วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ป่านางเสือ ตอนที่ 12

ตอนที่ 12

ครู่ต่อมา คุณหญิงรัตนาเข้ามาในห้องพักฟื้นของดาว ตามด้วยฤทธิชัย อภิชาติ และจักจั่นปิดท้าย คุณหญิงรัตนาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เข้าไปกอดดาวไว้ ทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ความรู้สึกผูกพันเกิดขึ้นอย่างประหลาดเกินกว่าใครจะเข้าใจ ฤทธิชัยกับอภิชาติต่างมองสบตากัน ความคิดที่ว่าดาวน่าจะเป็นคนคนเดียวกับหนูพฤกษามีมากขึ้นทุกที คุณหญิงรัตนากับดาวคลายอ้อมกอดออกจากกัน

"ดาวดีใจที่คุณอาหญิงไม่เป็นอะไร"

"อาก็ดีใจที่หนูดาวไม่เป็นอะไร"

ทั้งสองต่างยิ้มขำที่ตนเองพูดแบบเดียวกัน คุณหญิงรัตนาถอยออกมายืนกับจักจั่น หลีกทางให้ฤทธิชัยเข้าไปหาหญิงคนรัก เขากุมมือเธอไว้อย่างห่วงใย พลางมองสำรวจที่ไหล่กับสีข้างจุดที่เธอถูกยิง

"ผมคงตกใจจนตาฝาดเห็นว่าคุณบาดเจ็บทั้งๆที่คุณไม่ได้เป็นอะไร"

"คงเป็นเพราะว่าผู้กองเป็นห่วง ดาวเลยไม่เป็นอะไรมากกว่า" ดาวยิ้ม วางมือทาบบนมือฤทธิชัย มองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง ฤทธิชัยเลยได้แต่ยิ้มเก็บความสงสัยไว้ในใจ ทั้งสองคนสบตากันนิ่ง ปล่อยให้หัวใจคุยกัน

ooooooo

เพื่อความปลอดภัยของคุณหญิงรัตนา ฤทธิชัยตัดสินใจชวนท่านกลับกรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้น ถ้าคุณหญิงรัตนาอยู่กรุงเทพฯ สินชัยคงไม่กล้าทำอะไร เกรงบารมีท่านรองฯก้องเกียรติ

"ก็ได้จ้ะ เพื่อความสบายใจของทุกคน แต่หนูดาวต้องสัญญาว่าจะส่งข่าวให้อาทราบตลอดเวลา"

ดาวรับคำ ประคองคุณหญิงรัตนาขึ้นรถตู้ของท่าน ฤทธิชัยกับอภิชาติร่ำลาสองสาวแล้วเดินไปขึ้นรถของฤทธิชัย รถของคุณหญิงรัตนาค่อยๆเคลื่อนออกไป ตามติดด้วยรถของฤทธิชัย...

หลังเกิดเหตุซุ่มโจมตีเมื่อวาน ลุงเดชสั่งเพิ่มกำลังสมาชิกโจรให้มาคอยสอดส่องดูแลค่ายอาสาฯ และกำชับไผ่คอยประกบป้าเนียนกับจันจิราไว้ให้ดี สิงชัยเริ่มส่งคนมารังควานพวกที่เกี่ยวข้องกับค่ายอาสาฯ ต่อจากนี้ไปทุกคนต้องระวังตัวมากขึ้น ดาว จักจั่น และไผ่ต่างพยักหน้ารับคำ ดาวขอคุยกับลุงเดชตามลำพัง

ทั้งสองคนพากันออกเดินไปเรื่อยๆ ดาวเล่าเรื่องที่เธอเห็นท่านอิทธิที่ห้วยเสือข้าม ก่อนจะถูกพวกคนร้ายซุ่มโจมตีให้ลุงเดชฟัง ลุงเดชตื่นเต้นแต่พยายามซ่อนความรู้สึก ทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่สนใจ

"ดาวเห็นสายฟ้าออกมาเตือน ที่เนินเขา พอหันมาทางคุณอาหญิงกลับเห็นเป็นท่านอิทธิแวบหนึ่ง"

"ท่านคงมาเตือน เพราะดาวเปิดค่ายของท่านใหม่อีกครั้ง หรือไม่ก็มาเพราะคุณหญิงรัตนา"

"ที่แปลกกว่านั่นก็คือ คุณอาหญิงบอกว่าเหมือนเคยเห็นสายฟ้ามาก่อนตอนที่ลูกสาวท่านยังเป็นเด็ก"

ลุงเดชฝืนยิ้ม พูดกลบเกลื่อนว่าเสือเหมือนกันหมดทุกตัว คุณหญิงรัตนาคงคิดมากไปเอง ดาวเห็นลุงเดชไม่ตื่นเต้นอะไรด้วยเลยไม่คุยต่อ ขอตัวกลับไปหาจักจั่นกับไผ่ ลุงเดชแหงนหน้ามองฟ้า

"ผมปล่อยให้ท่านจัดการทุกอย่างเองก็แล้วกัน"

พลันมีลมพัดวูบใบไม้ปลิวว่อน ราวกับท่านอิทธิรับรู้...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่ออฟฟิศหรูกลางกรุงของสินชัย สมุนคนสนิทโทรศัพท์มาแจ้งสินชัยว่า รถตู้ขนเงินกำลังเดินทางไปยังจุดหมายกลางป่าบ้านดอนเสือแล้ว

"ดีมาก...อย่าให้ผิดพลาด" สินชัยวางสายอย่างอารมณ์ดี

ทันใดนั้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งของสินชัยลอยมากองหน้าโต๊ะทำงาน พริบตาเดียว บอดี้การ์ดอีกคนปลิวมากองข้างๆกัน สินชัยขยับจะลุกแต่ฤทธิชัยกับอภิชาติปราดเข้ามาถึงตัวเสียก่อน

"สวัสดีครับผู้กอง มาหาผมถึงนี่ จับนางเสือได้หรือยังครับ" สินชัยไม่วายกวนประสาท

"คุณข้ามเส้นมากไปแล้วคุณสินชัย" ฤทธิชัยจ้องหน้าสินชัยท่าทางเอาเรื่อง

พวกสมุนของสินชัยพรวดเข้ามา เล็งปืนมาที่คู่เพื่อนซี้ อภิชาติไวทายาด ตวัดปืนจ่อหัวสินชัยไว้ขู่ว่าถ้าใครขยับเขายิงสินชัยก่อน สินชัยโบกมือให้สมุนทั้งหมดออกไป แล้วตีหน้าตายไม่รู้เรื่องที่ฤทธิชัยพูด

"เป็นเรื่องระหว่างคุณกับผม คนอื่นไม่เกี่ยว...อย่าให้เกิดขึ้นอีก"

"อ๋อ...เรื่องนางเสือปล้นรถคุณหญิงรัตนา...ผมไม่เกี่ยว" สินชัยปฏิเสธหน้าด้านๆ

ฤทธิชัยเหลืออด ชักปืนยิงใส่โต๊ะทำงานใกล้ตัวสินชัยกระจุย เจ้าพ่อใหญ่ถึงกับตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดิก พวกสมุนพรวดพราดเข้ามาอีก สินชัยพยักพเยิดให้พวกนั้นอยู่เฉยๆ

"อย่าให้เกิดขึ้นอีก" ฤทธิชัยย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเดินฝ่าพวกสมุนออกไป อภิชาติแสยะยิ้มแล้วเดินตาม สินชัยได้แต่มองตาม ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย

ooooooo

ขบวนรถเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล่นมาถึงห้วยเสือข้ามถูกลินจงในคราบนางเสือปลอมกับพวกซุ่มโจมตี เจ้าหน้าที่ทั้งหมดถูกฆ่าตายอย่างทารุณ หลังจากได้รับรายงานเรื่องนี้ ท่านรองฯก้องเกียรติเรียกตัวฤทธิชัยเข้าพบ

"นางเสือฆ่าเจ้าหน้าที่อย่างเลือดเย็น ผู้ใหญ่ต้องการให้คุณลงไปประจำที่บ้านดอนเสือจนกว่าคุณจะได้ตัวนางเสือ... ผมพยายามจะส่งกำลังลงไปเสริม...ระวังตัวด้วย"

ฤทธิชัยทำความเคารพ รีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที...

