องดู ย้ำถึงความยากเย็นกว่าจะได้สมบัติเหล่านี้มาของบรรพบุรุษ อย่าดูถูกความเหนื่อยยากของท่านเหล่านั้น รุจจึงจำต้องไปเปิดตู้เซฟดู

ในตู้เซฟมีกล่องเครื่องเพชร เครื่องทองอยู่มากมาย แต่เปิดดูทุกกล่องว่างเปล่า รุจอารมณ์พลุ่งขึ้นทันที นึกถึงนายชิดที่มาแอบพบกับอัมพา และเสียงหัวเราะของอารยาที่หยอกล้อกับชาลีขึ้นมาทันที

เมื่ออารยากลับขึ้นมาที่หน้าตึก เจอรุจลงมาพอดี สายตาที่เขาจ้องเธอนั้นเหมือนจะให้ทะลุถึงหัวใจ ทีแรกอารยาก็หวั่นๆ แต่สุดท้ายเธอฮึดจ้องตอบทั้งยังถามว่า "ดิฉันทำอะไรผิดอีกหรือคะ"

รุจมีแววเยาะในสีหน้าแล้วจะเลี่ยงไป อารยาพรวดไปขวางไม่ยอมให้ไป ถามย้ำซ้ำๆว่า "ทำไม...ทำไมคะ...ทำไม คุณต้องบอกว่ามีเรื่องอะไรอีก" รุจสั่งให้หลีก เธอไม่ยอมหลีกจ้องหน้าเขาเขม็ง พูดเสียงแข็ง "ดิฉันไม่หลีก คุณยังไปไม่ได้"

ทั้งสองยืนจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

รุจปักใจเชื่อว่าของที่หายไปต้องเป็นฝีมือของอัมพาและอารยา เขายิ่งชิงชังแสดงความรังเกียจเหยียดหยาม เมื่ออารยาถามเขาก็บอกว่า ถ้าไม่ได้ทำอะไรปิดบังซ่อนเร้นไว้ก็ไม่ต้องทุกข์ร้อน

อารยาระบายความกดดันว่าตนอยู่ที่นี่เหมือนทำอะไร ก็ผิดไปหมดทั้งต่อตัวเขาและแม่ทั้งสาม เขาตัดบทว่าเธอจะทำอะไร เขาไม่เกี่ยว เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวกันและไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ พูดแล้วไล่ให้ไปได้แล้ว ทำให้อารยาหน้าจ๋อยเดินตัวลีบไป

วัฒนาพี่สาวของชาลีเห็นถึงความผิดปกติของอารยาถามว่าเป็นอะไร เมื่ออารยาเล่าให้ฟัง วัฒนาตั้งข้อสังเกตว่า หรือจะเป็นเรื่องสมบัติที่เขาระแวง เพราะเขาไม่รู้ว่าพ่อของเขาให้อะไรอารยาไว้บ้าง

ooooooo

เสาวรสอ่อยภาคินัยหวังจับปลาสองมือ ภาคินัยเริ่มพอใจในความฉอเลาะของเธอ แต่หลังนัดทานอาหารกันแล้วเขาจำต้องรีบกลับ เพราะมีธุระสำคัญจึงไม่ได้ไปส่งเธอที่บ้าน

แต่พอเสาวรสกลับถึงบ้านไม่นาน รุจก็ไปหาด้วยความคิดถึง เธอดีใจโผเข้าเบียดลูบไล้กอดหอมอย่างไม่แคร์กับสายตาใคร จากนั้นพากันไปเต้นรำที่บางปู แล้วพาเธอมาส่งที่บ้าน

พระศัลยแพทย์พิสุทธิ์ถือโอกาสเลียบเคียงถามถึงฐานะและการศึกษาของเขา เมื่อรุจกลับไปแล้วเสาวรสพึมพำอย่างกระหยิ่มใจว่า "รุจนั้นเป็นของตาย แต่ของตายอาจไม่ใช่ของที่ถูกเลือก"

"เขาเป็นทายาทตระกูลเก่าแก่นะลูก เป็นแพทย์อนาคตไกล ไม่ลองไปดูบ้านเขาที่ปากน้ำล่ะลูก"

