วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ป่านางเสือ ตอนที่ 1



ตอนที่ 1

ณ ป่าทึบเขียวขจีแห่งหนึ่งไม่ห่างจากหมู่บ้านดอนเสือ อิทธิ หัวหน้าหน่วยปราบปรามพวกลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และลุงเดชหัวหน้าเจ้าหน้าที่อาสาฯนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาฯ อีกจำนวนหนึ่งบุกล้อมพวกลักลอบตัดไม้ซึ่งมีชายชื่อ "เกรียง" เป็นหัวหน้า

เกิดการยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด พวกคนร้ายสู้ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ได้ถูกยิงตายไปหลายคน เกรียงเห็นฝ่ายตนเพลี่ยงพล้ำรีบชิ่งหนีเอาตัวรอด อิทธิไล่ตามหวังจะจับเป็น แต่เกรียงขัดขวางการจับกุมและคิดต่อสู้ อิทธิจำใจต้องฆ่าเขาเพื่อป้องกันตัว พวกคนร้ายที่เหลือยอมจำนน ทิ้งอาวุธและมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่

ในเวลาต่อมา อิทธิ ลุงเดชกับพวก นำตัวคนร้ายที่จับได้มายังสถานีตำรวจป่าไม้ เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้สองนายยืนรออยู่กับกลุ่มของสินชัย นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ผู้มีอิทธิพล อิทธิดูไม่แปลกใจนักที่เจอสินชัย เขาก้าวลงจากรถตรงมาถาม เจ้าหน้าที่ฯทั้งสองนายว่ามีธุระอะไรกับตน

"อ๋อ...คือว่า ท่านผู้ใหญ่มีคำสั่งมา ให้นำไม้ของกลางมาประมูลเพื่อไม่ให้ทรัพยากรสูญเปล่า รายได้เพื่อใช้ในการปราบปรามพวกลักลอบตัดไม้ทำลายป่า"

"อืม...คุณก็เลยพาคุณสินชัยกับเพื่อนๆมาประมูล"

"เอ่อ...ถูกต้องครับ..."

"เสียใจด้วยครับ ขณะเข้ากวาดล้าง พวกมันเผาไม้ซึ่งเป็นหลักฐานเสียหายหมด...แต่คิดดูอีกทีถึงเอามาประมูลก็ได้ไม่กี่สตางค์หรอกครับ...แต่ตอนคุณสินชัยเอาไปขายน่ะสิ...ได้หลายสตางค์"

สินชัยกับเพื่อนหันมองหน้ากันสีหน้าไม่ค่อยพอใจ อิทธิไม่สนใจ ขอตัวไปทำงานต่อ ขยับจะกลับไปที่รถแต่นึกอะไรขึ้นมาได้ หันกลับมาพูดกับสินชัยว่า ศพของคนร้ายซึ่งเป็นหลักฐานอยู่ที่ ร.พ.ประจำจังหวัด ดูแล้วหน้าตาคุ้นๆคล้ายคนงานของสินชัย อิทธิว่าแล้วเดินต่อไปที่รถ สั่งให้ลูกน้องของเขาพาคนร้ายไปขังไว้ก่อน

"ท่านจะให้ทำอย่างไรกับพวกไม้ของกลางครับ" ลุงเดชกระซิบถามอิทธิ

"ลุงก็ได้ยินไม่ใช่หรือ เพื่อไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติสูญเปล่า เอาไปซ่อมแซมโรงเรียนของหมู่บ้าน ถ้าเหลือก็แจกให้ชาวบ้านเอาไปซ่อมแซมบ้านเรือน" อิทธิว่าแล้วขึ้นรถจิ๊ป ลุงเดชยิ้ม กระโดดขึ้นตาม

สินชัยมองตามรถของอิทธิแล่นออกไปด้วยความแค้น รู้แก่ใจดีว่าอิทธิโกหกเรื่องไม้ของกลาง แม้ตอนนี้สินชัยจะทำอะไรอิทธิไม่ได้ แต่ก็มีแผนร้ายเตรียมไว้จัดการกับคนที่บังอาจมาลูบคมคนอย่างเขา

ooooooo

วันรุ่งขึ้น อิทธิพาคุณหญิงรัตนาผู้เป็นภรรยาและหนูพฤกษา ลูกสาววัยสี่ขวบของเขามาปิกนิกท่ามกลางธรรมชาติสวยงามแถวลานกว้างไม่ห่างจากป่าทึบ อิทธิขอโทษรัตนาที่ทำให้เธอกับลูกต้องมาลำบากจึงอยากให้ทั้งคู่กลับไปอยู่กรุงเทพฯ แต่รัตนาไม่ไปจะขออยู่ที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้เขาปฏิบัติหน้าที่ปกป้องและรักษาป่าสมบัติของแผ่นดิน อิทธิยิ้มภูมิใจ จังหวะนั้นมีเสียงหนูพฤกษาหัวเราะคิกคักดังขึ้น

สองสามีภรรยาหันไปดู เห็นลูกสาวกำลังโบกไม้โบกมือให้อะไรบางอย่างในป่า อิทธิมองไปยังทิศทางนั้นแล้ว ตกใจสุดขีด เห็นนางเสือดาวตัวหนึ่งกำลังจ้องมองมายังเด็กน้อย เขาพุ่งโอบลูกไว้ พร้อมกับชักปืนที่เหน็บเอวขึ้นมากระชับในมือ รัตนาตามมาดึงตัวหนูน้อยมากอดสีหน้าตื่นเต้น

อิทธิสั่งให้รัตนาพาลูกออกไป รัตนายังไม่ทันจะขยับ นางเสือดาวกลับเป็นฝ่ายถอยกลับเข้าไปในแนวป่า อิทธิมองตามแปลกใจ เขามาอยู่บ้านดอนเสือตั้งนานเพิ่งได้เจอเสือวันนี้เองโชคดีที่มันไม่กระโจนใส่ลูก รัตนากลับคิดว่าเป็นนิมิตดีที่เสือดาวมาปรากฏตัวให้เห็น อิทธิแซวเธอว่าชอบเห็นอะไรต่ออะไรเป็นนิมิตไปหมด

"อ้าว...ของแบบนี้ไม่เชื่อห้ามลบหลู่นะคะ ฉันคิดว่าคุณรักษาป่า ป่าเลยคุ้มครองเรา คุ้มครองลูกเราด้วยไงคะ...ฉันว่าเสือดาวเหมือนจะมาเล่นกับลูกเรามากกว่า"

อิทธิอ้าปากจะค้าน แต่เสียงคำรามของเสือดังขึ้นก่อน เขาถึงกับอึ้ง...