นายทอมมาพบสินชัยที่ออฟฟิศโดยไม่ได้นัดล่วงหน้า แล้วคุยธุระด่วนกับเขาทันที "เรื่องที่บ้านดอนเสือกำลังบานปลาย นายใหญ่กลัวว่าแผนครองพื้นที่บ้านดอนเสืออาจจะมีปัญหา"

"แต่ทุกอย่างอยู่ในระหว่างการซื้อขาย เงินของเรางวดแรกก็เริ่มปล่อยออกไปทดลองใช้แล้ว"

"ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเริ่มไม่สบายใจ นายใหญ่สั่งให้มาเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย"

"ที่แท้คุณรายงานเรื่องเงิน 20 ล้าน หายไปจากบัญชีนี่เอง"

"ผมจำเป็นต้องรายงาน นายใหญ่ไม่สบายใจเรื่องนี้ นายใหญ่ต้องการให้เรื่องเงียบโดยเร็วที่สุด...นั่นก็หมายความว่าคุณต้องเก็บทุกคนที่เกี่ยวข้องให้หมด ไม่ว่าจะเป็นนางเสือหรือผู้กองฤทธิชัย"

สินชัยมองไอ้คนช่างฟ้องอย่างไม่พอใจ นายทอมไม่สน กลับยิ้มให้แถมอวยพรให้สินชัยโชคดี...

ที่คอนโดฯที่พักของฤทธิชัย ผู้กองหนุ่มกลับมาเก็บข้าวของเครื่องใช้จำเป็นใส่กระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมเดินทางไปบ้านดอนเสือ ก่อนไปเขาฝากอภิชาติช่วยดูแลคุณหญิงรัตนาแทนเขาด้วย อภิชาติรับคำ แล้วฝากฤทธิชัยสวัสดีจักจั่นให้เขาด้วย อีกวันสองวันเคลียร์งานเสร็จแล้วตามไป...

ตั้งแต่สินชัยสวมรอยส่งนางเสือปลอมออกมาอาละวาดซุ่มทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำให้นางเสือจริงไม่กล้าปรากฏตัว พวกลักลอบตัดไม้กลับมาคักคึกอีกครั้ง...

จักจั่นกับดาวสะกดรอยตามรถตู้ขนเงินสามคันของสินชัยไปถึงค่ายลักลอบตัดไม้ในป่าลึก เห็นมือปืนยืนเฝ้าระวังอยู่โดยรอบ พวกสมุนช่วยกันขนลังใส่ของหลายใบลงจากรถตู้ไปเรียงไว้หน้าเต็นท์หลังหนึ่ง พอนายไชยออกมาจากเต็นท์ สมุนสองคนเข้ามาเปิดลังให้ดู ภายในเต็มไปด้วยเงินปลอม นายไชยสั่งให้สมุนเอาเงินปลอมไปจ่ายพวกคนงานลักลอบตัดไม้ จักจั่นคันไม้คันมือชวนดาวลุยให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย

"ยังก่อน ลุยตอนนี้เราก็ได้แค่เศษเงินของพวกมัน ปล่อยให้มันย่ามใจไปก่อน แล้วค่อยหาทางเข้าถึงแหล่งพิมพ์ของมัน จัดการกับต้นตอของมัน"

"นายยูเว่?"

"ใช่...เพราะนายยูเว่ต้องควบคุมการพิมพ์ทั้งหมดเพื่อให้เงินทุกใบเหมือนของจริงมากที่สุด"

"ไอ้พวกนี้เลวจริงๆ ให้คนทำงานชั่วให้มันแล้วยังโกง จ่ายด้วยเงินปลอมอีก มันน่าเก็บให้หมด"

"พี่สงสัยว่ามันไม่ได้ใช้เงินปลอมจ่ายให้พวกคนงานอย่างเดียว มันอาจใช้เงินปลอมซื้อที่ดินป่าดอนเสือทั้งหมดด้วย" ดาวเห็นใกล้เวลามาถึงของฤทธิชัย ชวนจักจั่นไปรอต้อนรับ แล้วดีดตัวหายเข้าไปในยอดไม้ จักจั่นพุ่งตัวตามไปติดๆ

พวกคนงานตัดไม้ในค่ายเข้าแถวรอรับเงินปลอมกันอย่างครึกครื้น นายตาลหนึ่งในคนงานรับเงินแล้วบอกนายไชย ลูกพี่ใหญ่ว่าคืนนี้เขาจะแวะไปเสี่ยงโชคที่บ่อนกับนายเล็ก นายไชยเตือนสองคนงานให้ใช้เงินกันระวังหน่อย นายตาลไม่ได้สนใจฟังนัก ชูเงินในมือโบกไปมาอย่างมีความสุข...

ทันทีที่ฤทธิชัยมาถึงสถานีตำรวจบ้านดอนเสือ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่นกุลีกุจอพาผู้กองหนุ่มไปที่ห้องประชุมเพื่อฟังสรุปเรื่องนางเสือจากเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว...หลังจากฟังสรุปจบฤทธิชัยกราดสายตาไปรอบๆห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เห็นพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างจ้องมาที่ตน

"ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อม ณ วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"

เสียงตบมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกึกก้อง ดวงตาของฤทธิชัยฉายแววเยือกเย็น น่ากลัว

ooooooo

ท่านรองฯก้องเกียรติทราบว่าคุณหญิงรัตนาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ถึงแม้กระสุนจะแค่ถาก แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงขอร้องให้คุณหญิงรัตนามาตรวจเช็กอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯอีกครั้ง คุณหญิงรัตนาขัดไม่ได้ จำต้องมานอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน อภิชาติรู้ข่าวรีบมาเยี่ยมพร้อมดอกไม้ช่อโต

"คุณอาหญิงเป็นอย่างไรบ้างครับ"

"ดีจ้ะ...ความจริงไม่ต้องมาโรงพยาบาลก็ได้ แต่ท่านรองฯจัดการให้...เอ่อ...อาได้ข่าวว่าผู้กองไปบ้านดอนเสือแล้วหรือจ๊ะ"

"ครับ ก่อนไปฝากให้ผมมาดูแลคุณอาหญิงด้วยครับ... คุณอาหญิงเก่งนะครับ ไม่ตกใจ ถ้าเป็นคนอื่นเจอแบบนี้คงแย่ ไปแล้ว"

"อาไม่ตกใจหรอกจ้ะ แต่แปลกใจที่เห็นเสือตัวนั้นมากกว่า...อาเกือบจะมั่นใจได้เลยว่าเป็นเสือตัวเดียวกับที่อาเคยเห็นมาเล่นกับลูกษาตอนที่แกยังเด็กๆ"

ทันใดนั้น ประตูห้องพักฟื้นเปิดออก กำจรพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับตากล้อง ขอสัมภาษณ์คุณหญิงรัตนาเรื่องที่ถูกนางเสือทำร้าย อภิชาติโกรธจัดกระชากคอเสื้อกำจร ดันทั้งคู่ ออกจากห้อง กำจรโวยลั่น

"เฮ้ย...ไอ้ชาติเป็นอะไรของแกวะ"

"นี่ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนล่ะก็ จะเจอหนักกว่านี้ อย่าคิดเข้าใกล้คุณหญิงรัตนาอีก" อภิชาติถอยเข้าห้องปิดประตูใส่หน้า กำจรหันมาที่ตากล้อง ถามว่าพร้อมไหม ตากล้องพยักหน้า

ยกกล้องเล็งที่กำจร

"อีกครั้งที่นางเสือออกอาละวาด ทำลายความสงบของบ้านเมือง เมื่อไหร่นางเสือจะถูกปราบ เราคงต้องคอยดูกันต่อไป...ผม...กำจร แสงรุ่งเรื่อง...รายงานข่าว" กำจรหันมองประตูห้องที่ปิดด้วยความแค้น...