"ไม่หรอกค่ะ ปากน้ำ...บ้านนอกอย่างนั้น คุณพ่อหวังว่าจะมีคฤหาสน์ใหญ่โตขนาดไหนคะ เขาไม่เคยชวนลูกไป นั่นไม่แสดงหรือคะว่าบ้านเขาต้องเก่าโทรมจนเขาอายไม่กล้าพาไป" เสาวรสยิ้มเหยียด

แต่เมื่อส่งเสาวรสแล้ว รุจโทรศัพท์สั่งแม่พร้อมให้เตรียมต้อนรับแขกพิเศษที่เขาจะพามาทานอาหารที่บ้าน กำชับว่าต้องเป็นอาหารฝรั่งด้วย

เกิดความวุ่นวายทันที เพราะแม่พร้อมทำอาหารฝรั่ง ไม่เป็น ครั้นตามหาอารยาก็ไม่รู้หายไปไหน สุดท้ายแม่พินตามไปเจอที่บ้านพนาเวส รีบพากลับมาทำอาหารฝรั่งตามคำสั่งของรุจ

อารยาทำอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็เสร็จทันเวลา มีสลัด น้ำสลัด พาสต้า ซอสครีม มันทอด และไก่อบ ทำเสร็จบอกลำดับการเสิร์ฟและพิธีตามธรรมเนียมฝรั่งแก่แม่พร้อมแล้วตัวเองก็รีบวิ่งออกไปจากบ้าน

เจอรุจพาแขกมาพอดี ตัวเขาไม่เห็นอารยา แต่ภาคินัย เห็นหลังเธอวิ่งไวๆไปทางท่าน้ำ

แขกพิเศษของรุจคือ ภาคินัยและภคินีนั่นเอง

รุจแนะนำแม่ทั้งสามแก่ภาคินัยและภคินี จากนั้นบอกแม่ละม่อมให้ไปตามอารยามาร่วมโต๊ะด้วย นายสุขคนรับใช้บอกว่าอารยาอยู่ในครัวแล้ว รุจเสียงเข้มว่า "แต่ตอนนี้อยู่ที่ท่าน้ำ" นายสุขวิ่งไปที่ท่าน้ำ เห็นอารยากำลังจ้ำพายออกจากท่าน้ำ เขาตะโกนเรียก เธอทำหูทวนลมเร่งฝีพายเร็วขึ้นไปอีก ปล่อยให้ นายสุขตะโกนโหวกเหวกอยู่ที่ท่าน้ำ

ooooooo

ปรากฏว่าอาหารอร่อยมากจนภาคินัยชมว่าแม่ ครัวที่นี่ฝีมือดีมาก มากจนอยากจะเห็นแม่ครัวเสียแล้ว ภคินีแซวพี่ชายว่าจะขโมยแม่ครัวที่นี่หรือ ภาคินัยถามหยอกรุจว่าได้ไหมครับ เขาตอบยิ้มๆว่ารอให้พบตัวก่อนแล้วค่อยตัดสินใจดีกว่า

ระหว่างไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำ ภาคินัยถามรุจว่าอยู่คนเดียวหรือ เขาบอกว่ามีอีกคนหนึ่ง แต่วันนี้ไม่อยู่ ภาคินัยร้องอ๋อบอกว่าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อมาถึง ถามว่าน้องสาวเขาหรือ

รุจไม่ทันตอบอะไร แม่ทั้งสามก็พากันเดินตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยเข้ามาพร้อมขนมหวาน รุจแนะนำแม่ทั้งสาม ภาคินัยชม

ว่าอาหารอร่อยมาก แม่พร้อมขอบคุณ ยิ้มหน้าบาน แต่บอกว่าตนไม่ได้ทำเองหรอก พอจะบอกว่าใครทำ รุจก็ขัดขึ้นว่า

"เขาไม่อยู่ครับ...แม่จ๊ะขอบใจจ้ะ" แม่ทั้งสามรู้ใจ คุณหนูเลยพากันชักแถวกลับ รุจเลื่อนจานขนมเชิญชิมกัน

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น