คืนเดียวกันนั้น หลักจากสินชัย เสี่ยม้ง และเสี่ยเหลิมตกลงแบ่งสรรปันส่วนธุรกิจมืดกันลงตัวแล้ว สินชัยเสนอให้กำจัดอิทธิ เสี่ยเหลิมกับเสี่ยม้งต่างเห็นด้วย สินชัยยิ้มพอใจ หันไปสั่งนายไชยสมุนคนสนิทและเป็นพี่ชายของเกรียงที่ถูกอิทธิฆ่าตาย รีบไปจัดการเก็บอิทธิ ส่วนเขาจะหลบไปอยู่กรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้มาถึงตัว

ooooooo

นายไชยวางแผนให้วันที่อิทธิมาเป็นประธานแจกเหรียญเชิดชูเจ้าหน้าที่อาสาฯดีเด่นในวันครบรอบหนึ่งปีของการก่อตั้งค่ายอาสาฯเป็นวันตายของเขา และบังเอิญในวันนั้น อิทธิพาหนูพฤกษามาร่วมงานด้วย โดยไม่รู้ ว่านายไชยกับสมุนดักรอทำร้ายเขากับลูกระหว่างเส้นทางขากลับช่วงที่ต้องผ่านป่า

ลุงเดชกับเจ้าหน้าที่หน่วยอาสาฯเป็นห่วงในความปลอดภัยของอิทธิกับลูก จึงเสนอตัวขับรถตามมาส่ง รถของอิทธิกับคณะเข้าใกล้จุดที่นายไชยกับพวกซุ่มรออยู่ พลัน นางเสือดาวปรากฏตัวขึ้น ส่งเสียงคำรามเหมือนเป็นการเตือนภัย แต่ไม่มีใครเอะใจ พอรถของอิทธิกับคณะแล่นพ้นโค้ง เจอต้นไม้ใหญ่ล้มขวางทาง

ลุงเดชเห็นผิดสังเกตสั่งให้คนขับถอยรถ แต่ไม่ทัน พวกนายไชยลากท่อนซุงมาปิดทางหนี แล้วเปิดฉากยิงถล่มรถของอิทธิกับคณะ ลุงเดชและเจ้าหน้าที่อาสาฯต่างหลบกระสุนกันอลหม่าน อิทธิคว้าตัวลูกสาวพุ่งหลบหลังต้นไม้ แล้วชักปืนขึ้นยิงโต้ตอบ พวกอิทธิกำลังน้อยกว่าเริ่มเสียเปรียบ อิทธิเห็นท่าไม่ดี วานลุงเดชช่วยพาหนูพฤกษาหนี ส่วนเขาจะยิงสกัดพวกนั้นให้ ลุงเดชทำท่าจะไม่ยอมไป

อิทธิต้องสั่งเสียงเฉียบว่า "อย่าช้า...พวกมันต้องการผม ลุงพาหนูษาออกไป...เร็วเข้า" แล้วหันมาบอกหนูน้อยว่าพ่อต้องอยู่ปกป้องแผ่นดิน ให้ลูกไปกับลุงเดชก่อน หนูน้อยว่าง่ายกอดคอลุงเดชไว้แน่น ลุงเดชรับปากว่าจะส่งหนูพฤกษากลับไปหาแม่ของแกอย่างปลอดภัย

"หนูษาต้องอยู่ป่า ปกป้องป่าขจัดคนชั่ว ถ้ากลับบ้านตอนนี้ ชีวิตหนูษาจะจบสิ้น ป่าจะไม่มีเหลือ คนชั่วจะลอยนวล... จำไว้" อิทธิไม่สนใจคำทัดทานของลุงเดชที่ว่าหนูพฤกษายังเด็กเกินไปที่จะอยู่ในป่า ขอร้องให้ลุงเดชช่วยดูแลแกแทนเขาด้วย แล้วกำชับให้รีบหนี ลุงเดชอุ้มหนูน้อยบ่ายหน้าไปยังป่าลึก

เป็นจังหวะเดียวกับพวกของนายไชยบุกฝ่ากองกำลังเจ้าหน้าที่อาสาฯใกล้เข้ามา อิทธิล่อพวกนั้นไปอีกทางหนึ่งพร้อมกับเจ้าหน้าที่อาสาฯที่เหลือ เสียงปืนยิงต่อสู้กันดังสนั่นไปทั้งป่า สักพัก จึงสงบ

ร่างของเจ้าหน้าที่อาสาฯนอนตายเกลื่อน ส่วนร่างของอิทธิยืนพิงต้นไม้ตายตาไม่หลับ พวกสมุนหางแถวเห็นเข้า ถึงกับหยุดกึกไม่กล้าเข้าใกล้กลัววิญญาณเฮี้ยนของคนตายจะตามมาหลอกหลอน นายไชยไม่สนใจกวาดตามองหาไปรอบๆไม่เห็นลูกสาวของอิทธิ ตะโกนสั่งสมุนออกตามล่าทันที

ooooooo

ลุงเดชเดาออกว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับอิทธิ กระชับกอดหนูพฤกษาไว้แน่น เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก แต่พวกนายไชยไล่ล่าเข้ามาใกล้ทุกที ลุงเดชตัดสินใจพาหนูน้อยซ่อนหลังพุ่มไม้หนารอให้พวกมันผ่านไปก่อน สายตาของทั้งคู่จับจ้องที่นายไชยกับพวกเหมือนต้องการจะจดจำไว้ทุกรายละเอียด ลุงเดชกระซิบข้างหูหนูน้อย

"หนูษาอยู่ที่นี่ก่อน อย่าไปไหนเดี๋ยวลุงมา"