ฤทธิชัยยังติดใจบังกะโลที่พักหลังเดิมไม่หาย เลยกลับมาใช้บริการอีกครั้ง ขณะเขากำลังลงจากรถ ดาวกับจักจั่นขับรถมาจอดเทียบ ฤทธิชัยแก้ตัวว่ากำลังจะโทร.หาดาวพอดี

"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ การย้ายมาของผู้กองมีคนพอรู้ อยู่บ้าง"

"ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าผู้กองไม่ต้องการพักที่บ้านตำรวจ ที่ทางการจัดไว้ให้หรือคะ"

ฤทธิชัยไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ อยู่อย่างนี้จะไปไหนมาไหนสะดวกกว่า อีกอย่างเผื่อมีคนไม่พึงประสงค์มาเยี่ยมจะได้คุยกันง่ายหน่อย ดาวจะมาชวนฤทธิชัยไปหาร่องรอยของพวกสินชัย ถ้าเขาไม่เหนื่อยเกินไป ฤทธิชัยตอบรับคำชวนด้วยความยินดี...

ในเวลาเดียวกัน ไผ่พาจันจิรามาหัดยิงปืนแถวลานเล็กๆกลางป่า เขาเข้าไปยืนด้านหลังจันจิราแล้วใช้มือสองข้างประคองมือเธอไว้ สอนให้รู้ว่ายิงอย่างไรถึงจะตรงเป้า ไผ่ปล่อยมือแล้วถอยออกมา จันจิราเล็งศูนย์หน้าให้ตรงกับบากหลัง แล้วเหนี่ยวไกเปรี้ยงๆๆถูกเป้าอย่างแม่นยำ

"ที่แท้ยิงเป็นแล้วไม่ยอมบอก"

"เป็นแต่อยากเก่งเหมือนพี่ไผ่...พี่ไผ่คิดว่าพวกมันจะอาละวาดหนักขึ้นกว่าเดิมอีกหรือ"

ไผ่พยักหน้า ทางการเริ่มเอาจริง พวกคนร้ายไม่มีทางเลือก นอกจากลงมือหนักขึ้น ยิ่งค่ายอาสาฯเปิดใหม่พวกนั้นยิ่งไม่พอใจ จันจิราเอียงคอถามว่านี่คือสาเหตุให้เขาต้องคอยป้วนเปี้ยนเฝ้าเธอกับป้าเนียนหรือเปล่า ไผ่อ้างว่าลุงเดชสั่งไว้ แล้วตบแมกกาซีนเข้าไปในปืน ก่อนส่งให้จันจิราซ้อมยิงอีกชุดหนึ่งก่อนกลับ

จันจิรายื่นมือมารับปืนค้างไว้ แกล้งซักว่าแล้วถ้าลุงเดชไม่ได้สั่ง หญิงสาวพูดยังไม่ทันขาดคำ ไผ่คว้ามือเธอดึงเข้ามาในอ้อมกอด โดยที่ปืนในมือจันจิราเล็งไปที่เป้า ใบหน้าของทั้งคู่ ใกล้กันมาก

"ถ้าลุงเดชไม่สั่งก็เป็นแบบนี้" ไผ่พูดจบ หอมแก้มจันจิราหนึ่งฟอด

จันจิรายิ้ม "งั้นเอาแบบลุงเดชไม่สั่งดีกว่า"

ไผ่จัดให้ทันที ก้มหอมแก้มเธออีกหนึ่งฟอด ทันใดนั้น ปืน ลั่นเปรี้ยง ทั้งสองคนต่างหัวเราะชอบใจ ไผ่กระซิบข้างหูจันจิราว่าพวกคนร้ายกำลังล้อมเราอยู่ จันจิราจะขยับตัว แต่ไผ่กอดไว้ ไม่ให้ขยับ ตำหนิตัวเองที่เผลอตัวไปหน่อย พวกคนร้ายเข้ามาใกล้มากแล้วถึงได้รู้ตัว หญิงสาวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

"พอพี่ปล่อย น้องจันรีบวิ่งไปที่รถแล้วเหยียบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ใครขวางยิงทันที ไม่ต้องห่วงพี่"

ไผ่สะบัดจันจิราให้หลุดจากวงแขนไปทางที่รถจอดอยู่ จันจิราวิ่งไม่คิดชีวิต กระสุนปืนระดมยิงเข้ามาเฉี่ยวร่างของเธอหวุดหวิด จันจิราโดดขึ้นรถ สตาร์ตเครื่องแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว กระสุนพุ่งเฉียดรถอย่างน่าหวาดเสียว ไผ่ดีดตัวเข้าไปท่ามกลางพวกคนร้าย สะบัดมือออกไป มีดสั้นนับสิบเล่มพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำ คนร้ายตายเป็นเบือ ไม่กี่อึดใจ ไผ่จัดการ พวกนั้นได้หมด

ooooooo

จักจั่นไปกับดาวและฤทธิชัยไม่ได้ วันนี้ เป็นเวรเธอเฝ้าค่ายอาสาฯ ดาวแวะส่งจักจั่นหน้าค่าย แล้วขับรถบ่ายหน้าไปทางป่าทึบ พลันจักจั่นรู้สึกเหมือนมีคน

จ้องอยู่ รีบตวัดปืนขึ้นมา ตะโกนสั่งให้แสดงตัว ไม่

อย่างนั้นเธอจะยิง ลุงหงวนก้าวออกมาแล้วแนะนำตัว

"ฉันพอจำได้...ป้าเนียนบอกว่าลุงหงวนไม่อยากยุ่งกับค่ายอาสาฯ แล้วมาทำไม"

ลุงหงวนแค่จะมาเตือนว่าพวกคนร้ายจะเล่นงานสมาชิกค่ายอาสาฯทุกคนจะได้ไม่มีใครกล้าอาสาอีก จักจั่นขอบใจที่มาบอก ถ้าพวกนั้นขืนมายุ่งกับพวกเธอรับรองเจอดีแน่ ลุงหงวนยิ้มเยาะแล้วเดินจากไป...

ดาวกับฤทธิชัยขับรถมาตามเส้นทางคดเคี้ยวในป่า ก่อนจะจอดรถไว้ข้างทาง ดาวลงจากรถทำทีมาดูรอยยางรถที่พื้นถนน อุบเรื่องที่เธอกับจักจั่นมาซุ่มดูรอยพวกนี้ก่อนแล้ว ฤทธิชัยตรวจรอยที่ปรากฏแล้วสรุปว่า

"รอยไม่ลึก บรรทุกของไม่หนักแต่จำนวนมากเพราะใช้รถถึงสามคัน ประมาณว่า..."

ฤทธิชัยพูดยังไม่ทันจบประโยค ดาวชิงพูดขึ้นก่อนว่า "แบงก์ปลอม" ชายหนุ่มพยักหน้า

"ผู้กองทราบใช่ไหมคะว่าการที่ผู้กองถูกย้ายมาที่นี่เป็นแผนของนายสินชัย"

"ครับ ทราบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมปรึกษากับท่านรองฯแล้ว เลยสวมรอยตามแผนของพวกมัน"

ฤทธิชัยยังรู้เหตุผลที่สินชัยต้องการให้เขามาอยู่ที่บ้านดอนเสือ คือให้เขามาจัดการกับนางเสือ หรือไม่ก็ให้นางเสือ

จัดการกับเขา ดาวกับจักจั่นและสมาชิกค่ายอาสาฯทุกคน ยินดีช่วยเหลือเต็มที่ขอให้เขาบอกมา ฤทธิชัยอยากให้ดาวช่วยแกะรอยตามหานางเสือ เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่านางเสือที่ออกปล้นฆ่าใครต่อใครขณะนี้ เป็นนางเสือจริงหรือปลอม แต่ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม เขาคงต้องจับทั้งคู่

ทันใดนั้น มีเสียงปืนแว่วเข้ามา ดาวกราดสายตาไปทั่ว เพื่อสัมผัสทิศทาง เสียงเหยี่ยวสายลมร้องดังขึ้น ฤทธิชัยแหงนมองฟ้า เห็นเหยี่ยวบินวน ก่อนจะพุ่งนำทาง ดาวเรียกฤทธิชัยขึ้นรถ ขับตามสายลมไป ฤทธิชัยมองดาวแล้วแหงนมองเหยี่ยวบนฟ้า อดสงสัยไม่ได้...

จันจิราพยายามขับรถหนีออกจากป่าแต่ถูกชายชุดดำอำพรางใบหน้าใช้รถขวางทางไว้ จันจิราจวนตัวตัดสินใจหักพวงมาลัยรถตะลุยเข้าข้างทาง แต่ไปไม่ถึงไหนเจอทางตันพุ่มไม้ หนาขวางอยู่ เธอรีบลงไปหลบข้างรถค่อยๆโผล่ขึ้นมาดู เห็นคนร้ายดาหน้าใกล้เข้ามา จันจิรากระชับปืนในมือเตรียมลุย...

ไผ่ดีดตัวตามรถจี๊ปที่จันจิราขับหนีมา แต่กลับเจอชายฉกรรจ์ในชุดดำดักทำร้าย ดีที่สายฟ้ามาช่วยไว้ทัน ไผ่หนีรอดคมกระสุนมาได้เฉียดฉิว...

ขณะเดียวกัน จักจั่นเดินเลยเข้าไปในอาคารของค่ายอาสาฯ พบว่าข้าวของในนั้นถูกทุบทำลายยับเยิน มีเสียงร้องออกมาจากห้องเก็บของด้านหลัง จักจั่นชักปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม พอเปิดประตูห้องเข้าไป พบร่างของสมาชิกค่ายอาสาฯห้าคนอยู่ในสภาพบาดเจ็บ นอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น...

ดาวสัมผัสบางอย่างได้ รีบจอดรถ บอกให้ฤทธิชัยแยกไปด้านโน้น ส่วนเธอจะไปด้านนี้เอง แล้วดีดตัวหายเข้าดงป่าอย่างรวดเร็ว ฤทธิชัยหันรีหันขวาง ก่อนจะพุ่งตัวไปตามทิศทางที่หญิงสาวบอก...

ในที่สุด จันจิราก็หนีไม่รอดถูกคนร้ายจับตัวไว้ได้ ขณะเธอเดินตามพวกคนร้าย ฤทธิชัยโผล่มาจากไหนไม่รู้ขวางทางไว้ คนร้ายซึ่งคุมตัวจันจิราเอาปืนจ่อหัวเธอไว้ ขู่ว่าถ้าฤทธิชัยขยับนังนี่ตายก่อน ทันใดนั้น มีเงาวูบลงมาจากยอดไม้ผ่านหัวคนร้ายไปอย่างรวดเร็ว พวกนั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะร่างของจันจิราหายไปแล้ว

"ขยับตอนนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง" ฤทธิชัยชักปืนยิงกระหน่ำไม่ยั้ง ก่อนจะดีดตัวหลบเข้าพงหญ้า

พวกคนร้ายสาดกระสุนตามจนพงหญ้ากระจุย เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวจากอีกด้านหนึ่ง ฤทธิชัยค่อยๆคลานไปกับพื้นอย่างระมัดระวัง พอได้จังหวะดีดตัวขึ้น ตวัดปืนออกไป ต้องแปลกใจที่เห็น ดาว ลุงเดชกับชาวบ้านอาสาฯนับสิบคนยืนอยู่ตรงหน้า ดาวบอกฤทธิชัยว่าพวกคนร้ายเผ่นไปหมดแล้ว

"ไม่รู้ผมตาฝาดอีกหรือเปล่าที่เห็นเงาแวบเอาคุณจันจิราไปจากพวกมัน"

"ไม่ฝาดหรอกครับ" ฤทธิชัยหันไปมองตามเสียง เห็นไผ่เดินมากับจันจิรา เขาถามจันจิราว่าใครมาช่วยเธอไว้ จันจิรายืนยันว่าเป็นนางเสือ ฤทธิชัยถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก จากนั้น ดาวขับรถมาส่งฤทธิชัยที่บังกะโลที่พักของเขา ผู้กองหนุ่มยังงงไม่หายว่าทำไมนางเสือถึงช่วยจันจิรา ทั้งๆที่พวกตัวเองเป็นคนจับจันจิราไป ดาวแกล้งบ่นเสียดายที่พวกคนร้ายเผ่นไปก่อนเลยไม่ได้ตัวมาซักถามความจริง ฤทธิชัยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

"พวกมันเริ่มออกรังควานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับค่ายอาสาฯเพื่อให้ค่ายปิดตัวลง ตอนดาวพาผู้กองตามรอยพวกมัน ค่ายอาสาฯถูกพวกมันบุกทำลาย มีสมาชิกบาดเจ็บห้าคน ดีที่จักจั่นไปถึงที่นั่นพวกมันไปหมดแล้ว"

"นี่คือสาเหตุที่คุณไผ่ ลุงเดช และพวกอาสาฯออกลาดตระเวนป่าเพื่อต้านพวกมัน พวกมันจัดงานต้อนรับผมแบบนี้ ต้องหาทางตอบแทนซะหน่อย ถ้าคุณดาวไม่รังเกียจ คืนนี้เราออกไปเยี่ยมพวกมันกันดีไหมครับ"

ดาวรับคำชวนด้วยความยินดี แล้วขับรถกลับไป เสียงมือถือของฤทธิชัยดังขึ้น อภิชาติโทร.มาเล่าเรื่องแปลกเกี่ยวกับเสือที่คุณหญิงรัตนาเห็น ฤทธิชัยฟังรายละเอียดแล้วยอมรับว่าแปลกจริงๆอย่างเพื่อนว่า

"น้องษาเกี่ยวพันกับเสือมาตั้งแต่เด็ก นางเสือก็เกี่ยวกับเสือ เหลือปริศนาอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องคุณดาว"

"ปริศนาข้อนี้คงไขยากหน่อย...โชคดีเพื่อน...อีกสองสามวันฉันจะขึ้นไปเยี่ยม"

ฤทธิชัยรับคำ วางสายด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ooooooo

สินชัยไม่พอใจที่ค่ายอาสาฯยังเปิดทำการอยู่ ถ้าลินจงยังทำงานได้แค่นี้ถือว่าล้มเหลว เขาต้องการให้ ค่ายอาสาฯปิดตัวลงอย่างถาวร ลินจงแก้ตัวว่าพวกเธอทำงานกันเต็มที่แล้ว แต่ดูเหมือนมีคนอยู่เบื้องหลังชาวค่ายอาสาฯรับมือพวกเธออยู่

"คุณรู้ไหมว่าเป็นใคร"

"เท่าที่จับตาดูอยู่ก็เห็นมีแค่ผู้หญิงสองคนเท่านั้นที่มีฝีมือออกหน้านำชาวค่าย...ตอนนี้มีผู้กองฤทธิชัยเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง งานยิ่งยากขึ้นอีก"

"ผมต้องการให้นางเสืออาละวาดหนักกว่านี้ ถ้าไอ้ผู้กองขวางทางก็จัดการได้เลย" สินชัยสั่งเสียงเฉียบ...