เด็กน้อยพยักหน้ารับคำ ลุงเดชค่อยๆย่องออกจากพุ่มไม้ หาจังหวะเข้าโจมตีด้านหลังพวกนายไชย ขณะย่องเข้าไปใกล้ๆ ลุงเดชทำพลาดเหยียบกิ่งไม้หักเสียงดัง พวกนั้นหันขวับมาทางเขาพร้อมกับเล็งปืนใส่

นายไชยขู่ว่า "ไอ้แก่...เอ็งไม่รอดแน่"

"ข้าจะเอาเอ็งไปด้วย" ลุงเดชจ้องปืนไปยังนายไชย ไม่สนใจสมุนคนอื่นๆ

แต่แล้วลุงเดชตกใจแทบช็อก เมื่อเหลือบเห็นหนูพฤกษายืนอยู่ด้านหลังเหล่าร้าย พวกนั้นเห็นท่าทางมีพิรุธของลุงเดช หันกลับไปมอง พากันแปลกใจที่เห็นหนูน้อยยืนอยู่ จังหวะที่ลุงเดชกับหนูพฤกษากำลังเพลี่ยงพล้ำ เสือดาวตัวเดิมโผล่เข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกนายไชย ลุงเดชได้โอกาสเหมาะสาดกระสุนใส่พวกคนร้ายไม่ยั้ง นายไชยโชคดีที่มีสมุนยืนบังจึงรอดคมกระสุนไปได้หวุดหวิด ลุงเดชยิงซ้ำอีกครั้ง

คราวนี้ กระสุนเฉี่ยวหัวไหล่นายไชยจนปืนหลุดมือ นายไชยเห็นจวนตัวรีบเผ่นหนี สมุนสองคนที่เหลือจะยิงลุงเดช แต่โดนเสือดาวกระโจนใส่เสียก่อน พวกนั้นตกใจสุดขีดร้องลั่น เสือดาวกลับเป็นแค่เงาดำพุ่งผ่านแล้วไปปรากฏตัวอีกทีบนคบไม้อีกด้านหนึ่ง พวกนั้นถึงกับตาเหลือกหนีลนลาน

พอลุงเดชตั้งสติได้ ปรี่ไปหาหนูพฤกษาซึ่งกำลังยืนมองเสือดาว คว้าร่างแกมากอดไว้ เขามองเสือดาวอึดใจก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณและให้ความเคารพ แล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปในพงป่า ลุงเดชหนีระหกระเหินลึกเข้าไปในป่าดงดิบโดยมีหนูพฤกษานอนหลับพาดอยู่บนไหล่ เจอเข้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีแสงเป็นหัวหน้า

ทีแรกลุงเดชจำแสงไม่ได้ แต่พอเห็นหน้าชัดๆก็จำได้ ทักว่าหายไปจากบ้านดอนเสือนานจนเขานึกว่าแสงตายไปแล้ว แสงถามว่าทำไมลุงเดชกับเด็กน้อยถึงบุกป่าเข้ามาถึงที่นี่ได้ ลุงเดชถอนใจ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังระหว่างเดินทางต่อไปยังบ้านของแสงซึ่งตั้งอยู่ในค่ายโจรกลางป่าดงดิบ

ไม่นานนัก ลุงเดชก็มาถึงบ้านพักของแสง ค่อยๆวางหนูพฤกษาลงบนแคร่ ด.ญ.จักจั่น กับด.ช.ไผ่ลูกๆของแสงซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับหนูพฤกษานั่งมองอยู่ไม่ห่าง สมพรเมียของแสงเอาผ้าชุบน้ำค่อยๆเช็ดหน้าเช็ดตาให้หนูพฤกษา แสงบอกลุงเดชอย่างเจ็บแค้นใจว่า ที่ตนเองกับพวกต้องมาปล้นเขากินก็เพราะถูกพวกไอ้สินชัยคนนี้บีบคั้นเช่นกัน พอแสงรู้จากลุงเดชว่าอิทธิต้องการให้ลูกสาวตัวเองเติบโตในป่าแห่งนี้ จะได้ปกป้องป่าต่อจากพ่อ

เขาเลยชวนลุงเดชกับหนูพฤกษาอยู่กับเขาที่นี่ รับรองว่าไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาแน่ๆ ลุงเดชมีข้อแม้ว่าถ้าจะให้เขากับ

หนูพฤกษาอยู่ที่นี่ แสงกับพวกต้องเลิกปล้น แต่ถ้าเลิกไม่ได้ก็ต้องปล้นเฉพาะพวกคนเลวๆอย่างสินชัย แสงเห็นด้วย แต่ลุงเดชต้องรับปากว่าจะเป็นผู้นำพวกตน ลุงเดชรับข้อตกลงทันที และเขาต้องการให้แสงรวบรวมยอดฝีมือในการต่อสู้ทุกรูปแบบ รวมทั้งหาพรานฝีมือดีมาด้วย

"ข้าต้องการให้หนูษา รวมทั้งลูกเอ็งมีฝีมือที่จะจัดการกับพวกชั่วได้...สมพร เธอเคยเป็นครู ช่วยสอนเด็กสามคนนี้ ให้รู้ทุกอย่าง ให้โตขึ้นเป็นผู้ดี เป็นคนดีรู้จักคิดรู้จักทำ แต่ฉันไม่อยากให้เด็กสามคนนี้โตในป่าเท่านั้น"

"ฉันมีญาติอยู่ในตัวจังหวัดชื่อโสภา มีกิจการค้าขายพอจะไปพักพิงได้"

"ดี...ทุกๆสามเดือน ต้องหาทางพาเด็กพวกนี้ไปอยู่กับญาติของเธอ อย่างน้อยหนึ่งเดือน มันจะได้หูตากว้าง ฉลาด รู้ทันคน... และต่อไปนี้จะไม่มีชื่อหนูพฤกษา จะมีแต่ชื่อหนูดาวเท่านั้น"