ตกค่ำ ดาวกับจักจั่นพาฤทธิชัยไปบาร์ดอนเสือซึ่งเป็นธุรกิจบังหน้าอีกแห่งหนึ่งของสินชัย ทั้งสามคนนั่งที่เคาน์เตอร์สั่งน้ำส้มมาดื่มพอเป็นพิธี สักพัก มีชายชาวจีนสามคนเดินเข้ามา ดาวสะกิดให้ฤทธิชัยดู

"ผมเห็นแล้ว พวกเดียวกับพวกที่มาชิงตัวนายยูเว่ครั้งแรก สายรายงานว่าพวกมันคือพวกแก๊งมังกร...พวกมันคงได้เบาะแสแหล่งพิมพ์เงินปลอม"

ดาวกับจักจั่นลอบสบตากัน ชาวจีนทั้งสามคนยืนสำรวจรอบๆบาร์ครู่หนึ่ง แล้วกลับออกไป ที่โต๊ะด้านในสุดของบาร์ นายตาลกับนายเล็กกำลังนั่งซดเบียร์กันอย่างสบายอารมณ์

"เฮ้ย...บาร์เทนเดอร์ เบียร์อีกสอง เร็วๆเข้า อั๊วจะรีบไปบ่อนเว้ย"

ขณะบาร์เทนเดอร์เอาน้ำส้มมาเสิร์ฟให้พวกดาว พึมพำว่าพวกนี้สงสัยเงินเพิ่งออก ทำซ่าน่าดู จักจั่นพยักพเยิดให้ดาว แล้วเดินไปที่นายตาลกับนายเล็ก ฤทธิชัยมองอย่างสงสัย ดาวรีบบอก

"บาร์เทนเดอร์บอกว่าไอ้พวกนี้เงินเพิ่งออก ก็เลยอยากจะเอาเงินพวกมันมาดูสักหน่อย"

ฤทธิชัยเห็นจักจั่นเดินชนนายตาล พร้อมกับโปรยเสน่ห์ให้ พอนายตาลเผลอเธอใช้ความว่องไวฉกแบงก์ใบละห้าร้อยบาทหนึ่งใบจากกระเป๋านายตาลแล้วเปลี่ยนเงินของเธอให้แทน ก่อนจะเดินยิ้มแฉ่งกลับมาหาดาวกับฤทธิชัย พลางแกว่งแบงก์ห้าร้อยบาทที่ฉกมาได้

"อืม...ผมเห็นจะต้องระวังกระเป๋าเงินของผมเสียแล้ว"

จักจั่นชูกระเป๋าใส่เงินให้ดู ถามว่าใช่ใบนี้หรือเปล่า ฤทธิชัยมองทึ่งสงสัยว่าทำได้อย่างไร จักจั่นไม่ตอบส่งกระเป๋าเงินคืนให้ เธอพับแบงก์ห้าร้อยใส่ไว้ในนั้นแล้ว รีบส่งไปตรวจได้เลย ดาวเห็นนายตาลกับนายเล็กกำลังจะไปบ่อนชวนทุกคนตาม ฤทธิชัยสร้างวีรกรรมไว้ในบ่อนเยอะ เกรงพวกนั้นจะไม่ยอมให้เข้า

"พวกมันไม่สนผู้กองหรอกค่ะ เพราะพวกมันถือว่าไม่มีใครกล้า อีกอย่างพวกที่รู้จักผู้กองจริงๆก็มีแต่พวกเป้งๆพวกลูกกระจ๊อกไม่มีใครรู้จักผู้กองหรอกค่ะ พวกนี้ถูกจ้างมาจากที่อื่น มาแล้วก็ไปไม่ใช่คนที่นี่"

ฤทธิชัยเชื่อตามที่ดาวพูด ทั้งสามตรงไปที่บ่อนทันที... เป็นอย่างดาวว่าจริงๆ พวกลูกกระจ๊อกไม่รู้จักฤทธิชัย แต่ตัวเป้งๆอย่างเสี่ยเหลิมดันโผล่มาที่บ่อนพร้อมสมุนอีกนับสิบคน ส่องปืนมาที่กลุ่มของฤทธิชัย

"นึกไม่ถึงจริงๆว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่ผู้กองฤทธิชัยกับเสี้ยนหนามสองคนนี้มาพบจุดจบพร้อมกัน...บทจะง่ายมันก็ง่ายจริงๆ" เสี่ยเหลิมหัวเราะ พวกสมุนพากันหัวเราะตาม ดาวใช้พลังจิตพูดกับจักจั่น

"พี่จะใช้พลังดับไฟ แล้วจัดการกับพวกมัน จักจั่นชนผู้กองให้อยู่กับพื้นจนกว่าเสียงปืนจะสงบ"

จักจั่นพยักหน้าช้าๆไม่ให้ฤทธิชัยจับพิรุธได้ ดาวกวาดสายตามองพวกนั้นอีกครั้ง ก่อนจะส่งพลังจิตเรียกจักจั่น พริบตาเดียว จักจั่นพุ่งชนฤทธิชัยล้มลงไปกองกับพื้น เป็นจังหวะเดียวกับไฟในบ่อนดับพึ่บ

ดาวตะโกนลั่นว่า "นางเสือ"

เสียงปืนดังหูดับตับไหม้ เห็นแต่แสงจากปากกระบอกปืนเป็นประกายในความมืด เสียงร้องเอะอะแข่งกับเสียงปืนลั่นไปหมด ทันใดนั้น ไฟในบ่อนสว่างขึ้นอีกครั้ง ฤทธิชัยถึงกับตะลึง เห็นดาวจ่อปืนที่เสี่ยเหลิม ส่วนพวกสมุนที่รายล้อมเขาอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้นอนร้องกันระงม บาดเจ็บกันถ้วนหน้า

จักจั่นยืนอยู่ใกล้ฤทธิชัยกราดปืนไปมาอย่างระแวดระวัง เสี่ยเหลิมตาค้างยังไม่หายช็อก ในมือดาวมีสร้อยคอทองคำเส้นใหญ่เส้นหนึ่งพร้อมพระเครื่องแขวนอยู่หนึ่งองค์

"ฉันมั่นใจว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของเสี่ยเหลิมที่ใส่อยู่ตลอดเวลาไม่เคยถอดห่างตัวแม้แต่วินาทีเดียว" ดาวว่าแล้วส่งสร้อยคอคืนให้เจ้าของ เสี่ยเหลิมจำได้ทันทีว่าเป็นสร้อยคอของตัวเอง

"ถ้านางเสือสามารถเอาสร้อยเส้นนี้จากคอเสี่ยให้มาอยู่ในมือของฉันได้ แสดงว่านางเสือยังให้โอกาสเสี่ยมีชีวิตอยู่ แทนที่จะปาดคอเสี่ย...ฉันว่าเสี่ยรีบไปจากบ้านดอนเสือดีกว่า ยังไม่สายเกินไป"

ดาวพูดจบชวนฤทธิชัยกับจักจั่นกลับ ทิ้งเสี่ยเหลิมให้ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ตรงนั้น...

ทันทีที่มาถึงบังกะโลที่พัก ฤทธิชัยต้องการคำอธิบายจากดาวกับจักจั่น เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ดาวแต่งเรื่องว่าก่อนไฟดับเธอเห็นนางเสือ มารู้ตัวอีกทีตอนไฟสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นสร้อยคอของเสี่ยเหลิมอยู่ในมือตัวเองแล้ว ฤทธิชัยยังไม่ปักใจเชื่อ

"ดาวก็ไม่อยากเชื่อ แต่ผู้กองก็เห็นอาการของเสี่ยเหลิมแล้วนี่คะ"

ฤทธิชัยพยักหน้าช้าๆ สีหน้าครุ่นคิด "ผมเห็นเงาแวบหนึ่งแล้วก็ถูกชนล้มลงกับพื้น"

"จักจั่นเองค่ะที่ชนผู้กอง ไม่รู้ใครมาชนจักจั่นเหมือนกัน" จักจั่นโกหกหน้าตาเฉย

"อันที่จริงผมต้องขอบคุณคุณจักจั่น ไม่อย่างนั้นอาจเจอลูกหลงได้ คาดไม่ถึงจริงๆว่านางเสือจะปรากฏตัวมาช่วยเราทั้งที่พยายามจะเก็บพวกเรามาตลอด" ฤทธิชัยยังงงไม่หาย

"จักจั่นเดาว่าคงเป็นนางเสือคนละตัวมากกว่า"

"ไม่น่าเชื่อจริงๆ เหตุการณ์เหมือนกับเพชรของนายสินชัยที่ถูกปลดไปอย่างง่ายดายชั่วไฟดับวูบเดียว"

"ใช่ค่ะ ดาวจำได้...ผู้กองก็เคยเห็นฝีมือนางเสือมาแล้ว ที่สำคัญดาวมั่นใจว่าเสี่ยเหลิมจะต้องไปจากบ้านดอนเสืออย่างแน่นอน" ดาวรู้ว่าฤทธิชัยสงสัยเธอสองคน แต่ไม่มีหลักฐาน...

ฝ่ายเสี่ยเหลิมคิดอยู่สามตลบแล้วสั่งให้สมุนทุกคนเตรียมตัวไปจากบ้านดอนเสือ ขณะขบวนรถของเสี่ยเหลิมเคลื่อนออกจากโรงเลื่อยของเขา เจอลินจงในคราบนางเสือกับพวกดักซุ่มโจมตี เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวทั้งเสี่ยเหลิมและสมุนทั้งหมดของเขาไม่ได้ไปจากบ้านดอนเสืออย่างที่ตั้งใจ

ooooooo

ในป่าหลังค่ายอาสาฯ ขณะดาวกับจักจั่นกำลังเล่าเหตุการณ์ที่บ่อนให้ลุงเดชฟัง ชาวค่ายอาสาฯคนหนึ่งเข้ามาบอกดาวว่าผู้กองมาหา ดาว จักจั่น กับลุงเดช

ต่างมองหน้ากัน ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ ฤทธิชัยถึงมาแต่เช้าแบบนี้ ถ้าให้ลุงเดชเดาน่าจะเป็นเรื่องเสี่ยเหลิม เมื่อคืนพวกเราได้ยินเสียงปืนดังสนั่นแถวโรงเลื่อยของเสี่ยเหลิม

"ลุงไปก่อน ระวังตัวให้ดี" ลุงเดชเดินหายเข้าไปในดงป่า ดาวกับจักจั่นมองตาม

"พี่ดาวไปคุยกับผู้กองก็แล้วกัน จักจั่นจะตรวจรอบๆแถวค่าย คุยกับพวกชาวค่ายเสียหน่อย"

ครู่ต่อมา ดาวมาพบฤทธิชัยที่สวนหย่อมภายในค่ายอาสาฯ เป็นจริงอย่างลุงเดชคาด ฤทธิชัยมาแจ้งข่าวการตายของเสี่ยเหลิม มือปืนของเสี่ยเหลิมให้การก่อนตายว่าเป็นฝีมือของนางเสือ ดาวยิ้ม นึกแล้วไม่มีผิด

"นางเสืออาละวาดหนักอย่างนี้ ผู้กองจะทำอย่างไรต่อไปคะ"

"หลังจากคุณอาหญิงถูกลอบทำร้าย ท่านรองฯส่งกำลังเสริมพิเศษมาให้อีกสองหน่วย เพื่อปิดธุรกิจเถื่อนของนายสินชัย และออกตามล่านางเสือ"

ดาวจะให้ชาวค่ายอาสาฯช่วยรายงานทุกอย่างให้ฤทธิชัยทราบทั้งเรื่องร่องรอยของนางเสือแล้วก็บ่อนของพวกมันด้วย ฤทธิชัยไม่อยากดึงชาวค่ายอาสาฯมายุ่ง เกรงจะได้รับอันตราย พวกสินชัยเป็นมืออาชีพทั้งนั้น

"นั่นเป็นเรื่องที่ชาวค่ายอาสาฯยอมเสี่ยงเพื่อป้องกันสิ่งที่เหลืออยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นความสงบสุขหรือว่าป่าของพวกเขา"

"ผมกับเจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อความสงบสุขของชาวบ้านดอนเสือ"

"ดาวทราบค่ะ ดาวดีใจที่ผู้กองถูกย้ายมาอยู่ที่บ้านดอนเสือ" ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างสุขใจ...

ในวันที่คุณหญิงรัตนาออกจากโรงพยาบาล อภิชาติขับรถให้ท่านรองฯก้องเกียรติตามมาส่งคุณหญิงถึงบ้าน และท่านรองฯยังส่งตำรวจนอกเครื่องแบบมาคอยเฝ้าระวังบ้านของคุณหญิงรัตนาอีกด้วย พออภิชาติได้พูดคุยกับท่านรองฯก้องเกียรติ ทำให้เขารู้ความจริงว่าท่านรองฯไม่ได้คิดอะไรกับคุณหญิงรัตนา แต่ที่ท่านรองฯคอยดูแลคุณหญิงรัตนาเป็นอย่างดีก็เพราะท่านอิทธิเคยช่วยชีวิตเขาไว้

"ขอโทษทีครับ ผมเห็นท่านยังหนุ่มยังแน่นแต่ไม่เห็นเดินกับสาวที่ไหน แล้วคุณอาหญิงก็เรียกท่านว่าพี่อย่างสนิทสนม...ก็เลย..."

"อ๋อ...คุณหญิงท่านเรียกผมพี่ก็เพราะว่าผมกับคุณอิทธิจบรุ่นเดียวกัน แต่ความจริงผมอ่อนกว่าคุณอิทธิสองสามปี อาจจะอ่อนกว่าคุณหญิงด้วยซ้ำ...ผมไม่อยากจะคุยหรอก ผมอาจจะมีสาวมากกว่าคุณก็ได้" ท่านรองฯก้องเกียรติหัวเราะชอบใจ พลอยทำให้อภิชาติหัวเราะไปด้วย...