สมพรและแสงเห็นด้วยกับแผนการทุกอย่างของลุงเดช ตีเกราะเรียกทุกคนในค่ายมารวมตัวกันที่ลานกว้าง ครู่ต่อมา แสงกับสมพรพร้อมด้วยลูกชายหญิงทั้งสองคนรวมทั้งลุงเดชกับหนูพฤกษามายืนอยู่กลางลาน

ลุงเดชประกาศก้องว่า "บอกพี่น้องของเอ็งไอ้แสง...ต่อไปนี้เราจะปล้นธุรกิจทุกอย่างของนายสินชัย แต่ไม่ใช่เพราะเราต้องการความร่ำรวย แต่เราจะปล้นสิ่งที่พวกมันปล้นเอาไปจากชาติ จากชาวบ้าน เอาไปแจกจ่ายคืนให้กับคนจนและอยู่อย่างพอเพียงเท่านั้น"

แสงตะโกนถามทุกคนในที่นี่ว่าได้ยินที่ลุงเดชพูดไหม ทุกคนต่างส่งเสียงเฮรับดังลั่นไปทั้งป่า

ooooooo

15 ปีผ่านไป หนูพฤกษาซึ่งมีชื่อใหม่ว่า "ดาว" โตเป็นสาวสวยมีฝีมือในการต่อสู้ทุกรูปแบบ เคลื่อนไหวในป่าได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว จักจั่นกับไผ่ก็ถูกฝึกมาอย่างดีเช่นกัน แต่ฝีมือดูจะด้อยกว่าดาวเล็กน้อย ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังฝึกฝีมืออยู่ในป่า มีเสียงคำรามของเสือดังขึ้น

ทุกคนหยุดกึก หันไปยังทิศทางของเสียง เห็นเสือดาวตัวหนึ่งยืนผงาดอยู่บนกิ่งไม้ จักจั่นทักว่าเสือดาวตัวเดิมมาหาพี่ดาวอีกแล้ว ดาวเดินเข้าไปใกล้ พลางโบกมือให้เสือดาวเหมือนที่เคยทำ

"ไม่น่าจะใช่นะ ตัวเดิมป่านนี้แก่ตายไปแล้ว"

"ชูว์...ห้ามพูดพี่ไผ่ เสือตัวนี้เป็นเสือของเจ้าป่า ไม่มีวันแก่ ไม่มีวันตาย พูดมากเดี๋ยวเจอดี"

ไผ่รีบหุบปากเงียบ ดาวมั่นใจว่าเป็นเสือดาวตัวเดิมแน่ๆ โบกมือให้มันอีกครั้ง เสือดาวคำรามราวกับขานรับแล้วผละจากไป จักจั่นสงสัยว่าทำไมเสือตัวนี้ถึงคอยออกมาเผยตัวให้พี่ดาวเห็นอยู่ตลอดตั้งแต่เล็กจนโต

"พี่ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่ดีใจที่เห็นนะ...เหมือนเขามาคอยดูแล" ดาวรู้สึกผูกพันกับเสือดาวตัวนี้...

ในเวลาเดียวกัน ที่กรุงเทพฯหน้าโกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ฤทธิชัยนายร้อยตำรวจเอกประจำกองปราบฯ ได้รับรายงานจากสายว่าจะมีการส่งมอบยาเสพติดลอตใหญ่กันที่นี่ จึงยกกำลังตำรวจเข้าจู่โจม คนร้ายยิงต่อสู้กับตำรวจหูดับตับไหม้ แต่สู้ไม่ได้ โยนปืนทิ้ง ยกมือยอมแพ้

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ แล้วรีบมารายงานฤทธิชัยว่าพบกระเป๋าเงินสองใบ มีเงินรวมกันประมาณ 20 ล้านบาท พร้อมกับเฮโรอีนอีกหลายสิบกิโลกรัม ผู้กองหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ...

เหตุการณ์บุกจับเฮโรอีนครั้งนี้ สร้างความไม่พอใจให้ กับสินชัยอย่างมาก เขาต้องสูญเงินเกือบร้อยล้านบาทไปในพริบตา สินชัยแค้นใจมาก สั่งให้สมุนจัดการกำจัดฤทธิชัยให้เร็วที่สุด

ooooooo

ลุงเดชซึ่งขณะนี้มีผมขาวขึ้นประปราย เดินเตร่ อยู่ที่ลานกว้างกลางค่ายสักพัก ก่อนจะหันไปบ่นกับแสงว่าดาว จักจั่นกับไผ่หายไปไหน สายป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มา จังหวะนั้นดาวตีลังกาม้วนตัวเข้ามายืนตรงหน้าผู้อาวุโสทั้งสองคน แสงไม่เห็นจักจั่นกับไผ่เลยถามหา ดาวยังไม่ทันตอบจักจั่นกับไผ่มาถึงพอดี

"เอ็งสองคนตามหนูดาวไม่ทันอีกแล้ว อย่างนี้จะเป็นบอดี้การ์ดหนูดาวได้อย่างไร" แสงตำหนิลูกๆ

จักจั่นเข้ามากอดเอวดาวทางด้านหลัง ออดอ้อนดาวว่าช่วยลดความเร็วลงหน่อย หัดรอบอดี้การ์ดบ้าง เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ไผ่พยักพเยิดเห็นด้วยกับน้องสาว ดาวยิ้ม แล้วหันไปเร่งลุงเดชรีบพาพวกตนไปช็อปปิ้งเร็วๆ เธอคันมือเต็มทีแล้ว ลุงเดชปรามทั้งสามคนว่าตอนอยู่ในตัวเมืองห้ามโชว์ฝีมือให้ใครเห็นเด็ดขาด

พวกเราต้องไม่ทำตัวให้เป็นจุดสนใจของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือของพวกคนร้าย เด็กทั้งสามคนรับคำ จักจั่นกับไผ่เฮลั่นเมื่อรู้ว่าพ่อกับแม่ของพวกตนไม่เข้าเมืองด้วย ลุงเดชกับพวกเด็กๆเดินเท้าออกจากค่ายมาถึงหน้าผา มีหน่วยระวังภัยมารอต้อนรับพาขึ้นกระเช้า ซึ่งสร้างไว้เพื่อชักรอกข้ามไปยังเขาอีกฟากหนึ่ง

พอทั้งสี่คนถึงฝั่งตรงข้าม จะพบหน่วยระวังภัยอีกหน่วยหนึ่งรออยู่ ลุงเดชกับเด็กๆต้องเดินเท้าต่ออีกพักหนึ่ง ถึงจะเจอรถกระบะที่จัดเตรียมไว้สำหรับขับเข้าตัวเมือง...ไม่นานนัก ลุงเดชกับพวกก็มาถึงบ้านของโสภา ญาติของสมพร โสภาส่งมือถือให้ทุกคน คนละหนึ่งเครื่องไว้ใช้ติดต่อกันระหว่างอยู่ที่นี่

"นี่ไอพอดของดาว น้าให้เด็กที่ร้านโหลดเพลงใหม่ๆ ให้แล้ว....แล้วนี่ของจักจั่นกับไผ่"

เด็กทั้งสามคนรับไอพอดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม โสภาบอกลุงเดชว่าของที่เขาสั่ง เธอจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้วอยู่หลังบ้าน ลุงเดชขอบใจพลางยื่นซองใส่เงินปึกใหญ่ให้ แล้วทั้งสี่คนบ่ายหน้าไปยังตลาด...

ครู่ต่อมา ลุงเดชขับรถกระบะมาจอดใกล้ๆตลาด ปล่อยให้เด็กๆไปช็อปปิ้งกันตามสบาย นัดกันว่าอีกสามชั่วโมงให้ ทุกคนกลับมาเจอกันที่รถ ดาวอยากค้างที่นี่สักคืนจะได้มีเวลาดูหนังสักเรื่องสองเรื่องเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ จักจั่นกับไผ่ยกมือสนับสนุนกันใหญ่ ลุงเดชขอคิดดูก่อน

"...อย่าลืม...ทุกคนต้องซื้อหนังสือคนละสามเล่ม"

แม้เด็กทั้งสามคนจะรู้ว่าลุงเดชหวังดีอยากให้ทุกคนรอบรู้ แต่ก็อดบ่นไม่ได้...

ดาว จักจั่น และไผ่แวะหาข้าวกลางวันกินที่ร้านอาหารแถวตลาด เสร็จแล้วจึงแวะไปช็อปปิ้งต่อ ถึงเวลาสามชั่วโมงตามนัด ทุกคนมาเจอกันที่รถกระบะ ลุงเดชขนสัมภาระจากบ้านโสภาใส่ท้ายรถ คลุมด้วยผ้าใบเรียบร้อย จากนั้นทั้งหมดมุ่งหน้ากลับค่าย

ooooooo

ขณะลุงเดชขับรถบุกเข้าไปในป่า สังเกตเห็นมีรอยยางรถใหม่ๆหายเข้าไปดงป่าทึบ เขาชะลอรถดู แล้วสรุปว่าต้องเป็นพวกลักลอบตัดไม้ ดาวอยากลุยกับพวกคนชั่วมานาน ขยับจะลงจากรถ ลุงเดชร้องห้ามไม่ให้ใครไปไหนทั้งนั้น พวกเราต้องไปจากที่นี่

"น่าลุงเดช ลุงบอกว่าฝีมือพวกเราพร้อมแล้ว" ไผ่คะยั้นคะยอ

"ใช่พร้อม...แต่ต้องอยู่แนวหลังและมีพวกเราอยู่ด้วย ไม่ใช่ตอนนี้เด็ดขาด" ลุงเดชว่าแล้วค่อยๆขับรถไปอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว ชายฉกรรจ์ 5 คน พร้อมอาวุธครบมือกรูกันเข้าล้อมรถ พวกนั้นเห็นหน้าตาสะสวยของดาวกับจักจั่นคิดจะทำมิดีมิร้าย สั่งให้ทุกคนลงจากรถ

เอาปืนจี้บังคับแยกผู้ชายไปทาง ผู้หญิงไปอีกทางหนึ่ง ดาวกับจักจั่นหาจังหวะเหมาะเล่นงานคนร้ายที่คุมตัวพวกเธอสลบเหมือด จักจั่นแยกตัวไปช่วยลุงเดชกับไผ่ ขณะที่ดาวแยกไปจัดการพวกคนร้ายที่เหลือ หลังจากจักจั่นช่วยลุงเดชกับไผ่ได้แล้ว เธอกับไผ่รีบตามไปช่วยดาว ส่วนลุงเดชยึดปืนพวกนั้นไว้แล้วกลับไปเอารถ

ทางฝ่ายดาวตามรอยรถของพวกคนร้ายไปจนถึงกลางป่า เห็นรถบรรทุกหนึ่งคันกับรถกระบะลุยป่าอีกสองคันจอดอยู่ มีพวกเหล่าร้ายนับสิบคนกำลังส่งมอบสินค้าและเงินกันอยู่

"ที่แท้มันมาซื้อขายสินค้าเถื่อนกันที่นี่"

ทันใดนั้น เสือดาวก็ปรากฏตัวขึ้น คำรามเสียงดังดึงความสนใจของพวกคนร้าย ดาวได้ทีพุ่งออกจากที่ซ่อน สาดกระสุนใส่พวกนั้นเป็นชุด พวกมันไม่ทันตั้งตัววงแตกทันที คนร้ายคนหนึ่งยิงปืนโต้ตอบ ดาวโดดหลบหลังต้นไม้แล้วยิงสวน ถูกอกเขาเต็มๆถึงกับทรุดฮวบ

ระหว่างนั้น จักจั่นกับไผ่ตามมาสมทบจากอีกด้านหนึ่ง ระดมยิงใส่พวกคนร้ายอุตลุด พวกนั้นเริ่มระส่ำไม่รู้จะหลบไปทางไหน หนึ่งในพวกนั้นตัดสินใจโดดขึ้นรถกระบะสตาร์ตเครื่อง พวกที่เหลือได้ยินเสียงเครื่องยนต์ รีบโดดขึ้นรถหนีตายกันจ้าละหวั่น รถกระบะแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งรถบรรทุกของเถื่อนไว้ตรงนั้น

ooooooo

ฤทธิชัยมาขอพบท่านรองฯก้องเกียรติที่กองปราบฯแต่เช้า เพื่อสอบถามว่าข่าวของสินชัยที่สายของท่านแจ้งมาเชื่อถือได้แค่ไหน ท่านรองฯยืนยันว่าเชื่อถือได้เพียงแต่ทางเรายังไม่มีหลักฐาน ฤทธิชัยขอให้ปล่อยเรื่องนี้เป็นหน้าที่เขาเอง ท่านรองฯยิ้มอย่างรู้ทัน บอกว่าถ้าผู้กองจะออกนอกลู่นอกทางเขาไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย

"ผมรับผิดชอบไม่ได้...ผู้กองก็รู้...ถ้าจะทำอะไรนอกกรอบก็อย่าทิ้งร่องรอย ต้องเนียนที่สุด"

"ครับผม...มีอะไรอีกไหมครับ"

"มีทนายเก่งๆสักคน" ท่านรองฯพูดติดตลก

ฤทธิชัยยิ้ม ทำความเคารพแล้วออกจากห้อง ระหว่างเดินกลับมายังรถของตัวเอง ฤทธิชัยนึกถึงอภิชาติเพื่อนซี้ ซึ่งมีอาชีพทนายความขึ้นมาได้ คว้ามือถือโทร.นัดให้เขามาพบ อ้างว่ามีเรื่องจะปรึกษา อภิชาติขอคิดเงินค่าปรึกษาทันที ผู้กองหนุ่มโวยลั่นว่าไหนเคยบอกว่าปรึกษาฟรี

"เฉพาะคนจนที่ไม่มีทางสู้เว้ย....นายมันรวยอยู่แล้ว ต้องคิดหนักๆหน่อย"

"ได้เลย...คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าว"

"นั่น...มันต้องอย่างนั้น เพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของเพื่อน ฉันจะพาสาวไปเผื่อนายด้วย"

ฤทธิชัยอ้าปากจะปฏิเสธความหวังดีของเพื่อน แต่ไม่ทัน อภิชาติรีบวางสายไปก่อน...

ขณะเดียวกันระหว่างที่ดาว จักจั่นกับไผ่กำลังฝึกฝีมืออยู่กลางป่าทึบ เสือดาวตัวเดิมปรากฏตัวขึ้น คราวนี้มันยืนมองดาวนิ่ง ก่อนจะค่อยๆเดินหายไปในพุ่มไม้หนาทึบ ดาวจ้องมองอย่างแปลกใจว่าทำไมวันนี้ถึงมาแบบเงียบๆชักเอะใจ ปราดเข้าไปตรงที่เสือดาวยืนเมื่อกี้ จักจั่นกับไผ่พุ่งตามไปติดๆ

ทั้งสามคนต้องประหลาดใจเมื่อเจอลูกเสือดาวตัวเล็กน่ารักยืนอยู่ ดาวรีบอุ้มลูกเสือขึ้นมากอด จักจั่นแนะให้ดาวเอาเสือน้อยตัวนี้กลับไปเลี้ยง ไผ่คัดค้านว่าไม่ควรทำ

"ปล่อยไว้นี่อาจจะถูกงูหรือพวกหมาป่ากัดตายก็ได้ ดาวว่าเราเอากลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่"

ดาวว่าแล้วตรงกลับค่ายทันที จักจั่นกับไผ่รีบวิ่งตาม ครู่ต่อมา ดาวนำลูกเสือมาให้ลุงเดชกับแสงดู แสงลงความเห็นหลังจากฟังเด็กๆเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า นางเสือดาวคงอยากให้ลูกของมันมาอยู่ใกล้ๆเพื่อคอยดูแลดาว ลุงเดชคิดคล้อยตาม ดาวได้ทีขออนุญาตลุงเดชเลี้ยงเจ้าตัวเล็ก จักจั่นอาสาช่วยเลี้ยงอีกแรง ลุงเดชทนสองสาวรบเร้าไม่ไหวยอมให้เลี้ยง จักจั่นขอให้ทุกคนช่วยกันตั้งชื่อลูกเสือ ดาวนิ่งคิดอยู่อึดใจ

"สายฟ้า...ชื่อสายฟ้า...จะได้วิ่งเร็วเหมือนสายฟ้าแล้วก็ผ่าไอ้พวกคนชั่ว"

ทุกคนหัวเราะชอบใจ พอใจกับชื่อที่ดาวตั้งให้เจ้าเสือน้อย...

หลังจากลุงเดชเห็นผลงานและฝีไม้ลายมือของดาว จักจั่นและไผ่ที่จัดการพวกลักลอบขนสินค้าเถื่อนได้อย่างราบคาบ ค่ำวันเดียวกัน เขาแวะมาหาดาวที่บ้านพัก บอกกับเธอว่า เขาและแสงตัดสินใจแล้วว่าจะให้เธอเริ่มนำกำลังออกปฏิบัติการ แต่จะยังคงมีพวกลุงๆอาๆรวมกลุ่มไปด้วยสักระยะหนึ่งก่อน

หลังจากนั้น ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี ดาวก็จะได้เป็นผู้นำทุกคนแบบเต็มตัว พวกลุงๆอย่างเขาจะได้นอนตีพุงพักผ่อนบ้าง ดาวส่งเสียงไชโยด้วยความดีใจ อุ้มเจ้าสายฟ้ารีบไปบอกข่าวดีนี้กับจักจั่นและไผ่

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน ฤทธิชัยนัดเจออภิชาติที่ผับหรูแห่งหนึ่งแถวย่านบันเทิงของกรุงเทพฯ ผู้กองหนุ่มมานั่งรอเพื่อนรักก่อนเวลานัดเล็กน้อยเพื่อดูลู่ทาง เขาสังเกตเห็นทางเข้าด้านในผับมีการ์ดคุมเข้มผิดปกติ ขณะฤทธิชัยกำลังมองสำรวจอยู่นั้น อภิชาติเดินเข้ามาหาพร้อมกับสาวสวยสองคน