ในเวลาเดียวกัน ที่ค่ายอาสาฯ จักจั่นกำลังเดินทักทายชาวค่ายอยู่บริเวณหลังค่ายติดกับแนวป่า พลันเห็นนางเสือปรากฏตัวขึ้นก่อนพุ่งหายไปในป่า จักจั่นค่อยๆเดินตามทิศทางที่นางเสือไปไม่ให้มีพิรุธ พอเข้าเขตป่ารก เธอดีดตัวอย่างรวดเร็วไปตามยอดไม้ไล่ล่านางเสือจนทัน ทั้งสองสาวเผชิญหน้ากัน ลินจงในคราบนางเสือต้องการล่อให้
จักจั่นออกมา เพื่อจะได้ดูหน้าใกล้ๆว่าเป็นใครกันแน่

"คนที่จะจบชีวิตนางเสือปลอมๆของแกไง" จักจั่นคุยข่ม

"ฉันรู้ ฉันเคยถูกพวกแกตามล่ามาแล้ว...แต่สาบานได้ว่าแกไม่ใช่คนคนเดียวกับที่เคยตามล่าฉัน"

จักจั่นเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในร่างของยายบ๊อง รีบพูดกลบเกลื่อน "แน่นอน...ฉันเป็นฉันไม่ใช่คนอื่น"

"ถ้าฉันไม่เห็นด้วยตาแบบนี้ ฉันคงนึกว่าแกเป็นคนเดียวกับที่ตามล่าฉัน และเป็นคนเดียวกับที่ฉันเห็นว่าถูก

อาร์พีจียิงใส่เต็มๆ" ลินจงยังคงมองสำรวจจักจั่น

"นั่นคือเพื่อนฉัน แกทำร้ายเพื่อนฉัน ฉันถึงต้องตามล่าแก"

"วันหนึ่งฉันต้องรู้แน่นอนว่าแกเป็นใคร และใครเป็นใคร" ลินจงพุ่งตัวออกไป จักจั่นขยับจะตาม แต่ดาวโดดมาขวางไว้ เสียงสายลมกับสายฟ้าร้องขึ้นพร้อมกันราวกับจะเตือนภัย

"พวกมันดักรออยู่เต็มไปหมด ขืนไปละก็คราวนี้อาจจะไม่มีโอกาสหาร่างใหม่" ดาวมองตามทิศทางที่นางเสือปลอมไป "นับว่ามันมีฝีมือทีเดียว ที่จับสังเกตจักจั่นได้"

"จักจั่นไม่สนหรอก"

"ไม่สนไม่ได้...จักจั่นต้องระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะเวลาเผชิญหน้ากับนางเสือปลอมตัวนี้" ดาวเดินเข้ามาตบไหล่จักจั่นเบาๆ จักจั่นหน้างอ แต่ก็พยักหน้ารับคำ

ooooooo

ภายในบังกะโลที่พักของฤทธิชัย อภิชาติโทร. มาแจ้งข่าวฤทธิชัยสองเรื่อง เรื่องแรกคือ หมอตรวจเช็กร่างกายคุณอาหญิงอย่างละเอียดแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ อนุญาตให้กลับบ้านได้ เรื่องที่สองคือ แบงก์ห้าร้อยที่ฤทธิชัยส่งไปให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจ พบว่าเป็นแบงก์ปลอม แต่ทำได้เนียนมาก

"ขอบใจมากเพื่อน แล้วเมื่อไหร่ธุระของนายจะเสร็จล่ะ จะได้มาเที่ยวบ้านดอนเสือ"

"วันนี้ฉันต้องพบกับลูกความฝรั่ง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็อาจจะเจอนายเร็วกว่าที่คิด...แค่นี้ก่อนนะเพื่อน ฝากความคิดถึงถึงคุณจักจั่น แล้วฝากบอกคุณดาวเรื่องคุณอาหญิงด้วย"

ฤทธิชัยรับคำ วางสายแล้วตรงไปขึ้นรถ ขับไปหาดาวทันที...ไม่นานนัก ฤทธิชัยมายืนอยู่ต่อหน้าดาว บอกให้เธอรู้ว่าแบงก์ห้าร้อยที่ส่งไปตรวจ เป็นแบงก์ปลอมอย่างที่คาดไว้

"ที่แท้พวกมันเอาเงินปลอมมาหลอกจ่ายให้พวกลักลอบตัดไม้" ดาวทำเนียนไม่รู้เรื่อง

"ผมว่าแหล่งพิมพ์ของมันจะต้องอยู่ใกล้ๆที่นี่"

"ดาวเห็นด้วยค่ะ อย่างน้อยการที่พวกแก๊งมังกรโผล่มาถึงที่นี่ แสดงว่าต้องมีร่องรอยบางอย่าง"

"ถ้าคุณดาวไม่รังเกียจ ผมอยากจะให้คุณดาวพากลับไปดูที่ที่เราพบรอยรถตู้อีกครั้ง"

"ในฐานะชาวค่ายอาสาฯ ดาวยินดีค่ะ"

"คุณดาวพร้อมเมื่อไหร่บอกผมได้เลยนะครับ...งั้นผมขอตัวก่อน...เอ้อ...คุณอภิชาติฝากมาบอกว่าคุณอาหญิงกลับบ้านแล้ว เผื่อว่าคุณดาว..."

"ค่ะ...ดาวจะโทร.ไปคุยกับคุณอาหญิงค่ะ" ดาวรอจนฤทธิชัยขับรถลับตาไปแล้ว หยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาคุณหญิงรัตนาด้วยสีหน้ามีความสุข

จากนั้น ดาวรีบกลับไปที่ค่ายอาสาฯแจ้งให้ลุงเดชรู้ว่าเธอจะต้องพาฤทธิชัยเข้าป่าไปยังจุดที่พบรอยยางรถตู้ขนเงิน ลุงเดชจะให้พวกสมาชิกโจรหลบออกนอกเส้นทางของดาวกับฤทธิชัย แต่จะให้คอยดูสัญญาณอยู่ห่างๆ ดาวมีอีกเรื่องหนึ่งจะบอกลุงเดช นางเสือปลอมจับพิรุธได้ว่าจักจั่นเป็นคนละคน แต่เธอเตือนจักจั่นให้ระวังตัวมากขึ้นแล้ว
ลุงเดชพยักหน้ารับรู้ สีหน้าเป็นกังวล...

บ่ายวันเดียวกัน จักจั่นอาสาขับรถพาดาวกับฤทธิชัยไปส่งยังจุดที่พบรอยยางรถตู้ ดาวกับฤทธิชัยคว้าเป้สัมภาระจากท้ายรถจี๊ปขึ้นสะพายหลัง แล้วออกเดินเท้าตามรอยยางรถเข้าไปในป่าลึก...

ด้านจักจั่นขับรถกลับทางเดิมสวนกับขบวนรถของเจ้าหน้าที่ หลังจากทักทายกับพวกเจ้าหน้าที่ในฐานะชาวค่ายอาสาฯแล้วจักจั่นขับรถต่อ พลันสายตาเหลือบเห็นเงาในแนวป่ามุ่งหน้าไปทางขบวนรถของเจ้าหน้าที่ เสียงเหยี่ยวสายลมร้องก้อง ตามมาด้วยเสียงสายฟ้าคำราม ร่างของไผ่โดดลงมาหน้ารถจี๊ปโครม จักจั่นตกใจเบรกเอี๊ยด ไผ่ดีด
ตัวข้ามมานั่งข้างจักจั่น สั่งให้ตามรถเจ้าหน้าที่ จักจั่นกลับรถทันที

"พี่ไผ่มานี่แล้วป้าเนียนกับจันล่ะ

"อยู่ที่ค่ายอาสาฯ วันนี้มีประชุม

ทันใดนั้น มีเสียงปืนดังกึกก้องไปทั้งป่า จักจั่นเหยียบคันเร่งมิด มุ่งหน้าไปทางเสียงปืนอย่างรวดเร็ว

ooooooo

พวกเจ้าหน้าที่ยิงต่อสู้กับกลุ่มของลินจงในคราบนางเสือปลอมอย่างดุเดือด ลินจงตะโกนสั่งชายในชุดดำฆ่าทุกคนให้หมด แล้วสาดกระสุนใส่เจ้าหน้าที่ทรุดไปอีกหนึ่งคน หัวหน้าเจ้าหน้าที่สั่งให้ลูกน้องวิทยุแจ้งศูนย์ฯว่าเราถูกนางเสือโจมตี เจ้าหน้าที่ถูกยิงตายเป็นใบไม้ร่วง ลินจงโชว์ตัวให้เจ้าหน้าที่เห็นแล้วว่าเป็นพวกนางเสือที่ดักทำร้าย ดีดตัวหลบออกมา ผ่านหน้ารถจี๊ปของจักจั่นที่วิ่งพรวดเข้ามาพอดี

"เจอกันอีกแล้ว...ตัวนี้ต้องเป็นแม่เล้าแน่ๆ นางเสือปลอมที่เคยเจอไม่เก่งขนาดนี้"

ลินจงโดดหายเข้าไปดงไม้หนาทึบ ไผ่พุ่งตัวตามไปติดๆ จักจั่นได้แต่มองตาม เจ็บใจที่โดนพี่ชายตัดหน้า ขับรถต่อไป จนถึงจุดปะทะ เห็นพวกเจ้าหน้าที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ จักจั่นตรงเข้าช่วยยิงต่อสู้ แล้วพาเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บมาไว้รถจี๊ปของเธอ คนร้ายมีจำนวนมากกว่าเริ่มรุกไล่เข้ามาใกล้กลุ่มเจ้าหน้าที่

จักจั่นเห็นท่าไม่ดี สั่งให้ทุกคนถอยไปที่รถของเธอ แล้วคอยยิงสกัดคนร้ายระหว่างที่เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งขึ้นประจำที่นั่งคนขับ พอได้จังหวะ จักจั่นดีดตัวขึ้นรถยิงคุ้มกันให้ เจ้าหน้าที่คนนั้นถอยรถออกไปทันที...

ลินจงดีดตัวกลับมายังจุดปะทะอีกครั้งเมื่อเสียงปืนสงบ เห็นศพเจ้าหน้าที่นอนตายเกลื่อน เธอโบกมือ ชายในชุดดำสลายตัวเข้าไปในป่า ลินจงยิ้มสะใจ แต่แล้วต้องหุบยิ้มเมื่อไผ่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง

"รู้สึกว่าจะมาช้าไปแล้ว ถ้าคิดจะมาช่วยเจ้าหน้าที่"

"ถึงช้าก็ยังไม่สาย"

ลินจงยกมือขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับไผ่ "ไม่ยักรู้ว่าชาวค่ายอาสาฯก็มีฝีมือเหมือนกัน"

ไผ่ไม่รอช้า ดีดตัวเข้าหานางเสือปลอมทันที ทั้งสองคนต่อสู้กันด้วยมือเปล่า ลินจงพอมีฝีมือต้านไผ่ได้สักพัก แต่สุดท้ายเริ่มอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้ นักฆ่าสาวตวัดมีดสั้นขึ้นมาแทง ไผ่ดีดตัวถอยห่างแค่แวบเดียว ลินจงฉวยโอกาสโดดหนีเข้าป่า เขาจะดีดตัวตาม แต่ถูกปืนยิงสกัดไว้ ไผ่โดดหลบกระสุนที่สาดเข้ามาอย่างไม่ลืมหูลืมตา พอเสียงปืนสงบ ลินจงกับพวกหายไปแล้ว...

ไม่นานนัก รถจี๊ปของจักจั่นแล่นเข้ามาจอดพรวดหน้าค่ายอาสาฯ ชาวค่ายอาสาฯเห็นมีคนบาดเจ็บเต็มคันรถ รีบปราดเข้ามาช่วยกันพยุงคนเจ็บเข้าไปด้านใน ป้าเนียนกับจันจิรารีบเข้าไปดูคนเจ็บ จันจิราไม่เห็นไผ่มากับจักจั่นก็ถามหา

"เดี๋ยวคงมาจ้ะ" จักจั่นตอบหน้าเครียด

"งั้นจันเข้าไปดูพวกคนเจ็บก่อน"

จักจั่นพยักหน้า แล้วหันไปมองทางป่ารกทึบ "หวังว่าพี่ไผ่คงได้ตัวนางเสือปลอมนั่น เรื่องจะได้จบซะที"

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน ดาวกับฤทธิชัยตามรอยยางรถมาสุดที่ลานเล็กๆแห่งหนึ่ง บริเวณนั้นมีแต่ป่าไม่มีทางที่รถจะไปต่อได้อีก รอบๆลานแห่งนี้มีแต่รอยรองเท้าเต็มไปหมด ทั้งสองคนเดินตามรอยเท้าไปคนละทางแต่สุดท้ายวนมาบรรจบกันที่เดิม

"พวกมันฉลาดมาก...มันให้คนมารอที่นี่แล้วมีพวกมันออกมาจากเส้นทางที่เราพบรอยเท้า"

"มีเส้นทางออกถึง 5 ทาง เพื่อไม่ให้ตามรอยได้ง่าย ...เห็นทีเราจะต้องกลับมาใหม่พร้อมกับกำลังของเจ้าหน้าที่ บุกพร้อมๆกัน 5 เส้นทาง"

"ดาวกลัวว่าการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่จะทำให้พวกมันเปลี่ยนเส้นทางใหม่น่ะสิคะ"

"แต่เราไม่มีทางเลือก เราไม่รู้ว่าจะเริ่มเส้นไหนก่อน"

"เอาอย่างนี้ เราลองตรวจดูอีกรอบแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดีไหมคะ"

ฤทธิชัยเห็นด้วย ดาวยิ้ม เดินออกไปด้านหนึ่ง ส่วนฤทธิชัยเดินไปอีกด้านหนึ่ง ดาวเหลือบมองชายหนุ่มเห็นเขาไม่ได้มองมาทางเธอ จึงหลับตาทำสมาธิ อึดใจเสียงเหยี่ยวสายลมร้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงคำรามของสายฟ้า ดาวยิ้มพอใจแล้วหันไปเรียกฤทธิชัยให้เดินมาหา

"คุณพบรอยใหม่หรือ"

"เปล่าค่ะ...แต่ไม่แน่นะคะ ป่าอาจจะช่วยเราก็ได้"

เสียงสายลมร้องขึ้นอีก ดาวชี้มือขึ้นไปบนฟ้า ฤทธิชัยมองตามมือ เห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งบินวนเป็นวงกลม ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าราวกับนำทาง ฤทธิชัยถามดาวว่าแน่ใจได้หรือ ดาวแล้วแต่เขา

"ได้ ผมเคยตามเสียงของป่ามาแล้วตอนคุณถูกยิง ทำไมจะตามอีกไม่ได้"

"งั้น โอเคเลยค่ะ" ดาวเดินไปตามทิศทางที่สายลมนำไป ฤทธิชัยอดแหงนมองท้องฟ้าไม่ได้ เสียงเหยี่ยวร้องขึ้นอีก ชายหนุ่มรีบตามดาวไปทันที

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น