"ไงเพื่อน...ฉันบอกแล้ว อภิชาติคำไหนคำนั้น อภิชาติ พูดแล้วต้องใช่...นี่คุณเชอร์รี่และนี่คุณโรส...และนี่ผู้กองฤทธิชัยเพื่อนผม...ชายคนนี้ทั้งโสดทั้งเก่ง ผู้ร้ายเห็นต้องหลบ" อภิชาติคุยอวดสรรพคุณเพื่อน

สองสาวอมยิ้ม ยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย ก่อนจะขอไปห้องน้ำเพื่อเสริมสวย พอสาวสวยทั้งสองคล้อยหลัง ฤทธิชัยต่อว่าเพื่อนรักว่าเขาตั้งใจชวนอภิชาติมาเพื่อช่วยงาน แต่เพื่อนดันพาสาวมาด้วย

"อ๋อ...ที่แท้นายอ้างเรื่องเลี้ยงข้าวฉันมาทำงานของนายนี่เอง"

"นายโตมากับฉัน นายยังไม่รู้สไตล์ฉันเหรอวะ"

"เออๆเอาเป็นว่าเป็นความผิดฉันก็ได้ แล้วนายมาทำอะไร...อ๋อ นึกออกแล้ว นายมาเรื่องนายสินชัยหุ้นส่วนของร้านนี้...เอาน่า...กินข้าวให้สบายใจก่อน มีอะไรฉันช่วยนายอยู่แล้ว"

ฤทธิชัยจำใจยอมตามเพื่อนว่า...หลังจากกินอาหารค่ำกันอย่างเอร็ดอร่อย อภิชาติกับฤทธิชัยนั่งคุยกับโรสและเชอร์รี่อย่างออกรส แต่สายตาของผู้กองหนุ่มกลับคอยจับจ้องไปที่ทางเข้าห้องคาราโอเกะด้านใน

ผ่านไปไม่นาน กลุ่มของสินชัยเข้ามาในผับพร้อมกับกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ โดยมีบอดี้การ์ดสองคนคุมหลัง ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในผับ ฤทธิชัยรอสักพัก ก็เห็นชายอีกสามคนถือกระเป๋าเอกสารแบบเดียวกันกับของสินชัย เดินไปทางด้านในเช่นกัน เขารีบขอตัวลุกจากวงสนทนาแล้วเดินตาม เห็นพวกนั้นเดินผ่านการ์ดสองคนเข้าไปในห้องคาราโอเกะส่วนตัว ฤทธิชัยทำไม่รู้ไม่ชี้จะเดินตาม หนึ่งในการ์ดกันไว้ไม่ให้เข้า

ส่วนอีกคนหนึ่งเลื่อนมือไปแตะด้ามปืนที่เหน็บเอวตัวเอง ฤทธิชัยทำทีว่าหาห้องน้ำไม่เจอ การ์ดบอกว่าห้องน้ำอยู่โน่น ชี้มือไปอีกด้านหนึ่งประกอบคำพูด ฤทธิชัยพยักหน้ารับรู้ เดินกลับออกมาทางเดิม เจออภิชาติพอดี อภิชาติเห็นสีหน้าเพื่อนแล้วรู้ทันทีว่าเจอทางตันมา

"พวกมันระวังตัวมากไม่ยอมให้เข้าใกล้ ถ้าฉันลุยเข้าไป พวกมันข้างในต้องรู้ตัวแน่"

"เอาอย่างนี้...นายเฉยไว้เดี๋ยวฉันช่วยจัดการไอ้สองตัวนี่เอง"

ฤทธิชัยทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ แต่แผนของอภิชาติได้ผล เขาให้เชอร์รี่กับโรสช่วยเบี่ยงเบนความสนใจการ์ดหน้าห้อง ฤทธิชัยจึงตรงเข้าเล่นงานการ์ดทั้งสองคนได้โดยไม่มีเสียงเอะอะโครมคราม ทำให้พวกในห้องคาราโอเกะไหวตัวทัน สองสาวช่วยงานอภิชาติเสร็จรีบหลบออกไปทันที ฤทธิชัยลากร่างการ์ดทั้งคู่ไปซ่อนแล้วค่อยๆเปิดประตูห้องเข้าไป อภิชาติคว้าปืนจากเอวการ์ดติดมือมาด้วย แล้วเดินตามเพื่อน

ฤทธิชัยปราดเอาปืนจ่อสินชัยไว้ สั่งให้ทุกคนอยู่นิ่งๆเหลือบมองไปที่โต๊ะกลางห้อง เห็นกระเป๋าเอกสารสองใบวางอยู่ ใบหนึ่งเปิดอ้าเผยให้เห็นเงินหลายปึกส่วนอีกใบหนึ่งปิด เขาเอื้อมไปเปิดกระเป๋าเอกสารใบนั้นเห็นยาเสพติดอยู่เต็มกระเป๋า

"โห...มีปาร์ตี้ยาด้วยหรือนี่"

"ผู้กองนี่มันเป็นห้องส่วนตัว คุณบุกรุกโดยพลการไม่มี หมายค้น ทุกอย่างที่คุณพบที่นี่ไม่สามารถยึดเอาไปใช้ในชั้นศาลได้และผมมีสิทธิ์ที่จะฟ้องคุณ" สินชัยหัวหมอขึ้นมาทันที

"เดี๋ยวก่อน...เราไม่ได้บุกมาโดยพลการ เราพบสิ่งผิดกฎหมาย...เจ้าหน้าที่มีสิทธิติดตามสืบสวนหาต้นตอที่อาจจะนำไปสู่อันตรายโดยไม่ต้องรอหมายค้น ผมรู้ดีเพราะผมเป็นทนาย" อภิชาติว่าแล้วโยนปืนสองกระบอกของการ์ดเฝ้าหน้าห้องลงไปที่กระเป๋าเอกสารใส่ยาเสพติด

"ผมรู้กิตติศัพท์คุณดี คุณอภิชาติ แต่คราวนี้คุณเจอตอแน่"

อภิชาติยิ้มกวนไม่สนใจคำขู่ของสินชัย ฤทธิชัยก็เช่นกัน เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเขาต้องยึดหลักฐานพวกนี้ไว้ ถ้าสินชัยอยากจะฟ้องร้องใครก็เชิญตามสบาย แล้วพยักพเยิดให้อภิชาติ ยกกระเป๋าทั้งสองใบออกไป ฤทธิชัยค่อยๆถอยตาม บอดี้การ์ดขยับจะตาม แต่สินชัยยกมือห้าม บอกด้วยสีหน้าเครียดๆว่าไม่ต้อง เขาสามารถเอาของคืนได้อยู่ดี แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหาผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่งทันที

ด้านสองเพื่อนซี้ตรงไปขึ้นรถของฤทธิชัยแล้วรีบทะยานออกจากผับ อภิชาติต่อว่าเพื่อนว่าอยู่ดีไม่ว่าดี บุกเข้าไปไม่มี หมายค้น หลักฐานที่ยึดมาได้ก็ไม่มีความหมาย ฤทธิชัยรู้เรื่องนี้ดี แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็แค่อยากกวนประสาทสินชัย ให้รู้ว่าเขาคอยจ้องเล่นงานอยู่ และเขาก็ไม่สนด้วยว่าสินชัยจะมีคนใหญ่ๆโตๆหนุนหลัง
"เฮ่อ...เบื่อพวกพระเอกจริงๆ ขืนนายทำแบบนี้บ่อยๆคงถูกเก็บซะก่อนที่จะเจอนางเอก" อภิชาติกระเซ้า

ooooooo

ลุงเดชยังมีข้อแม้อีกนิดหน่อยว่า ถ้าดาว จักจั่นและไผ่จะออกลุยกับเหล่าร้าย ต้องใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าที่จริง ไผ่กับจักจั่นระดมความคิดกันใหญ่ว่ากลุ่มของพวกเราจะใช้ชื่ออะไรดี พลันมีเสียงคำรามของเสือดังขึ้น จักจั่นคิดออกทันที ในเมื่อเสือดาวตัวนี้ผูกพันกับพี่ดาวมาก ถึงขนาดให้สายฟ้าลูกของมันมาอยู่ด้วย

เราควรใช้ชื่อ "นางเสือ" ส่วนไผ่ให้ใช้ชื่อ "ผู้พิทักษ์ นางเสือ" ทุกคนตกลงตามจักจั่นว่า จากนั้น เด็กทั้งสามคนเตรียมชุดไว้พร้อมออกลุย ชุดของดาวกับจักจั่นเป็นชุดดำรัดรูป มีผ้าลายเสือดาวโพกหัวลงมาถึงดั้งจมูก ตรงลูกตาสองข้าง

เจาะรูไว้ ชุดของไผ่สีดำเช่นกัน ยกเว้นผ้าโพกเป็นสีดำล้วน ทั้งสามคนกลับต้องผิดหวัง พอมีเหตุคนร้ายเข้ามาลักลอบตัดไม้ แทนที่ลุงเดชจะให้พวกดาวออกปฏิบัติการ กลับบอกให้รอไปก่อน

"เมื่อไหร่ที่เจ้าสายฟ้าออกป่าได้...เมื่อนั้น พวกดาวลุยได้เลย"

จักจั่นถึงกับร้องโอดโอย ดาวยอมรับข้อตกลง ตั้งใจจะขุนสายฟ้าให้โตเร็วที่สุด

ooooooo

สามเดือนผ่านไป สายฟ้าโตเร็วอย่างเหลือเชื่อสามารถออกป่าได้ ดาว จักจั่น และไผ่ถือโอกาสที่ลุงเดชไม่อยู่ พากันออกไปลุยพวกค้ายาเสพติดที่นัดแนะส่งมอบยาบ้ากันในป่าแถวเขตบ้านนาเพลิน ฝ่ายค้ายามีนายเสงเป็นหัวหน้า หลังจากส่งมอบยาและรับเงินเรียบร้อย ต่างก็ขึ้นรถตู้ของตัวเองแยกย้ายกันไปคนละทาง

ดาวกับจักจั่นในคราบนางเสือแยกไปจัดการคนร้ายฝ่ายนายเสงซึ่งถือเงิน ไผ่ในชุดผู้พิทักษ์นางเสือตามไปจัดการพวกรถขนยาเสพติด นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ ไผ่ก็จัดการเหล่าร้ายบนรถขนยาได้อย่างราบคาบ...

รถของนายเสงแล่นมาได้สักพัก เห็นเสือดาวกับหญิงในชุดดำมีผ้าโพกเป็นหน้ากากลายเสือดาวยืนขวางทางอยู่ นายเสงนึกสนุกอยากจะเห็นหน้าหญิงหุ่นดีในชุดดำคนนั้น สั่งให้จอดรถ แล้วปราดเข้าหาหมายจะถอดหน้ากาก ดาวในคราบนางเสือปัดมือนายเสงแล้วถีบเข้าเต็มท้อง เซถลาหงายหลังใส่พวกเดียวกัน

นายเสงตะโกนลั่นด้วยความโกรธ "ฆ่ามันสิวะ"

พวกสมุนสาดกระสุนใส่ดาวทันที เธอพุ่งหลบด้วยความว่องไวหายเข้าไปในพงป่า นายเสงยิ้มสะใจ คิดว่าฆ่าเธอได้แล้ว แต่จู่ๆจักจั่นใส่ชุดเหมือนดาวไม่มีผิดเพี้ยน โผล่มาจากอีกด้านหนึ่งพร้อมกับส่งเสียงเรียก พวกนั้นหันไปเห็นถึงกับอึ้ง เพราะเมื่อกี้เธอยังอยู่ด้านโน้นอยู่เลย นายเสงสั่งให้ยิง สมุนได้สติยิงกราด

จักจั่นดีดตัวกลับเข้าไปในดงไม้รกทึบ สมุนคนหนึ่งเดินเข้าไปดูผลงานกลับพบแต่ความว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เลือดสักหยด เขาเริ่มขวัญหนี ตะโกนลั่นว่า "นางเสือสมิง" โยนปืนทิ้งวิ่งหนี นายเสงกับสมุนที่เหลือหน้าตื่นกลัว ดาวอาศัยจังหวะนั้น ประเคนทั้งเข่าทั้งหมัดอัดพวกนั้นสลบเหมือด

ooooooo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น